หลินเยวียนไม่แปลกใจเลยที่เพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ขึ้นไปได้ถึงจุดสูงสุด เพลงนี้ควรค่ากับผลลัพธ์ระดับนี้
กล่าวให้ชัดเจนก็คือ ทำนองวารีควรค่ากับผลลัพธ์ระดับนี้
ความรู้สึกที่ผู้ฟังในแดนมังกรมีต่อเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์นั้นธรรมดา นั่นเพราะทุกคนล้วนคุ้นเคยกับเนื้อเพลงดี คุ้นเคยถึงขั้นที่สามารถอ้าปากร้องได้ทันที เพราะฉะนั้นจึงเกิดการจินตนาการล่วงหน้าจากความหมายของเนื้อเพลงว่าทำนองเพลงควรเป็นอย่างไร…
อคติทางความคิดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
คล้ายกับมีม่านบังตา หลายคนมองข้ามประเด็นสำคัญที่ชาวบลูสตาร์ได้เห็นทำนองวารีเป็นครั้งแรก กลอนสือโบราณมาปรากฏตรงหน้า ผู้ที่มีความรู้ด้านวรรณกรรมในระดับดีย่อมสัมผัสได้ถึงความโดดเด่นของกวีนิพนธ์บทนี้
อย่างไรก็ตาม หลินเยวียนเองก็เข้าใจว่าที่ตนได้เป็นผู้ชนะในครั้งนี้ได้ เป็นเพราะเนื้อเพลงสร้างปาฏิหาริย์จริงๆ
เพียงแต่ปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ คนอื่นทำไม่ได้ นับว่าเป็นเป็นข้อได้เปรียบเฉพาะตัว
แน่นอนว่าหลินเยวียนเองก็ฟังผลงานของเฟ่ยหยางและราชาราชินีเพลงคนอื่นๆ แล้ว
สำหรับหลินเยวียน การฟังเพลงเป็นกระบวนการที่เพลิดเพลิน โดยเฉพาะการได้ฟังบทเพลงที่ดี
ต้องกล่าวว่า พ่อเพลงลงมือเองเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
บทเพลงของพวกเขาเหล่านี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงขั้นที่บางส่วนเป็นผลงานคลาสสิกด้วยซ้ำไป สมกับมาตรฐานของมหาสงครามเทพเซียนแล้ว
ถ้าหากเปรียบเทียบเพียงเรื่องการขับร้องและทำนองเพลง หลินเยวียนคิดว่าตนคงคว้าอันดับหนึ่งไม่ได้อย่างแน่นอน
“กระบวนท่านี้จะใช้บ่อยไม่ได้”
หลินเยวียนคิดตาม
เนื่องจากผู้ฟังจากบลูสตาร์เพิ่งเคยเห็นเนื้อเพลงซึ่งแปลกใหม่เช่นนี้ จึงสร้างความตกตะลึงได้เป็นธรรมดา
แต่ถ้าทำเช่นนี้อีกสักครั้ง ความตกตะลึงก็อาจลดลง
อย่างน้อยแรงผลักดันยอดดาวน์โหลดของเพลงซึ่งมาจากเนื้อเพลงจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ทุกสรรพสิ่งมักน่าทึ่งในครั้งแรกเสมอ
ถ้าหากมีอีกสักครั้งหรืออีกหลายครั้ง ทุกคนอาจยังคงชื่นชอบเนื้อเพลง แต่ไม่จำเป็นต้องชื่นชอบทำนองเพลงตามไปด้วย นอกเสียจากว่าตัวเนื้อเพลงจะมีเสน่ห์เหนือชั้น
เสน่ห์ที่ว่านี้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์เป็นมาตรฐาน
และถ้าหากบทเพลงนี้เป็นมาตรฐาน อันที่จริงต่อให้เป็นทางระบบเองก็คงไม่มีผลงานสำรองที่หยิบมาใช้ได้มากมายเช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้นค่อยเป็นค่อยไปแต่มั่นคงก็แล้วกัน
ส่วนโบนัสซึ่งตามมาหลังจากที่บทเพลงนี้โด่งดังเป็นพลุแตกนั้น หลินเยวียนก็ได้รับมาไม่น้อย เจียงขุยในฐานะผู้ขับร้องบทเพลง ก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน
ในที่สุดเธอก็ได้เป็นนักร้องแถวหน้า!
การเติบโตในอาชีพก้าวหน้าไปอีกระดับ!
ไม่กี่วันหลังจากนั้น
นอกเหนือจากการพูดคุยเกี่ยวกับตัวบทเพลงแล้ว เสียงชื่นชมจากทักษะการร้องเพลงของเจียงขุยเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
ในวงการกล่าวว่าเธอ ‘ขึ้นประลองบนสังเวียนเดียวกับราชาราชินีเพลงได้โดยไม่ตกเป็นรอง’
สื่อกระแสหลักหลายแห่งยังประเมินอีกว่าเธอเป็น ‘นักร้องรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพของราชินีเพลง’
ถึงกับมีนิตยสารกล่าวว่าเจียงขุยคือ ‘เพชรในตมที่เซี่ยนอวี๋ขุดพบ’
เจียงขุยรับทั้งการสัมภาษณ์และงานอีเวนต์จนมือเป็นระวิง สิ่งที่ได้รับนั้นมากกว่าซุนเย่าหั่วหลังจากก้าวสู่การเป็นนักร้องแถวหน้าเสียอีก!
“ฉันคิดว่าคุณต้องใช้อีกสักสองเพลงถึงจะได้ขึ้นเป็นนักร้องแถวหน้า นึกไม่ถึงว่าแค่เพลงเดียวก็พอแล้ว!”
ผู้จัดการของเจียงขุยดีใจจนเนื้อเต้น
ทว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของผู้จัดการก็คือ เจียงขุยไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิด
“เป็นอะไรไป”
ผู้จักการชะงัก
เจียงขุยยิ้มขื่น “เพลงอย่างขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ฉันไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะได้เจออีกไหม…”
ผู้จัดการตกใจ เอ่ยพลางถอนหายใจ
“ผลงานแบบนี้ จะมีนักร้องสักกี่คนที่ได้เจอสักครั้งในชีวิต คุณยังอยากเจออีกสักครั้งเหรอ”
อันที่จริงผู้จัดการยังมีอีกประโยคหนึ่งที่ยังไม่ได้พูด
ต่อให้สำหรับเซี่ยนอวี๋เอง ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะหวนคืนสู่ความรุ่งโรจน์ของยุคขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ได้อีกครั้ง
นี่เป็นสิ่งที่หลายคนเก็บไว้ในใจ แต่ต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดออกมา
คงจะมากเกินไปถ้าขอให้เซี่ยนอวี๋ผลิตผลงานระดับนี้ออกมาอีก ศิลปะในกวีนิพนธ์ทำนองวารีได้แตะถึงระดับสูงสุดแล้ว
ใครมันจะยืนบนจุดสูงสุดได้ตลอดเวลา?
……
มหาสงครามเทพเซียนเป็นโอกาสสุดท้ายของช่วงสิ้นปี
หลินเยวียนส่งท้ายปีด้วยเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ เสร็จสิ้นภารกิจซึ่งได้รับมอบหมายจากบริษัทเมื่อช่วงต้นปีอย่างเป็นทางการ!
“เทพก็เป็นเทพวันยังค่ำ”
“เริ่มลงมือเดือนกันยายนยังตามทัน ปั้นนักร้องแถวหน้าทีเดียวสองคนรวด บริษัทเราไม่ได้เห็นฝีมือระดับนี้มานานแค่ไหนแล้ว!”
“ซุนเย่าหั่วกับเจียงขุยเดินไปอีกก้าว ก็ได้เป็นราชาราชินีเพลงแล้ว ถ้าเซี่ยนอวี๋ยังประสบความสำเร็จในการปั้นนักร้องไปเรื่อยๆ ก็ควรได้รับการแต่งตั้งในงานสังคีตสมโภชครั้งหน้าให้เป็นพ่อเพลงได้เลยไหม?”
“เป็นอย่างที่จริงๆ เซี่ยนอวี๋พลิกฟ้าดินได้ในมือเดียว!”
“ที่จริงฉันคิดว่าเซี่ยนอวี๋ควรได้เป็นพ่อเพลงแล้ว ถึงเขาจะยังไม่ผ่านเกณฑ์ที่เข้มงวดของสังคีตสมโภช แต่เมื่อพิจารณาถึงพลังในการผลิตผลงานกับคุณภาพของผลงาน นับว่าแตะถึงมาตรฐานของพ่อเพลงแล้ว!”
แต่ละชั้นของสตาร์ไลท์ต่างถกเถียงกัน
และการถกเถียงกันของแต่ละชั้น อันที่จริงก็เป็นข้อพิสูจน์ความจริงประการหนึ่ง
นั่นคือถึงแม้เซี่ยนอวี๋จะไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพ่อเพลงผ่านงานสังคีตสมโภช ทว่าความสามารถและสถานะของเขานั้นมีความเป็นพ่อเพลงอยู่จริงๆ!
เป็นไปไม่ได้ที่สตาร์ไลท์จะเมินเฉยข้อเท็จจริงนี้!
ไม่กี่วันให้หลัง
ข่าววงในของบริษัทเผยแพร่ออกไปว่า
บริษัทเตรียมยกระดับสัญญาของเซี่ยนอวี๋ให้เทียบเท่าพ่อเพลงอย่างเป็นทางการ หลังจากนี้ส่วนแบ่งจากยอดดาวน์โหลดจะเป็นเอกสิทธิ์ของเซี่ยนอวี๋แต่เพียงผู้เดียว…
ข่าวนี้เป็นเรื่องจริง
ระดับสัญญาของเซี่ยนอวี๋ ได้รับการยกระดับให้เป็นระดับเดียวกับมาตราฐานเดียวกับพ่อเพลงแล้ว
แม้ว่าจะเป็นมาตรฐานที่ต่ำที่สุดของพ่อเพลง แต่ก็ยังเป็นมาตรฐานของพ่อเพลงอย่างไร้ข้อกังขา
“บริษัทไม่ได้แสร้งทำเป็นว่านายไม่มีความสามารถระดับพ่อเพลง เพียงเพราะนายไม่ได้รับถ้วยรางวัลพ่อเพลงอย่างเป็นทางการจากงานสังคีตสมโภช”
นี่เป็นคำพูดของเหล่าโจว
รวมไปถึงเรื่องการยกระดับสัญญา เหล่าโจวก็จัดการเองทุกอย่าง
ยามที่เหล่าโจวส่งสัญญาฉบับใหม่ให้กับหลินเยวียน ใบหน้าของเขายิ้มกว้างจนแทบกลายเป็นดอกทานตะวันสดใส
“สองปีต่อจากนี้ นายควรคิดเรื่องคว้าถ้วยรางวัลพ่อเพลงจากงานสังคีตสมโภชได้แล้ว”
ขณะนั้น
เหล่าโจวอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงวันที่เขาพาเซี่ยนอวี๋มายังแผนกประพันธ์เพลง
วัยรุ่นในเวลานั้นยังคงเบาปัญญา หอบตำราเรียนหลายเล่มเข้ามาในแผนกประพันธ์เพลง พร้อมกับท่าทีนิ่งสงบ สร้างความตกตะลึงให้กับแผนกประพันธ์เพลงหลายต่อหลายครั้ง!
แต่ต่อให้เป็นตอนนั้น เหล่าโจวก็ไม่เคยคาดหวังว่าเด็กคนที่กดเครื่องคิดเลขคำนวณค่าคอมมิชชันในห้องประชุุมในวันนั้น จะแสดงความสามารถระดับพ่อเพลงออกมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปี!
“ครับ”
วิธีการพูดของหลินเยวียน ยังคงสั้นกระชับเช่นเดียวกับในช่วงเวลานั้น
แต่เหล่าโจวก็รู้ ว่าถึงแม้คำตอบของหลินเยวียนจะสั้น แต่บางทีอาจเป็นการสำแดงท่าทางของพ่อเพลงออกมากลายๆ ก็ได้
“นอกจากนี้…”
เหล่าโจวมองดูหลินเยวียนเซ็นสัญญาฉบับใหม่ พลางแจ้งข้อมูล “เรื่องชีวิตอัศจรรย์ของพายต้องใช้แรงและเวลามากสักหน่อยในการเตรียมการ นายอาจยังถ่ายทำไม่ได้ชั่วคราว”
“เริ่มถ่ายทำในปีนี้ไม่ได้เหรอครับ”
“อย่างน้อยครึ่งปีแรกก็ไม่ทัน”
หลินเยวียนพยักหน้า เห็นทีต้องหาภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งมาใช้ก่อน
“จริงสิ”
ขณะที่เหล่าโจวกำลังจะออกไป จู่ๆ ก็ชะงัก อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามคำถาม “ดูเหมือนนายจะไม่ชอบคนฉู่?”
หลินเยวียนแปลกใจ “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”
เหล่าโจวกล่าวกลั้วหัวเราะ “เพราะนายอัดคนฉู่ซะน่วมเลยน่ะสิ จัดการเรื่องเพลงไปครั้งหนึ่งแล้ว ยังไม่วายจัดการแม้แต่เนื้อเพลงของนักเขียนเนื้อเพลงระดับสูงของฉู่อย่างหนีหงอู่”
หลินเยวียนประหลาดใจ
ถ้าพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่าอิ่งจือจะเคยทำแบบนั้นด้วยเหมือนกัน
พูดไปเหล่าโจวก็คงไม่เชื่อ…
ว่าพวกเขาต่างหากที่เริ่มก่อน
……………………………………………………