เมื่อฟังถึงตรงนี้ ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็หดเกร็ง แม้ว่าจะสอดคล้องกับการคาดเดาของเขา แต่เขาก็ยังถูกความจริงเรื่องนี้สาดซัดจนเกิดคลื่นในใจอยู่ดี
ในเมื่อเป็นเตาหลอม ถ้าอย่างนั้นความจริงแล้วก็เป็นแค่ภาชนะเท่านั้น อีกทั้งภาชนะทุกตนล้วนถูกเลี้ยงดูให้เหมาะกับการรองรับเจ้าปรารถนาเสียงผู้นั้นมากที่สุด
นี่เท่ากับเป็นการเพาะเลี้ยงร่างกายจำนวนมาก ต่อให้ร่างแปลงจะบาดเจ็บสาหัสก็ไม่เป็นไร เปลี่ยนใหม่ก็ได้แล้ว
นอกจากนี้ จากการคาดเดาของหวังเป่าเล่อ แม้ว่าจำนวนของผู้ฝึกตนที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ในสามสำนักจะไม่ได้มากมาย แต่ไม่มีทางมีศิษย์เต๋าจะจำกัดอยู่แค่หกคนแน่นอน
“อย่างน้อยก็ต้องมีอยู่สิบกว่าคน” หวังเป่าเล่อหรี่ตา ความคิดแรกของเขาคือไม่อาจปล่อยให้เจ้าปรารถนาเสียงรักษาตัวได้ เพราะทันทีที่ร่างแปลงของอีกฝ่ายครองร่างสำเร็จ พลังของร่างแปลงทั้งสามก็จะสัมผัสถึงตัวเขาได้ทันที
พอถึงตอนนั้นแล้ว เขาก็จะตกเป็นฝ่ายถูกกระทำโดยสมบูรณ์
ขณะเดียวกัน เขาก็คาดเดาจุดประสงค์ที่เจ้าแห่งสุขเอ่ยเรื่องพวกนี้กับตนได้ลางๆ ถึงอย่างไรเสีย…ในเมื่อมีศัตรูคนเดียวกัน เขากับเจ้าแห่งสุขก็นับว่าเป็นพวกเดียวกันแล้ว
หวังเป่าเล่อไม่อยากให้เจ้าแห่งปรารถนาเสียงฟื้นตัว และเห็นชัดว่าเจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์ก็ไม่ต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน
ดังนั้นหลังจากนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึม ก่อนเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“เจ้าแห่งสุข ท่านมีแผนการอะไร”
บางทีอาจเป็นเพราะช่วงหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ได้สื่อสารกับหวังเป่าเล่อ จึงทำให้เจ้าแห่งสุขเข้าใจเขามากขึ้น และอาจเป็นเพราะห่างกันไปหลายวัน นิสัยของเจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์จึงเปลี่ยนแปลงไป หรืออาจเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากเสียงทุ้มต่ำจริงจังของหวังเป่าเล่อ ครั้งนี้เสียงของเจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์จึงเผยความเคร่งขรึมออกมา
“ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ แล้วเป็นอันดับหนึ่ง”
“แล้วก็ถูกเจ้าแห่งปรารถนาเสียงครอบงำร่างน่ะหรือ” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเรียบ
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ขอแค่เจ้าถูกเลือก ข้าก็สามารถช่วยเจ้าได้ ทันทีที่ร่างแปลงจากเต๋าแห่งดนตรีผู้นั้นของเจ้าปรารถนาเสียงกำลังจะครองร่างเจ้า การสะท้อนวิชากลับจะทำให้เจ้าหันกลับมาเป็นฝ่ายกลืนกินร่างแปลงเต๋าแห่งดนตรีผู้นั้นของเจ้าปรารถนาเสียงได้เอง” เจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์รีบชี้แจง
“พอเจ้าทำสำเร็จก็จะสามารถช่วงชิงพลังแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงสามส่วนของเจ้าแห่งปรารถนาเสียงได้ จากนั้นจะกลายเป็นตัวตนที่เป็นรองเพียงเจ้าปรารถนาเสียงในด้านพลังปรารถนาเท่านั้น รวมกับที่เจ้าสามารถก้าวเข้าสู่โลกสัมผัสเสียงและกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดอีก พอถึงเวลานั้น…เจ้าแห่งปรารถนาเสียงก็ไม่อาจทำอะไรเจ้าได้แล้ว”
หวังเป่าเล่อหรี่ตา เนื้อหาในคำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขาหวั่นไหวจริงๆ นี่เป็นทางลัดที่สามารถทำให้เขาได้รับพลังแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงได้รวดเร็วที่สุด อีกทั้งเมื่อถึงเวลานั้น กฎเกณฑ์ปรารถนารสของเขาก็จะพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด เมื่อพวกมันส่งเสริมกันและกัน ก็จะบรรลุถึงระดับที่น่าตะลึงทีเดียว
แต่ว่า…เบื้องหลังภาพที่สวยงามนี้กลับแอบซ่อนความไม่แน่นอนหลายอย่างเอาไว้ชัดๆ ดังนั้นหลังจากหวังเป่าเล่อนิ่งเงียบไป เขาก็ค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาว่า
“สามคำถาม”
“หนึ่ง ข้าไม่มีเมล็ดพันธุ์เต๋า ต่อให้กลายเป็นอันดับหนึ่ง จะให้ร่างแปลงเต๋าแห่งดนตรีของเจ้าแห่งปรารถนาเสียงเลือกข้าย่อมเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง แล้วท่านจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเขาจะเลือกข้า ไม่ใช่เลือกศิษย์เต๋าที่มีเมล็ดพันธุ์เต๋าคนอื่นๆ”
“สอง ความช่วยเหลือที่ท่านพูดว่าจะให้ข้าสามารถสะท้อนวิชากลืนกินกลับได้ ท่านจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่หลอกใช้ข้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของท่าน”
“สาม ข้าอยากรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของท่านคืออะไร!”
เมื่อหวังเป่าเล่อพูดจบก็มองไปยังความว่างเปล่าไกลๆ ซึ่งกลายเป็นสีขาวและกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ผ่านไปที่ใด ค่ำคืนมืดมิดก็จะสลายหายไป
“ขอให้เจ้าแห่งสุขพิจารณาให้รอบคอบเถิด ข้าแซ่หวังไม่เร่งให้ท่านตอบ แต่คำตอบของท่านจะเป็นตัวตัดสินใจว่าข้าจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่” หวังเป่าเล่อยืนขึ้น พูดจบแล้วก็เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เงาร่างหายไปจากโลกแห่งเสียงนี้
จนกระทั่งเขาจากไป ก็มีเสียงถอนหายใจเหนื่อยล้าดังออกมาจากโลกแห่งเสียง
เสียงถอนหายใจนั้นมาจากเจ้าแห่งสุข นางรู้ดีว่าการโน้มน้าวใจหวังเป่าเล่อเป็นเรื่องยากยิ่ง ดังนั้นก่อนหน้านี้นางจึงไม่ได้บอกทุกอย่างในทันที แต่ยืดเวลาไปกว่าหนึ่งเดือน ทั้งคิดจะกระตุ้นความสงสัยของหวังเป่าเล่อเพื่อให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มเสาะหาเอาเอง
แต่วิธีการทั้งหมดนี้ ตอนนี้ผลลัพธ์ยังคงเป็นเหมือนเดิม โดยเฉพาะแปดวันก่อนที่อีกฝ่ายหายหน้าไปกะทันหัน นางยอมรับเลยว่า…นางตื่นตระหนกเล็กน้อย
นางไม่อยากให้โอกาสที่พันปียากจะหาพบผ่านไปอย่างนี้ ถึงอย่างไร…ถ้าหากหวังเป่าเล่อยอมร่วมมือ โอกาสที่เป้าหมายของนางจะสำเร็จผลก็แทบจะมีมากกว่าเก้าส่วนทีเดียว
แต่ถ้าหากหวังเป่าเล่อไม่ร่วมด้วย เช่นนั้นทุกอย่างก็มีโอกาสแค่ห้าสิบห้าสิบเท่านั้น
ดังนั้น คำพูดก่อนที่หวังเป่าเล่อจะจากไปจึงทำให้ฝ่ายเจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์ถอนหายใจ แล้วจมอยู่ในภวังค์ความคิดอันล้ำลึก นางกำลังชั่งน้ำหนักอยู่…
กลับไปที่หวังเป่าเล่อในโรงเตี๊ยม เขาก็กำลังชั่งน้ำหนักและคิดพิจารณาดูเช่นกัน
เรื่องนี้ใหญ่เกินไป หวังเป่าเล่อจะต้องคิดพิจารณาให้รอบคอบจึงจะสามารถตัดสินความจริงที่อีกฝ่ายจะให้คำตอบในครั้งถัดไปได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปที่โลกแห่งเสียงในคืนวันถัดมา แต่ครุ่นคิดอยู่หลายวัน หลังจากแน่ใจว่าตนได้พิจารณาอย่างเต็มที่ที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้แล้ว ในคืนวันที่ห้า เขาก็เลือกจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งเสียง
แทบจะทันทีที่เขาแปลงกายเป็นสัตว์ประหลาดก้าวเข้าสู่โลกแห่งเสียง ดวงจิตเทพของเจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์ก็แพร่กระจาย เสียงของนางดังก้องอยู่ในใจของหวังเป่าเล่อ
“หนึ่ง ขอเพียงเจ้าได้อันดับหนึ่งมา เช่นนั้นเจ้าก็จะได้รับเม็ดยาแห่งกฎเกณฑ์เป็นรางวัลแน่นอน เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นข้าจึงมั่นใจอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากไม่ได้รางวัล เจ้าก็จะไม่ประสบกับการครอบงำร่าง ข้อตกลงระหว่างข้ากับเจ้าก็สามารถยกเลิกได้”
“สอง เรื่องที่ว่าจะพิสูจน์อย่างไรนั้น ข้าต้องบอกวิชาคาถาแก่เจ้าเสียก่อน เจ้าไปศึกษาเอาเอง อาศัยสติปัญญาและประสบการณ์ของเจ้า คิดว่าคงไม่ยาก ขณะเดียวกันข้าก็รู้ว่าเพียงเท่านี้มันยังไม่จริงใจมากพอ ดังนั้นหลังผ่านไปเจ็ดวัน ข้าจะพาเจ้าไปยังที่แห่งหนึ่ง ที่นั่น…ข้าจะให้หลักฐานที่เจ้าต้องการ!”
“สาม…เป้าหมายของข้านั้นเรียบง่ายอย่างยิ่ง ข้าต้องการหลุดพ้น! เจ้าแห่งปรารถนาเสียงใช้ผนึกสยบข้าไว้หลายปี ข้าไม่เคยมีโอกาสได้หลุดพ้นเลย แต่ตอนนี้ร่างแปลงเต๋าแห่งดนตรีของนางอ่อนแอ นี่จึงเป็นโอกาสดีของข้า ถ้าหากเจ้าช่วยข้า ก็จะทำให้ปัญหานอกในของเจ้าแห่งปรารถนาเสียงระเบิดออกมาทั้งหมด ยิ่งทำให้ข้าหลุดออกจากกรงขังได้สะดวกขึ้น”
“ทุกคำที่ข้าพูดกับเจ้าไม่มีคำโกหกแม้แต่คำเดียว อีกอย่าง…แม้ว่าข้าจะใช้ประโยชน์จากเจ้า แต่เจ้าก็ได้ประโยชน์ใหญ่หลวงเช่นกัน ดังนั้นจึงเรียกว่าหลอกใช้ไม่ได้ นี่คือข้อตกลงของพวกเรา” เจ้าแห่งสุขจากเจ็ดอารมณ์เอ่ยช้าๆ ในน้ำเสียงแฝงความจริงใจ จากนั้นก็รวบรวมดวงจิตเทพ กลายเป็นแผ่นหยกมายาชิ้นหนึ่งอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ แล้วลอยเข้ามาหาเขา
เมื่อมองดูแผ่นหยก หวังเป่าเล่อก็ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้พอใจกับคำตอบที่อีกฝ่ายให้มาสักเท่าไร เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่าไม่มีความเสี่ยงต่อตัวของเจ้าแห่งสุขเลย แต่เขากลับเป็นคนเผชิญหน้ากับทั้งหมด
อันดับแรก หากสะท้อนวิชาครองร่างล้มเหลว ตนก็จะตาย
อย่างที่สอง ต่อให้สะท้อนการครองร่างสำเร็จ แต่ร่างแปลงอีกสองร่างของเจ้าแห่งปรารถนาเสียงจะไม่มาหยุดยั้งหรือ เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นมาก็เท่ากับว่าตนดึงดูดอันตรายทั้งหมดน่ะสิ ส่วนทางฝั่งเจ้าแห่งสุขก็สามารถหลบหนีไปได้ง่ายๆ เลย
“จริงใจไม่พอ ข้าไม่ยอมรับ” หวังเป่าเล่อส่ายหน้า ไม่ได้เอ่ยต่อ หันกายฉับพลันและกำลังจะจากไป
และขณะที่เขากำลังจะจากไปนั้น แผ่นหยกที่ลอยอยู่ในตำแหน่งที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้ก็บินตามมาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน เสียงของเจ้าแห่งสุขก็ดังก้องอีกครั้ง
“เจ็ดวันให้หลัง ข้าจะมอบความจริงใจที่เพียงพอให้กับเจ้า พอถึงตอนนั้นเจ้าค่อยตัดสินใจอีกครั้งดีหรือไม่”
…………………