“นายท่าน” เด็กชายตัวน้อยจัดขวดน้ำเต้าที่อยู่บนศีรษะพร้อมกับมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากระยะไกล เขายื่นมือไปดึงแขนเสื้อของจิ่งอู๋ซวง
จิ่งอู๋ซวงคิดไม่ถึงเลยว่าอาคมของเขาจะล้มเหลว เขาไอออกมาใส่มืออย่างรุนแรง เมื่อเขาละมือออก มือข้างนั้นก็เปรอะไปด้วยคราบเลือด
“นายท่าน!” เด็กชายตัวน้อยทนมองไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงดึงตัวจิ่งอู๋ซวงลงไปในแม่น้ำ
ริมฝีปากของจิ่งอู๋ซวงโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก
เขายกมือขึ้นปิดตาขณะยืนอยู่ในน้ำ
เด็กชายตัวน้อยพูดปลอบใจอยู่ข้างเขา ”นายท่านอย่าเสียใจไปเลยขอรับ คราวนี้ไม่ได้ผลก็ยังมีคราวหน้าอยู่ ครั้งหน้าท่านจะต้องทำสำเร็จแน่นอนขอรับ”
จิ่งอู๋ซวงไม่ตอบ เมื่อเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวยในสภาพเช่นนั้น ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่เริ่มก่อตัวขึ้นในอก
“นายท่าน” เด็กชายตัวน้อยเอามือก่ายหน้าผาก ”เรารีบไปจากที่นี่ตอนที่พวกเขากำลังยุ่งอยู่ดีกว่าขอรับ…”
กิเลนอัคคีกำลังยุ่งอยู่จริงดังว่า มันเกร็งกรงเล็บที่เท้าหน้า และพยายามทุ่มแรงทั้งหมดออกมาอีกครั้ง
แต่ผลลัพธ์ของมันก็ยังคงเป็นเช่นเดิม!
แน่นอนว่าเศษชิ้นส่วนวิญญาณที่ยังไม่สมบูรณ์ย่อมไม่สามารถสร้างดวงวิญญาณอันสมบูรณ์แบบได้!
“ป้อนเลือดให้เขา” หยวนหมิงที่เงียบมาตั้งแต่แรกถอนหายใจ และเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นขอบตาแดงก่ำของเฮ่อเหลียนเวยเวย ”เขาต้องการเลือดเป็นจำนวนมาก แต่แม้ว่าวิธีการนี้จะพอรักษาวิญญาณและประคองพลังชีวิตของเขาให้คงที่ได้ แต่ข้าก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะลืมตาตื่นขึ้นมาหรือไม่ ครั้งนี้เขาแทงตัวเองแรงเกินไป ดังนั้นหากเจ้าไม่ระวัง เขาอาจจะเผลอสูบเลือดเจ้าออกจนหมดตัวเอาได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยวนหมิง เฮ่อเหลียนเวยเวยก็หยิบมีดสั้นออกมา นางกรีดข้อมือตัวเองโดยไร้ซึ่งความลังเล
เลือดสดหยดแล้วหยดเล่าย้อมริมฝีปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจนกลายเป็นสีแดง ในที่สุดเศษชิ้นส่วนวิญญาณเหล่านั้นก็ลอยขึ้นรอบตัวไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก่อนจะค่อยๆ สลายไป
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยเริ่มซีดลง หยวนหมิงจึงเอ่ยขึ้นว่า ”พอแล้ว! เจ้าเองก็เพิ่งออกมาจากค่ายกลนั้น พลังชีวิตของเจ้าเองก็มีจำกัด!”
“ข้ารู้จักร่างกายตัวเองดี ฝากดูแลเขาแทนข้าด้วย” อย่างน้อยเสียงของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ไม่ได้สั่นอีกต่อไป นางให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนอนหนุนตักก่อนก้มลงมองเขา
เศษชิ้นส่วนวิญญาณเริ่มมีการตอบสนอง มันกลายเป็นเปลวไฟสีแดงและลุกไหม้อยู่รอบร่างของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
เมื่อเห็นดังนี้ หยวนหมิงก็หรี่ตาลง ”เวยเวย หยุดก่อน”
“ข้าจะหยุดก็ต่อเมื่อเขากลับมา” เฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยเสียงเบา แต่น้ำเสียงของนางกลับเต็มไปด้วยความดื้อรั้นอันชวนให้ไม่สบายใจ
หยวนหมิงจ้องมองนางแล้วขมวดคิ้ว ”เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาตื่นขึ้นมาในเวลานี้ทั้งที่วิญญาณไม่สมบูรณ์ เขาจะกลายร่างเป็นปีศาจเต็มตัว และถ้าหากเป็นเช่นนั้น เจ้าคงไม่อาจคาดหวังสามัญสำนึกอันใดจากเขาได้”
“ต่อให้เขาจะกลายเป็นปีศาจ ข้าก็ยังอยากให้เขากลับมา” เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำ แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจอันแน่วแน่ของตน
หยวนหมิงชะงัก จากนั้นเขาจึงกระตุกยิ้มอย่างชั่วร้าย ”เจ้านี่มันจริงๆ เลย… เอาล่ะ เช่นนั้นก็ลองดู เจ้าควรหารือกับกิเลนอัคคีและนำเศษวิญญาณของเขากลับมาให้ได้อย่างน้อยสามส่วนเพื่อปลุกเขาขึ้นมา กิเลนอัคคีน่าจะรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาเพราะเขาเป็นเจ้านายของมัน”
“ถูกต้อง ข้าย่อมรู้จักเจ้านายของตัวเองดี” กิเลนอัคคีหลุบตาลง ”แต่การรวบรวมวิญญาณของเขากลับมานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนหน้านี้พวกข้าเพียงแค่ต้องรวบรวมเศษชิ้นส่วนวิญญาณ และนำมันมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน แล้วคืนมันให้กับร่างของนายท่าน แต่ตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณหลงทางเหล่านั้น และเกลี้ยกล่อมให้พวกมันยอมติดตามพระชายากลับมาด้วยความเต็มใจ แต่วิญญาณแต่ละดวงนั้นล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของนายท่าน ยิ่งกว่านั้น ในสมัยนั้นนายท่านก็ยังไม่เคยพบกับท่านมาก่อน พระชายา เขาจะเชื่อใจท่านได้อย่างไร”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไล้ปลายนิ้วไปตามใบหน้าอันเย็นชาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย จากนั้นนางจึงเอ่ยเสียงเบาว่า ”ข้าต้องลองดู เรื่องความเชื่อใจนั้นย่อมเป็นปัญหาที่ข้าต้องรับมือด้วยตัวเอง สิ่งเดียวที่เจ้าต้องทำก็คือชี้ทางให้กับข้าเท่านั้น”
กิเลนอัคคีเงยหน้าขึ้นมองเฮ่อเหลียนเวยเวย และสาวเท้าออกเดินอย่างมั่นคง ”ตอนนี้เราเหลือเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้น ข้าจะใช้จิตส่งท่านไปยังที่ที่วิญญาณทั้งสามดวงของนายท่านอยู่ แต่ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าพวกมันอยู่ที่ไหน ดังนั้นท่านต้องแน่ใจว่าท่านจะสามารถปกป้องตัวเองได้ และท่านต้องกลับมาให้ได้ภายในสี่สิบเจ็ดวัน มิฉะนั้นร่างของนายท่านจะสูญเสียพลังชีวิตไปโดยสมบูรณ์ ตลอดสี่สิบเจ็ดวันนี้ ข้าจะอยู่กับนายท่านเพื่อป้องกันไม่ให้เปลวไฟแห่งวิญญาณของเขาดับลง และคอยขัดขวางบรรดาปีศาจที่คิดจะคลายผนึกของนายท่านด้วย ที่เมืองหลวงสงบสุขได้ถึงเพียงนี้ก็เพราะนายท่าน แต่ตอนนี้เมื่อพลังชีวิตและตัวตนของนายท่านอ่อนแอลง ย่อมทำให้เขตอาคมที่เปราะบางเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเกิดช่องโหว่ที่ใหญ่ขึ้นจนส่งผลให้มีปีศาจหลั่งไหลเข้ามาในเมืองหลวงก็เป็นได้ เปลือกนอกของนายท่านเป็นวัตถุดิบศักดิ์สิทธิ์อันหายาก มันสามารถใช้ยกระดับความแข็งแกร่งของชาวปีศาจได้ ดังนั้นข้ากับชิงหลงจะร่วมมือกันเพื่อปกป้องมัน หลังจากท่านออกเดินทาง ข้าจะนำร่างของนายท่านไปเก็บรักษาไว้ที่ก้นทะเลสาบชิงหลงภายในสำนักไท่ไป๋ทันที และรอจนกว่าพระชายาจะกลับมาพร้อมกับวิญญาณทั้งสามดวงของนายท่าน”
“ตกลง” เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบพร้อมกับกัดแขนเสื้อตัวเอง จากนั้นจึงใช้มันพันรอบข้อมือแทนผ้าพันแผล
กิเลนอัคคีมองนาง ดวงตาของมันสั่นระริก ”ข้ามั่นใจว่าวิญญาณทั้งสามดวงนั้นอยู่กันคนละที่ หลังจากวิญญาณดวงหนึ่งตกลงที่จะมากับท่าน ท่านจะถูกส่งตัวไปหาวิญญาณดวงถัดไปทันที แต่ถ้าหากท่านล้มเหลว ขอให้ใช้ฟันกัดด้ายแดงเส้นนี้ แล้วท่านจะถูกส่งตัวกลับมาที่นี่ทันที”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองด้ายแดงที่พันอยู่รอบข้อมือตัวเอง สายตาที่เรียบเฉยของนางเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยในตอนที่นางมองไปที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
กิเลนอัคคีพูดต่อ ”ท่านต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง ทันทีที่ท่านไปถึงสถานที่แห่งนั้น ปีศาจรับใช้และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างกายท่านจะหายไป ดังนั้นท่านต้องระวังตัวให้ดีอยู่เสมอ”
“เข้าใจแล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยลดแขนเสื้อยาวของตัวเองลง ที่หางตาของนางยังคงมีเลือดเปื้อนอยู่
เมื่อเห็นนางในสภาพนี้ กิเลนอัคคีจึงเสริมว่า ”มีอีกเรื่องหนึ่งที่ท่านต้องจำเอาไว้ให้ดี”
“อะไรหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยตั้งใจฟัง
กิเลนอัคคีลดเสียงลง ”เมื่อท่านไปถึงสถานที่แห่งนั้น นายท่านอาจจะล่อลวงท่านเพื่อขังเอาไว้ในโลกของเขา ท่านต้องจำเอาไว้ให้ดีว่านั่นไม่ใช่ตัวตนทั้งหมดของนายท่าน ทันทีที่ท่านตกลงจะอยู่ที่นั่น นายท่านจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก และแม้กระทั่งสถานที่ที่ท่านเดินทางไปก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ชะงักไปเล็กน้อย ”ข้าเข้าใจแล้ว”
“พระชายาต้องจำเรื่องนี้ให้ขึ้นใจ” กิเลนอัคคีย้ำ จากนั้นจึงเอ่ยว่า ”อีกอย่างหนึ่ง สถานที่ที่ท่านกำลังจะไปนั้น…ไม่ใช่สถานที่ที่เต็มไปด้วยสายรุ้งหรือทุ่งดอกไม้อันสวยงาม หากดูจากความคิดของเขาแล้ว เขา…”
ก่อนที่กิเลนอัคคีจะพูดจบ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็พูดขัดขึ้นว่า ”ดูจากความคิดของเขาแล้ว วิญญาณของเขาน่าจะอยู่ในลำดับชั้นที่ต่างกันเหมือนกันใช่หรือเปล่า”
“อืม” อย่างน้อยกิเลนอัคคีก็รู้สึกเบาใจได้เล็กน้อย ”ในเมื่อพระชายาตระหนักถึงเรื่องนั้นได้เช่นกัน เช่นนั้นเรื่องนี้ก็คงง่ายขึ้น ที่ข้าต้องการบอกก็คือนายท่านอาจจะมีนิสัยแตกต่างไปจากปกติ และเมื่อถึงตอนนั้น…”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบว่า ”เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะหาทางแก้ปัญหาเอง” เขาชอบเวลาที่นางสางเส้นผมให้กับเขา เวลาที่เขาเห็นอาหารที่ตัวเองไม่ชอบ ริมฝีปากสีอ่อนของเขาจะกลายเป็นเส้นตรง สำหรับเฮ่อเหลียนเวยเวยแล้ว นิสัยทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
“อีกอย่างหนึ่ง…” กิเลนอัคคีกระแอม ”นายท่านอาจจะมีนิสัยเสียอยู่อีกอย่างหนึ่ง…”