“เขามักจะโหดร้ายกับสิ่งที่ตัวเองสนใจ และกระตือรือร้นที่จะฝึกมัน”
ใช้คำว่า ’ฝึกฝน’ ยังถือว่าน่าฟังเกินไปด้วยซ้ำ เศษชิ้นส่วนวิญญาณของนายท่านอาจจะบิดเบี้ยวยิ่งกว่าวิญญาณเต็มดวงของเขาเสียอีก… มันไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นผู้เป็นนายของมันจะปฏิบัติต่อพระชายาอย่างไร
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองกิเลนอัคคีและยิ้มออกมา ”กิเลน เจ้ากังวลอะไรอยู่หรือ ถ้าหากเขาสนใจในตัวข้าจริงๆ มันย่อมหมายความว่าข้าสามารถเข้าใกล้เขาได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้นมิใช่หรือ”
กิเลนอัคคีชะงัก มันนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้กลับมา ดวงตาของมันไหววูบด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงหัวเราะขึ้น ”พระชายาปฏิบัติต่อนายท่านแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ เราควรเริ่มเตรียมตัวได้แล้ว จะได้ส่งท่านไปที่นั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ช้าก่อน” เฮ่อเหลียนเวยเวยหมุนตัวแล้วอัญเชิญเสี่ยวไป๋ออกมาด้วยเสียงอันแผ่นเบา ”เสี่ยวไป๋ ตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยตามหาตัวคนที่สร้างค่ายกลในวันนี้ให้ข้าที ข้ารู้สึกว่าเรื่องทุกอย่างคงไม่ง่ายถึงเพียงนี้”
“ถูกอย่างที่พระชายาว่า” กิเลนอัคคีพยักหน้า ”มีแค่เพียงคนจากตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้ายเท่านั้นที่จะสามารถสร้างค่ายกลประเภทนี้ขึ้นมาได้ จะต้องมีใครบางคนวางแผนเล่นงานท่านตอนที่วิญญาณของท่านออกจากร่างแน่ขอรับพระชายา วังหลวงไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป ข้าจะส่งท่านและองค์ชายไปอยู่ที่ทะเลสาบชิงหลง คงถึงเวลาแล้วที่ชิงหลงจะได้รู้ถึงสถานการณ์ในเวลานี้ของนายท่านเช่นกัน…”
ตกดึก เงาที่สามารถมองเห็นได้เพียงเลือนรางยืนอยู่บนพื้นทะเลสาบระยิบระยับ พืชที่อยู่ใต้น้ำต่างก็ได้รับผลกระทบจากคลื่นที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของมัน
กิเลนอัคคีแบกเฮ่อเหลียนเวยเวยและไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไว้บนหลังพร้อมมุ่งหน้าตรงเข้าสู่ความมืดด้วยฝีเท้าอันสม่ำเสมอ จากนั้นจึงคำรามขึ้นด้วยเสียงอันทุ้มต่ำว่า ”ชิงหลง!”
เงาสีเข้มว่ายกลับมาอย่างรวดเร็ว และทะยานจากทะเลสาบขึ้นมาท่ามกลางสายหมอก มันลอยอยู่กลางอากาศและก้มลงมองแขกผู้มาเยือนด้วยสายตาอวดดี ดวงตาของมันมีแสงวาบขึ้นก่อนเลือนหายไป ”เป็นเจ้าเองหรอกหรือ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
มันหายตัวไปตั้งแต่สงครามครั้งนั้น
ชิงหลงคิดมาตลอดว่ากิเลนอัคคีหักหลังเจ้านายของพวกมัน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันไม่คิดที่จะแสดงท่าทีเป็นมิตรต่อกิเลนอัคคี
ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความดุดัน ”ข้าไม่สนว่าเจ้าจะมาที่นี่ทำไม แต่ในเมื่อเจ้าอุตส่าห์มารนหาที่ตายถึงที่นี่ เช่นนั้นข้าก็จะช่วยเติมเต็มความปรารถนาให้เจ้าเอง!”
ชิงหลงเงื้อกรงเล็บขึ้น และกำลังจะโจมตีพวกเขา
เฮ่อเหลียนเวยเวยรีบใช้น้ำเสียงอันเยือกเย็นหยุดมันเอาไว้ ”ชิงหลง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้ากำลังรอนายท่านของเจ้าอยู่มิใช่หรือ ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่แล้ว ทำไมเจ้าจึงจำเขาไม่ได้เล่า”
“นายท่านหรือ” ดวงตาของชิงหลงเบิกกว้างและสั่นไหวอย่างรุนแรง เคราสีขาวของมันโบกสะบัดเล็กน้อยขณะที่มันจ้องมองชายชุดดำในอ้อมแขนของเฮ่อเหลียนเวยเวย
แม้จะหลับตา แต่รูปร่างและใบหน้านั้นก็ยังงดงามยากเกินจะอธิบาย เขาสมบูรณ์แบบมากเสียจนแม้กระทั่งดวงดาวก็ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับเขาได้
ชิงหลงแทบลืมหายใจ มันเอ่ยขึ้นเสียงสั่นว่า ”นายท่าน เป็นนายท่านของพวกเราจริงๆ! แต่เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ” มันหันไปมองกิเลนอัคคี ”เกิดอะไรขึ้นกับนายท่าน มีแสงแห่งพระธรรมหลงเหลืออยู่บนร่างของเขาได้อย่างไร”
กิเลนอัคคีตอบด้วยน้ำเสียงสงบ ”หากเล่าก็คงยืดยาวนัก เวลานี้นายท่านเสียวิญญาณไปบางส่วน และอาจกลายเป็นปีศาจอีกครั้ง พวกเราต้องรวบรวมเศษชิ้นส่วนวิญญาณของเขากลับมาให้เร็วที่สุด”
“เจ้ารู้หรือว่านายท่านยังมีชีวิตอยู่” ชิงหลงลูบเคราของตนขณะฟังสิ่งที่กิเลนอัคคีพูด
กิเลนอัคคียอมรับว่า ”ข้ารู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลตอนที่นายท่านถูกทรยศ และทันทีที่ข้าสังเกตเห็นว่าผนึกขับไล่วิญญาณร้ายปรากฏขึ้นบนโลกมนุษย์ ข้าจึงเริ่มค้นหาเบาะแสการกลับชาติมาเกิดของนายท่านทันที ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ไปปรากฏตัวขึ้นที่วังหลวงในเวลานั้น ทั้งหมดที่ข้ารู้หลังจากตอนนั้นก็คือการที่เจ้าถูกจองจำอยู่ในทะเลสาบชิงหลง และอสูรกลืนนภาหายตัวไป”
“อสูรกลืนนภาตายไปแล้ว” ชิงหลงเคลื่อนสายตาลง และชำเลืองมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างรวดเร็ว ”อย่างที่เจ้ารู้ พวกเราเคยเห็นอสูรกลืนนภาแค่ตอนที่มันอยู่ในร่างอสูรเท่านั้น มันอยู่เคียงข้างนายท่านมาตลอด และไม่ว่านายท่านจะไปที่ใดก็มักจะพามันไปด้วยทุกที่ แต่ตอนที่นายท่านหายตัวไป และพระพุทธองค์เสนอให้มันหลบภัยอยู่กับเขา มันกลับปฏิเสธเขาไป จากนั้นมันจึงก่อความเดือดร้อนไปทั่ว จนกระทั่งถูกเฆี่ยนด้วยแสงแห่งพระธรรมสามพันครั้งเป็นเวลาสิบวัน จนกระทั่งมันทนไม่ไหวและกลายเป็นเถ้าธุลีไปในที่สุด”
กิเลนอัคคีหลับตาลงพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย ”ไม่เลย สัญชาตญาณของข้าบอกว่าอสูรกลืนนภายังมีชีวิตอยู่ ตอนที่นายท่านกำราบอสูรกลืนนภา เขามอบเลือดของเขาให้กับมัน ดังนั้นตราบใดที่นายท่านยังมีชีวิตอยู่ อสูรกลืนนภาก็จะยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน พวกเราต้องพยายามรักษานายท่านให้เร็วที่สุด!”
“ข้าต้องทำอย่างไร”
บันทึกทางประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่าชิงหลงเป็นธาตุน้ำ และกิเลนอัคคีเป็นธาตุไฟ ดังนั้นทั้งสองจึงเข้ากันไม่ได้
ทันทีที่พบกัน พวกมันจะสู้กันจนตายไปข้าง
แต่ก็มีบางอย่างที่คนนอกไม่เคยรู้มาก่อน
นั่นคือพวกมันสามารถทำงานร่วมกันได้ดียิ่งกว่าอสูรตนใดเพียงเพื่อช่วยเหลือผู้เป็นนาย
โดยเฉพาะกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลทั้งสองเช่นชิงหลงและกิเลนอัคคี
“ข้าจะรับผิดชอบจับตาดูรอบๆ ให้ ส่วนเจ้าจับตาดูที่ทะเลสาบเอาไว้ให้ดี” กิเลนอัคคีเคลื่อนสายตาขึ้นมองท้องฟ้ายามรุ่งสาง ”ทุกสิ่งเป็นไปตามปกติในเวลากลางวัน แต่ฝูงปีศาจย่อมพากันออกมาจากหลุมทันทีที่ตะวันลาลับขอบฟ้าแน่ ข้าจะพยายามปกปิดกลิ่นอายของนายท่านเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่เจ้าก็น่าจะรู้ว่าเลือดของเขานั้นน่าดึงดูดเพียงใด ดังนั้นข้าจึงสามารถปกปิดมันได้เพียงแค่สามสิบวันเท่านั้น หลังจากนั้นบรรดาปีศาจย่อมสัมผัสได้ถึงตำแหน่งที่ร่างของเขาอยู่ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจำเป็นต้องลงมือกับพวกมัน แต่เวลานี้เจ้ามีหน้าที่รับผิดชอบดูแลร่างของพระชายาและนายท่าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าได้ออกจากทะเลสาบเป็นอันขาด นอกจากปีศาจแล้วเจ้ายังจำเป็นต้องคอยระวังผู้ขับไล่วิญญาณร้ายจากเมืองหลวงด้วย ระวังตัวอย่าให้ตัวเองได้รับผลกระทบจากปราณแห่งความเคียดแค้นของพวกเขาได้เล่า”
สายตาของชิงหลงลึกล้ำขึ้น ”ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ต่อให้ข้ากลายเป็นมังกรร้าย ข้าก็จะไม่เปิดโอกาสให้ใครทำร้ายนายท่านของข้าได้”
“ยังมีพระชายาด้วย” กิเลนอัคคียิ้ม ”นางเป็นนายหญิงของพวกเรา”
นี่เป็นครั้งแรกที่กิเลนอัคคียอมรับเฮ่อเหลียนเวยเวยต่อหน้านาง
มันรู้ดีกว่าใครว่าหากไม่ใช่เพราะเฮ่อเหลียนเวยเวย ป่านนี้นายท่านคงกลายเป็นร่างเป็นปีศาจโดยสมบูรณ์ และสุดท้ายเขาจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่รู้จักเพียงแค่การเข่นฆ่ามนุษย์เท่านั้น
อีกอย่างหนึ่ง… มันคงไม่สามารถหาคนที่ยอมทนแบกรับความเจ็บปวดจากแสงแห่งพระธรรมกว่าสามสิบสองเล่มแทนนายท่าน และยอมกรีดข้อมือของตัวเองเพื่อป้อนเลือดให้กับนายท่านเช่นนี้ได้อีกแล้ว
กิเลนอัคคีเคลื่อนสายตาขึ้นมองนาง ก่อนคำนับให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวยแทนคำขอบคุณ มันดูเคารพอีกฝ่ายมากเสียจนชิงหลงหันไปมองทางเฮ่อเหลียนเวยเวยอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เฮ่อเหลียนเวยเวยปลดปล่อยมันให้เป็นอิสระจากโซ่ตรวนนั้น ชิงหลงก็รู้สึกว่านางแตกต่างจากมนุษย์คนอื่นมากอยู่แล้ว แต่หลังจากได้ฟังสิ่งที่กิเลนอัคคีพูดเมื่อครู่นี้ มันก็ยิ่งประหลาดใจ
เพราะมันไม่คิดเลยว่านายท่านที่ไม่เคยสนใจหญิงใดมาก่อนจะเลือกนางเป็นนายหญิงของพวกมันจริงๆ
แต่ในเมื่อกิเลนอัคคีพูดเช่นนั้น นางคงจะพิเศษต่อนายท่านจริงๆ…
“เอาล่ะ นี่ก็สายมากแล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยขัดจังหวะความคิดของชิงหลง นางสัมผัสใบหน้าด้านข้างอันสมบูรณ์แบบของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย และโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อจุมพิตริมฝีปากสีซีดนั้น หลังจากนั้นนางจึงยืนขึ้นและกล่าวว่า ”พวกเรามาเริ่มกันเถอะ กิเลน ส่งข้าไปยังที่ที่เขาอยู่ที”