ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 591 พิธีครบเดือน (ต้น)

ตอนที่ 591 พิธีครบเดือน (ต้น)

​สีหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​เปลี่ยนไป​ ​นาง​พูด​กับ​ฟัง​ซื่อ​ทันที​ ​“​เจ้า​ไป​ถาม​คนที​่​เฝ้า​ประตู​ทุกคน​ ​รวมถึง​คน​คุ้มกัน​ชาย​ที่​พวกเรา​พามา​ ​ถาม​พวกเขา​ว่า​มี​ใคร​เห็น​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอ​อก​ไป​ข้างนอก​หรือไม่​ ​หรือ​มี​ใคร​ย้าย​ของ​ชิ้น​ใหญ่​ออก​ไป​ข้างนอก​หรือไม่​”​ ​พูดเสร​็​จก​็​หันไป​ถาม​หวัง​ซู่​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​”

​หวัง​ซู่​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​สั่นเทา​ ​“​คุณชาย​น้อย​สี่​และ​คุณชาย​น้อย​ห้า​นั่ง​ดู​งิ้ว​ที่​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​ ​บ่าว​ยืน​มอง​คุณชาย​น้อย​สอง​คน​อยู่​ใต้​บันได​ตลอด​ ​มีพี​่​หญิง​ที่​จวน​ยก​ของว่าง​มา​ให้​บ่าว​ ​บ่าว​จึง​หันหน้า​ไป​ขอบคุณ​พี่​หญิง​ ​แต่​พอ​หันหน้า​กลับมา​อีกที​ก็​ไม่เห็น​คุณชาย​น้อย​สี่​กับ​คุณชาย​น้อย​ห้า​แล้ว​ขอรับ​ ​บ่าว​จึง​รีบ​ไป​ตามหา​ ​แต่​เดิน​หาร​อบ​ๆ​ ​ก็​ไม่เห็น​คุณชาย​น้อย​ทั้งสอง​คนเลย​ขอรับ​”

​ที่นี่​คือ​จวน​ของ​คุณชาย​สาม​ ​บางที​่​หวัง​ซู่​อาจจะ​ไม่​คุ้นเคย​ ​แล้ว​สะใภ้​หนาน​หย่ง​ก็​คอย​ดูแล​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอยู​่

​นาง​รีบ​พูด​”​ตอนที่​เจ้า​ตามหา​พวกเขา​เจ้า​เห็น​คน​ของ​คุณชาย​น้อย​ห้า​หรือไม่​”

​“​ไม่เห็น​ขอรับ​!​”​ ​หวัง​ซู่​พลัน​ได้สติ​กลับมา​ ​“​บ่าว​ยืน​อยู่​ตรง​บันได​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​ ​ส่วน​คน​ของ​คุณชาย​น้อย​ห้า​ยืน​อยู่​ข้างหลัง​คุณชาย​น้อย​ทั้งสอง​ท่าน​ขอรับ​”

​ท่ามกลาง​สภาพแวดล้อม​ที่​วุ่นวาย​เช่นนี้​ ​สือ​อี​เหนียง​ส่ง​คน​ไปดู​แล​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​อยู่​แล้ว​ ​คน​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​ไม่เห็น​สวี​ซื่อ​จุน​ ​แต่​คน​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​ลับ​ไม่มี​การเคลื่อนไหว​อะไร​ ​แล้ว​คน​ของ​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​ก็​ยัง​ไม่ได้​เจอกัน​…

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​สงบสติอารมณ์​ลง​ ​นาง​สวม​รองเท้า​พร้อมกับ​บอก​ให้​หง​เหวิน​ดูแล​จิ​่น​เกอ​ให้​ดี​ ​จากนั้น​ก็​เรียก​จู๋​เซียง​และ​ชิว​อวี​่​ ​“​จู๋​เซียง​เจ้า​พา​อวี​้​เหมย​และ​คนอื่นๆ​ ​ออก​ไปหา​ข้างนอก​ ​ส่วน​ชิว​อวี​่​เจ้า​ไปหา​ที่​หลัง​ลาน​กับ​ข้า​”​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​กำชับ​หวัง​ซู่​ ​“​ไป​ตาม​สาวใช้​ที่​นำ​ของว่าง​ให้​เจ้า​มาหา​ข้า​ ​ข้ามี​เรื่อง​จะ​ซักถาม​นาง​”​ ​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​จากนั้น​ก็​มา​เจอกัน​ที่ทาง​เดิน​ข้าง​เรือน​หลัก​”

​ทุกคน​ขานรับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

​อาจจะ​เป็นเพราะว่า​ผู้คน​ไปดู​งิ้ว​กัน​หมด​ ​หลัง​ลาน​เลย​ไม่มี​คน​สัก​คน​ ​แต่​มีเสียง​ฆ้อง​ ​เสียง​กลอง​และ​เสียงหัวเราะ​ดัง​มาจาก​หน้า​ลาน​เป็นครั้งคราว​ ​พลอย​ทำให้​หลัง​ลาน​ยิ่ง​ดู​วังเวง

​สือ​อี​เหนียง​หันกลับ​มา​อย่างรวดเร็ว​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​เดิน​ไป​ตรงจุด​ที่​นัด​เจอกัน

​ที่นั่น​มี​คน​สาม​คน​ยืน​อยู่​ด้วย​ความไม่สบายใจ​ ​คน​หนึ่ง​คือ​หวัง​ซู่​ ​คน​หนึ่ง​คือ​ป้า​รับใช้​ที่​อายุ​สามสิบ​กว่า​ปี​ ​ส่วน​อีก​คน​หนึ่ง​คือ​สาวใช้​น้อย​อายุ​สิบเอ็ด​สิบสอง​ปี

​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ ​พวกเขา​ทั้ง​สาม​คน​ก็​เดิน​เข้ามา​ด้วย​สีหน้า​ตื่นตระหนก​ ​ป้า​รับใช้​วัย​สามสิบ​กว่า​ปี​และ​สาวใช้​น้อย​คุกเข่า​ลง​บน​พื้น​อย่าง​ไม่สบายใจ​ ​“ฮู​หยิน​สี่​เจ้า​คะ​ ฮู​หยิน​สาม​บอก​ให้​บ่าว​นำ​ของว่าง​ไป​ให้​คุณชาย​น้อย​ทั้งสอง​ท่าน​ทาน​เจ้าค่ะ​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​ชี้​ไป​ที่​สาวใช้​น้อย​คน​นั้น​ ​“​นาง​คือ​คนดู​แล​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​เจ้าค่ะ​”

​ในขณะที่​นาง​พูด​ ​ฟัง​ซื่อ​ก็​พาสาว​ใช้​คน​หนึ่ง​เดิน​หอบ​เข้ามา​ ​“​ท่าน​อาสะใภ้​สี่​เจ้า​คะ​ ​ข้า​ถาม​มา​แล้ว​ ​ไม่มีใคร​เห็น​คุณชาย​น้อย​สี่​และ​คุณชาย​น้อย​ห้า​ออก​ไป​ข้างนอก​ ​แล้วก็​ไม่มีใคร​ย้าย​ของ​ชิ้น​ใหญ่​ออก​ไป​ข้างนอก​”​ ​จากนั้น​ก็​มอง​ไป​ที่​ป้า​รับใช้​และ​สาวใช้​สอง​คน​นั้น​ ​ก่อน​จะ​พูด​ด้วย​ความสงสัย​ ​“​เหตุใด​พวก​เจ้า​ถึง​มา​อยู่​ที่นี่​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​เข้าใจ​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​รีบ​หันไป​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​อาสะใภ้​สี่​ ​สอง​คน​นี้​คือ​ผู้ติดตาม​ของ​ข้า​เอง​ ​รับใช้​ข้ามา​ตั้งแต่​เด็ก​ๆ​ ​แล้ว​เจ้าค่ะ​…​”

เช่นนั้น​ก็​หมายความว่า​ ​เรื่อง​นี้​เป็น​เหตุฉุกเฉิน

​สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​ ​ก่อน​จะ​พูด​กับ​หวัง​ซู่​ ​“​ไป​ ​เรา​ไปดู​ข้างนอก​กัน​!​”

​ฟัง​ซื่อ​ไม่กล้า​รอช​้า​ ​รีบ​เดินตาม​ไป​ทันที

​เวที​สูง​ตั้งอยู่​ทางทิศใต้​หันหน้า​ไป​ทาง​ทิศเหนือ​ ​รอบ​เวที​ล้อมรอบ​ไป​ด้วย​ผ้า​สีแดง​ ​บน​เวที​คน​กำลัง​ขับร้อง​เพลง​ ​‘​ชม​โคมไฟ​’​ ​สอง​สามีภรรยา​กำลัง​พูดคุย​กัน​อย่าง​มีความสุข​

​แขก​ผู้หญิง​คนสำคัญ​อยู่​ที่​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​ ​แขก​ผู้ชาย​อยู่​ที่​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันตก​ ​เพื่อนบ้าน​ทั่วไป​นั่ง​ดู​งิ้ว​อยู่​ใน​ลาน​ ​มีทั​้ง​เด็ก​และ​ผู้ใหญ่​ ​บรรยากาศ​คึกคัก​เป็นอย่างมาก

​สือ​อี​เหนียง​ยืน​มอง​อยู่​ตรง​ทางเดิน​ระหว่าง​ห้อง​หลัก​และ​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​ ​จู๋​เซียง​เดิน​ออกมา​จาก​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​พอดี​ ​พวก​นาง​มองหน้า​กัน

​“​เป็น​เช่นไร​บ้าง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รีบ​ถาม​ขึ้น

​“​คน​ของ​คุณชาย​น้อย​ห้า​บอกว่า​ ​ป้า​หนา​นอยู​่​กับ​คุณชาย​น้อย​ห้า​เจ้าค่ะ​”​ ​จู๋​เซียง​พูด​ต่อ​อีก​ ​“​บ่าว​เลย​บอก​ให้​พวกเขา​ไป​ตามหา​ป้า​หนาน​ ​ยัง​ไม่มี​ข่าวคราว​เจ้าค่ะ​”

​สือ​อี​เหนียง​ก้มหน้า​ครุ่นคิด

​กลุ่ม​หญิงสาว​ที่​หน้าตา​สะสวย​และ​แต่งตัว​งามสง่า​ที่​ยืน​อยู่​ตรงนั้น​ ​มีบา​งค​นกำ​ลัง​จ้องมอง​มาที​่​พวก​นาง​

​ฟัง​ซื่อ​ไม่กล้า​พูด​อะไร​ ​จู๋​เซียง​ครุ่นคิด​แล้ว​เรียก​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​กำลังจะ​เอ่ย​เตือน​สือ​อี​เหนียง​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​ชี้​ไป​ที่​ผ้า​สีแดง​ใต้​เวที​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ตรงนั้น​พวก​เจ้า​หา​แล้ว​หรือยัง​”

​ตรงนั้น​คือ​ที่​ที่​นักแสดง​งิ้ว​ใช้​เปลี่ยนหน้า​กาก​และ​พักผ่อน

​จู๋​เซียง​และ​หวัง​ซู่​พลัน​ตระหนัก​ได้​ ​พวกเขา​สอง​คน​รีบ​พูด​ขึ้น​พร้อมกัน​ ​“​บ่าว​จะ​ไปดู​ประเดี๋ยวนี้​ขอรับ​/​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​มุด​ตัว​เข้าไป​ข้างใน​ผ้า​สีแดง

​สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​มุด​ตาม​เข้าไป

​กลิ่น​แป้ง​พุ่ง​เข้ามา​เตะจมูก​ ​กวาดตา​ดูแล​้ว​ ​ข้างใน​มี​คน​ประมาณ​สิบ​คน​ ​หนึ่ง​ใน​นั้น​คือ​ชายหนุ่ม​หน้าตา​หล่อเหลา​ ​สวม​ชุด​สีฟ้า​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ที่​มี​เพียง​ตัว​เดียว​ใน​ซุ้ม​อย่างสบายใจ​ ​มี​เด็กผู้ชาย​สอง​คน​อายุ​ราว​เจ็ด​แปด​ขวบ​กำลัง​รับใช้​เขา​อยู่​ข้างๆ​ ​แล้วยัง​มี​เด็กผู้ชาย​สาม​คน​ ​คนที​่​โตก​ว่านั​่ง​เก็บ​เสื้อผ้า​และ​เครื่องประดับ​ที่​ใช้​สำหรับ​การแสดง​งิ้ว​อย่าง​เงียบๆ​ ​ส่วน​คนอื่นๆ​ ​กำลัง​รวมตัว​พูดคุย​หัวเราะ​กัน​ ​ทันใดนั้น​ก็​มี​คน​ตะโกน​บอก​คนที​่​นั่ง​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ว่า​ ​“​…​ศิษย์​พี่​เจ็ด​ ​ท่าน​รีบ​มาดู​เร็ว​เข้า​ ​เหมือน​หลิ่ว​ฮุ่ย​ฟัง​ที่​โด่งดัง​ใน​เยี​่​ยน​จิง​ตอนนั้น​หรือไม่​…​”​ ​แต่กลับ​สังเกตเห็น​สือ​อี​เหนียง​ที่​มีสี​หน้า​เคร่งขรึม​

​ชาย​คน​นั้น​เงียบ​ไป​ทันที​

​คนที​่​อยู่​รอบ​ๆ​ ​รู้สึก​ได้​ถึง​ความผิดปกติ​ ​พวกเขา​ค่อยๆ​ ​หันหน้า​มาม​อง​สือ​อี​เหนียง​ทีละ​คน​ ​ก่อน​จะ​กระจาย​ตัว​กัน

​สือ​อี​เหนียง​เห็น​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สะใภ้​หนาน​หย่ง​ที่​ยืน​อยู่​ตรงนั้น​ด้วย​สีหน้า​กลืนไม่เข้าคายไม่ออก​ ​แล้วยัง​มีส​วี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่​สีหน้า​เต็มไปด้วย​ความตื่นเต้น

​สีหน้า​ของ​นาง​ยิ่ง​เคร่งขรึม

​แต่​จู๋​เซียง​และ​หวัง​ซู่​กลับ​ไม่​สังเกตเห็น

​ความตกใจ​ปน​ดีใจ​ทำเอา​อีก​คน​ตะโกนเรียก​ ​“​คุณชาย​น้อย​สี่​”​ ​ส่วน​อีก​คน​หนึ่ง​ก็​ตะโกนเรียก​ ​“​คุณชาย​น้อย​ห้า​”​ ​จากนั้น​ก็​วิ่ง​พรวด​เข้าไป​หาด​้ว​ยน​้ำ​ตา​คลอ​เบ้า

​คนที​่​กำลัง​ล้อมรอบ​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี้ยมี​สีหน้า​ไม่สบายใจ​ ​พวกเขา​ถอย​ออก​ไป​ด้วย​สีหน้า​ที่​หวาดกลัว

​บรรยากาศ​ข้างใน​พลัน​ตึงเครียด​ขึ้น​มาทัน​ที

​คนที​่​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​รีบ​ยืน​ขึ้น​แล้ว​โค้ง​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“ฮู​หยิน​ ​ท่าน​คือ​?​”

​สือ​อี​เหนียง​ไม่​ชายตามอง​เขา​เลย​แม้แต่น้อย

​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​!​”​ ​สะใภ้​หนาน​หย่ง​หน้าซีด​ ​มอง​ไป​ยัง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สีหน้า​ที่​รู้สึก​ผิด

​แต่​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​ลับ​วิ่ง​ไปหา​สือ​อี​เหนียง

​“​ท่าน​แม่​ขอรับ​!​”​ ​เขามอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สายตา​ที่​เป็นประกาย​ ​จากนั้น​ก็​สะบัด​แขน​เสื้อ​ยาว​ๆ​ ​“​สวย​หรือไม่​ขอรับ​”

​ผ้าไหม​สีฟ้า​อ่อน​ ​ประดับ​ใบหน้า​ที่​อ่อนเยาว์​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​ราวกับ​ดอก​กล้วยไม้​หยก​สีขาว​ที่​ผลิบาน​ใน​ต้นเดือน​สี่​ก็​ไม่​ปาน

​มี​อะไร​บางอย่าง​พุ่ง​เข้ามา​ใน​หัวใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​ทำให้​นาง​รู้สึก​เจ็บ​ตรงหน้า​อก​จน​ตาลาย

​“​ท่าน​แม่​ขอรับ​!​”​ ​เสียง​ตื่นตระหนก​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยดัง​ขึ้น​มา​ข้าง​หู​ ​มี​คน​ช่วย​ประคอง​นาง​ ​“ฮู​หยิน​ ​ท่าน​เป็น​อะไร​เจ้า​คะ​!​”

​สือ​อี​เหนียง​สูด​ลมหายใจ​เข้า​ลึก​ๆ​ ​จากนั้น​ก็ได้​สติก​ลับ​มา​

​เมื่อ​เห็น​ใบหน้า​ที่​ทั้งเป็น​ห่วง​ทั้ง​หวาดกลัว​ที่อยู่​ตรงหน้า​ ​นาง​ก็​ยิ้ม​ขึ้น​แล้ว​เอ่ย​ปลอบใจ​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​แม่​ไม่เป็นอะไร​ ​ที่นี่​แออัด​เกินไป​!​”

​“​อ้อ​!​”​ ​นาง​เห็น​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ต่าง​ก็​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​จากนั้น​พวกเขา​ก็​กลับมา​ยิ้ม​อีกครั้ง​

​“​ท่าน​แม่​ ​ข้า​ประคอง​ท่าน​ออก​ไป​ข้างนอก​ดีกว่า​ขอรับ​!​”​ ​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​รีบ​เดิน​เข้ามา​เบียด​จู๋​เซียง​และ​สะใภ้​หนาน​หย่ง​ที่​กำลัง​ประคอง​สือ​อี​เหนียง

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ลูบ​หัว​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ราวกับ​นึก​อะไร​ขึ้น​มา​ได้​ ​เขา​รีบ​ถอด​เสื้อ​ที่​สวม​อยู่​ออก​แล้ว​ยื่น​ให้​คนที​่​อยู่​ข้างๆ​ ​จากนั้น​ก็​วิ่ง​มาหา​สือ​อี​เหนียง​ ​ยิ้ม​แล้ว​ประคอง​สือ​อี​เหนียง​ออก​ไป​ข้างนอก​

​วันนี้​ไม่​ค่อย​มี​แดด​ ​แต่​ไม่รู้​ว่า​เพราะเหตุใด​ ​ทันทีที่​ออกมา​จาก​ใต้​เวที​ ​สือ​อี​เหนียง​กลับ​รู้สึก​ว่า​แสงแดด​แยง​ตายิ​่ง​นัก

​มือ​ข้าง​หนึ่ง​จับ​สวี​ซื่อ​จุน​ ​มือ​อีก​ข้าง​หนึ่ง​จับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​

​“​ทำไม​พวก​เจ้า​ถึง​มา​อยู่​ที่นี่​ ​ทำเอา​พวก​ข้า​ตกใจ​จน​วิ่ง​หากัน​จน​ทั่ว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​อย่าง​อ่อนโยน​โดย​ไม่มี​กลิ่นอาย​ของ​ความโมโห​เลย​แม้แต่น้อย​ ​“​ต่อไป​จะ​ทำ​เช่นนี้​ไม่ได้​ ​รู้​หรือไม่​”​ ​นาง​พูด​กับ​สวี​ซื่อ​จุน​ ​“​หาก​จะ​ไป​ไหน​ ​ก็​อย่า​ลืม​บอก​คน​ของ​ตัวเอง​”

​สวี​ซื่อ​จุน​อธิบาย​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​ด้วย​ความรู้สึกผิด​ ​“​ล้วนแต่​เป็นความ​ผิด​ของ​ข้า​ขอรับ​ ​ข้า​ไม่​ควร​พาน​้​อง​ห้า​ไป​หลัง​เวที​!​”

​สวี​ซื่อ​จุน​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ไม่ใช่​ความผิด​ของ​พี่​สี่​ ​ข้า​อยาก​ไป​เอง​ขอรับ​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​จับ​ไหล่​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​พลาง​เดิน​เข้าไป​ใน​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ

​จิ​่น​เกอ​ยัง​หลับ​อยู่

​ฟัง​ซื่อ​เห็น​ว่า​เรื่องราว​นั้น​คลี่คลาย​ลง​แล้ว​ ​จึง​ลุกขึ้น​ขอตัว​ลา​

​สือ​อี​เหนียง​ไล่​บ่าว​รับใช้​ออก​ไป​แล้ว​ถาม​สวี​ซื่อ​จุน​ ​“​เมื่อครู่นี้​เหตุใด​คน​เหล่านั้น​ถึง​ล้อมรอบ​พวก​เจ้า​แล้ว​หัวเราะ​”

​สวี​ซื่อ​จุน​หน้าแดง​ ​“​มี​คน​บอกว่า​น้อง​ห้า​หน้าตา​เหมือน​คนที​่​มีนาม​ว่า​หลิ่ว​ฮุ่ย​ฟัง​ ​น้อง​ห้า​จึง​ถาม​ว่า​ใคร​คือ​หลิ่ว​ฮุ่ย​ฟัง​ ​คน​คน​นั้น​จึง​บอกว่า​ ​คือ​นักแสดง​งิ้ว​ที่​มีชื่อเสียง​ใน​เยี​่​ยน​จิง​ ​ที่​ขับร้อง​เพลง​ ​‘​หอกุ​่น​โหลว​’​ ​อัน​โด่งดัง​ขอรับ​ ​แล้ว​เขา​ยัง​ร้อง​ให้​ฟัง​สอง​สาม​ท่อน​ ​พอน​้​อง​ห้า​ได้ยิน​จึง​ร้อง​ตาม​”​ ​พูด​จบ​ ​เขา​ก็​มอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สีหน้า​ที่​ตื่นเต้น​ ​“​น้อง​ห้า​ร้อง​เหมือน​มาก​เลย​ขอรับ​!​”​ ​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​พอค​นค​นนั​้น​ได้ยิน​ ​จึง​ตะโกน​ขึ้น​มา​ ​แล้ว​สอน​น้อง​ห้า​ร้อง​อีก​สอง​สาม​ท่อน​ ​พอน​้​อง​ห้า​ฟัง​แล้วก็​ร้อง​ได้​ทันที​ ​คน​เหล่านั้น​ได้ยิน​เช่นนี้​จึง​เดิน​เข้ามา​ล้อมรอบ​พวก​ข้า​ ​สะใภ้​หนาน​หย่ง​เลย​จะ​พาน​้​อง​ห้า​ออกมา​ ​แต่​น้อง​ห้า​กลับ​อยาก​ให้​คน​คน​นั้น​สอน​เขา​ร้อง​ต่อ​อีก​สัก​สอง​สาม​ท่อน​…​”​ ​พูด​จบ​ ​เขา​ก็​ก้มหน้า​ลง​ ​“​ล้วนแต่​เป็นความ​ผิด​ของ​ข้า​ ​ที่​ไม่​ช่วย​สะใภ้​หนาน​หย่ง​พาน​้​อง​ห้า​ออกมา​ขอรับ​…​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ทำ​สีหน้า​หวาดกลัว​แต่กลับ​พูด​ขึ้น​เบา​ๆ​ ​“​ท่าน​แม่​ขอรับ​ ​ข้า​…​ข้า​ร้อง​ตาม​ได้​ทันที​…​แล้วยัง​ขับร้อง​ได้​ไพเราะ​กว่า​คน​คน​นั้น​เสียอีก​”

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​กวักมือ​เรียก​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เข้ามา​ใกล้​ๆ​ ​กอด​เขา​พลาง​เอ่ย​ถาม​สวี​ซื่อ​จุน​ ​“​น้อง​ห้า​ชอบ​ร้องเพลง​งิ้ว​ ​แล้วยัง​ร้อง​ได้ดี​ ​เหตุใด​เจ้า​ถึง​จะ​ลาก​น้อง​ห้า​ออกมา​เล่า​”

​สวี​ซื่อ​จุน​เบิกตา​กว้าง​ ​เงียบ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​พูด​เบา​ๆ​ ​“​เพราะ​คน​เหล่านั้น​หัวเราะ​…​หัวเราะ​…​ ​“​ ​ราวกับ​ไม่รู้​ว่า​จะ​อธิบาย​อย่างไร

​“​หัวเราะ​จน​ทำให้​คน​รู้สึก​ไม่สบายใจ​ใช่​หรือไม่​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​เขา

​“​ใช่​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​พยักหน้า​ ​“​แล้ว​พวกเขา​ก็​ยัง​พูดจา​แปลก​ๆ​ ​ราวกับ​กำลัง​หัวเราะเยาะ​พวก​ข้า​!​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​โมโห

มา​จัดแสดง​งิ้ว​ใน​จวน​ของ​สวี​ลิ่ง​หนิง​ ​ถึงแม้ว่า​นักแสดง​งิ้ว​เหล่านั้น​จะ​ไม่รู้​จัก​พวกเขา​สอง​คน​ ​แต่​เมื่อ​เห็น​สวี​ซื่อ​จุน​สวม​เสื้อผ้า​ไหม​ทอ​ลาย​ ​เห็น​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยสวม​ผ้าไหม​สู่​จิ​่น​ ​พวกเขา​ก็​ควรจะ​รู้​ว่า​เด็ก​ทั้งสอง​คน​นี้​ไม่ใช่​เด็ก​จาก​ตระกูล​ธรรมดา​ ​ให้​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ร้อง​งิ้ว​ยัง​ไม่พอ​ ​แล้วยัง​หัวเราะเยาะ​ ​นี่​แสดงถึง​นิสัย​เนื้อแท้​ของ​คน​เหล่านี้

​“​เช่นนั้น​พวก​เจ้า​ก็​ไม่ต้อง​ไป​ที่นั่น​อีก​ ​รู้​หรือไม่​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ต่อไป​ ​“​ที่​แบบ​นั้น​ไม่ใช่​สถานที่​ที่​สุภาพบุรุษ​ที่​ดี​ควร​ไป​”

​“​รู้​แล้ว​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ตอบรับ​เสียงดัง

​สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​จากนั้น​นาง​ก็​ขมวดคิ้ว​พลาง​ถาม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​เจ้า​ชอบ​ขับร้อง​เพลง​งิ้ว​มาก​หรือ​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รู้สึก​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ไม่​ค่อย​พอใจ​ ​จึง​รีบ​พูด​ปฏิเสธ​ ​“​ข้า​ไม่​ชอบ​ขอรับ​!​”​ ​แต่​พอ​พูด​จบ​ ​ก็​รู้สึก​เสียใจ

​สือ​อี​เหนียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​ทำใจ​แข็ง​ ​โอบ​ตัว​เขา​เข้ามา​กอด​เอาไว้​ใน​อ้อมแขน​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เด็กดี​”​ ​นาง​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ร้องเพลง​ใคร​ก็​ร้อง​ได้​ ​แต่ว่า​ดีด​พิณ​ ​เป่าขลุ่ย​ ​ใช่​ว่า​ใคร​ก็​เล่น​เป็น​!​ ​เจ้า​ดู​พี่​สี่​ของ​เจ้า​สิ​ ​เขา​ฉลาด​ขนาด​นี้​ ​แต่​ยัง​เรียน​เป่าขลุ่ย​ไม่เก่ง​เท่า​เจ้า​เลย​!​”

​สวี​ซื่อ​จุน​พยักหน้า​

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้​ฟัง​แล้วก็​ดีใจ​ ​มุด​หน้า​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​สือ​อี​เหนียง​อย่าง​เขินอาย

​สาม​แม่​ลูก​หัวเราะ​คิกคัก​ ​พลอย​ทำให้​จิ​่น​เกอ​ตกใจ​ตื่น​ ​เขา​ลุกขึ้น​นั่ง​อย่าง​งงงวย​ ​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​โอบกอด​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​เขา​ก็​รีบ​พุ่งตัว​เข้าไป​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​แม่​ขอรับ​!​”

​สือ​อี​เหนียง​จึง​ปล่อย​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​แล้ว​อุ้ม​จิ​่น​เกอ

​จิ​่น​เกอ​ดีใจ​ ​กอด​คอมา​รดา​แน่น​แล้ว​ตะโกนเรียก​ ​“​พี่ชาย​”​ ​ด้วย​ท่าที​เหมือน​กำลัง​บอกว่า​ ​‘​ข้า​เรียก​เจ้า​แล้ว​ ​เจ้า​อย่า​มา​แย่ง​ท่าน​แม่​ของ​ข้า​’

​สวี​ซื่อ​จุน​เห็น​แล้วก็​หัวเราะ

​แต่​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​ลับ​ลูบ​หัว​ตัวเอง​อย่าง​กระอักกระอ่วน

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ตบ​ก้น​จิ​่น​เกอ​เบา​ๆ

​จิ​่น​เกอ​ยิ่ง​กอด​มารดา​แน่น​ขึ้น​กว่า​เดิม

​สือ​อี​เหนียง​ ​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ต่าง​ก็​พากัน​หัวเราะ​ด้วย​ความขบขัน

​บรรยากาศ​ใน​ห้อง​พลัน​ครื้นเครง​ขึ้น​มา​

​จากนั้น​มีสาว​ใช้​น้อย​เข้ามา​รายงาน​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​โจว​เต​๋อ​ฮุ่ย​ ​หัวหน้า​คณะ​เต​๋​ออิน​ปาน​มา​ขอ​พบ​เจ้าค่ะ​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท