หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1397 คัน

บทที่ 1397 คัน
อีกฝ่ายมองไม่เห็นตนเอง จุดนี้มิใช่เพราะหวังเป่าเล่อพิเศษ แต่เป็นเพราะในยามที่เขาสัมผัสถึงดนตรีของอีกฝ่าย พลังบางอย่างในตัวของเขาก็พลันหลอมเข้ากับเต๋าดนตรีนั้นไปด้วยแล้ว
ก็เหมือนกับตัวเขาเอง กลายเป็นส่วนหนึ่งของเต๋าดนตรีของอีกฝ่าย เช่นนี้จึงทำให้ผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีรายนั้นต่อให้จะแผ่พลังจนสุดกำลังให้เต๋าดนตรีครอบคลุมทั้งแปดทิศ ก็ยังยากจะรู้สึกได้ว่าหวังเป่าเล่ออยู่ไม่ไกล
และในยามนี้เอง หลังจากที่หวังเป่าเล่อเอ่ยปาก ผู้ฝึกตนเต๋าดนตรีรายนั้นก็หน้าเปลี่ยนสี ในใจตกตะลึง แต่ในเมื่อเขาศึกษาวิชานี้มาเป็นเวลาหลายปี ความรู้ในด้านทำนองดนตรีจึงไม่ธรรมดา ดังนั้นหลังจากผ่านไปหลายชั่วอึดใจ เขาก็พบปัญหาข้อนี้ จึงรีบถอยร่างอย่างรวดเร็ว แล้วดึงพลังแห่งท่วงทำนองดนตรีที่แผ่ออกไปแปดด้านกลับมาทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำให้ตำแหน่งของหวังเป่าเล่อทางนั้นปรากฏชัดขึ้นเล็กน้อย หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่น ผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีรายนี้คงยากที่จะจับสังเกตท่วงทำนองที่คล้ายคลึงกับตนเองนี้ได้ แต่ในยามนี้เขาทุ่มสมาธิทั้งหมด ก็ค่อยๆ จับความผิดปกตินี้ได้
“ที่แท้ก็อยู่ที่นี่!” ระหว่างที่กล่าวนั้น ผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีก็ปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย เขาถอยร่างพลางยกมือขวาขึ้น จากนั้นก็ชี้ไปยังทิศทางที่สัมผัสได้ว่าหวังเป่าเล่อซ่อนตัวอยู่ทันที
ทันใดนั้นเสียงซ่าซ่าแห่งท่วงทำนองก็ดังขึ้นสะท้านใจคนรอบทิศ กระทั่งว่าแมกไม้ในป่าพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง ก่อเกิดเสียงดังลั่นราวจะระเบิดพลังพุ่งมายังหวังเป่าเล่อทางนี้ สะกดทับลงมา
เมื่อพัดผ่านไปที่ใด รอบด้านก็พลันบิดเบี้ยว เสียงนี้นำจิตแห่งการทำลายมาด้วย ราวกับคิดจะบดขยี้หวังเป่าเล่อให้เป็นผุยผง
เมื่อมองเห็นระเบิดเสียงเข้ามาใกล้ หวังเป่าเล่อกลับไม่ได้หลบหลีก กระทั่งว่าดวงตาของเขาสว่างวาบครั้งหนึ่ง เขาพบว่าโน้ตดนตรีภายในร่างนั้นรวมตัวกันได้เร็วขึ้น และไปถึงจุดสูงสุดในยามนี้เอง
สามตัว ห้าตัว สิบตัว ยี่สิบตัว โน้ตแต่ละตัวค่อยๆ พากันหลอมประสาน จนแม้แต่ตัวของหวังเป่าเล่อเองยังต้องตะลึง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน…” แม้จะตกตะลึง แต่ก็ยินดีเสียมากกว่า ดังนั้นแล้วแม้พลังแห่งดนตรีนี้จะโถมเข้ามา แต่หวังเป่าเล่อกลับยังนั่งนิ่งไม่ขยับ ยอมให้พลังปราณแห่งระเบิดเสียงนี้ ครอบคลุมตัวเองไว้ข้างใน
เมื่อมองจากระยะไกล กลุ่มท่วงทำนองอันอัดแน่นนี้คล้ายจะกลายร่าง แปลงเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์คล้ายกับไม้กองหนึ่ง ส่วนหวังเป่าเล่อนั้นอยู่ท่ามกลางใบไม้ ถูกครอบคลุมเอาไว้จนรู้สึกย่ำแย่
เห็นเป็นเช่นนี้ก็จริง แต่แท้จริงแล้วในใจหวังเป่าเล่อกลับรู้สึกยินดีสุดขีด เกือบจะเรียกได้ว่าตื่นเต้น เกรงว่าตัวเองเผยพลังที่แท้จริงออกไปจนทำให้อีกฝ่ายตกใจและไม่มาเติมพลังการฝึกตนให้ตนเองอีก
ดังนั้นแล้วหวังเป่าเล่อจึงรีบแสดงสีหน้าเจ็บปวดขึ้นมา ราวกับว่าพยายามฝืนต้านระเบิดเสียงอยู่ ท่าทางใกล้จะพ่ายแพ้แล้ว
“ก็แค่นี้เอง” ผู้ฝึกตนรายนั้นเมื่อเห็นฉากนี้เข้า ก็ผ่อนคลายจิตใจลงก่อนจะแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง เขากักตนตัวเองเอาไว้ตั้งหลายปี ย่อมต้องแตกต่างกับสมัยก่อนแล้ว คู่ต่อสู้คนนี้แม้จะซ่อนตัวเร้นลับ แต่เมื่อตนเองลงมือผลสุดท้ายยังต้องพ่ายแพ้อยู่ดี
ความคิดถือดีขุมหนึ่งผุดขึ้นภายในใจของเขา ผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีรายนี้เหลือบตามองหวังเป่าเล่อที่สีหน้าทนทุกข์ทรมาณ ก่อนจะเอ่ยปากเรียบนิ่ง
“อย่างมากสิบลมหายใจ เจ้าจะต้องตายแน่นอน ตอนนี้หากร้องขอชีวิต บางทีข้าอาจจะละเว้นเจ้า”
คำพูดนี้ของเขาทำให้หวังเป่าเล่อซาบซึ้งอยู่บ้าง และในเวลาเดียวกันก็แอบรู้สึกผิด เพราะอีกฝ่ายดูไปแล้วเหมือนจะสู้ให้ถึงที่สุด แต่เจตนาที่ส่อออกมาทางคำพูด ไม่ได้คิดจะสังหารตน
“ช่างเถอะ ในเมื่อเขามีใจเมตตา เช่นนั้นข้าก็จะมอบผลดีให้แก่เขาพอแล้ว” หวังเป่าเล่อคิดถึงตรงนี้ ก็ค่อยๆ จมจ่อมอยู่กับการรับรู้ของตนเอง
ก็เป็นเช่นนี้ สิบลมหายใจถัดไป หลังจากที่หวังเป่าเล่อไม่ได้ดิ้นรนอีก ผู้ฝึกตนรายนั้น พลันค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ กล่าวกันตามตรงแล้ว คนเบื้องหน้าตนควรจะอดทนไม่ไหวถึงจะถูก
แต่อีกฝ่ายสามารถยืนหยัดมาได้ถึงตรงนี้ นี่ทำให้ดวงตาของผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีรายนี้สว่างขึ้นมาวาบหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาไม่ยินดีจะเพิ่มพลัง จริงๆ แล้วนั้นมิใช่เพราะไม่คิดจะสังหาร แต่เพราะไม่อยากสิ้นเปลืองพลังของตนเองมากกว่า
โดยเฉพาะความมุ่งหมายของเขาก็คือทะยานสู่สิบอันดับแรก แล้วชิงที่หนึ่ง
แต่มาตอนนี้ มองเห็นหวังเป่าเล่อในที่นี้ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ เขาที่กลัวว่าหากพิรี้พิไรสถานการณ์จะเปลี่ยน หลังจากแววตาทอประกายกล้า ก็แค่นเสียงออกมา “ในเมื่อเจ้ารนหาที่ ก็อย่าได้โทษข้า” กล่าวแล้ว ผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีก็ยกมือขวาขึ้น ฉับพลันมันคว้ามาทางหวังเป่าเล่อกลางอากาศ การคว้าครั้งนี้ พลันปรากฏเงาร่างแห่งเวทดนตรีรูปใบไม้ขึ้นรอบกายหวังเป่าเล่อ แล้วบิดรูปขึ้นมาล้อมหวังเป่าเล่อเอาไว้ข้างใน การลงมือนั้น ราวกับว่าต้องการจะบดขยี้อีกฝ่ายจนตาย
ผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีรายนั้นฉีกยิ้มพลางใช้แรง แต่ตอนนั้นเองเขาก็ต้องเบิกตากว้าง นัยน์ตาค่อยๆ หดลีบลง หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ฝืนกลืนน้ำลายลงเอื๊อก ลมหายใจกระชั้นก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนจากไม่อยากเชื่อเป็นลนลาน
แท้จริงแล้ว มันยากมากที่เขาจะไม่แตกตื่น ก่อนหน้านี้เขายังจับสัมผัสได้ไม่ดีพอ แต่ตอนนี้เมื่อส่งกระแสจิตเข้าสู่ท่วงทำนองเสียง แล้วควบคุมเวทแห่งเสียงเพื่อให้ออกแรงบีบ ทำให้ตัวเขาเองสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า เงาร่างใบไม้ของเขาทั้งหลายนั้นราวกับกำลังห่อหุ้มเหล็กอยู่ และไม่เหลือแรงบีบอัดแม้เพียงนิด
กระทั่งตัวเขายังมีความรู้สึกบางอย่าง ว่าถึงใบไม้ของตัวเองจะแหลกสลายแล้ว เกรงว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่เป็นอะไรอยู่ดี
แท้จริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น ใบไม้ที่ก่อเกิดจากกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงเหล่านี้ ดูๆ ไปแล้วโหดเหี้ยม แต่สำหรับหวังเป่าเล่อไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ทว่าเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่ได้ปิดบังต่อไป แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีที่สีหน้าซีดขาวด้วยความเบื่อหน่าย
การแหงนมองนี้ ราวกับทลายแรงฝืนยืนหยัดสุดท้ายในใจของเขาไปหมดสิ้น ผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีรายนั้นหอบหายใจเร่งเร้ารีบถอยร่างรวดเร็ว จากนั้นวิ่งหนีไปอย่างไม่หันหลังกลับ
ในใจของเขาเองสั่นสะท้าน เขารู้สึกได้แล้วว่า ตนคงได้พบกับผู้แข็งแกร่งซึ่งแอบซ่อนตัวอยู่ในสามสำนักเสียแล้ว…
“ข้าได้ยินมาว่าในสามสำนัก แต่ละที่ก็มีพวกที่แอบซ่อนพลังของตัวเองไว้ สมควรตายนัก…ทำไมข้าถึงได้เจอเข้าเล่า!” ระหว่างที่ในใจของเขากำลังบ้าคลั่ง ความเร็วของผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีรายนั้นก็ยิ่งเร็วขึ้น ส่วนหวังเป่าเล่อทางด้านนั้นกลับถอนหายใจออกมา
“ท่วงทำนองลดลงเยอะไปแล้ว…” หวังเป่าเล่อส่ายหน้า เขาก็แค่อยากสัมผัสเสียงดนตรีอย่างสบายใจสักหน่อย ตอนนี้ระหว่างที่ถอนหายใจ เขาก็ขยับร่างเบาๆ ครั้งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงแกรกกราก ท่วงทำนองของใบไม้รอบตัวเขาก็พลันทลาย
หวังเป่าเล่อแหงนหน้ามองไปยังทางที่ผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีวิ่งหนีไป เขาโบกมือส่งๆ ครั้งหนึ่ง ไม่ได้ระเบิดท่วงทำนองนับแสนที่ซ้อนทับกันในร่างออกมา แต่กลับขยับมันเล็กน้อย ทันใดนั้น เบื้องหน้าที่ว่างเปล่าพลันเกิดเสียงถล่มทลายดังขึ้น ราวกับว่าในโลกแห่งเวทีประลองนี้คล้ายจะประคองต่อไม่ไหว กลายเป็นเหมือนรอยแตกน่าตะลึงคล้ายงูสีดำ พุ่งไปยังผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีที่รีบวิ่งเร็วรี่ โอบล้อมพุ่งเข้าไป
ฉากนี้ ทำให้สีหน้าของผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีพลันเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง ในสายตาของเขาคล้ายว่าสถานที่ประลองนี้กำลังจะฉีกแยก และงูสีดำที่ทำลายทุกสิ่งเหล่านี้กำลังอยู่เบื้องหน้าตน
“ข้ายอมแพ้!!” เมื่อช่วงเวลาเป็นตายมาเยือน ผู้ฝึกตนแห่งเต๋าดนตรีก็แผดเสียงร้องแหลม เกรงว่าหากตนช้ากว่านี้อีกนิดก็คงจะเหมือนกับมิติตรงนี้คือถูกฉีกทิ้งในพริบตา
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท