ตอนที่ 595 หลินเพ่ยหลบหนี
หลี่หมิงเฉิงเล่าให้หลินม่ายฟังด้วยความโกรธว่าว่านฮุ่ยไปสืบรู้ข่าวมาจากที่ไหนสักแห่ง ว่าหลินม่ายมอบรางวัลให้เขาเป็นห้องชุดแบบสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น หล่อนจึงเริ่มเข้าหาเขาอย่างดุเดือด
เรื่องที่ว่านฮุ่ยแอบตีท้ายครัวพี่สาวตัวเอง แพร่สะพัดจนกลายเป็นที่เล่าลือไปทั่ว
ไม่ว่าหลี่หมิงเฉิงจะเป็นคนซื่อบื้อแค่ไหน เขาก็ยังรู้ว่าเนื้อแท้ของว่านฮุ่ยเป็นอย่างไร แล้วคิดว่าเขาจะหลงกลหล่อนเหรอ?
ว่านฮุ่ยไม่มีความรักที่จริงใจกับใครทั้งนั้น หล่อนก็แค่หลอกใช้
ที่หล่อนพยายามยั่วยวนแฟนหนุ่มของพี่สาวตัวเอง ก็เพราะหล่อนอยากให้เขาจ่ายเงินส่งตัวเองเรียน
จุดประสงค์ที่หล่อนพยายามจะเข้าหาหลี่หมิงเฉิงเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เช่นเดียวกัน
ถึงหลี่หมิงเฉิงจะพยายามปฏิเสธว่านฮุ่ยไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสุภาพ แต่หล่อนก็เอาแต่ตามติดและรบกวนเขาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
เมื่อเช้าหลี่หมิงเฉิงแวะมาส่งวัตถุดิบให้กับร้านเหรินเจียนเยียนหั่วสาขาใหม่ ว่านฮุ่ยก็ตามมารบกวนเขาอีกครั้ง
เขาเบื่อขี้หน้าหล่อนแทบตาย ในที่สุดจึงทะเลาะกับว่านฮุ่ยอย่างรุนแรง
หลินม่ายเย้ยหยัน “หล่อนตีท้ายครัวพี่สาวตัวเองสำเร็จแล้วไม่ใช่เหรอ? มีคนจ่ายค่าเล่าเรียนให้แล้วแท้ ๆ ทำไมถึงยังมารังควานนายอีก?”
หลี่หมิงเฉิงแค่นเสียงตะคอก “คิดว่าไอ้หนุ่มนั่นเป็นคนรักเดียวใจเดียวหรือไง เขาเคยนอกใจพี่สาวหล่อนมาแล้วครั้งหนึ่งเพื่อไปทำเรื่องอย่างว่าลับหลังกับน้องสาวแฟนตัวเอง พอเบื่อของเล่นใหม่ก็เขี่ยทิ้ง เขาหรือจะยอมจ่ายค่าเล่าเรียนให้ว่านฮุ่ย?”
หลินม่ายนิ่งงันไป
เสี่ยวหม่านทุบหลี่หมิงเฉิงอย่างแรง ต่อว่าเขาด้วยความไม่พอใจ “ที่แท้พี่ก็ใช้ฉันเป็นเกราะกำบังเพื่อขับไล่ว่านฮุ่ยออกไปเท่านั้นเองเหรอ? ฉันไม่ยอมให้พี่เอาชื่อฉันไปอ้างฟรี ๆ นะ พี่ต้องพาฉันไปเลี้ยงข้าวด้วย”
หลี่หมิงเฉิงทำหน้าเหมือนคนท้องผูก “ฉันไม่ได้ใช้เธอเป็นเกราะกำบัง ฉัน… ฉันชอบเธอจริง ๆ…”
ทั้งหลินม่านและเสี่ยวหม่านตกตะลึงจนตาค้าง
เสี่ยวหม่านมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความไม่เชื่อถือ “ทำไมฉันถึงมองไม่ออกเลยล่ะ?”
หลินม่ายคิดในใจ แม้แต่ฉันก็มองไม่ออกเหมือนกัน
ถ้าหลี่หมิงเฉิงชอบเสี่ยวหม่านจริง ๆ แล้วทำไมเขาถึงเอาแต่ปฏิเสธหล่อนตลอดเวลา?
หลี่หมิงเฉิงเริ่มพูดจาตะกุกตะกัก “เธอเป็นสาวชาวเมืองตั้งแต่เกิด ส่วนฉันเป็นแค่ผู้ชายบ้านนอก พ่อแม่เธอคงไม่ยอมรับฉันแน่ ๆ ฉัน… ฉันคิดว่าต่อให้ชอบเธอต่อไปก็คงไม่มีวันสมหวัง ก็เลยพยายามปฏิเสธเธอมาโดยตลอด ยอมช้ำใจอยู่คนเดียว”
เสี่ยวหม่านบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย “พ่อแม่ไม่สนใจหรอกว่าแฟนฉันจะเป็นคนแบบไหน พวกเขารักและตามใจฉันจะตายไป”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนหยอดเกี้ยวกันไปมาอยู่บนถนนแบบนั้น หลินม่ายก็อดทนต่อความพิลึกพิลั่นตรงหน้าไม่ไหวอีก ประกอบกับไม่อยากกินอาหารสุนัขอีกต่อไป จึงจูงจักรยานถอยออกมาเงียบ ๆ
ไม่กี่วันต่อมา เธอหาเวลาว่างขับรถไปที่ชนบทเพื่อรับคุณยายเถียน สามี และหลานชายของนางเข้าไปอยู่ในเมือง
คุณยายเถียนไม่อยากละทิ้งบ้านเกิด จึงปฏิเสธไม่ยอมไป
หลินม่ายเกลี้ยกล่อม “คุณยายย้ายไปอยู่ในเมืองเถอะค่ะ อยู่ที่นี่ยายก็มีญาติห่าง ๆ แค่ไม่กี่คนซึ่งอยู่ห่างไกล ถ้าเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นมา พวกเขาไม่สามารถมาอยู่ดูแลยายได้แน่ แต่ถ้ายายย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง อย่างน้อยพี่ฉายอวิ๋นกับฉันก็ช่วยกันดูแลยายได้”
คุณยายเถียนรู้สึกสะเทือนใจมาก
นางรู้ว่าตัวเองแก่ชราลงมากแล้ว อาจจะลาจากโลกนี้ไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง แล้วหลานชายจะอยู่อย่างไร?
ถ้าย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ต่อให้วันหนึ่งตัวเองจะเป็นอะไรไปก็ตาม ก็สามารถวางใจให้หลินม่ายและโจวฉายอวิ๋นช่วยเลี้ยงดูส่งเสียหลานชายต่อได้
ในที่สุดนางก็ยอมเก็บข้าวของด้วยน้ำตาคลอเบ้า จากนั้นสามีและหลานชายของนางก็ตามหลินม่ายเข้าเมือง
แต่หลินม่ายบอกให้นางเอาเฉพาะเสื้อผ้าของตัวเองกับสามีและหลานชายติดไปเท่านั้น ไม่ต้องเก็บของอย่างอื่นให้วุ่นวาย
เพราะเธอเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสำหรับปู่ย่าและหลาน ๆ แล้ว หิ้วกระเป๋าเข้าไปอยู่ได้เลย
คุณยายเถียนยังไม่เชื่อ แต่ก็ยอมจูงหลานชายขึ้นรถของหลินม่ายเพื่อเข้าเมืองด้วยกัน
ทันทีที่เห็นบ้านใหม่ทั้งสองหลังที่หลินม่ายเตรียมไว้ให้ หญิงชราก็น้ำตาไหล บอกว่าบ้านแค่หลังเดียวก็เพียงพอให้อยู่กันสามปู่ย่าหลานแล้ว
หลินม่ายยิ้มพลางอธิบาย “คุณยายเถียนคะ คิดว่าครอบครัวของพวกคุณไม่ต้องกินต้องใช้หรือยังไง? ฉันเตรียมห้องชุดอีกห้องไว้ให้คุณปล่อยเช่าค่ะ ค่าเช่าที่ได้รับในแต่ละเดือนคงพอจะเป็นค่าครองชีพให้พวกคุณได้ ดังนั้นสบายใจได้เลย”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูด คุณยายเถียนก็ยอมแพ้ในที่สุด
ถึงอย่างนั้นก็ยังเสนอว่า ถ้าหลานชายโตขึ้นจนดูแลตัวเองได้เมื่อใด จะให้เขาคืนห้องเช่าให้กับหลินม่าย
นางอยากให้หลานชายยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง แทนที่จะรอความช่วยเหลือจากหลินม่าย
หลินม่ายพยักหน้าเห็นด้วย แต่ใจจริงเธอไม่อยากได้บ้านอีกหลังคืนแต่อย่างใด
กะปิสูตรลับที่คุณยายเถียนอุตส่าห์ถ่ายทอดให้ สร้างรายได้ให้กับเธออย่างเป็นกอบเป็นกำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซอสพริกสูตรลับอีกอย่างหนึ่ง
บ้านทั้งสองหลังที่เธอมอบให้กับคุณยายเถียนถือเป็นค่าตอบแทนที่เหมาะสมแล้ว
หลังจากนั้น หลินม่ายก็ไปติดต่อโรงเรียนเพื่อให้หลานชายของคุณยายเถียนได้เรียนหนังสือ ใช้เวลาไม่นานเด็กชายก็มีที่เรียนแล้ว
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1 หลังจากกินขนมทังหยวนแล้ว ผู้ใหญ่ต่างก็กลับสู่การทำงานตามปกติ เด็ก ๆ ก็มีหน้าที่ตั้งใจเรียนหนังสือ
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นไม่นับรวมธุรกิจทุกอย่างในเครือของหลินม่าย ก่อนวันขึ้นสิบห้าค่ำตามปฏิทินจันทรคติ นอกจากไซต์งานก่อสร้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือโรงงานตัดเสื้อ พนักงานล้วนทำงานล่วงเวลากันอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากวันดังกล่าวผ่านพ้นไป อีกไม่นานก็จะถึงช่วงสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ตามปฏิทินสุริยคติ ยอดขายสินค้านอกฤดูกาลก็จะเริ่มเบาบางลง
หลินม่ายอนุมัติให้พนักงานขายทุกคนได้รับวันหยุดชดเชยตามสมควร เพื่อให้พวกเขาได้พักผ่อน
รอให้วันแรงงานผ่านไปแล้วค่อยกลับมาสู้กันใหม่
พนักงานขายกลุ่มแรกหมุนเวียนเข้ามารับเงินเดือนพร้อมด้วยโบนัสตามผลงาน รวมถึงค่าจ้างล่วงเวลาและค่าเวียนกะ ถึงแม้รายได้จะอยู่ที่ประมาณหกถึงเจ็ดร้อยหยวนเท่านั้น แต่พวกเขาก็มีความสุขมาก
พนักงานขายที่ใจกล้าบางคนวิ่งไปหาหลินม่าย สอบถามว่าเธอสามารถสร้างหอพักให้พนักงานได้หรือไม่ เพราะพวกเขาเองก็อยากซื้อบ้านเหมือนกัน
โดยเฉลี่ยนแล้ว พนักงานขายเหล่านี้มีเงินออมแค่พันกว่าหยวนเท่านั้นตั้งแต่ระยะแรกที่โรงงานตัดเสื้อถูกก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน
ต่อให้พวกเขาไปขอยืมเงินจากญาติและเพื่อน ๆ เงินที่ได้ก็ยังไม่เพียงพอจะซื้อห้องชุดขนาดใหญ่อยู่ดี แม้กระทั่งห้องชุดขนาดเล็กแบบหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นยังไม่มีปัญญา
หลินม่ายลองชั่งใจดู อันที่จริงการสร้างอาคารที่พักอาศัยและขายห้องให้พนักงานของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียเลย
ไม่ขายให้พวกเขาแล้วจะรอขายให้ใคร?
แต่ถ้าขายให้พนักงาน คงต้องกำหนดราคาให้ต่ำกว่าราคาตลาดเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นพนักงานของเธอจะได้รับสิทธิประโยชน์เหนือชั้นกว่าคนอื่นตรงไหนกัน?
หลินม่ายยิ้มพลางตอบกลับ “ฉันยินดีรับคำขอของคุณไว้ รอให้โครงการต่าง ๆ ที่คุณเฉินรับผิดชอบเสร็จสิ้นก่อน ตอนนั้นคุณคงมีเงินออมในมือมากขึ้น ถึงเวลานั้นบริษัทจะเร่งแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยของคุณโดยด่วน ทุกคนจะได้เครียดกันน้อยลง ”
พนักงานขายพอใจกับแผนการจัดการของหลินม่ายมาก
อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าหลินม่ายไม่ได้ปฏิบัติต่อพนักงานขายที่ประจำการอยู่ตามร้านค้าข้างนอกอย่างเลวร้าย แถมยังมอบโบนัสก้อนโตให้กับพวกเขาอีกด้วย
เธอเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาเลย ที่ไม่ได้กลับไปฉลองวันปีใหม่เพราะต้องทำงานล่วงเวลา และไม่ได้กลับไปหาญาติ ๆ
เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย หลินม่ายอ่านหนังสือหนักขึ้น ที่เธอทุ่มเทขนาดนี้ก็เพราะอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือมหาวิทยาลัยชิงหัวให้ได้
ชาติที่แล้วเธอสอบติดแค่สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ เป็นปมในใจที่คิดเมื่อใดก็รู้สึกเสียดายทุกครั้ง
เธอโชคดีที่มีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ดังนั้นจะต้องทำความฝันให้เป็นจริงให้ได้ สอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ดื่มด่ำกับกลิ่นหอมของหนังสือตลอดสี่ปีจนพอใจ
ทางด้านหลินเพ่ยก็กำลังพยายามหาทางหลบหนี
ความเพียรพยายามอย่างหนักย่อมได้รับผลตอบแทน ในที่สุดหล่อนก็สบโอกาส หลบหนีออกมาจากย่านขายบริการเถื่อนได้สำเร็จ
หล่อนไม่กล้าหนีออกจากกว่างโจวโดยรถไฟหรือรถโดยสารทางไกล เพราะกลัวว่าแม่เล้าจะส่งคนตามไล่ล่า และดักรอทำร้ายหล่อนอยู่ที่สถานีรถไฟหรือสถานีขนส่ง
ตอนที่สหายน้องชายของเฉินเฟิงพาหล่อนไปส่งให้แม่เล้า พวกเขาเคยบอกว่ายินดียกหล่อนให้ฟรี ๆ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามปล่อยหล่อนออกไปไหนเด็ดขาด สามารถทรมานได้อย่างเต็มที่
หลินเพ่ยจึงไม่กล้าออกจากกว่างโจว แต่ก็ไม่กล้าหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ในกว่างโจวต่อไปเช่นกัน จึงยอมเดินเท้าขึ้นไปทางทิศเหนือตามรางรถไฟ
เมื่อใดก็ตามที่หล่อนกระหายน้ำ หิวโหย หรือเหน็ดเหนื่อยจนเดินต่อไปไม่ไหว หล่อนจะเข้าไปหลอกลวงชาวนาที่ปลูกข้าวอยู่ตามสองฝั่งทางรถไฟ บอกเล่าประสบการณ์ชีวิตอันย่ำแย่ของตัวเองเพื่อเรียกร้องความเห็นใจสงสาร แลกกับอาหารและที่พัก
ถ้าชาวนาคนไหนไม่รู้จักระวังตัว หล่อนจะหาโอกาสขโมยเงินทั้งหมดที่พวกเขามีแล้วเดินหน้าหลบหนีต่อไป
แต่ถ้าหล่อนไม่สามารถขโมยเงินจากพวกเขาได้ หล่อนจะกวาดของมีค่าอย่างอื่นไปแทนไม่เว้นแม้กระทั่งไข่
ไม่ว่าหล่อนจะไปที่ไหนก็ตาม ทุกที่ต้องมีคนเสียรู้ไม่มากก็น้อย พวกเขาได้แต่นั่งเสียใจที่เลี้ยงแมงป่องพิษไว้แว้งกัดตัวเอง
หลังจากเดินเท้าเป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ หลินเพ่ยก็ตัดสินใจซื้อตั๋วขึ้นรถไฟไปเมืองหลวง
เหตุผลที่หล่อนขึ้นรถไฟไปเมืองหลวง ก็เพราะก่อนที่หล่อนจะได้เกิดใหม่ มีเรื่องราวมากมายหลายอย่างที่หล่อนไม่เคยรู้มาก่อน แต่หลังจากได้เกิดใหม่ ทุกอย่างก็กระจ่างชัด
ตัวอย่างเช่น เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว พ่อของหล่อนได้ก่อคดีฆาตกรรม จากนั้นก็พาหล่อน หลินสง และแม่ที่กำลังตั้งท้องหนีความผิดออกไปนอกเมือง
ระหว่างทาง ซุนกุ้ยเซียงมีอาการชัก พร้อมกันนั้นก็เจ็บท้องคลอด
หลินเจี้ยนกั๋วสั่งให้ลูกชายและลูกสาวอาศัยอยู่กับครอบครัวเป็นการชั่วคราว จากนั้นก็รีบพาซุนกุ้ยเซียงไปโรงพยาบาลซึ่งตั้งอยู่ตรงเขตติดต่อระหว่างมณฑลหูเป่ยกับหูหนานเพื่อคลอดลูก
หลินเจี้ยนกั๋วโปรดปรานลูกชายมากกว่าลูกสาว เขาเคยบอกว่าอยากให้ลูกที่คลอดออกมาเป็นเด็กผู้ชาย
แต่สถานการณ์กลับตาลปัตร ซุนกุ้ยเซียงให้กำเนิดทารกเพศหญิง
เนื่องจากซุนกุ้ยเซียงเดินทางไม่ได้พัก กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทารกในครรภ์ ประกอบกับการคลอดก่อนกำหนด ทำให้เด็กหญิงมีร่างกายอ่อนแอขี้โรค
หลินเจี้ยนกั๋วเกลียดลูกสาวคนสุดท้องเข้าไส้ เอาแต่พูดซ้ำ ๆ ว่าจะจับเด็กหญิงโยนทิ้งไว้ข้างทาง เพื่อไม่ให้กลายเป็นตัวถ่วงระหว่างหลบหนี
ซุนกุ้ยเซียงไม่เต็มใจให้เขาทำแบบนั้น เพราะถึงยังไงเด็กหญิงก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองแท้ ๆ แต่หล่อนทำได้แค่อุ้มลูกสาวแรกคลอดเอาไว้และร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลินเจี้ยนกั๋ว
ทันใดนั้น หญิงท้องแก่อีกคนก็ถูกพาตัวเข้ามาในวอร์ดเดียวกันกับหล่อน หลังจากนั้นก็ได้ให้กำเนิดทารกเพศหญิงที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ซุนกุ้ยเซียงเงี่ยหูฟังจนรู้ว่าสภาพทางการเงินของครอบครัวผู้หญิงคนนี้ดีมาก ก่อนออกจากโรงพยาบาล หล่อนจึงแอบสลับตัวลูกสาวขี้โรคของตัวเองกับลูกสาวของผู้หญิงคนนั้น
ด้วยหวังว่าลูกสาวของตัวเองจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเมื่อเติบโตขึ้นในครอบครัวของคนอื่น
ต่อมา ตระกูลหลินก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยอาศัยน้ำพักน้ำแรงของหลินม่าย ซุนกุ้ยเซียงถึงปริปากบอกความจริงกับหลินเจี้ยนกั๋ว ว่าหลายปีก่อนหล่อนแอบสลับตัวลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเขากับคนอื่น
ซึ่งหลินเจี้ยนกั๋วก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร
ซุนกุ้ยเซียงจึงออกตามหาลูกสาวแท้ ๆ ตามลำพัง ในที่สุดก็ตามหาอีกฝ่ายจนพบ
ในขณะนั้นลูกสาวแท้ ๆ ของหล่อนอายุยี่สิบห้า หล่อนแต่งงานแล้ว พ่อแม่บุญธรรมรักใคร่ทะนุถนอมเป็นอย่างดี พี่น้องกำมะลอชายหญิงทั้งสามก็รักหล่อนมาก
สามีและพ่อแม่สามีของหล่อนก็รักใคร่เอ็นดูหล่อนมากไม่แพ้กัน พวกเขามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
พอซุนกุ้ยเซียงคิดมาถึงตรงนี้ ก็ล้มเลิกความคิดที่อยากจะเปิดเผยตัวตนกับลูกสาวแท้ ๆ ไป
กลัวเหลือเกินว่าถ้าพ่อแม่บุญธรรมของหล่อนรู้ความจริงเข้า จะตามมาสะสางบัญชีกับหล่อนภายหลัง
ยิ่งไปกว่านั้น ซุนกุ้ยเซียงยังกลัวว่าหลังจากเปิดเผยตัวตนในฐานะแม่แท้ ๆ กับหญิงสาวแล้ว ถ้าหลินม่ายรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แล้วปล่อยให้พวกเขาเผชิญความลำบากตามลำพังจะทำอย่างไร?
ขอให้ลูกสาวแท้ ๆ ช่วยอุปการะเลี้ยงดูงั้นเหรอ?
ซุนกุ้ยเซียงทำใจลากลูกสาวผู้ล้ำค่าของตัวเองลงมาลำบากไม่ได้
นอกจากนี้ หล่อนแอบสังเกตเห็นว่าลูกสาวคนนี้ไม่มีความสามารถด้านการหาเงินเลย ใช้เงินเป็นอย่างเดียว ต่อให้อยากพึ่งพาแค่ไหนก็ไม่สามารถวางใจได้
แต่หลินเพ่ยที่เกิดใหม่กลับอยากพึ่งพาน้องสาวคนนี้ใจจะขาด
หล่อนจะปล่อยให้น้องสาวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีพร้อมและสมบูรณ์แบบ ในขณะที่พี่สาวแท้ ๆ มีชีวิตน่าสังเวชแบบนี้ไม่ได้
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ยัยเพ่ยหนีไปจนได้ จะได้เจอกับน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองไหมนะ
ไหหม่า(海馬)