ตอนที่ 597 คิดบัญชีกันและกัน
หลินเพ่ยหัวเราะลั่นขึ้นมา “เธอโง่แล้วคิดว่าคนอื่นเขาจะโง่เหมือนกับเธอหรือไง หน้าตาของฉันกับเธอเหมือนกันหกในสิบส่วน อย่าว่าแต่ตระกูลไป๋รู้ชาติกำเนิดของเธออยู่แล้วเลย ฉันไม่มีทางสวมรอยเป็นลูกสาวที่แท้จริงของพวกเขาได้หรอก หรือต่อให้พวกเขาจะไม่รู้ ฉันเองก็ไม่มีทางสวมรอยไปด้วยโฉมหน้าที่แท้จริงได้ อย่างนั้นมันก็ปล่อยไก่ได้ตลอดเวลาเลยไม่ใช่หรือไง?”
ไป๋ซวงมองหล่อนหัวจรดเท้า “ถ้าอย่างนั้นเธอเตรียมจะปลอมตัวยังไงล่ะ?”
“แน่นอนว่าต้องแปลงให้กลายเป็นรูปร่างหน้าตาของหลินม่ายน่ะสิ อย่างนั้นถึงจะไม่ถูกเปิดเผยไงเล่า!”
“แปลงยังไง?”
หลินเพ่ยแกว่งมือเล็กน้อย “เรื่องนี้เธอไม่ต้องอยากรู้มากนักหรอก เอามาให้ฉันสามพันหยวน ฉันรับประกันเลยว่าจะกลายเป็นแบบหลินม่ายแน่นอน”
แม้ว่าในยุคนี้ในแผ่นดินใหญ่จะยังไม่มีศาสตร์ศัลยกรรมเสริมความงาม แต่ที่ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวันและประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ นั้นมีแล้ว
หากขอเงินจากไป๋ซวงเพื่อไปทำศัลยกรรมที่ฮ่องกง อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เงินหลายหมื่น ซึ่งเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
ถึงตระกูลไป๋จะเป็นตระกูลข้าราชการระดับสูง แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถชักเงินเป็นหมื่นๆ ได้เสมอไป
และถึงจะชักออกมาไหว ไป๋ซวงเองก็เอามาไม่ได้เช่นกัน
ดังนั้นหลินเพ่ยจึงแค่วางแผนว่าจะขอเงินจากหล่อนสักสองสามพัน แล้วหาหมอสักคนจากเมืองในแผ่นดินใหญ่ทำศัลยกรรมความงามให้ตน
หล่อนเคยส่องกระจกดูแล้ว หากตนต้องการจะศัลยกรรมให้กลายเป็นเหมือนหลินม่ายก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
หลินม่ายมีหน้ารูปไข่ ส่วนใบหน้าของหล่อนแก้มตอบไม่มีเนื้อ อย่างนั้นแค่เติมไขมันเข้าไปก็ได้
หลินม่ายมีจมูกโด่งเรียวสวย ส่วนหล่อนมีจมูกแบน งั้นหล่อนไปเสริมดั้งก็พอ
หลินม่ายมีดวงตากลมโตตาสองชั้น ส่วนหล่อนมีดวงตาไม่โตมาก นอกจากนี้ยังเป็นตาชั้นเดียว งั้นก็ไปเปิดหัวตาแล้วทำตาสองชั้นเสียก็สิ้นเรื่องแล้ว
ขอเพียงตนทำศัลยกรรมจนกลายเป็นหลินม่ายแล้ว ก็จะสามารถสวมรอยเข้าไปอยู่อย่างสุขสบายในตระกูลไป๋ได้
รอให้โอกาสนั้นสุกงอมเสียก่อน แล้วจัดการฆ่าไป๋ซวงทิ้งไปเสีย ก็จะไม่มีใครล่วงรู้ความลับของหล่อนอีก และหล่อนก็จะกลายเป็นคุณหนูสามของตระกูลไป๋ได้อย่างมั่นคงปลอดภัย
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลินเพ่ยก็อดยกยิ้มมุมปากไม่ได้
ไป๋ซวงเห็นหล่อนยิ้มพิกล ก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าอย่างห้ามไม่ได้ เอ่ยอย่างอ่อนแรง “เงินสามพันหยวน มากมายขนาดนั้น ฉันหาไม่ไหวหรอก~”
หลินเพ่ยแย้มยิ้มอย่างอำมหิต “ไม่มีเงินก็คิดหาทางเอาเองสิ อีก5วันให้หลังฉันจะมาเอาเงินที่นี่ ถ้าเธอกล้าให้เงินฉันขาดไปแม้แต่เฟินเดียว ฉันจะพาหลินม่ายมารู้จักกับพ่อแม่บุญธรรมของเธอ ถึงตอนนั้นยังจะนั่งอยู่ในตำแหน่งคุณหนูสามของตระกูลไป๋ได้อย่างมั่นคงอยู่อีกเหรอ?”
พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป เหลือเพียงไป๋ซวงยืนอยู่ที่เดิม ในใจระส่ำว้าวุ่น
ระยะเวลาห้าวันผ่านไปราวกับดีดนิ้ว
ไป๋ซวงจัดการหาเงินมาได้ไม่ถึงสามพันหยวน
หล่อนทุบกระปุกออมสินของตัวเองแล้ว ในนั้นก็ยังมีแค่ไม่กี่สิบหยวน
ถึงแม้ทุกวันปีใหม่กับวันเกิดของหล่อนจะได้อั่งเปามาไม่น้อยเสมอ
แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ให้ใช้เงินมือเติบไม่ได้ ปกติแล้วหล่อนเก็บเงินไม่อยู่เลย
แม้แต่เงินในกระปุกออมสินของหล่อนก็เป็นเงินที่พ่อไป๋แม่ไป๋เก็บออมไว้ให้หล่อนทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นหล่อนคงไม่มีแม้แต่เงินสามสิบสี่สิบหยวนหรอก
ในเวลาไม่กี่วันที่รอเงินนั้น ไป๋ซวงกระวนกระวายหาทางออกไม่ได้ จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
สุดท้ายก็ต้องกัดฟัน ตัดสินใจจะทำให้ถึงที่สุด ด้วยการกำจัดหลินเพ่ยไปซะ
หากยังเหลือหล่อนอยู่บนโลกนี้ ก็คงถูกหล่อนกดขี่บังคับไปทั้งชีวิต
เมื่อมาถึงวันส่งมอบเงิน ไป๋ซวงมาถึงตามนัดและบอกกับหลินเพ่ยว่า ให้เงินกันข้างนอกเกรงจะถูกคนเห็นเข้า หากไปเข้าหูของพ่อแม่บุญธรรมของเธอแล้วจะแย่เอา
เงินพวกนั้นทั้งหมดหล่อนขโมยมาจากที่บ้าน หากถูกพ่อแม่บุญธรรมรู้เข้า พวกเขาคงจะโกรธตายแน่ หล่อนเองก็ไม่จำเป็นต้องแฝงเข้าไปอยู่ในตระกูลไป๋อีกต่อไป
ไป๋ซวงพูดจบ ก็มองหลินเพ่ยอย่างเคร่งเครียด กังวลว่าหากหล่อนไม่ตกหลุมพรางของตนแล้วจะทำอย่างไร
นึกไม่ถึงว่า หลินเพ่ยครุ่นคิดครู่เดียว ก็เดินไปกับหล่อนแล้ว
ไป๋ซวงหัวเราะเย็นชาอยู่ในใจ นังสารเลวนี่ก็แค่แสร้งทำเป็นฉลาด แต่ก็ยังติดกับดักของหล่อนอยู่เลยไม่ใช่หรือไง?
ไป๋ซวงกำหนดสถานที่ส่งมอบเงินอยู่ในห้องส่วนตัวในห้องอาหารของโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ทันทีที่อาหารมาเสิร์ฟ หลินเพ่ยก็ก้มหน้าก้มตาสวาปามไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา ราวกับสัมภเวสีกลับชาติมาเกิดอย่างนั้น แม้แต่เรื่องเงินก็ไม่พูดถึง
ไป๋ซวงแย้มยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วรินโคล่าให้หลินเพ่ยแก้วหนึ่งส่งไปให้หล่อน “นี่คือเครื่องดื่มของต่างประเทศ พี่สาวคงยังไม่เคยดื่มสินะ”
หลินเพ่ยเงยหน้าขึ้นมา หยิบขวดโคล่าขึ้น รินให้ไป๋ซวงแก้วหนึ่งด้วยเช่นกัน “ของดี พวกเราพี่น้องแบ่งปันกันกิน”
ทั้งสองชนแก้วกันทีหนึ่ง แล้วดื่มโคล่าด้วยกัน
สิ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือ ไป๋ซวงดื่มลงไปจริงๆ แต่หลินเพ่ยกลับคายโคล่าที่เพิ่งดื่มลงไปทั้งหมดออกมาต่อหน้าหล่อน
ไป๋ซวงมองหล่อนด้วยซีดเผือด พูดเพียงแค่คำว่า “เธอ เธอ เธอ” ไม่กี่คำ แล้วฟุบหน้าลงบนโต้ะหมดสติไปทันที
หลินเพ่ยจิกผมของหล่อนเอาไว้ แล้วตบหน้าอีกฝ่ายสองสามฉาด “คิดจะลอบกัดฉันด้วยสติปัญญาอันน่าสมเพชนี่ของเธองั้นเหรอ?”
หล่อนล้วงเอากระเป๋าเงินออกมาจากตัวไป๋ซวง จ่ายเงินค่าข้าวเสร็จแล้ว ก็พยุงตัวไป๋ซวงจากไปอย่างเงียบๆ
ห้องส่วนตัวข้างๆ นั้น วัยรุ่นแต่งตัวดีสามสี่คนกำลังกินอาหารดื่มเหล้าอย่างใจลอย
มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นพวกเด็กๆ ที่ฐานะทางบ้านไม่เลว
หนึ่งในนั้นดูนาฬิกาข้อมือแล้ว ก็พูดกับคนอื่นๆ “ผ่านไปตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ทำไมห้องข้างๆ ยังไม่มีสัญญาณอีก?”
อีกคนหนึ่งคีบอาหารเข้าปากคำหนึ่ง “ไม่แน่ว่าซวงซวงอาจจะยังจัดการกับยัยสารเลวนั่นไม่เสร็จก็ได้ พวกเรารออีกหน่อยเถอะ”
วัยรุ่นที่ดูนาฬิกาคนนั้นรู้สึกจิตใจไม่สงบ เขาวางตะเกียบลงแล้วพูด “ฉันไปดูสักหน่อยดีกว่าว่าสถานการณ์เป็นยังไงกันแน่”
ในตอนที่เขามาถึงห้องส่วนตัวข้างๆ ก็เห็นบริกรกำลังเก็บกวาดโต๊ะอยู่ พลันตื่นตระหนกขึ้นมา เขาดึงบริกรเข้ามาถาม “แล้วแขกในห้องส่วนตัวห้องนี้ล่ะ ไปไหนกันหมดแล้ว?”
บริกรมองเขาฉงนสนเท่ห์ “ลูกค้ากินอาหารเสร็จแล้ว ก็ต้องกลับไปอยู่แล้วสิครับ”
หนุ่มวัยรุ่นถามอย่างรีบเร่ง “พวกหล่อนกลับไปตอนไหนเหรอครับ?”
บริกรตอบ “อย่างต่ำก็ออกไปได้15นาทีกว่าๆ แล้วล่ะครับ”
หนุ่มวัยรุ่นรีบสับขาวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว แต่กระทั่งวิ่งมาถึงถนนใหญ่ก็ยังไม่เห็นคนที่เขาอยากเจอเลย
ในตอนที่ไป๋ซวงตื่นขึ้นมาด้วยความสะลึมสะลือ ก็รู้สึกเพียงว่าร่างกายผิดปกติอย่างมาก และมีความเจ็บปวดอย่างที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้จนทำให้รู้สึกตื่นตระหนก
สิ่งที่ยิ่งทำให้หล่อนตื่นตระหนกก็คือ หล่อนนอนอยู่บนเตียงสกปรกด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่าล่อนจ้อน
ไป๋ซวงตกใจจนหน้าถอดสี หล่อนลุกจากเตียงขึ้นมานั่ง และเห็นหลินเพ่ยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ จิบไวน์แดงแก้วหนึ่งอย่างช้าๆ แล้วมองมาที่หล่อนด้วยความเหยียดหยาม
ไป๋ซวงใช้ผ้าห่มห่อหุ้มร่างของตนด้วยสัญชาตญาณ ถามอย่างตื่นกลัวว่า “เธอทำอะไรกับฉัน?”
หลินเพ่ยพูดด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เธอปัญญาอ่อนจริงๆ งั้นเหรอ? ถูกผู้ชายสิบกว่าคนรุมโทรมไปแล้ว เธอไม่มีความรู้สึกอะไรเลยหรือไง?”
ไป๋ซวงร้องตะโกนออกมาอย่างพังทลาย ก่อนพุ่งเข้าใส่ต้องการจะทำร้ายหลินเพ่ย แต่กลับถูกหล่อนกดลงกระแทกกับพื้น
หลินเพ่ยเตะเข้าที่ท้องของหล่อนอย่างแรงสองสามครั้ง “เธอมีอะไรต้องโกรธกัน? ตัวเองยังคิดจะวางยาลอบกัดฉันอยู่เลยไม่ใช่หรือไง! ฉันวางยาเธอ ก็แค่พรากความบริสุทธิ์ของเธอ แต่เธอวางยาฉัน ก็เพื่อจะเอาชีวิตฉันนี่!”
ไป๋ซวงมองหล่อนอย่างตะลึงงัน
หล่อนนึกว่านังสารเลวนี่ติดกับดักตัวเองแล้ว ถึงได้ตามไปกินข้าวที่โรงเรียนด้วยกันกับหล่อน แต่กลับไม่คิดว่าคนที่ติดกับนั้นจะเป็นตัวหล่อนเอง
หล่อนถามเสียงสั่นเครือ “เธอต้องการอะไร?”
“แน่นอนว่าต้องการเงินไงเล่า” หลินเพ่ยหยิบกล้องตัวหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วเขย่า “ในนี้ได้บันทึกทุกขั้นตอนที่เธอมีอะไรกับผู้ชายสิบกว่าคนเอาไว้ทั้งหมดแล้ว ถ้าเธอกล้าเล่นลูกไม้อีก ฉันจะปล่อยรูปภาพอันยอดเยี่ยมพวกนี้ของเธอให้ว่อนแน่”
พูดจบ เธอก็จากไปพร้อมกับหัวเราะดังลั่น
ในใจคิดอย่างลำพองใจ ผู้หญิงพื้นเดิมอย่างเธอ จะเอาชนะผู้หญิงที่ย้อนอดีตกลับมาอย่างฉันได้อย่างไร?
ไป๋ซวงใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยพร้อมกับร้องไห้อย่างขมขื่น หล่อนจัดระเบียบตัวเองจนดูไม่ออกว่าเคยถูกย่ำยี เช็ดน้ำตาอีกครั้ง แล้วจึงกลับบ้าน
หล่อนมักจะมีสุขภาพไม่ดีอยู่ตลอด วันนี้ไม่เจ็บตรงนี้ พรุ่งนี้ก็เคืองตรงนั้น
แม้ว่าพ่อไป๋แม่ไป๋จะเห็นว่าหล่อนมีสีหน้าไม่ดีนัก ก็กลับคิดว่าหล่อนคงรู้สึกไม่สบาย จึงไม่ได้คิดมาก เพียงแค่ให้แม่บ้านเคี่ยวซุปไก่ให้หล่อนเพียงคนเดียว
ไป๋ซวงประคองซุปไก่เอาไว้ น้ำตาก็ไหลออกมาราวห่าฝน ทำเอาคนทั้งบ้านตื่นตกใจแทบแย่
แม่ไป๋โอบหล่อนมาไว้ในอ้อมแขน ถามหล่อนว่าร้องไห้ทำไม?
ไป๋ซวงร้องไห้ราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝน บอกว่าหล่อนมักจะฝันร้าย ฝันว่าลูกสาวคนเล็กของพวกเขากลับมาแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องการหล่อนอีก
พ่อไป๋แม่ไป๋และไป๋ลู่รู้สึกปวดใจอย่างยิ่งยวด ปลอบประโลมไป๋ซวงไม่หยุด ว่าพวกเขาไม่มีทางไม่ต้องการหล่อน พวกเขาแทบจะสาบานต่อสวรรค์เลยทีเดียว
ไป๋เซี่ยดื่มชา พลางพินิจไป๋ซวงด้วยความหมายไม่แน่ชัด
ไม่กี่วันต่อมา ในที่สุดไป๋ซวงก็รวบรวมเงินได้สามพันหยวนมอบให้กับหลินเพ่ย
หลินเพ่ยก็ราวกับปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วหายไปในฉับพลันอีกครั้ง โดยไม่มีร่องรอยแม้แต่น้อย
หากไม่ใช่เพราะแม่ไป๋ไปแจ้งตำรวจเนื่องจากเครื่องประดับทองคำของหล่อนหายไปหมดทั้งชุดล่ะก็ ไป๋ซวงคงจะสงสัยว่าการที่เธอได้พบกับหลินเพ่ยมันเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โดนพรากความบริสุทธิ์มันต่างจากตายทั้งเป็นตรงไหน แถมโดนรุมเป็นสิบแล้วถ่ายคลิปไว้อีก
ยัยเพ่ยจะโดนจับไหมนะ หรืองานนี้จะมีคนร่วงคู่
ไหหม่า(海馬)