บทที่ 580 หลี่จิ่วเต้าทอดน่องในภพเซียน เชยชมทัศนียภาพของภพเซียน!
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงยิ่งคิด ยิ่งกระจ่างแจ้ง
หากเขาได้เป็นนายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏ ปกครองแดนสังสารวัฏทั้งหมด ถึงครานั้น เขาว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น สมาชิกแดนสังสารวัฏล้วนต้องฟังคำสั่งจากเขา
แล้วยังสอดคล้องกับถ้อยคำที่คุณชายเอ่ยไว้เมื่อครู่ด้วย
แน่นอนว่าหากยังอยู่ในแดนสังสารวัฏต่อ แม้จะมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ทว่าไม่อาจแก้ปัญหาได้ถึงต้นเหตุ แต่หากเขาเป็นฝ่ายรุก สังหารนายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏ แล้วขึ้นเป็นนายตำหนักหลักเสียเอง ย่อมแก้ปัญหาได้อย่างถอนรากถอนโคน!
‘เช่นนี้แน่!’
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคำนวณในใจเงียบ ๆ ว่ามีโอกาสสังหารนายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏเท่าไหร่
เท่าที่คำนวณ เขามีโอกาสสังหารนายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏสูงยิ่ง
เริ่มแรก เขาได้ดื่มชาเซียน หลังจากกลั่นผสานกับพลังในกาย ขอบเขตของเขาย่อมต้องแข็งแกร่งทวีคูณ
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคาดเผื่อกรณีเลวร้ายที่สุด ต่อให้กลั่นผสานพลังจากชาเซียนได้เพียงส่วนน้อย ก็สามารถก้าวสู่ขั้นเทียนตี้ได้
และหากกลั่นพลังจากชาเซียนได้มากกว่านั้น เขาอาจเป็นได้ถึงเทียนตี้ชั้นเลิศ
ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องใช้เวลา
ยิ่งต้องกลั่นพลังมากเท่าใด ยิ่งใช้เวลามากเท่านั้น
แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องรอง และเขามิได้หวังพึ่งแต่เพียงการยกระดับขอบเขตพลัง
เพราะรู้ดีว่า ลำพังการยกระดับขอบเขตพลัง ไม่มีทางช่วยให้เขาต่อกรกับนายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏได้
เขาผู้ได้รับการยอมรับจากระดับสูงในแดนสังสารวัฏ เริ่มเข้าใจถึงความน่ากลัวของแดนสังสารวัฏแล้ว ภายในแดนสังสารวัฏมิได้ขาดแคลนกำลังรบขั้นเทียนตี้ชั้นเลิศแม้แต่น้อย
นายตำหนักหลักแดนสังสารวัฏ รวมถึงสมาชิกระดับสูงบางคนมีพลังขั้นเทียนตี้ชั้นเลิศอีกด้วย
โอกาสของเขามาจากวิถีหมากล้อมของเขาเสียมากกว่า!
คุณชายเดินหมากกับเขากระดานแล้วกระดานเล่า อีกทั้งชี้แนะตนอย่างละเอียด จนระดับวิถีหมากล้อมของเขายกระดับขึ้นมาจนอยู่ในขั้นสูงส่ง และพลังตาเดินหมากล้อมที่เขาสำแดงนั้นก็ทวีความรุนแรง!
นี่ต่างหากคือต้นทุนของเขา สิ่งที่เขามั่นใจได้!
หลังกินมื้อเย็นเสร็จ หลี่จิ่วเต้าเดินหมากกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงต่อ
เป็นตามที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคิด อาหารเหล่านั้นอัศจรรย์อย่างยิ่ง ฉกาจยิ่งกว่าชาเซียนด้วยซ้ำ พลังด้านต่าง ๆ ของเขาถูกยกระดับ ภายในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหันต์!
เขายิ่งมั่นใจขึ้นกว่าเดิม
หลังเดินหมากกันต่ออีกสามสี่กระดานก็เริ่มดึกมากแล้ว หลี่จิ่วเต้ายุติการเล่นหมากล้อม จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงลุกขึ้นบอกลาคุณชาย และออกจากลานเล็กไป
เขาก้าวออกจากเมืองชิงซาน มาอยู่ที่ริมน้ำ บอกลาต้นหลิวและก้อนหิน
“ดูท่า เจ้าก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว”
ต้นหลิวกล่าว “มาคราวหน้า เกรงว่าเจ้าคงแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ เจ้าจะยังคิด ‘แก้แค้น’ พวกเราอีกหรือไม่”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสะดุ้งโหยง เกือบล้มหัวคะมำ เขารีบเอ่ยขึ้น “ไม่แล้ว ๆ ไม่ทำอีกแล้ว!”
เขาไฉนเลยจะกล้า ยามนี้ เขาได้ประจักษ์ถึงความสยดสยองและความกล้าแกร่งของต้นหลิวและก้อนหินแล้วอย่างถ่องแท้ เกินกว่าที่เขาจะต่อกรด้วยได้มากนัก ต่อให้เขาก้าวหน้าขึ้นแล้วก็ไม่ไหว
จากนั้น เขารีบออกจากที่แห่งนี้
เขามิได้กลับไป หากแต่หาสถานที่แห่งหนึ่งแล้วเริ่มการฝึกฝน
ถึงอย่างไร การยกระดับขอบเขตพลังก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขา ช่วยให้เขามีโอกาสสังหารนายตำหนักหลักมากขึ้น
ประกายเจิดจ้าลำแล้วลำเล่าพวยพุ่งออกจากร่างกายของเขา ประโยชน์จากชาเซียนและอาหารมหาศาล ทำให้เขาทลายม่านกั้นขั้นตี้จวิน บรรลุเกือบถึงขั้นเทียนตี้ บัดนี้เป็นครึ่งก้าวเทียนตี้!
เขาบำเพ็ญผสานต่อไป รู้สึกว่าบรรลุสู่ขั้นเทียนตี้อย่างแท้จริงก็คงมิได้ใช้เวลานานเท่าใด
อีกด้าน หลังจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไปแล้ว หลี่จิ่วเต้าเอนกายลงเก้าอี้โยก หยิบ ‘แท็บเล็ต’ ขึ้นมาเล่น
คราวก่อน เขาตั้งใจพินิจหินเขามอตามธรรมชาติในดินแดนหนึ่งบนแท็บเล็ตอย่างละเอียด เขารู้สึกว่าสถานที่แห่งนั้นไม่เลว ช่วงนี้มิได้มีกิจจำเป็นอันใด ไปเดินเที่ยวชมทิวทัศน์ที่นั่นเสียหน่อย
หมอกเซียนห้อมล้อม วิหคเซียนโผบินผ่านนภาเป็นครั้งคราว ทัศนียภาพทั้งหมดนี้ช่างวิจิตรเหลือแสน ประหนึ่งแดนวิมานเหนือฆราวาส
หลี่จิ่วเต้ามาถึง เยื้องย่างอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์งดงาม ความรู้สึกนั้นมหัศจรรย์นัก ราวกับเกิดขึ้นกับเขาจริง ๆ
ทว่าตอนนั้นเอง เกิดเหตุการณ์ทำลายบรรยากาศขึ้น
วิหคเซียนที่เคยโบยบินแช่มชื่นอยู่บนนภา พลันบินหนีอุตลุดคล้ายแตกตื่นกับบางอย่าง พร้อมกับพายุกรรโชก ต้นไม้เอนไหวรุนแรงด้วยแรงลม
หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นว่ามีอสูรร้ายหลายตัวถลาลงจากน่านฟ้าไกล ๆ พร้อมด้วยลมปราณดุร้ายอย่างยิ่งยวด ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
วิหคเซียนแตกตื่นบินหนี พายุพัดกรรโชกพฤกษาเอนไหว ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะอสูรร้ายเหล่านั้น!
หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าบนหลังอสูรร้ายมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย หน้าตาแต่ละคนโหดเหี้ยม กำลังไล่ล่าเด็กสาวผู้หนึ่ง
เด็กสาวผู้นั้นยับเยินไปทั้งตัว ท่าทางบาดเจ็บไม่เบา เลือดไหลไม่หยุด บาดแผลบางจุดลึกจนเห็นกระดูก
ตึง!
คล้ายว่าเด็กสาวหมดเรี่ยวแรง ร่วงกระแทกลงพื้นอย่างแรง กระอักเลือดไม่หยุดหย่อน
โฮก! โฮก! โฮก!
อสูรร้ายคำราม โรยตัวลงมาในพริบตาเดียว ล้อมเด็กสาวไว้อย่างแน่นหนา ผู้ที่ขี่อยู่บนหลังอสูรร้ายจ้องมองเด็กสาวด้วยสีหน้าเย็นชา
“เจ้าคิดจะหนีไปไหน แม้นภพเซียนนั้นกว้างใหญ่ กระนั้นก็มิมีที่ใดให้เจ้าได้พักพิง!”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งบนหลังเสือยักษ์เนตรอินทนิล ชี้หอกยาวในมือไปที่เด็กสาว เอ่ยเสียงเยียบเย็น
“เพราะเหตุใด ทั้งหมดนี้มันเพราะเหตุใดกัน! ไยพวกเจ้าต้องฆ่าล้างตระกูลซ่างกวนของเราด้วย!”
เด็กสาวร่ำไห้ตะโกนคาดคั้นคนเหล่านี้ ยามเปล่งวาจา ร่างของนางสั่นเทิ้มรุนแรง เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด
นางบาดเจ็บสาหัสเกินไป เวลานี้สูญเสียกำลังแรงไปทั้งหมดแล้ว ไม่สามารถยันตัวลุกยืนได้ด้วยซ้ำ
ทว่าเทียบกับเรื่องนี้ นางต้องการรู้ความจริงมากกว่า เหตุใดคนเหล่านี้ถึงต้องเข่นฆ่าตระกูลซ่างกวนของพวกนางให้สิ้นซากด้วย
แม้ว่าภพเซียนนั้นโหดร้ายและวุ่นวาย ศึกช่วงชิงทรัพยาการมีอยู่ทุกที่ แต่ยังไม่จลาจลถึงขั้นที่ตระกูลหนึ่งจะถูกล้างบางไปง่าย ๆ
ถึงแม้ตระกูลซางกวนของนางมิได้ทรงพลังเท่าใด เป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ กระนั้นก็ดำรงตนในภพเซียนมาแล้วอย่างยาวนาน ไม่เคยประสบภัยร้ายขนาดที่ถูกฆ่าล้างทั้งตระกูลมาก่อน นางคิดไม่ตกเลยว่าเหตุใดตระกูลซ่างกวนของนางต้องถูกสังหารหมู่อย่างน่าสังเวชในวันนี้!
เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไร้ซึ่งวี่แววใด ๆ นางไม่รู้กระทั่งว่าคนเหล่านี้เป็นใคร พวกเขาก็บุกเข้ามาถึงตระกูลซ่างกวน ฆ่าล้างคนตระกูลซ่างกวนจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!
ตระกูลซ่างกวนของนางหาได้มีรากฐานอันใดให้ผู้อื่นหมายตา และมิเคยมีความแค้นกับผู้ใดมาก่อน!
ต้องถูกฆ่าล้างตระกูลอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้นางคิดไม่ตกเลย!
“มิได้มีเหตุผลใด เพียงแต่พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป!”
ชายวัยกลางคนผู้นั้นทอดมองเด็กสาวด้วยสีหน้าเย็นชา ปราศจากความเห็นใจ เขากล่าวต่อ “เกิดการเปลี่ยนแปลงในภพเซียน ยามนี้ไม่เหมือนครั้งอดีตแล้ว ตระกูล กองกำลังที่อ่อนแอ จักต้องถูกกำจัดทั้งหมด!”
“ใช่แล้ว! พวกเจ้าเป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”
ชายวัยกลางคนอีกคนข้างกันเอ่ยขึ้น “อย่าได้โกรธแค้นพวกเรา หากจะโทษ ก็โทษตัวพวกเจ้าเองที่อ่อนแอเกินไป วันนี้ ต่อให้เราไม่ฆ่าล้างตระกูลพวกเจ้า วันหน้า พวกเจ้าก็ต้องถูกผู้อื่นฆ่าล้างตระกูลอยู่ดี พวกเจ้าหนีไม่พ้น ต้องถูกกำจัดอย่างเลี่ยงมิได้!”
ภพเซียนเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ การเข่นฆ่าจักปกคลุมทุกระเบียดนิ้วในภพเซียน กลายเป็นลานเชือดระหว่างมหาตระกูลทั้งหลาย
“ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าเป็นใคร!”
เด็กสาวจ้องเขม็งไปที่คนเหล่านี้พลางกล่าว