หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1418 อาจารย์…

บทที่ 1418 อาจารย์...

ขวดโหลใบนี้ดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ แต่กลับมีพลังปราณพิเศษแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

แทบจะในทันทีที่หวังเป่าเล่อมาถึง บริเวณรอบตัวเขาก็มีพลังปราณแห่งเจ็ดอารมณ์เกิดขึ้น ก่อนจะกลายเป็นร่างพวกเจ้าแห่งสุข ทุกคนมองร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์เป็นตาเดียว

เพราะเรื่องของกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ พวกเขาไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่หวังเป่าเล่อจึงมองสภาพของเขาไม่ออก และได้รู้เรื่องที่หวังเป่าเล่อประสบมาก่อนหน้านี้จากปากของหวังเป่าเล่อในภายหลัง

หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าวิธีการของอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียวไม่สามารถขับไล่ดวงวิญญาณเทพของตนได้ หากเป็นเขา เขาจะต้องมีแผนสำรองไว้แน่ เพราะทันทีร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์หาตนเจอก็ย่อมหมายถึงการเผชิญหน้ากับการสังหารด้วย

ซึ่งหวังเป่าเล่อก็คาดไม่ผิดจริงๆ หลังจากสามวันแรกร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์ก็พบว่าการต่อต้านของหวังเป่าเล่อแข็งแกร่งขึ้น เขาก็เริ่มเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว วังใต้ดินในตอนนี้ถูกเขาเปลี่ยนให้กลายเป็นสถานที่แห่งการสังหาร

เพราะฉะนั้นแววตาของเขาจึงไม่เผยความตื่นตระหนกใดๆ แต่เป็นความโกรธเกรี้ยวแทน

และหลังจากพวกเจ้าแห่งสุขมาถึงก็ได้เห็นทุกอย่างในวังใต้ดินอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหลังจากเห็นขวดโหลเลือดใบนั้น พวกเขาก็หน้าเปลี่ยนสีในฉับพลัน เจ้าแห่งสุขเอ่ยอย่างร้อนรน

 นั่นมัน..พลังปราณ… 

 นั่นคือเลือดของมหาเทพ!! 

 เป็นไปไม่ได้ เลือดของมหาเทพได้กลายเป็นร่างกายของกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ไปแล้ว ทำไมถึงยังเหลืออีกหนึ่งหยดกัน!! 

เจ้าแห่งเจ็ดอารมณ์หน้าเปลี่ยนสีไปพร้อมกับถอยหลัง แต่ก็สายไปเสียแล้ว ร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

 เดาว่าพวกเจ้าจะต้องมา ในเมื่อมาแล้วจะรีบไปไหนล่ะ มาให้ข้าระเบิดซะ!! 

ขณะที่กล่าว ขวดโหลเลือดที่วางอยู่ก็สั่นไหวและเกิดรอยร้าวปริแตกไปทั่ว พลังปราณมหาศาลพลันแผ่ออกมาจากข้างใน พลังปราณนี้อัดแน่นไปด้วยการบีบบังคับ ความน่าสะพรึงกลัว พลังอำนาจที่กวาดไปทั่วทุกสิ่ง และเจตจำนงอันน่าสะพรึง ส่งผลให้เหล่าเจ็ดอารมณ์ในที่แห่งนี้แต่ละคนต่างมีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับถูกกระตุ้นความทรงจำอันแสนเจ็บปวด

หวังเป่าเล่อก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน แต่ในส่วนลึกของดวงตากลับมีแสงประหลาดวาบผ่าน

พริบตาต่อมารอยร้าวบนขวดโหลก็ถึงขีดจำกัดและแตกเป็นเสี่ยงๆ พลังอำนาจข้างในพลันระเบิดออกก่อตัวเป็นหมอกสีโลหิตพลิกตลบไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่งและกลืนกินทุกสิ่ง!

เจ้าแห่งเจ็ดอารมณ์ต่างถอยร่นไปราวกับไม่กล้าสัมผัสโดนหมอกสีโลหิตนั้นแม้แต่น้อย มีเพียงเจ้าปรารถนาทัศน์เท่านั้นที่กำลังหัวเราะดังลั่น สีหน้าร่าเริง ดวงตาบ้าคลั่ง

 ตาย ตายให้หมด!! 

ในชั่วพริบตาหมอกโลหิตก็กวาดไปทั่วทุกสิ่งและยังทำให้ร่างของหวังเป่าเล่อจมดิ่งอยู่ข้างใน ส่วนเจ้าแห่งเจ็ดอารมณ์ทั้งสี่คนหนีรอดมาได้ทันเวลา แม้จะสัมผัสโดนหมอกโลหิตเล็กน้อย แต่ก็ยังหลบหนีออกมาได้ ด้านนอกบ่อน้ำโบราณสีหน้าแต่ละคนซีดขาว ต่างพยายามขจัดอิทธิพลของหมอกโลหิตในร่างกายออกไปอย่างสุดกำลัง มีเพียงเจ้าแห่งสุขที่มองไปทางบ่อน้ำอย่างร้อนใจ

 อย่ามองเลย ครั้งนี้เราแพ้แล้ว 

 ใครจะคิดว่าเจ้าบ้านั่นจะมีเลือดมหาเทพ! 

 ดูจากตอนนี้ เขาคงจะกลั่นออกมาจากร่างกายนั้นเมื่อหลายปีก่อนให้กลายเป็นเคล็ดวิชาลับของตน…หากเขาเอาติดตัวไปด้วยตอนที่ถูกช่วงชิง ถึงตอนนั้น พวกเราคงสูญเสียครั้งใหญ่ 

เจ้าแห่งโกรธเอ่ยด้วยความห่อเหี่ยว

 บางที…อาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้  จู่ๆ เจ้าแห่งสุขก็เอ่ยขึ้น

เจ้าแห่งโกรธเลิกคิ้ว ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่สีหน้ากลับไม่เห็นด้วย

ขณะเดียวกันภายในบ่อน้ำโบราณ ณ วังใต้ดินแห่งนั้น หมอกโลหิตลอยปกคลุมทั่วแปดทิศ มีเพียงเสียงหัวเราะของร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์ที่ยังดังก้อง เวลาเดียวกัน…ขณะที่หมอกกำลังคืบคลานก็มีเงาร่างมายาทยอยกันลอยออกมาจากช่องว่างในกำแพงทุกทิศทาง

เงาร่างเหล่านี้…ล้วนมีรูปร่างหน้าตาเหมือนเจ้าปรารถนาทัศน์ แต่พลังปราณอ่อนแอกว่า นี่คือ…ร่างแยกที่สองจากของเจ้าปรารถนาทัศน์!

ร่างแยกที่สองนี้เจ้าเล่ห์มาก วิธีซ่อนกายของมันคือแยกร่างตัวเองออกไปอีกร้อยร่าง และแยกกันซ่อนตัว ครั้งนี้เป็นเพราะสัมผัสได้ถึงแผนการของอีกร่างแยกหนึ่ง จึงเป็นฝ่ายเข้ามาร่วมมือและทำให้การลงมือครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์

ขณะนี้ร่างแยกที่แยกตัวออกมาอีกเหล่านี้เปรียบเสมือนมีดคมพุ่งเข้าไปยังจุดที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่ในสายหมอก แม้เจ้าปรารถนาทัศน์จะเชื่อว่าไม่มีใครสามารถอยู่รอดในหมอกโลหิตของมหาเทพได้ยกเว้นตัวเขาเอง แต่เขาก็ยังเตรียมการรับมือ

ใบมีดคมจากร่างแยกของร่างแยกล้วนแทงเข้าไปยังจุดที่หวังเป่าเล่ออยู่ เกิดเสียงฉึบฉับ ดูเหมือนกลิ่นคาวเลือดในที่แห่งนี้จะลอยคลุ้งเข้มข้นขึ้น

 ไม่ว่าเจ้าจะวางแผนอย่างไรก็ไม่ใช่ของเจ้า สุดท้ายก็ไม่ใช่ของเจ้า!  ร่างแยกอันแน่วแน่ของเจ้าปรารถนาทัศน์ที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงหัวเราะพร้อมแววตาคาดหวัง เขากำลังรอให้หวังเป่าเล่อถูกกำจัด หมอกโลหิตในที่แห่งนี้จะรวมตัวกันก่อร่างเป็นกายเนื้อใหม่รอให้พวกเขาหลอมรวมเข้าไป

ทันทีที่หลอมรวมเขาก็จะเสร็จสิ้นการย้อนคืนร่าง และกลายเป็นเจ้าปรารถนาทัศน์อีกครั้ง ถึงตอนนั้นเขาก็จะไม่สนใจพวกเจ็ดอารมณ์ด้านนอกแล้ว

เพราะจะไม่มีอิทธิพลของหวังเป่าเล่ออีกและเขายังหลอมรวมเข้าไปได้ อีกอย่างยังอยู่ในเมืองปรารถนาทัศน์ของตนเองเอง ด้วยเหตุนี้เจ้าปรารถนาทัศน์จึงมั่นใจว่าจะจัดการพวกเจ็ดอารมณ์ได้แน่

ต่อให้ไม่ได้ผล เขาก็ยังสามารถทำลายการปิดผนึกของเจ้าแห่งโกรธและเรียกหาวิญญาณจักรพรรดิได้อยู่ดี

และในไม่ช้าภาพตรงหน้าก็สอดคล้องกับการคาดเดาของร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์ หมอกเลือดที่แผ่ขยายไปทั่วบริเวณจู่ๆ ก็พลิกตลบ ก่อนจะพุ่งมารวมตัวกันในทันที

ทว่าในพริบตาที่ร่างแยกอันแน่วแน่ของเจ้าปรารถนาทัศน์กำลังเฝ้ารอคอยนั่นเอง…จู่ๆ มันก็ต้องหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เพราะว่า…ตอนนี้ร่างหนึ่งกำลังเดินออกมาท่ามกลางหมอกโลหิตที่หดตัวลง!

เมื่อเดินออกมาร่างแยกที่กลายเป็นใบมีดเแทงเข้าไปก็ทยอยกลายเป็นปราณโลหิตและถูกเขาดูดซับ!

ร่างกายของกฎที่ไม่ได้ถูกครอบงำด้วยจิตใต้สำนึกย่อมไม่มีทางเคลื่อนไหวได้เอง และไม่มีทางกลืนกินใบมีดจากร่างแยกเหล่านั้นได้ การจะทำได้ย่อมหมายความว่า…ร่างกายนี้ยังมีคนควบคุมอยู่!

 นี่…นี่…  ขณะที่หน้าเปลี่ยนสี ร่างในหมอกโลหิตก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาเดินออกมา หมอกรอบด้านก็พุ่งไปรวมตัวกันที่ร่างนั้นอย่างบ้าคลั่ง มันสอดแทรกเข้าไปตามรูทวารทั้งเจ็ดและรูขุมขนทุกอณูทั่วร่าง

จนกระทั่งเมื่อหมอกสายสุดท้ายหลอมรวมเข้าด้วยกัน ร่างนั้นก็เดินมาถึงตรงหน้าร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์แล้ว ทั่วทั้งร่างเป็นสีแดงฉาน แม้แต่เส้นผมก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ดวงตาแผ่แสงแดงกล้า พลังปราณอัดแน่นไปด้วยอำนาจสูงสุดปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ

นั่นก็คือหวังเป่าเล่อ

เขามองเจ้าปรารถนาทัศน์ที่กำลังตกตะลึงถึงขีดสุดด้วยใบหน้าเรียบเฉย

 เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมเจ้าถึงดูดซับเลือดของอาจารย์ข้าได้!!  เจ้าปรารถนาทัศน์ตัวสั่นเทิ้ม สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาต่อหน้าเจ้าปรารถนาทัศน์ที่จิตตกตะลึงจนไม่อาจหลบหนีได้ ก่อนวางมือกดลงบนศีรษะอีกฝ่าย

สัมผัสนั้นแผ่วเบา แต่เจ้าปรารถนาทัศน์กลับตัวสั่นเทิ้ม ร่างกายพลันพังทลาย และก่อนที่ร่างกายและวิญญาณจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์นั้นเอง…

จู่ๆ เขาก็ชะงักงัน จ้องมองหวังเป่าเล่อดวงตาว่างเปล่า ในพริบตาก็ดูเหมือนว่าเจ้าปรารถนาทัศน์ได้เห็นอะไรบางอย่างจึงเอ่ยพึมพำขึ้นมา

 เจ้าคือ…อาจารย์…  มีเพียงสี่คำนี้เท่านั้น แล้วร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์ก็สลายกลายเป็นปราณโลหิตอันเข้มข้น ก่อนจะไหลเข้าสู่ร่างกายหวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อไม่เอ่ยอะไรเลย เขายืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน แล้วถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนหมุนตัวจากไป

……………………………

 

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท