รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 582 ยังไม่ทันได้ออกมาก็ถูกตีกลับไปแล้ว!

บทที่ 582 ยังไม่ทันได้ออกมาก็ถูกตีกลับไปแล้ว!

บทที่ 582 ยังไม่ทันได้ออกมาก็ถูกตีกลับไปแล้ว!

ชายวัยกลางคนฟังสิ่งที่หลี่จิ่วเต้ากล่าวแล้ว มุมปากก็อดกระตุกไม่ได้

คน ‘ไร้เดียงสา’ ผู้นี้มาจากที่ใดกัน?

จึงสามารถพูดคำโง่ง่มอย่าง ‘อยู่ร่วมกันด้วยความสันติสุข’ ออกมาได้

คิดอะไรอยู่กัน ตั้งแต่ภพเซียนสถาปนาขึ้นมา การต่อสู้แย่งชิงก็ไม่เคยหยุดหย่อน ทรัพยากรในภพเซียนขาดแคลนมากเกินไป ทุกกองกำลังต้องพยายายามเป็นอย่างมากจึงจะได้รับ ไม่มีแม้แต่วันเดียวที่ผ่านไปอย่างสงบสุข

หรือว่าจะเป็นผู้มาจากภายนอก?

คิดเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็มองไปที่หลี่จิ่วเต้าด้วยแววตาแปลกประหลาด บางทีหลี่จิ่วเต้าอาจมาจากภายนอกภพเซียน

มิเช่นนั้นหลี่จิ่วเต้าจะเอ่ยวาจาไร้เดียงสาถึงเพียงนี้ได้อย่างไร

ทว่าพวกเขาก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว

ด้านนอกภพเซียนมีพลังอันน่าหวาดกลัวปกคลุมอยู่ หากคนนอกต้องการจะเข้ามายังภพเซียน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกิดการเคลื่อนไหวแม้สักนิด จะต้องถูกทุกกองกำลังล่วงรู้ตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนั้นจึงสามารถดึงดูดผู้แข็งแกร่งจากทุกกองกำลังให้เข้ามา

ทว่ากลับไม่มีกองกำลังใดเคลื่อนไหว ความเป็นไปได้ที่หลี่จิ่วเต้าจะมาจากภายนอกก็สามารถตัดออกไปโดยสิ้นเชิง หลี่จิ่วเต้าอาจเป็นเพียงผู้ที่ไม่เคยสัมผัสโลกมาก่อน ไม่เคยท่องไปในภพเซียนจึงไม่รู้สถานการณ์ในภพเซียนเท่าไหร่นัก

“ในเมื่อเจ้าไม่แยกแยะดีร้าย เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว!”

“ฆ่า!”

พวกเขาพุ่งเข้ามาหมายสังหารด้วยแววตาเย็นเยือก พวกเขาไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วคงหลายเป็นที่ขบขันว่าตระกูลเฟ่ยทำตัวไม่สมชื่อกับมหาตระกูลแห่งภพเซียน

หลี่จิ่วเต้าก้าวไปด้านหน้า พลังที่มองไม่เห็นกระเพื่อมออก กระแทกพวกชายวัยกลางคนปลิวกระเด็นไปอีกด้านทันที ต่างพากันกระอักเลือด นิ่งไปบนพื้นโดยไม่อาจกระทั่งลุกขึ้นยืนได้

อะ…อะไรกัน!

ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาจะแข็งแกร่งน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้?

ก่อนที่พวกเขาจะลงมือก็คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าหลี่จิ่วเต้าอาจจะรับมือได้ไม่ง่ายนัก แต่พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าจะรับมือได้ยากถึงเพียงนี้!

เพียงแค่ก้าวเดียว พวกเขาทั้งหมดก็ถูกกระแทกกระเด็น ห่างชั้นเกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถต่อกรได้

ดวงตาคู่งามกลมโตของซ่างกวนอิ๋งเองก็เบิกกว้าง ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว นางไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าหลี่จิ่วเต้าลงมืออย่างไร จู่ ๆ พวกชายวัยกลางคนก็ปลิวกระเด็นกันไปหมด นางไม่อาจรับรู้ได้ถึงความผันผวนของพลังบนร่างหลี่จิ่วเต้าเสียด้วยซ้ำ

นี่คือขอบเขตใดกัน!

“บารมีของตระกูลเฟ่ยไม่อาจยั่วยุได้โดยง่าย เจ้าบังอาญลงมือโจมตีพวกเรา คราวนี้ถึงที่ตายของเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือเจ้าได้!”

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งตวาดออกมาอย่างเย็นชา แม้เขาจะไม่สามารถกระทั่งยืนขึ้นจากพื้น มุมปากมีโลหิตไหลออกมายามพูด ก็ยังคงไร้ซึ้งความหวาดกลัวและความกังวล

เบื้องหลังของพวกเขามีผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยเฝ้ามองดูเพื่อความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่หลี่จิ่วเต้าทำกับพวกเขาตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยเองก็น่าจะเห็นมันทั้งหมด

“…”

หลี่จิ่วเต้าพูดไม่ออก แต้ทายที่สุดก็เปิดปากขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้าต้องการจะสังหารข้า แต่กลับไม่ยอมให้ข้าลงมือ? หรือคิดจะให้ข้ายืนอยู่เฉย ๆ รอให้พวกเจ้าเข้ามาสังหารข้า?”

ตรรกะอะไรกันเนี่ย!

“ใช่แล้ว!”

อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเสมือนฟ้าร้อง ความว่างเปล่าเกิดการบิดเบี้ยว อากาศเย็นยะเยิอกแผ่ตัวเข้าปกคลุมทั้งบริเวณ ราวกับหิมะและน้ำแข็งได้กระจายตัวปกคลุมทั่วพื้นอย่างกะทันหัน!

“เมื่อเผชิญหน้ากับสมาชิกของตระกูลเฟ่ย เจ้าควรจะยืนอยู่เฉย ๆ เฝ้ารอความตาย!”

เสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมพลังกดดันอันมหาศาล คนยังมาไม่ถึง มาถึงเพียงแค่พลังก็สามารถเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง!

นี่จะต้องเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริงในภพเซียน พลังกดดันที่มีนั้นมากเกินไป เพียงแค่เสียงก็สามารถทำให้คนตัวสั่นกลัวได้ วิญญาณแทบแตกซ่าน!

เหล่าชายวัยกลางคนหัวเราะออกมาเสียงดัง พวกเขารู้ว่าผู้อาวุโสของพวกตนกำลังมา!

ทั้งร่างของซ่างกวนอิ๋งสั่นสะท้าน ร่างกายราวกับจะระเบิดออกภายในแรงกดดันนี้ คำพูดที่นางพยายามกล่าวออกมาก็ติด ๆ ขัด ๆ

“ท่าน…รีบไป…ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ย…แข็งแกร่งเกินไป!”

นางนับได้ว่ามีจิตใจดีอย่างแท้จริง กระทั่งยามนี้ยังคิดถึงหลี่จิ่วเต้า

ตู้ม!

ความว่างเปล่าเกิดการระเบิด หลุมดำขนานใหญ่หนึ่งหลุมปรากฏขึ้น ลมหายใจอันน่าตกตะลึงพรึงเพริดประหนึ่งสามารถทำลายโลกหล้าแผ่ปกคลุมทั่วนภา ที่ตรงนั้นมีร่างหนึ่งเดินออกมาจากหลุมดำ

เขาโผล่ออกมาเพียงครึ่งตัว แสงเซียนก็ส่องเจิดจ้าจนทำให้ฟ้าดินสว่างไสวขึ้น ราวกับเขาเป็นที่หนึ่ง อยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่อาจต่อต้านได้!

“คนโง่งมเช่นนี้มาจากที่ใดกัน จงตายเสียเถอะ!”

ก่อนที่เขาจะออกมาอย่างสมบูรณ์ มีข้างหนึ่งก็ถูกยกขึ้น พลังอันไร้ขอบเขตโหมกระหน่ำ ฟ้าดินสั่นสะเทือน

ยอดเขาถูกทำลาย ธารน้ำระเหย แสงเซียนไม่ถ้วนสว่างไสว กฎเกณฑ์อันเหนือน้ำกระโดดโลดเต้น ขอบเขตของเขาสูงลิบ เพียงแค่ยกมือก็ทำให้เกิดฉากน่าประหวั่นพรั่นพึงดังกล่าว!

หากมือนี้ฟาดลงมา จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คงห่างไกลเกินกว่าจะจินตนาการถึง!

ทว่าตอนนั้นเอง หลี่จิ่วเต้าก็โบกมือขึ้นอย่างไม่ใส่ใจอะไรมาก ราวกับกำลังปัดแมลงวันตัวหนึ่งออกไป แต่พลังของผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยกลับถูกสลายทิ้งไปสิ้นในทันที!

นอกจากนี้ยังมีพลังที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นโจมตีผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ย พริบตาเดียวผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยก็ถูกระเบิดกระเด็นกลับเข้าไปด้านในหลุมดำ ตามมาด้วยเสียงชนดังสนั่นและเสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชของผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ย

พลังนี้ไม่อาจต้านทานได้ ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยถูกตีกลับไปยังดินแดนของตระกูลเฟ่ย ลอยเข้าชนกับอาคารเก่าแก่ของตระกูลเฟ่ย ครึ่งร่างแหลกเละ เลือดเนื้อกระจายไปทั่ว

“อะ…อะไรกัน!”

เหล่าชายวัยกลางคนต่างพากันตื่นตกใจจนอ้าปากค้าง สั่นสะท้านไปจนถึงวิญญาณ หนังศีรษะรู้สึกชาวาบ ความเย็นแล่นไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปถึงบนหัว

พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนแม้แต่น้อยว่าจะเกิดฉากเช่นนี้ขึ้น ผู้อาวุโสของพวกเขามาด้วยทางท่าองอาจผ่าเผย ไร้ผู้เทียบเคียง ทว่ายังไม่ทันได้ออกมาก็ถูกตีกลับไปเสียแล้ว คนผู้นี้เป็นใครกันแน่?

สิ่งที่สำคัญสุดคือเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้ไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด เพียงแค่โบกมือส่ง ๆ ราวกำลังปัดแมลงวัน!

นี่…นี่มันขอบเขตใดกัน!

ซ่างกวนอิ๋นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ นั่นคือผู้อาวุโสของมหาตระกูลในภพเซียนเซียวนะ ไม่ใช่ผู้อาวุโสของตระกูลเล็ก ๆ ธรรมดาทั่วไป ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายต้องไปถึงระดับลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งรู้นานแล้ว ทว่าเมื่อมาอยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า ก็อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ราวกับฝุ่นธุลี!

สวรรค์ นางได้พบกับตัวตนสูงส่งแบบใดกัน!

ดินแดนตระกูลเฟ่ย

ผู้อาวุโสคนนั้นไอออกมาเป็นเลือด ร่างกายของเขาหายไปครึ่งหนึ่ง ทั้งกระดูกและเนื้อถูกทำลายสิ้น ลมหายใจแผ่วเบาราวกับเทียนที่กำลังจะมอดดับ

“เกิดอะไรขึ้น!?”

“ผู้เฒ่าชาง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ตระกูลเฟ่ยตั้งแต่ระดับบนถึงล่างต่างรีบตรงเข้ามาทันที หลังจากเห็นสภาพอันน่าเวทนาของผู้อาวุโสท่านนี้แล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ต่างอ้าปากค้าง

นี่ไปประสบกับสิ่งใดกัน!?

และผู้ใดกันแน่ที่หาญกล้าถึงเพียงนี้ ถึงกับลงมือใส่ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยอย่างรุนแรง!

“หนุ่ม…ชายหนุ่มคนหนึ่ง!”

ผู้อาวุโสชางเปิดปากเล่าเรื่องด้วยความยากลำบาก

“ช่างบังอาญยิ่งนัก!”

“พวกเราไปดูกันเถอะว่าเขาเป็นผู้ใด มีความสามารถแค่ไหนกันแน่!”

“ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถลงมือกับพวกเราตระกูลเฟ่ยได้ตามใจชอบ!”

ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยคนอื่น ๆ เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา จะยอมปล่อยไปเช่นนี้ได้อย่างไร ตระกูลเฟ่ยยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแดนเซียนนับตั้งแต่การสถาปนาขึ้นมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาถูกยั่วยุเช่นนี้ กระทั่งต้องเผชิญหน้ากับมหาตระกูลอื่น ๆ พวกเขาก็ไม่เคยหวั่น เช่นนั้นแล้วจะมากลัวชายหนุ่มผู้หนึ่งได้อย่างไร?

ไม่มีทางอย่างแน่นอน!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท