หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1408 ยึดร่าง

บทที่ 1408 ยึดร่าง

ทันทีที่ลงมือก็เป็นเคล็ดวิชาลับที่แข็งแกร่งมาก!

ชัดเจนว่ายิ่นสี่ยอมรับความสามารถของหวังเป่าเล่อเรียบร้อยแล้ว เขาเข้าใจดีว่าการเผชิญหน้ากับหวังเป่าเล่อ และการจะชิงที่หนึ่งนั้นไม่จำเป็นต้องลองหยั่งเชิงกันอีกแล้ว หากจะลงมือ…ก็ต้องจู่โจมอย่างแข็งแกร่งที่สุด

และกุญแจเปิดโลกแห่งเสียงของเขาดอกนี้ก็คือเต๋าที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เวลานี้มันกำลังปะทุขึ้น ตัวเขาหลอมรวมเข้าสู่กุญแจดอกนี้ ดูคล้ายดวงแสงดวงหนึ่ง แต่ความจริง…เงาร่างของเขาไม่อยู่แล้ว เพราะมันอยู่ในระหว่างความเป็นจริงกับโลกแห่งเสียง

สภาพเช่นนี้ ทำให้เขามีคุณสมบัติพอที่จะอยู่ในตำแหน่งสุดยอดได้ยามเผชิญกับผู้ฝึกกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงเกือบทั้งหมด ท่ามกลางเสียงดังสนั่นในเวลานี้ ฟองอากาศก็ส่งสัญญาณพังทลาย ถึงขั้นที่ผู้ฝึกตนทั้งสามสำนักบนภูเขาไฟด้านนอกต่างเกิดเสียงกระหึ่มขึ้นในสัมผัสสวรรค์ ราวกับกฎของตนถูกสั่นคลอน

พริบตาต่อมา นิ้วมือที่ยิ่นสี่กลายเป็นแสงผสานรวมเข้าไปก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าหวังเป่าเล่อก่อนกดลงไป

หวังเป่าเล่อนัยน์ตาฉายแววประหลาด ช่วงเวลาที่มายังเมืองเมืองปรารถนาเสียง เขาเห็นผู้ฝึกกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงมามากมาย แต่ก็ไม่พูดไม่ได้ว่า ยิ่นสี่ตรงหน้านี้คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

 และก็…คำที่เขาเพิ่งพูดออกมาเมื่อครู่  หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง มือขวายกขึ้นกันนิ้วที่เข้ามาตรงหน้าเบาๆ

อักขระเสียงที่ทับซ้อนกันกว่าแสนตัวในร่างระเบิดขึ้นมาในเวลานี้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

คลื่นพลังขุมหนึ่งระเบิดอย่างสะเทือนฟ้าสะเทือนดินในพริบตา แผ่กระจายไปทั่วบริเวณก่อนกลายเป็นพายุขุมหนึ่งอย่างฉับไว ฉีกทลายฟองอากาศ ฉีกเวทีประลองและสถานที่ทดสอบพลังฝึกปรือ และยังฉีกทึ้ง…นิ้วมือที่ผสานรวมกับยิ่นสี่เป็นกุญแจ

นิ้วมือนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่สามารถขัดขวางได้แม้แต่น้อย ระหว่างที่พังครืนลง ยิ่นสี่ที่หลอมรวมอยู่ภายในระหว่างความจริงกับโลกแห่งเสียง ร่างของเขาก็ถูกดีดออกมา ขณะที่กระอักเลือดอย่างรุนแรงนัยน์ตาก็ฉายแววประหลาด คล้ายกำลังรอคอย ท่าทางนั้นขมขื่นและดูซับซ้อนอย่างยิ่ง

แววตานี้คงอยู่ไม่นาน ร่างของเขาก็ถูกพายุจากอักขระเสียงที่ซ้อนทับกันกลืนหายไปในทันที

โชคดีที่หวังเป่าเล่อไม่ได้มีใจอยากฆ่า ดังนั้นเวลาถัดมา ร่างของยิ่นสี่ก็ถูกพายุผลักออกมาลอยตกไปไกลราวกับว่าวที่สายป่านขาด

การประลองรอบนี้…จบลงแล้ว!

ผู้ฝึกตนทั้งสามสำนักไม่ทันได้ส่งเสียงฮือฮา สถานที่ทดสอบพลังฝึกปรือที่หวังเป่าเล่ออยู่ ในรอยแตกที่ใกล้จะถล่มลง พลันมีแสงเปล่งเจิดจ้า แสงนี้รวมตัวจากทุกสารทิศพุ่งไปยังหวังเป่าเล่อและแผ่คลุมเขาในพริบตาถัดมาอย่างกะทันหัน

ฉับพลันนั้น เงาร่างของหวังเป่าเล่อก็หายวับไปจากสายตาของผู้ฝึกตนทั้งสามสำนักและก็หายไปจากสายตายิ่นสี่ที่ในเวลานี้ยังคงกระอักเลือดอยู่ด้วยเช่นกัน

 เขาข้ามไปแล้ว…  แววตายิ่นสี่ยิ่งซับซ้อนขึ้น

ในเวลาเดียวกัน เสียงก้องกังวานน่าเกรงขามก็สะท้อนขึ้นในสามสำนัก

 การทดสอบพลังฝึกปรือสิ้นสุดลงแล้ว หวังเล่อ นับจากนี้เลื่อนขึ้นสู่ศิษย์สายตรง! 

หวังเล่อก็คือนามแฝงของหวังเป่าเล่อในเมืองปรารถนาเสียง

ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ทั้งสามสำนักก็เกิดความโกลาหลอย่างรวดเร็ว เสียงสนทนาถกเถียงดังไปทั่วฟ้า แม้พวกเขาจะเฝ้าดูอยู่ตลอด และก็เตรียมใจไว้แล้วว่าหวังเป่าเล่อจะชนะ แต่…สุดท้ายก็ยังตกใจกับความจริงนี้อย่างสุดขีด

ต้องรู้ว่า ก่อนหน้านั้นหวังเป่าเล่อไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน เป็นม้ามืดที่โดดออกมาจากผู้คน อีกทั้งยังเอาชนะศิษย์เต๋า สุดท้ายใช้พลังอันน่าสะพรึงสะกดยิ่นสี่ได้

เรื่องแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

และสำหรับผู้ที่พ่ายแพ้ให้แก่หวังเป่าเล่อไปก่อนหน้านั้น ขณะที่รู้สึกเหลือเชื่อ มากกว่านั้นคือกลับรู้สึกตื่นเต้นกว่า โดยเฉพาะผู้ฝึกตนที่แพ้ให้แก่หวังเป่าเล่อเป็นรายแรกผู้นั้น ตอนนี้ดูดีใจมากกว่าตัวหวังเป่าเล่อเองเสียด้วยซ้ำ เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดี แพ้ให้ศิษย์สายตรงก็ยังพอพูดได้ว่าตัวเองยอดเยี่ยมอยู่ไม่เบา

ในขณะที่ศิษย์ทั้งสามสำนักกำลังถกเถียงกันอยู่ เหล่าศิษย์เต๋าสามสำนักกลับนิ่งเงียบ เงยหน้ามองไปทางภูเขาไฟเต๋าแห่งจังหวะดนตรีอย่างซับซ้อนราวกับสายตาของพวกเขาสามารถมองทะลุภูเขาไฟเห็นภายในได้

แม้ว่า…พวกเขาจะมองไม่เห็น ทว่าก็สามารถจินตนาการได้ว่าเวลานี้ภายในภูเขาไฟลูกนั้นกำลังเกิดอะไร

 น่าเสียดาย 

 ต้นทุนธรรมชาติกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงของหวังเล่อผู้นี้พบได้น้อยมาก! 

 ร่างอวตารเต๋าแห่งจังหวะดนตรีของอาจารย์จะได้ฟื้นฟูแล้ว 

มีเพียงยิ่นสี่ ขณะที่มองไปทางภูเขาไฟเต๋าแห่งจังหวะดนตรี นัยน์ตากลับซับซ้อน แฝงความดิ้นรนและ…การรอคอย

ในเวลาเดียวกัน ขณะที่สายตาของศิษย์เต๋าทั้งสามสำนักบรรจบกันอยู่ที่ภูเขาไฟ ภายในส่วนลึกของภูเขาไฟเต๋าแห่งจังหวะดนตรี ชั่วขณะที่แสงสว่างเรืองรอง เงาร่างของหวังเป่าเล่อก็ถูกส่งมายังที่แห่งนี้

แสงไฟสีแดงแผดเผา อุณหภูมิสูงจนน่าทึ่ง

เมื่อแสงสว่างเคลื่อนนำหายไปและเงาร่างของหวังเป่าเล่อปรากฏขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว สายตาของเขาก็เบนไปยังเงาร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดหินสีม่วงตรงเบื้องหน้าทันที

เงาร่างนั้นสวมชุดคลุมสีดำยาวตลอดร่าง สีหน้าซีดขาวฉายความอ่อนแอ ผิวที่เผยให้เห็นดูเหี่ยวแห้งอย่างชัดเจน ผมยาวรุงรังเคลียไหล่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายความตาย เหมือนกับเทียนไขที่มอดไหม้จนใกล้หมด เหลือเพียงแสงสว่างสุดท้ายของชีวิต

ในเวลานี้ เงาร่างนี้ลืมตาขึ้น ดวงตาแทบจะมองไม่เห็นนัยน์ตาดำ มีเพียงสีขาวที่ส่อถึงความตายมองไปยังหวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อก็มองไปที่ร่างอวตารของเจ้าปรารถนาเสียงตรงหน้า สีหน้าฉายความตื่นเต้นและวิตกกังวล ก่อนโค้งกายคำนับให้แก่เงาร่างเบื้องหน้า

 ศิษย์คารวะเจ้าปรารถนา… 

 เข้ามาใกล้ๆ หน่อย  เสียงแหบแห้งดังมาจากร่างแห้งเหี่ยว ราวกับแฝงด้วยพลังพิเศษขุมหนึ่งที่ส่งผลต่อสัมผัสสวรรค์ของหวังเป่าเล่อ เสียงนี้ทำให้เขาสีหน้างงงวยและยังส่งผลต่อกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงในร่างของเขาทำให้ร่างกายเดินไปทางเงาร่างนั้นโดยไม่รู้ตัว

เข้าใกล้ทีละก้าวๆ จนกระทั่งเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าร่างนั้นเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังได้กลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมาจากร่างของอีกฝ่าย ร่างกายของเขาจึงเผยอาการขัดขืน สีหน้างงงันก็ปรากฏแววต่อต้าน

 ร่างที่เยาว์วัย…  ในดวงตาของเงาร่างนั้นฉายประกาย ทันใดนั้นเมล็ดพันธุ์เต๋าในร่างหวังเป่าเล่อก็ราวกับอยู่เหนือการควบคุม มันปะทุขึ้นในพริบตาก่อนเข้าควบคุมร่างกายของเขา ขณะที่สะกดอาการขัดขืนและดิ้นรนเอาไว้ ร่างอวตารเต๋าแห่งจังหวะดนตรีของเจ้าแห่งปรารถนาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นนัยน์ตาก็ฉายแววรอคอย มือขวาลีบเหี่ยวยกขึ้นช้าๆ พร้อมเสียงหอบหายใจ กดลงที่หว่างคิ้วของหวังเป่าเล่อ

 เจ้า…เป็นของข้าแล้ว  ขณะที่เสียงแหบแห้งสะท้อนขึ้น ร่างอวตารเต๋าแห่งจังหวะดนตรีของเจ้าปรารถนาเสียง ก็ทำให้กฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงในร่างพลันหมุนเคลื่อนผนวกกับจิตอันแน่วแน่ของตน มันเคลื่อนมาตามแขนก่อนพุ่งเข้าสู่ร่างของหวังเป่าเล่อและหลอมรวมเข้าไปในทันที

ทว่าพริบตาที่จิตและทุกอย่างหลอมรวมเข้าในหว่างคิ้วของหวังเป่าเล่อ สีหน้ามึนงงของเขาพลันเลือนหายไป แล้วแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่แฝงความนัยและแววตาเย็นเยียบในพริบตา

 ผิดแล้ว เจ้าต่างหาก…ที่เป็นของข้า  หวังเป่าเล่อเอ่ยพูดแผ่วเบา

ร่างอวตารเต๋าแห่งจังหวะดนตรีของเจ้าปรารถนาเสียง ตอนนั้นเองจิตใจก็เกิดกระแสคลื่นบางอย่าง คิดจะดึงกลับมาแต่ก็สายไปเสียแล้ว

วิชาครองร่างสะท้อนคืน ที่เจ้าแห่งสุขถ่ายทอดให้แก่หวังเป่าเล่อพลันปะทุขึ้นภายในร่างของเขา ก่อนมันจะกระชากจิตใจของร่างเจ้าปรารถนาเสียงที่กำลังจะหนีไปให้ดึงกลับมา

 

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท