หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1413 คุ้นเคย (องก์ 4)

บทที่ 1413 คุ้นเคย (องก์ 4)
คนภายนอกไม่อาจตรวจพบความผันผวนจากร่างอันแข็งแกร่งในสระโลหิตได้ หรืออาจกล่าวได้ว่า โดยพื้นฐานก็ไม่มีผู้ใดในโลกาชั้นที่สองตรวจพบความผันผวนชนิดนี้ได้
เพราะมันพิสดารเกินไป…
แต่หวังเป่าเล่อ หลังจากเดินเข้าไปในเมืองปรารถนาทัศน์ เขาพลันชะงักฝีเท้า ท่าทีเต็มไปด้วยความสงสัย หันหน้ามองไปทางใจกลางของเมือง
เขารับรู้ได้ถึงความผันผวนอันน่าประหลาด
“ร่างต้นหรือ” หวังเป่าเล่อลังเล หลังจากสัมผัสอย่างถี่ถ้วน เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
แต่ความผันผวนนี้กับร่างต้นแบบของเขาคล้ายคลึงกันมาก สำหรับหวังเป่าเล่อ เขามั่นใจมากว่าร่างแท้ไม่อาจอยู่ในเมืองปรารถนาทัศน์ได้ และการติดต่อระหว่างร่างต้นแบบยังคงอยู่ เขาต้องรู้ได้ว่าร่างแท้อยู่ที่นี่
แม้ในใจเขาจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ระดับความเหมือนในตอนนี้ ยังคงทำให้หวังเป่าเล่อลังเล ดวงตาหรี่ลงอย่างช่วยไม่ได้
ดีที่ความผันผวนนี้อยู่ได้ไม่นาน ก็จางหายไปอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาเงียบไปแล้วจึงละสายตา แต่การปรากฏของสิ่งนี้ ทำให้เขายิ่งเพิ่มความสนใจต่อเมืองปรารถนาทัศน์
“ที่นี่…มีความลับแฝงอยู่…” ดวงตาหวังเป่าเล่อทอประกายอยู่ลึกๆ ก้าวเท้าเดินต่อไปตามถนน แม้ทุกสิ่งในเมืองนี้จะไม่ค่อยเข้ากัน แต่ยังดีที่ไม่ได้มีแต่คนไร้ที่ติ ยังมีผู้ฝึกตนมากมายที่มาจากเมืองอื่นไปๆ มาๆ ระหว่างสถานที่นี้
เวลานี้ท้องฟ้าใกล้มืดแล้ว หวังเป่าเล่อที่เพิ่งมาถึง ก็หาโรงเตี๊ยมได้ในไม่ช้า หลังจากเข้าที่พัก เขาก็นั่งสมาธิอยู่ภายในห้อง ยังคงรู้ซึ้งถึงความผันผวนที่สัมผัสก่อนหน้านั้น
“เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ยังมีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่…”
“เป็นไปได้ไหมว่า…ร่างต้นแบบอยู่ที่นี่จริงๆ” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว รู้สึกวุ่นวายใจ ดังนั้นจึงวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน สุดท้ายดวงตาของเขาก็สงบลง
“เป็นไปไม่ได้!”
“ในเมื่อตัดทางเลือกนี้ออกไปแล้ว ความผันผวนที่ดึงสัมผัสเชื่อมต่อของข้า…ที่แท้คือสิ่งใดกัน” หวังเป่าเล่อหรี่ตา เดินไปข้างหน้าต่าง แล้วมองไปทางที่ที่เกิดความผันผวนก่อนหน้านั้น
“ตำแหน่งใจกลางตามผังเมืองปรารถนารสและเมืองปรารถนาเสียง ตรงตำแหน่งนั้น…ต่างเป็นที่พำนักของเจ้าแห่งปรารถนาของแต่ละเมือง หรือจะเป็นเจ้าปรารถนาทัศน์”
“หากเป็นเขาจริง เหตุใดเขาจึงทำให้ข้ามีสัมผัสเชื่อมต่อที่แรงกล้าเช่นนี้” หวังเป่าเล่อมองไปไกลจนพลบค่ำ ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว เขาจึงตั้งใจที่จะไปตรวจสอบอีกครั้งในระหว่างวัน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ขณะที่กำลังจะละสายตา ในตอนนั้นเอง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ด้วยเพราะ…ความผันผวนที่คุ้นเคยนั้น ได้ปรากฎขึ้นอีกครั้งแล้ว
และการปรากฏครั้งนี้ แรงกล้ากว่าก่อนหน้านั้นมาก ทำให้ความรู้สึกของหวังเป่าเล่อเหมือนภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุในคืนมืดมิด ขณะที่กำลังแผดเผา เวลานี้ความผันผวนนี้กำลังพุ่งมาทางเขาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาหวังเป่าเล่อหรี่ลง
เหตุการณ์นี้ ทำให้หวังเป่าเล่อหน้าเปลี่ยนสี ร่างถอยกลับและหายไปจากตรงนั้นทันที และปรากฏตัวห่างไปพันจั้ง ทันทีที่เขาปรากฏกาย โรงเตี๊ยมที่เขาอยู่ก็ทรุดตัวลงในพริบตา กลายเป็นเถ้าลอยกระจายไปทั่วทิศทาง
ในขี้เถ้าที่ลอยฟุ้งและความโกลาหลรอบๆ นี้ เงาร่างแข็งแกร่งสายหนึ่ง พลันส่องประกายแสงสีแดงไปทั่วร่าง พุ่งออกจากโรงแรมอย่างฉับพลัน ตรงเข้ามายังหวังเป่าเล่อ
ดวงตาหวังเป่าเล่อหดลงอย่างรุนแรง ความรู้สึกที่คุ้นเคยชนิดที่มาจากร่างต้นแบบนั้น ซ้อนทับกับเงาคนแปลกหน้าที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาเกิดภาพหลอน ราวกับร่างต้นแบบได้เปลี่ยนรูปลักษณ์
“คนต่างถิ่น ข้ารอเจ้ามานานแล้ว!” ขณะที่จิตใจของหวังเป่าเล่อผันผวน ร่างแข็งแกร่งนั้นก็ส่งเสียงคำรามอย่างดุร้าย คว้าไปทางหวังเป่าเล่อ
พลังเทียมฟ้าที่มาจากภายในร่างแข็งแกร่งนี้ เปรียบเสมือนเตาหลอมทรงอานุภาพ ทำให้หวังเป่าเล่อรับรู้ถึงภยันตรายแรงกล้า ฝ่ายตรงข้ามช่างแตกต่างจากเจ้าปรารถนาอื่นที่เขาเคยพบ
ไม่เพียงแต่ความแตกต่างของกฎเกณฑ์ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ…กายเนื้อ
กายเนื้อจากอีกฝ่ายทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกถูกบีบคั้น ทั้งร่างของเขาสั่นสะท้าน แต่ในขณะเดียวกับที่สั่นสะท้านอยู่นี้ ความปรารถนาอันแรงกล้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นภายในร่างของเขา
ความปรารถนาที่ใคร่จะได้กายเนื้อร่างนี้
เพียงแต่ความบีบคั้นนั้นรุนแรงเกินไป ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นเดียวกันกับการควบคุมมุ่งเฉพาะ แม้ว่าระดับการฝึกตนของหวังเป่าเล่อจะสูงมาก อีกทั้งยังเป็นกึ่งเจ้าปรารถนาเสียง แต่เมื่อเผชิญกับร่างที่แข็งแกร่งตรงหน้า เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้
ภายใต้การบีบคั้น เขาสูญเสียพลังต่อต้านทั้งหมดไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงมีสามทางให้เลือก ทางแรก คือการใช้พลังกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงหลบหนีจากที่นี่ไปในทันที
เขาเชื่อว่า เวลานี้ด้วยพลังบีบคั้นของอีกฝ่าย ตนยังสามารถหลบหนีไปได้ แต่หากไม่ไปตอนนี้ เกรงว่าคงไม่ทันการ
ทางที่สอง ก็คืองัดวิธีทุกชนิดในการล่าถอยที่ตนได้เตรียมไว้ก่อนหน้าออกมา แต่เมื่อคิดถึงความผันผวนที่คุ้นเคยนี้ หลังจากรับรู้ถึงความปรารถนาที่อยู่ภายใน ดวงตาหวังเป่าเล่อก็แดงก่ำ เขาไม่ชอบพนันขันต่อ แต่ครั้งนี้…เขาจะลองเดิมพันดูสักครั้ง เลือกหนทางที่สาม!
ขณะที่หวังเป่าเล่อเกือบจะเลือกได้แล้ว มือยักษ์ของเจ้าปรารถนาทัศน์ ก็คว้าเข้ามาอย่างฉับพลัน พลังแห่งกายเนี้อร่วมกับกฎเกณฑ์ ก่อเป็นตาข่ายแผ่อยู่เต็มท้องฟ้า กำลังจะครอบร่างหวังเป่าเล่อเอาไว้
ช่วงเวลาวิกฤต หวังเป่าเล่อคำรามต่ำ กฎเกณฑ์ปรารถนารสและกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงภายในร่าง ระเบิดขึ้นพร้อมกัน พยายามต้านทานมันออกไป ขณะคำรามก้องกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ของเจ้าปรารถนาทัศน์ ก็เห็นชัดว่ากำลังสั่นสะท้าน ราวกับถูกลบล้างไปกว่าครึ่ง แต่พลานุภาพของเขาไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย พลังแห่งกายเนื้อที่มาจากร่างนั้น ตรงไปที่หวังเป่าเล่อ เวลานี้เกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่อง พลังและระดับความเร็วรวดเร็วฉับไว ตรงมาเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อ และคว้าคอเขาไว้
หวังเป่าเล่อดวงตาล้ำลึก สายตาของคนนอกไม่อาจตรวจพบได้ จึงเพิกเฉยที่จะต่อต้าน ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามจับตนไว้ได้ เวลาถัดมาเขาก็กระตุกไปทั้งร่าง ร่างกายคำรามร้อง สูญเสียพลังต่อต้านไปทั้งหมด
“อ่อนแอเกินไปแล้ว!” เจ้าปรารถนาทัศน์แสยะยิ้ม คว้าหวังเป่าเล่อไว้ได้ในพริบตา พุ่งตรงไปที่วังใต้ดิน ความเร็วนั้นราวกับดาวตกสายหนึ่ง ขณะกรีดร้องก็เหยียบเข้าไปในวังใต้ดินที่ตั้งของสระโลหิตที่เขาถือสันโดษ
เมื่อเข้าไปข้างใน หวังเป่าเล่อก็ถูกสระโลหิตนั้นทำให้สั่นไหวอยู่ลึกๆ เขารับรู้ได้ว่าภายในสระโลหิตนี้ มีความผันผวนที่ตนคุ้นเคยหลงเหลืออยู่ ยังไม่ทันมองได้ชัดเจน พลังมหาศาลขุมหนึ่งก็ส่งออกมา ร่างกายของเขาถูกเจ้าปรารถนาทัศน์โยนลงในสระโลหิต ในขณะเดียวกันพลังการบีบคั้นก็ตามมาด้วย
“เจตนาให้ข้าจับได้ ไม่ใช่ว่าต้องการเห็นสระโลหิตนี้หรอกหรือ ข้าจะให้เจ้าดูให้เต็มตา”
หวังเป่าเล่อเลิกคิ้ว ร่างภายในสระโลหิต สีหน้ามืดมน หลังจากกวาดตามองดูเลือดที่อยู่รอบๆ ก็สัมผัสได้ถึงความปรารถนาที่ส่งออกมาจากภายในร่างของตน จากนั้นก็ถูกเขาบังคับบีบคั้น ไม่ให้แสดงออกมาแม้แต่น้อย ทว่าสีหน้ากลับยิ่งเพิ่มความมืดมน สุดท้ายก็มองไปทางเจ้าปรารถนาทัศน์
“ท่านรู้นานแล้วหรือว่าข้าจะมาเมืองปรารถนาทัศน์”
เจ้าปรารถนาทัศน์หัวเราะร่า ขณะที่โบกมือ พลังแห่งการปิดกั้นก็ถูกส่งออกไปรอบทิศ หลังจากผนึกที่นี่ไว้แล้วทั้งหมด ชั่วพริบตาร่างกายของเขาก็เหยียบเข้าสู่สระโลหิตเช่นกัน สายตาเผยให้เห็นถึงความโลภและความคาดหวังที่ปิดไม่มิด
แน่นอน นี่เป็นข้อตกลงของข้าและเจ้าแห่งสุข ข้าช่วยนางขัดขวางการส่งสาส์นของเจ้าปรารถนาเสียง นางช่วยข้าส่งเจ้ามาที่นี่!”
…………………
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท