สีหน้าท่าทางระหว่างนั้นล้วนระมัดระวัง และตั้งใจอย่างหาได้น้อยมาก ราวกับได้ย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง
ตอนนั้น เพื่อที่จะสร้างโรงงานเครื่องปรุงเซียนมั่วให้สำเร็จ หนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ยก็ถือแผนที่มาอภิปรายกันไม่หยุดแบบนี้!
เมื่อมีเป้าหมายเดียวกัน ย่อมมีทัศนะความคิดเห็นไปในทางเดียวกันเยอะมาก
ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยในตอนนั้นมีท่าทีจริงจังมาก หนิงเซ่าชิงกลับไม่ได้ระมัดระวัง เอาจริงเอาจังเหมือนในวันนี้
มั่วเชียนเสวี่ยจะเสนอความเห็นเกี่ยวกับลักษณะโครงสร้างมากมาย หนิงเซ่าชิงจะเสนอความเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในความเห็นของมั่วเชียนเสวี่ย จากนั้นมั่วเชียนเสวี่ยก็จะนำพู่กันบันทึกความคิดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เอาไว้
สามวันนี้ จวนหนิงไม่สงบ ไม่เพียงแต่จะไม่สงบ แต่ยังมีคลื่นความปั่นป่วนวุ่นวายอีกด้วย
ส่วนตัวต้นเรื่องอย่างมั่วเชียนเสวี่ยที่ทำให้เกิดเรื่องพวกนี้กลับหมกตัวอยู่ในห้องส่วนตัว กระทั่งประตูห้องก็ไม่ได้ก้าวออกไปแม้แต่ครึ่งก้าว นางเร่งทำเวลา แก้ไขภาพวาด
ตอนนี้ สำหรับนางแล้ว เวลาก็คือชีวิต เวลาก็คือความสุข!
สตรีในจวนพวกนั้น คนเลวทรามเหล่านั้น รอนางว่างเว้นจากเรื่องตรงหน้าแล้ว ค่อยมาจัดการทีละคนๆ
หนิงเซ่าชิงก็ผลักภารกิจทั้งหมดออกไปไว้อีกด้าน แล้วเป็นลูกมือคอยช่วยอยู่ข้างๆ นาง
“นี่คือภาพระดับน้ำและวันที่แม่น้ำหนีซาท่วมหลากในหลายปีมานี้”
“นี่คือสถานการณ์น้ำขึ้นในแม่น้ำซีสุ่ยของทุกปี…”
“นี่คือแผนภาพเส้นทางแม่น้ำตงจิงของพื้นที่รัฐศักดินาที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ตระกูลซู…”
ใช่แล้ว พื้นที่รัฐศักดินาของตระกูลซูน่าเวทนาถึงเพียงนี้ ตั้งอยู่บนบริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำแม่น้ำซีสุ่ย แม่น้ำตงจิงและแม่น้ำหนีซา ไม่ใช่แม่น้ำหนีซาน้ำขึ้นจนพื้นที่ถูกจมไว้ใต้น้ำ ก็ถูกน้ำขึ้นของแม่น้ำซีสุ่ยซัดสาดใส่
มั่วเชียนเสวี่ยมองแผนที่ พลางเขียนๆ วาดๆ จากนั้นก็จะถามคำถามบางอย่างกับหนิงเซ่าชิง
แม้หนิงเซ่าชิงจะฉลาดมาตั้งแต่เกิด แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เคยเห็นอุปกรณ์ในยุคปัจจุบันพวกนั้น และยิ่งไม่รู้ชัดในหลักการเหล่านั้น ดังนั้นในหลายๆ สถานการณ์จึงไม่รู้อะไรเลย
มั่วเชียนเสวี่ยก็วาดๆ หยุดๆ หลายครั้งที่นางรู้สึกขอบคุณที่ตอนเยาว์วัยเคยเติบโตในหมู่บ้าน
หลังบ้านนางมีแม่น้ำสายหนึ่ง น้ำในแม่น้ำสายนั้นล้วนสูงขึ้นทุกปี และในที่ไม่ห่างไกลมีอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่งกับประตูน้ำแรงดันสูงบานหนึ่ง
ตอนเด็ก บิดามักพานางไปเล่นที่นั่น นางเล่นด้านหนึ่ง บิดาก็หว่านแหจับปลาอยู่อีกด้านหนึ่ง
นางโชคดีเคยเห็นว่าประตูน้ำนั้นใช้อย่างไร…
ตัวการหลักที่ก่อให้เกิดน้ำท่วมทั่วเขตพื้นที่ตะวันออกคือแม่น้ำหนีซากับแม่น้ำซีสุ่ย…
มั่วเชียนเสวี่ยยังค้นพบเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง โดยพื้นฐานแล้ว ต้นน้ำที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำตงจิงทั้งสายนั้นมีมาก เป็นน้ำจากภูเขาลูกใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของทางตะวันตก แต่กลับอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำซีสุ่ยเท่าใดนัก
มั่วเชียนเสวี่ยนึกขึ้นได้ว่า ทุกครั้งที่ถึงช่วงหิมะละลายแล้วเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ระดับน้ำในแม่น้ำตงจิงจะสูงมาก แต่เมื่อถึงฤดูร้อนกับฤดูหนาว ระดับน้ำก็จะลดลงต่ำมาก ต่ำมากๆ
ที่แท้ก็เป็นเพราะหิมะฤดูใบไม้ผลิละลาย หลังจากสายฝนในฤดูใบไม้ผลิจบลง น้ำย่อมไหลลงมาเป็นธรรมดา แต่เมื่อถึงฤดูร้อนกับฤดูหนาวไม่มีน้ำหนุน ช่วงเวลากลางวันแสงแดดแผดเผา ช่วงเวลากลางคืนเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำค้าง รินไหลไปไม่หยุด ระดับน้ำย่อมลดลงมากเป็นธรรมดา
หากให้น้ำที่ทะลักลงจากภูเขาไหลไปยังต้นน้ำของแม่น้ำหนีซาทั้งหมด แล้วค่อยใช้แรงขยายต้นทางน้ำที่มาจากแม่น้ำซีสุ่ยแห่งนั้น ไม่เพียงแต่จะสามารถแยกน้ำขึ้นที่มาจากแม่น้ำซีสุ่ยในเดือนเจ็ดเดือนแปดได้ ยังสามารถทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำตงจิงไม่ลดลงตลอดปี สร้างความสุขให้กับชาวบ้านที่อาศัยการจับปลาในกระแสน้ำตอนล่าง เพื่อการดำรงชีวิตได้ด้วย
วิธีการเช่นนี้สร้างความตะลึงใหักับหนิงเซ่าชิงทันที
ด้วยวิธีที่มีทั้งอ่างเก็บน้ำ ทั้งประตูน้ำ และยังสามารถดำเนินการระบายน้ำในปริมาณมากได้ และเตรียมตัวเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ที่แอ่งแผ่นดินสองแห่งได้ตลอดเวลา เกรงว่าพื้นที่ของตระกูลซูคงไม่มีภัยพิบัติน้ำท่วมอีกแล้ว
จินตนาการนั้นช่างงดงาม แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย
แม้ว่านางจะเคยเห็น และรู้หลักการพวกนี้คร่าวๆ โดยประมาณ แต่ให้ลงมือทำขึ้นมาก็ยังมีความยากอยู่เช่นกัน
การจะรักษาความกว้างและความลึกของแม่น้ำลำคลองให้สมบูรณ์แบบ แล้วสร้างประตูเชื่อมกับแม่น้ำซีสุ่ย แม้ว่าจะเทียบความกว้างใหญ่ของโครงสร้างเขื่อนสามหุบผาไม่ได้ แต่กลับไม่ง่ายเช่นกัน
แต่ว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่มั่วเชียนเสวี่ยต้องกังวลใจ
นางเพียงแค่รับผิดชอบวาดภาพเส้นทางระบายน้ำ กับแบบจำลองเล็กน้อย และเขียนทฤษฏีเครื่องมือกลที่จำเป็นต้องใช้กับประตูเก็บน้ำและอ่างเก็บน้ำให้ชัดเจนก็พอแล้ว
สามวันมานี้ หนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ยอยู่ในห้อง ยุ่งวุ่นวายยิ่ง และสามารถกล่าวได้ว่าเป็นสามคืนที่ไม่ได้พักผ่อน
แม้ว่าหนิงเซ่าชิงจะร้อนใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความสงสารที่มีต่อมั่วเชียนเสวี่ย เกลี้ยกล่อมให้มั่วเชียนเสวี่ยไปพักผ่อนหลายครั้ง แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับเป็นคนบ้างานคนหนึ่ง
นางกลัวว่า เมื่อนางหลับไป ความคิดจะต่อไม่ติด จากนั้นความพยายามที่ทุ่มเทมาทั้งหมดล้วนเสียเปล่า…
ดังนั้น
หนิงเซ่าชิงมองมั่วเชียนเสวี่ยในสภาพนี้ ในใจก็เอ่ยกับตนเองว่า ชั่วชีวิตนี้จะต้องปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี ไม่มีทางทำให้ผิดหวัง และไม่มีทางให้ผู้ใดมารังแกนางเด็ดขาด
เนื่องจากนี่เป็นความลับสุดยอด กระทั่งซุนหมัวมัวก็ไม่ให้เข้าไปในห้องนั้น
มีเพียงแค่เยวี่ยเซี่ยที่ช่วยฝนหมึก ชูอีกับสืออู่ที่ผลัดกันยกน้ำชามาปรนนิบัติ และเฝ้าประตูห้องเอาไว้
กล่าวตามตรง แต่ก่อนตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยยังไม่ได้แต่งงานเข้ามา เยวี่ยเซี่ยรู้สึกต่อต้านมั่วเชียนเสวี่ย ฮูหยินผู้นี้ไม่มากก็น้อย
นางไม่เข้าใจ เหตุใดนายท่านที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติในใจนาง ถึงได้ตามใจ ทะนุถนอม และรักเดียวใจเดียวกับสตรีผู้หนึ่งเช่นนี้
ตอนนี้นางเข้าใจแล้ว
ฮูหยินควรค่าที่จะได้ครอบครอง!
มีเพียงแค่ฮูหยินที่คู่ควรกับความรักของนายท่าน
นางฝนหมึกไป พลางตัดสินใจว่าจะต้องปรนนิบัติฮูหยินเหมือนกับนายท่าน…
ทั้งสองคนหมกตัวอยู่ในห้องโดยไม่ออกไปข้างนอกหลายวัน บวกกับเกิดเรื่องใหญ่กับมั่วเชียนเสวี่ยจริงๆ…สำหรับสตรีผู้หนึ่งแล้วจะมีเรื่องใดสำคัญไปกว่าการให้กำเนิดบุตรอีก
ดังนั้นข้างนอกจึงยิ่งลือว่า มั่วเชียนเสวี่ยได้รับความตื่นตกใจจากเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าจนถึงขั้นที่กระทั่งประตูก็ไม่กล้าก้าวออกไป
ถูกทำให้กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ นอนไม่หลับสักคืน กระทั่งไฟก็ไม่กล้าดับ
อีกอย่างก็คือ มั่วเชียนเสวี่ยเป็นสตรีไม่เอาไหน ได้รับความตื่นตกใจนิดหน่อย ไม่เพียงแต่ตนเองจะไม่ออกจากเรือน ข้างกายก็ยังห่างจากคนไม่ได้ ตามพัวพันหัวหน้าตระกูลทุกวัน…
สรุปได้ว่า กล่าวได้ไม่น่าฟังยิ่ง!
แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่เชื่อว่ามั่วเชียนเสวี่ยถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ไม่กล้าออกจากเรือน แต่กลับสงสัยว่ามั่วเชียนเสวี่ยใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้มาออดอ้อนหนิงเซ่าชิง แสร้งทำเป็นป่วยเพื่อเรียกร้องความรักและเอาใจจากหนิงเซ่าชิง จากนั้นก็กล่าววาจาให้ร้ายให้หลานชายตนเองฟัง
ยิ่งคิดในใจก็ยิ่งรังเกียจมั่วเชียนเสวี่ย
ในที่สุดยามโฉ่ว[1]ของวันที่สาม มั่วเชียนเสวี่ยก็ทำรายงานภาพร่างโครงสร้างและคำแนะนำเกี่ยวการก่อสร้างเสร็จรวดเดียวภายใต้ความช่วยเหลือจากหนิงเซ่าชิงกับเยวี่ยเซี่ย
รายงานนี้ไม่เพียงแต่จะมีคำอธิบายและคำแนะนำ แต่ยังมีสถิติต่างๆ มั่วเชียนเสวี่ยให้เยวี่ยเซี่ยทำมันเป็นสมุดเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่ง
หนิงเซ่าชิงมองสมุดเล่มเล็กที่มีข้อความและภาพประกอบอย่างสวยงามหลายสิบหน้าที่ตั้งใจทำขึ้นมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน และภาพที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่กลับเป็นภาพที่สวยที่สุดที่เขาเคยเห็นมาก่อน ในใจก็มีความคิดมากมาย
บุรุษฉลาดเฉลียว มีสติปัญญามากเพียงใด เป็นช่างฝีมือดีเยี่ยมเพียงใด ทั้งชีวิตก็ล้วนคิดวิธีการไม่ออก แก้ปัญหาไม่ได้ เมื่อถึงคราวฮูหยินของเขา กลับใช้เวลาเพียงแค่สามวัน!
ถูกต้อง! สามวัน!
สามวันที่ทุ่มเทความคิดความรู้สึก มีสมาธิจดจ่ออยู่กับมัน!
แน่นอนว่าในสามวันนี้ ต้องขอบคุณตระกูลหนิงที่เก็บรวบรวมข่าวกรองได้ครบถ้วนสมบูรณ์…
มั่วเชียนเสวี่ยมอบสมุดเล่มเล็กนี้ให้หนิงเซ่าชิงแล้ว ก็เอนตัวลงนอนบนเตียงทันที โดยไม่อาบน้ำ
[1] ยามโฉ่ว คือเวลา 01.00 – 02.59 น.