หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1398 ม้ามืด

บทที่ 1398 ม้ามืด
เกือบในจะเวลาเดียวกับที่ผู้ฝึกตนเต๋าแห่งจังหวะดนตรีรายนี้ร้องเสียงแหลมขึ้นมา งูสีดำที่แหวกผ่านอากาศว่างเปล่าเข้ามาก็พลันหยุดชะงักลงห่างจากตัวของผู้ฝึกตนเต๋าแห่งจังหวะดนตรีไม่ถึงหนึ่งจั้ง ระยะทางนี้ สำหรับผู้ฝึกตนแล้วไม่ต่างจากการที่อีกฝ่ายเข้ามาแนบหน้าสักเท่าไร
นี่ทำให้ผู้ฝึกตนเต๋าแห่งจังหวะดนตรีท่านนี้รู้สึกว่า ตนเองรอดจากเคราะห์ครั้งนี้มาได้อย่างหวุดหวิด หน้าผากนั้นมีเหงื่อผุดลงมาเป็นสาย กระทั่งแผ่นหลังยังรู้สึกเปียกชื้น ระหว่างที่สีหน้าของเขาซีดขาว ร่างก็ค่อยๆ พร่าเลือนและในพริบตาถัดมาก็หายไปจากสถานที่ประลองแห่งนี้
เมื่อเสนอขอยอมแพ้ ก็สามารถออกจากสนามได้ และนี่คือหนึ่งในกฎของสถานที่ทดสอบแห่งนี้
จริงๆ แล้วต่อให้เขาไม่ยอมแพ้ หวังเป่าเล่อเองก็จะไม่สังหารเขา เพราะเขาเป็นคนที่มีเหตุผล อีกฝ่ายไม่ได้จะช่วงชิงชีวิตเขาแต่แรก เช่นนั้นเขาย่อมไม่ทำเช่นเดียวกัน
เขาแค่เสียดายอย่างมากว่า การสัมผัสรู้ของตนต้องล้มเลิกเสียแล้ว
“คนผู้นี้ขี้ขลาดจนเกินไป ข้าวางแผนว่าจะพูดคุยกับเขาสักหน่อยว่าจะให้ความร่วมมือช่วยข้าฝึกได้หรือไม่ ไม่แน่ว่าอาจได้รับประโยชน์อะไรมาบ้าง…” หวังเป่าเล่อส่ายหน้าเสียดาย จากนั้นก็มองทัศนียภาพเทือกเขารอบๆ ค่อยๆ รางเลือน และในพริบตาถัดมา ผืนดินก็เปลี่ยนกลายเป็นผืนทะเลกว้าง
เทือกเขาหายไป และสิ่งที่แทนที่เข้ามาคือเกาะเล็กเกาะน้อย แล้วยังพวกนกทะเลที่โบยบินบนฟ้า
สถานที่ต่อสู้ เปลี่ยนแล้ว
ไม่รอให้หวังเป่าเล่อสำรวจบริเวณโดยรอบ แทบจะทันทีกับที่เขาโผล่ออกมานั้น พวกนกทะเลบนฟ้าพลันก้มหน้าลง พวกมันแผดเสียงร้องแสบหู กรีดร้องมายังหวังเป่าเล่อทางนี้ทันที
ไม่เพียงแค่นี้ มหาสมุทรยามนี้พลันสั่นสะเทือน จากนั้นปลาทะเลยักษ์ตัวหนึ่งพลันกระโจนขึ้นจากผืนน้ำทะเลเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อ แล้วอ้าปากพุ่งเข้ามาหมายกินเขาให้หมดในคำเดียว
มองๆ ไปแล้ว หัวของปลาทะเลตัวนี้ มีขนาดใหญ่กว่าหวังเป่าเล่อประมาณพันเท่าเห็นจะได้ ดังนั้นแล้วการอ้าปากกลืนของมันครั้งนี้ทำให้คนรู้สึกว่าน่าตื่นตะลึงอย่างมาก อีกทั้งพวกนกในท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรมีจำนวนประมาณนับร้อยได้ แต่ละตัวนั้นเหมือนมีดอันเฉียบคม พวกมันล็อคตำแหน่งของหวังเป่าเล่อไว้จนยากจะหลบหนี
การประลองทดสอบรอบที่สอง จึงเริ่มต้นขึ้น
และในเวลาเดียวกัน บนปากภูเขาไฟของแต่ละสามสำนัก ก็เป็นที่รวมตัวของพวกผู้ฝึกตนซึ่งพ่ายแพ้การต่อสู้รอบแรกและไม่มีสิทธิเข้าร่วมประลองทั้งหมด พวกเขามองไปยังตำแหน่งของปากภูเขาไฟ เพราะว่าสถานที่นั้น ปรากฏหน้าจอฉากรูปรังผึ้งขนาดยักษ์ ภายในนั้นคือชิ้นส่วนตาข่ายแต่ละอัน กำลังแสดงภาพสถานที่ประลองไม่ซ้ำกัน
ภายในชิ้นส่วนพวกนี้ เห็นได้ชัดว่ายามนี้เหลือเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือเหล่านั้นถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นอัตโนมัติ ทำให้ศิษย์ทั้งสามสำนัก สามารถมองเห็นทุกอย่างชัดเจน
เพียงแต่ว่า ต่อให้ชิ้นส่วนพวกนี้จะเหลือเพียงครึ่งหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีจำนวนมากมายน่าตื่นตะลึง ดังนั้นแล้วหวังเป่าเล่อซึ่งอยู่ในบรรดาชิ้นส่วนเหล่านี้ จึงไม่ได้เป็นจุดสนใจเท่าไร โดยเฉพาะตอนนี้มีชิ้นส่วนอีกจำนวนมากให้ผู้ชมเลือกรับชม เช่นนั้นแล้วผู้คนย่อมเลือกรับชมชิ้นส่วนที่มีชื่อเสียงมากกว่า
ส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนของเหล่าผู้อาวุโสเก่งกาจหรือพวกศิษย์จากสามสำนักที่มีคนนิยมดู เสียงวิจารณ์นั้นดังออกมาจากแต่ละสำนักทั้งสามอย่างต่อเนื่อง
“การทดสอบในครั้งนี้ ข้าแน่ใจเลยว่ารอบชิงชนะเลิศนั้นต้องเป็นเยว่หลิงจื่อและจงเหิงจื่อแน่!”
“ไม่ผิด พวกเจ้าดูเยว่หลิงจื่อทางนั้น กฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงของนางได้ระดับขึ้นสั่นสะเทือนมิติแล้ว อยู่ในระดับที่บิดเบือนการมองเห็นได้!”
“เกรงว่าพวกเจ้าจะลืมนักพรตเต๋ายิ่นสี่ผู้เร้นลับของเต๋าแห่งจังหวะดนตรีนั่นไปแล้ว ยิ่นสี่ผู้นั้นสิเป็นผู้น่ากลัวที่สุด พวกเจ้าเห็นการต่อสู้ของเขาไหม ทุกครั้งเขาแค่ก้าวเดินครั้งเดียวก็ชิงชัยชนะได้แล้ว”
“สือหลิงจื่อผู้นั้นก็ไม่ธรรมดา!”
ท่ามกลางการถกเถียงของสามสำนักนี้ ด้านข้างปากปล่องภูเขาไฟของเต๋าแห่งจังหวะดนตรี ปรากฏผู้ที่หวังเป่าเล่อเคยสู้ด้วยคนนั้น ตอนนี้เขายืนทำหน้าปั้นยากอยู่ที่นั่น เมื่อครู่หลังจากที่ถูกส่งออกมานั้นราวกับว่ามีสายตาไม่น้อยหันมาจับจ้อง ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน แต่เมื่อคิดว่าตนเองพบกับสัตว์ประหลาดตนนั้นเมื่อครู่ เขาก็อดผ่อนคลายลงไม่ได้
โดยเฉพาะ…หลังจากเขาพบว่ารอบด้านนั้นนอกจากตนเองแล้วไม่มีใครไปสนใจสัตว์ประหลาดตัวที่ตนพบเข้า ผู้ฝึกตนเต๋าแห่งจังหวะดนตรีรายนั้นก็พลันถอนหายใจเหยียดยาว สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
“นั่นคือม้ามืดชั้นเยี่ยมตัวหนึ่ง ทุกคนที่ได้พบกับเขา…ล้วนต้องตาย!!”
เมื่อในใจคิดว่าในเมื่อตนเองสู้ไม่ได้ เช่นนั้นคนอื่นก็ไม่มีทางทำได้แบบนี้ ผู้ฝึกตนเต๋าแห่งจังหวะดนตรีรายนั้นจึงเลือกดูภาพจากชิ้นส่วนที่แตกต่างจากผู้อื่น เขาไม่สนชิ้นส่วนอื่นแล้ว เอาแต่จับจ้องดูหวังเป่าเล่อทางนั้น จ้องจนตาไม่กะพริบทีเดียว
และในตอนที่เขามองเห็นหวังเป่าเล่อถูกปลายักษ์กลืนกิน และถูกนกทะเลแผดเสียงใส่ เขาก็ได้แต่ยกยิ้มเย็นเยาะเย้ย
“ไม่ว่านี่เป็นใครลงมือ ถัดมา ผู้นี้ก็จะรู้เองว่าอะไรคือความสิ้นหวัง!”
เกรงว่านี่อาจจะประจวบเหมาะกับคำพูดของเขาพอดี เกือบจะในเวลาเดียวกับที่ผู้ฝึกตนเต๋าแห่งจังหวะดนตรีนี้เอ่ยปาก ในชิ้นส่วนที่หวังเป่าเล่ออยู่นั้น ปลายักษ์ที่หวังจะฮุบในคำเดียวตัวนั้นยังไม่ทันที่มันจะกระโจนกลับลงทะเล พลันต้องร่างสะท้าน จากนั้นเสียงระเบิดดังลั่นก็ดังขึ้น เลือดปลาสดๆ สาดกระจายลอยออกมาเป็นชิ้นๆ ในพริบตานั้นสีแดงอาบย้อมไปทั่วครึ่งหนึ่งของพื้นที่ท้องฟ้าและทะเล ทำให้เหล่านกทะเลเหล่านั้นเองก็ค่อยๆ ร่วงหล่นร่างสลายไปตามๆ กัน
นี่ราวกับว่า มีพลังอันน่าสะเทือนขวัญระเบิดออกในพริบตา จนกระทั่งว่าภาพในชิ้นส่วนนั้นถึงกับสว่างวาบทันที เพียงแต่ว่าการกะพริบของภาพนี้เร็วเกินไป หากมิได้จ้องมองแบบตาไม่เคลื่อนไหวเลย ก็ยากจะสังเกตพบ
หลังจากการวาบผ่านของแสงนั้น หวังเป่าเล่อที่อยู่ในเศษชิ้นส่วน ยามนี้ก็เผยประกายเย็นเยียบในดวงตาออกมา เขายกมือขวาขึ้นคว้าไปยังทิศของมหาสมุทรเบื้องหน้า และภายใต้การคว้านี้เอง บทเพลงก็แผ่ขยาย นี่คือเพลงที่เขาร้อยเรียงขึ้นมาเองทั้งบท มันกระจายไปทั่วสี่ด้าน
ทุกทิศทางที่มันแผ่ขยาย มหาสมุทรนั้นก็พลันปรากฏคลื่น ก่อนจะแหวกทางออกเป็นสองส่วน เผยให้เห็นว่าในนั้นมีเงาร่างที่ตะลึงลานสิ้นสติอยู่ คนผู้นี้คือผู้ฝึกตนชายรายหนึ่ง สีหน้าของเขาขาวซีด ดวงตาฉายแววตะลึงและหวาดกลัว เขากระอักเลือดสดๆ ออกมาไม่หยุด
เขาสัมผัสได้ถึงการกลืนกินแบบที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เป็นเพราะเขาเอาชนะการประลองแรกได้รวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงมารออยู่ที่การประลองที่สองนี้ได้หลายชั่วโมงแล้ว จึงมีเวลามากเพียงพอที่จะแปลงกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงให้กลายเป็นปลายักษ์และนกทะเล ในครั้งแรกคิดว่าการลอบทำร้ายและเตรียมตัวเช่นนั้นจะทำให้ตนมีโอกาสเอาชนะได้สูงมาก แต่เขาก็ไม่ทันได้คิดเลยว่า…
ก่อนหน้านี้เหมือนว่าทุกอย่างจะจบสิ้นแล้ว แต่ในพริบตาถัดมา ปลายักษ์กลับร่างสลาย นกทะเลหายตัว กลายเป็นพลังสะท้อนกลับอันน่าตกตะลึง ทำให้โน้ตดนตรีในตัวของตน ยามนี้พังสลายไปเกือบครึ่ง
ในตอนนี้เมื่อมองเห็นตัวเองยากจะหนีได้แล้ว ผู้ฝึกตนรายนี้จึงเอ่ยปากขึ้นทันที แต่คำพูดยังไม่ทันได้ลอดออกมา หวังเป่าเล่อที่ลอยตัวสีหน้าไม่แสดงอารมณ์อยู่นั้นพลันโบกมือครั้งหนึ่ง และในพริบตาถัดมา มหาสมุทรที่ถูกแหวกออกนั้นพลันพาพลังกระแสนับหมื่น พุ่งเข้าปะทะผู้ฝึกตนที่ถูกเผยร่างคนนั้นเข้าไปจังๆ
ในชั่วเวลานี้เอง ยังไม่ทันที่ผู้ฝึกตนรายนั้นจะได้เอ่ยสิ่งใด เขาก็ถูกกลบฝังอยู่ใต้ทะเลนี้ไปตลอดกาล
เพราะว่า…น้ำทะเลที่พัดม้วนเข้าไปนั้นแฝงไปด้วยท่วงทำนองของหวังเป่าเล่อ พลังอำนาจดุดันยิ่งใหญ่ เพียงพอบดขยี้ทุกสิ่ง
“ข้าเกลียดการลอบโจมตีที่สุด” หวังเป่าเล่อแค่นเสียง จากนั้นรอบด้านก็ค่อยๆ พร่าเลือน ผู้ฝึกตนเต๋าแห่งจังหวะดนตรีที่อยู่ในหุบเขาผู้นั้น ยามนี้สูดหายใจเข้าลึก ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย ความรู้สึกว่าได้มีชีวิตรอดมารุนแรงมากขึ้นกว่าเก่า
“ดีนะที่ข้าไม่ได้ลอบโจมตีเขาก่อนหน้านี้…” ผู้ฝึกตนแสนจะดีใจที่รอดมาได้ อีกทั้งยังตื่นเต้นขึ้นนิดหน่อย เขายิ่งมั่นใจกับสิ่งที่ตนคิดมากขึ้น
“นี่ก็คือม้ามืดท่านหนึ่งอย่างแน่นอน!!”
.
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท