กริ้งงง
จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเทียนจี้ไป๋ก็ดังขึ้น
เทียนจี้ไป๋ปรับสภาพอารมณ์ ก่อนจะกดรับสาย
เสียงจากปลายสายฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อย “ฉันเพิ่งซื้อราชานิทานมา ผลงานเรื่องใหม่ครั้งนี้ของนายสนุกมาก คิดว่านายต้องได้เป็นหนึ่งในสามผลงานที่ดีที่สุดแน่นอน ยินดีด้วยที่มีผลงานชิ้นโบแดงเพิ่มขึ้นมาอีกชิ้น!”
“ขอบคุณ”
เทียนจี้ไป๋ยิ้มขื่นพลางเอ่ยขอบคุณ ในน้ำเสียงกลับปราศจากความยินดีเมื่อได้รับคำชม หนำซ้ำยังรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
เขาเชื่อ
ว่าไม่ว่านักเขียนนิทานคนใดที่อ่านแดนนิทานจบ ก็ล้วนไม่อยากได้ยินคำชมเช่นนี้ คำชมประเภทนี้มีแต่จะทำให้นักเขียนผู้ทรงคุณวุฒิอย่างพวกเขารู้สึกละอายใจ
“ทำไมนายดูไม่ดีใจเลยล่ะ เป็นเพราะเรื่องที่ช่วงนี้ประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวงหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ…”
เสียงหัวเราะของเพื่อนแฝงไปด้วยการเย้าหยอก “ฉู่ขวงสู้แบบหนึ่งต่อเก้า อย่าว่าแต่เอาชนะนายเลย ต่อให้เป็นนักเขียนอีกแปดคน เขาก็ไม่มีทางเอาชนะได้ ผลลัพธ์ของหนึ่งต่อเก้ามีแค่คุกเข่าคิดต่อกันเก้าครั้ง!”
“อืม”
เทียนจี้ไป๋ครุ่นคิด เอ่ยว่า “คุกเข่าติดต่อกันเก้าครั้งจริงๆ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าใครจะคุกเข่า แต่ฉันขอคุกเข่าคนแรกเลย”
“หา?”
เพื่อนฟังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเทียนจี้ไป๋
เทียนจี้ไป๋กล่าว “นายไปซื้อแดนนิทานมาอ่านเถอะ ลูกนายชอบอ่านนิทานไม่ใช่เหรอ?”
“เดี๋ยวนะ นายคงไม่ได้หมายถึง…”
“แพ้แล้ว คนเขาชนะเก้าครั้งรวด”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ เทียนจี้ไป๋ไม่รอให้เพื่อนพูดต่อ เขากดวางสายในทันที
ใช่แล้ว
เมื่ออ่านแดนนิทานจบ เทียนจี้ไป๋ก็รู้ว่าตนแพ้แล้ว นอกจากนั้นไม่ใช่คนคนเดียวที่แพ้ นักเขียนอีกแปดคนก็พ่ายแพ้เช่นเดียวกัน
ฉู่ขวงหนึ่งชนะเก้า!
จู่ๆ เทียนจี้ไป๋ก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาอย่างแปลกพิลึก “ฉันกำลังตั้งตารอดูปฏิกิริยาของคนอื่นๆ อยู่สินะ?”
เนื่องจากร้านหนังสือส่งสินค้ามาให้ล่วงหน้า เทียนจี้ไป๋จึงเป็นคนแรกที่ได้รับหนังสือ และเป็นคนแรกที่อ่านหนังสือจบ
และขณะที่เทียนจี้ไป๋อ่านแดนนิทานจบ
นักเขียนคนอื่นๆ ซึ่งเข้าร่วมการประชันวรรณกรรมก็ได้รับผลงานชิ้นใหม่ของฉู่ขวงผ่านช่องทางที่แตกต่างกันไป
มณฑลฉิน
ฉีฉีซึ่งก่อนหน้านี้ปราชัยต่อฉู่ขวงมาแล้วครั้งหนึ่งกำลังเปิดหนังสือแดนนิทาน รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างอดไม่ได้ “ได้ยินว่าเรื่องราวของการแก้แค้นในนิทานมักประสบความสำเร็จเสมอ”
มณฑลฉี
จินซานซึ่งเคยพ่ายแพ้ต่อฉู่ขวงมาครั้งหนึ่งเช่นกัน ก็เดินทอดน่องออกจากร้านหนังสือ ในมือถือหนังสือแดนนิทานเล่มใหม่เอี่ยม “หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”
มณฑลฉู่
นักเขียนนิทานอีกหลายคนก็ซื้อแดนนิทานติดมือมาเช่นเดียวกัน ถึงแม้นักเขียนจากมณฑลฉู่จะไม่มีใครท้าประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านักเขียนจากมณฑลฉู่จะไม่ติดตามการประชันวรรณกรรมในครั้งนี้
สี่มณฑลใหญ่ ฉิน ฉี ฉู่ และเยี่ยน…
นักเขียนชื่อดังจำนวนมากซื้อผลงานชิ้นใหม่ของฉู่ขวงซึ่งมีชื่อว่า ‘แดนนิทาน’
แน่นอนว่าชาวเน็ตอีกหลายคนก็เช่นกัน
เป็นดังเช่นที่เทียนจี้ไป๋คิด การต่อสู่แบบหนึ่งต่อเก้าของฉู่ขวงดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มหาศาล แทบถึงขั้นที่ทุกคนรับรู้เรื่องนี้กันถ้วนหน้า
เช่นเดียวกับเทียนจี้ไป๋
หลังจากที่ผู้คนเหล่านี้ได้รับหนังสือแดนนิทาน พวกเขาก็เริ่มต้นอ่านทันที หลังจากนั้นก็ดำดิ่งเข้าสู่โลกแห่งนิทานซึ่งฉู่ขวงรังสรรค์ขึ้น
หลังจากนั้นล่ะ?
หลายคนยังไม่ทันได้มี ‘หลังจากนั้น’ มีเพียงดวงตาแดงก่ำ ซึ่งกำลังจับจ้องไปยังแดนนิทาน พลางใคร่ครวญถึงความหมายของชื่อหนังสือเช่นเดียวกับเทียนจี้ไป๋
……
บังเอิญว่าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี แม่ผู้ซึ่งอ่านเรื่องเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ให้หวาหวาและหงหงฟังก่อนนอน ก็ใช้เวลาช่วงพักผ่อนออกไปยังร้านหนังสือเพื่อซื้อหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวงมาสองเล่ม
“คนละเล่ม”
เมื่อกลับถึงบ้าน แม่จึงแบ่งหนังสือแดนนิทานให้กับหวาหวาและหงหง “พวกลูกชอบเรื่องเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ไม่ใช่เหรอ คนเขียนหนังสือนิทานเล่มนี้เขียนเรื่องเจ้าหญิงสไนว์ไวท์”
“ผมอยากให้แม่อ่านให้ฟัง!” หวาหวาเอ่ยเสียงดัง
“แม่ไม่อยากอ่าน ลูกก็อ่านหนังสือได้นี่ หมิงหมิงข้างบ้านก็อ่านนิทานเองนะ“
วันนี้แม่อารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย
นิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์ยังไม่วางแผง ไม่ว่าอย่างไรแม่ก็คิดว่าคงฉู่ขวงง่วนอยู่กับการเขียนนิทานจนทำให้นิยายสืบสวนสอบสวนเล่มใหม่พลอยล่าช้า
“ก็ได้ฮะ…”
หวาหวาเอ่ยอย่างน้อยใจ
หงหงซึ่งเป็นพี่สาวกลับไม่ได้พูดให้มากความ เปิดหนังสือแดนนิทานในทันที
อันที่จริงเธอไม่ได้ชื่นชอบนิทานมากเป็นพิเศษ แต่เพราะเธอชื่นชอบเรื่องเจ้าหญิงสโนว์ไวท์มาก จึงยอมอ่านนิทานเล่มใหม่นี้
‘คิดซะว่าฉันได้ทำเพื่อไอดอลของฉันแล้ว’
แม่คิดเช่นนี้ พลางมองดูลูกสาวและลูกชายอ่านแดนนิทานอย่างเงียบเชียบ
ในฐานะแฟนคลับของฉู่ขวง แน่นอนว่าแม่รู้เรื่องการประชันวรรณกรรมระหว่างฉู่ขวงกับนักเขียนนิทานชื่อดังอีกเก้าคน การไปซื้อแดนนิทานสองเล่มจากร้านหนังสือนับว่าเป็นวิธีสนับสนุนไอดอลของเธอ
แม่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเข้ากลุ่มแช็ตกลุ่มหนึ่ง
นี่คือกลุ่มแช็ตของแฟนคลับฉู่ขวง สมาชิกในกลุ่มทั้งหมด 846 คนล้วนเป็นแฟนคลับของฉู่ขวง ขณะนี้ในกลุ่มกำลังสนทนากัน
‘ผมซื้อแดนนิทานให้ลูกแล้วหนึ่งเล่ม’
‘บ้านฉันไม่มีเด็ก แต่ฉันเองก็ซื้อมาเล่มนึง เดี๋ยวจะกลับไปอ่าน ถึงยังไงก็เป็นหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวง’
‘รู้สึกว่าครั้งนี้เจ้าแก่ฉู่ขวงจริงจังมาก อุตส่าห์ชะลอการปล่อยนิยายสืบสวนสอบสวนเพื่อเขียนแดนนิทาน’
‘เขาคงกดดันมาก ผลงานของนักเขียนทั้งเก้าคนยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้ทุกคนบอกว่าเจ้าแก่ฉู่ขวงแพ้แหงๆ’
‘แพ้แล้วไง กล้าแข่งนิยายสืบสวนสอบสวนกับฉู่ขวงหรือเปล่า’
‘แข่งนิยายแฟนตาซีก็ได้ ฉู่ขวงเอาชนะได้ด้วยมือเดียว!’
‘…’
ช่างเป็นแฟนคลับที่หน้ามืดตามัวจริงๆ พูดจาไร้เดียงสา รู้สึกราวกับเด็กๆ กำลังงอแง แม่คิดอย่างจนใจ ก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งไปหนึ่งบรรทัด
‘คุกเข่าเก้าครั้งรวดเป็นไง สำหรับฉันฉู่ขวงไร้พ่ายตลอดกาล!’
หลังจากประโยคนี้ ในกลุ่มก็คึกคักขึ้นมา
แม่เข้าร่วมกับทุกคนได้สำเร็จ และยิ่งเธอพูดคุยมากเท่าไร เธอก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
หวาหวาซึ่งอยู่ด้านข้างก็หัวเราะขึ้นมา
แม่หันไปมองหวาหวา “ลูกขำอะไร”
หวาหวาเอ่ยอย่างมีความสุข “กบตลกมากเลย บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าชาย คนโกหกจะต้องกลืนเข็มพันเล่ม แต่เป็นกบไม่ต้องกลืน!”
แม่ “…”
เจ้าเด็กดื้อไปเรียนเรื่องนี้มาจากไหนนะ
หงหงซึ่งอยู่ด้านข้างก็หัวเราะไปด้วย “แม่คะ พระราชาบ๊องจริงๆ ถึงกับไม่ใส่เสื้อผ้า งั้นก็โป๊ทั้งวันเลยสินะ?”
แม่ “…”
อะไรต่อมิอะไรล่ะเนี่ย
เธอไม่ได้สนใจเด็กๆ ยังคงคุยเล่นในกลุ่มแช็ตต่อไป
คุยไปเรื่อยๆ
จู่ๆ หวาหวาก็ร้องไห้ออกมา!
แม่ตกใจจนสะดุ้งโหยง ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ กดพิมพ์ข้อความ ‘ฉู่ขวง เทพตลอดกาล ไร้เทียมทาน สะท้านโลกหล้า!’
เมื่อมั่นใจว่ากดส่งข้อความแล้ว แม่จึงมองไปยังหวาหวา “เป็นอะไรลูก”
“เงือกน้อยตายแล้ว!”
หวาหวาร้องไห้งอแง ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำมูกอย่างแรง น้ำตากลับรินไหลไม่หยุด
เงือกน้อยตาย?
แม่อึ้งไป
ในขณะนั้นเอง หงหงเองก็ร้องไห้ออกมาเช่นกัน
แม่รู้สึกจนใจ “เป็นอะไรไปอีกคนล่ะลูก”
หงหงหยิบกระดาษทิชชูออกมาเช็ดน้ำมูก พูดทั้งน้ำตา “เด็กผู้หญิงตายแล้ว เธอไปอยู่บนสวรรค์กับคุณยายแล้ว แม่บอกใช่ไหมคะว่าคุณตาของพวกเราก็อยู่บนสวรรค์ หนูคิดถึงคุณตา!”
แม่ตกใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา “แม่ก็คิดถึงเหมือนกัน”
เธอกอดหวาหวาและหงหง “คนที่จากไปกำลังมองพวกเราจากบนสวรรค์ พวกเราต้องพยายามใช้ชีวิตให้ดี อย่าทำให้พวกเขาผิดหวัง”
“ครับ/ค่ะ!”
หวาหวาและหงหงพยักหน้าเต็มแรง
ในตอนนั้นเอง แม่ก็เห็นว่ามีคนบอกในกลุ่มแช็ต ‘เบื่อๆ ก็เลยอ่านแดนนิทานจนจบ ไม่รู้ว่าเพราะเป็นแฟนคลับหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าเรื่องราวในนี้ดีกว่าที่นักเขียนอีกเก้าคนเขียน’
เมื่อนึกถึงลูกๆ ซึ่งทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้เมื่อครู่นี้ แม่ก็จมดิ่งลงสู่ห้วงความคิด
……
และบนโลกออนไลน์
จู่ๆ แฟนคลับอันดับหนึ่งของฉู่ขวงอย่างเซินเจียรุ่ยก็โพสต์ข้อความว่า
‘หลายคนถามว่าทำไมแฟนคลับอันดับหนึ่งอย่างผมถึงไม่ได้ลุกขึ้นมาสนับสนุนฉู่ขวง เป็นเพราะผมไม่เชื่อมั่นในการต่อสู้รูปแบบหนึ่งต่อเก้าของฉู่ขวงหรือเปล่า ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยครับ ต่อให้ทั้งโลกไม่เชื่อมั่น ผมก็ยังเชื่อมั่นในฉู่ขวง ประเด็นหลักคือก่อนหน้านี้อาจารย์ฉู่ขวงเขียนประโยคว่า [ยังมีใครอีกไหม] ซึ่งคล้ายกับบทของผม ทำเอาผมนึกไม่ออกเลยว่าควรพูดว่าอย่างไรดี ตอนนี้ผมอยากเปลี่ยนบทเลย ซึ่งบทพูดนี้นับว่าเป็นนวัตกรรมส่วนบุคคล…’
ด้านล่างมีคนชงถามว่า ‘บทว่าอะไรคะ’
เซินเจียรุ่ยใช้โพสต์ใหม่ตอบว่า ‘คุกเข่าลง!’
อุก!
คุกเข่าลง?
ชาวเน็ตต่างหัวเราะเยาะ ‘ตอนนี้ยังกล้ายืนข้างฉู่ขวง ผมยอมรับแล้วว่าคุณเป็นแฟนคลับอันดับหนึ่งที่หน้ามืดตามัว ถึงยังไงแฟนคลับหน้ามืดตามัวคนเดียวก็เรียกแอนตีแฟนได้สิบคน’
ล้อเล่นอะไร
ฉู่ขวงสู้แบบหนึ่งต่อเก้าแล้วจะชนะ?
คิดว่านักเขียนนิทานชื่อดังเหล่านั้นเป็นหัวผักกาดนิ่มๆ หรืออย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชาวเน็ตต่างคนต่างสรวลเสเฮฮา เทียนจี้ไป๋หนึ่งในเก้านักเขียนซึ่งประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวง ก็โพสต์ความเคลื่อนไหวบนปู้ลั่ว
ไม่มีตัวอักษร มีเพียงมีมตลกหนึ่งภาพ กำลังคุกเข่าลงทั้งน้ำตา
มีมนี้มักจะใช้กันในกลุ่มแช็ต ไม่ได้แปลกใหม่แต่อย่างใด
ทว่าในขณะเดียวกัน เมื่อมีมซึ่งเทียนจี้ไป๋โพสต์ มาประกอบกับประโยคว่า ‘คุกเข่าลง’ ของเซินเจียรุ่ย ก็ทำให้ผู้คนคิดเชื่อมโยงกันจริงๆ
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ชาวเน็ตยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็เห็นอาจารย์ฉีฉี อาจารย์จินซาน อาจารย์หลานเมิ่ง และนักเขียนนิทานอีกหลายคนซึ่งเข้าร่วมประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวงต่างพากันรีโพสต์มีมคุกเข่าทั้งน้ำตาของเทียนจี้ไป๋
เก้าคนนี้เป็นอะไรไป
ชาวเน็ตงุนงงอยู่บ้าง
ถ้าบอกว่าเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนพอละก็ สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้คงมากพอให้ทุกคนตระหนักได้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
‘โชคดีที่ผมไม่ได้ประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวง’
ปรมาจารย์อูกุยโพสต์อย่างสะท้อนใจลงบนปู้ลั่ว
หลังจากนั้น…
อาจารย์หยวนหยวนกดไลก์…
อาจารย์เซ่อกวงกดไลก์…
อาจารย์ต้าตงกดไลก์…
อาจารย์ฮวาเยวี่ยเฉียนกดไลก์…
นักเขียนนิทานชั้นครูนับสิบคนแห่แหนกันมากดไลก์โพสต์ของปรมาจารย์อูกุย!
อาจารย์หยวนหยวนยังกล่าวในพื้นที่แสดงความคิดเห็นว่า
‘วันนี้ฉันมาทำธุระที่สมาคมวรรณศิลป์ จากนั้นก็ได้ทราบว่าทางคณะกรรมการคัดเลือกรวมนิทานบลูสตาร์จัดประชุมด่วนเกี่ยวกับหนังสือแดนนิทาน เนื่องจากจำนวนผลงานซึ่งสมาคมวรรณศิลป์กำหนดไว้นั้นมีจำกัด เพราะฉะนั้นจึงอาจแยกหนังสือรวมนิทานเล่มนี้ของฉู่ขวงออกมา และกำหนดเป็นหนึ่งในหนังสือนอกเวลาสำหรับเด็กประถม วงการนิทานสั้นอันตรายเกินไป ฉันขอกลับไปเขียนนิทานเรื่องยาวของตัวเองดีกว่า’
ตู้ม!
สั่นสะเทือนวงการไหมล่ะ!
แม้แต่คนโง่เขลาเบาปัญญายังเข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร นักเขียนนิทานทุกคนคงไม่สามารถมาร่วมมือกันหลอกชาวเน็ตได้หรอก เห็นทีผลลัพธ์ในศึกหนึ่งต่อเก้าของฉู่ขวงคงจะ…
ชนะแล้ว?
ทางเซินเจียรุ่ยก็จับภาพหน้าจอและนำมารวมกัน โพสต์ลงในโพสต์ที่สามของวันนี้ พร้อมกับข้อความซึ่งเผยความคลั่งไคล้ขั้นสุดของแฟนคลับตัวตึง ‘ประหนึ่งพญามารลงมาจุติ ประหนึ่งเทพไท่ซุ่ยผู้กุมชะตาชีวิตมนุษย์โดยแท้!’
ฉู่ขวง!
ฆ่าหมดไม่สนลูกใคร!
………………………………………………..
รออะไรมาอัพตอนใหม่นะคะวันนี้อัพตอนใหม่ให้หน่อยนะคะเมื่อวานไรก็ไม่ได้มาอัพค่ะ