เสี่ยวขุยหน้าแดงในทันที นางเอ่ยอย่างเขินอายว่า “หม่อมฉันเพียงแค่เป็นห่วงว่าองค์ราชาจะถูกผู้หญิงจอมเจ้าเล่ห์อย่างนางหลอกเอาก็เท่านั้นเพคะ”
ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่นางพูด ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เริ่มก้าวเท้าเดินเข้าไปหานางอย่างช้าๆ ด้วยท่าทางอันสง่างามที่สามารถเห็นได้แต่เพียงในหนังสือการ์ตูนเท่านั้น ขนนกสีดำจำนวนมากปลิวลงมาจากร่างของเขา รอยยิ้มเหยียดหยันที่เคยมีบัดนี้กลับหายไปจนหมดสิ้น สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเขามีเพียงแค่เสน่ห์อันเย้ายวนใจเท่านั้น
ใบหน้าของเสี่ยวขุยแดงขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของนางเต้นแรงราวกับถูกค้อนทุบ
แต่เมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ดังนั้นเขาจึงเดินกลับไปที่เดิมอีกครั้ง
ขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงจมอยู่กับความรู้สึกสูญเสียนั้น นางดูผิดหวังเล็กน้อย แต่นางก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงงเมื่อเห็นเขาเดินกลับมาอีกครั้ง
ไม่มีใครคาดคิดว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะโน้มตัวลงไปและใช้มือของเขาปิดตาของนางไว้ จากนั้นจึงใช้น้ำเสียงลุ่มลึกแสนไพเราะนั้นบอกกับนางว่า “หลับตาซะ”
“หลับตาหรือ ทำไมล่ะ ท่านจะทำอะไรให้ข้าเสียใจหรือ” นี่คือปฏิกิริยาแรกของเฮ่อเหลียน เพราะนางไม่คิดว่าการกระทำของฝ่าบาทในเวลานี้จะเป็นการให้อภัยนาง
แน่นอนว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังไม่คิดที่จะให้อภัยนาง แต่… “ข้าคงรู้สึกลำบากใจถ้าเจ้ามาเห็นตอนที่ข้ากำลังฆ่าคน ดังนั้นเจ้าปิดตาเอาไว้คงจะดีที่สุด”
“ท่านจะฆ่าใคร ข้าหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกเหมือนถูกสะกดจิต เสียงของเขาฟังดูเหมือนคลื่นทรายที่ไหลผ่านหูของนางอย่างเชื่องช้า มันเต็มไปด้วยเสน่ห์อันไม่อาจอธิบายได้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้ปฏิเสธ เขาเพียงแค่มองมงกุฎที่อยู่ข้างนางพร้อมกับถามว่า “สรุปว่าเจ้าจะหลับตาหรือเปล่า”
“เอ่อ…” เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตา “ข้าคงดูไม่สวยเท่าไหร่ตอนตาย ท่านพิจารณาดูใหม่อีกทีดีกว่า”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนาง ดวงตาของเขาหม่นแสงลง “เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว อย่าเพิ่งลืมตาขึ้นมาล่ะ”
ความมืดโรยลงรอบตัว เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ส่ายหน้าหรือพยักหน้ารับแต่อย่างใด
เสี่ยวขุยกระหยิ่มยิ้มย่อง ในที่สุดนังแพศยานี่ก็จะได้ตายเสียที เวลานี้ไม่มีอะไรจะน่ายินดีไปกว่านี้อีกแล้ว!
แต่นางกลับไม่รู้ว่าเป้าหมายของชายคนนั้นจะเป็นนาง!
ก่อนที่นางจะทันสังเกตเห็นการกระทำของเขา นางก็ได้ยินเสียงกระดูกไหปลาร้าตัวเองแหลกเป็นชิ้นดังขึ้นเสียก่อน
หลังจากนั้นนางก็รู้สึกเจ็บปวดเพราะถูกตัดลิ้นออก ความทรมานนั้นรุนแรงมากเสียจนนางกรีดร้องออกมาสุดเสียง
แต่ชายหนุ่มกลับไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขากลับเริ่มหักขาข้างซ้ายของนางอย่างช้าๆ พร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย
หนีเฟิ่งที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดตกตะลึงจนพูดไม่ออกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เลือดของเสี่ยวขุยกระเด็นมาเปื้อนหน้านาง
นางคงไม่มีวันลืมภาพอันน่าสยดสยองนี้ได้ตลอดชีวิต นางได้เห็นคนที่นางคุ้นเคยค่อยๆ กลายเป็นกองเลือดต่อหน้าต่อตา
ตอนนั้นเองที่นางตระหนักได้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านางน่ากลัวเพียงใด!
มันน่าสยดสยองเสียจนนางสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เขาเป็นปีศาจจริงๆ!
ปีศาจที่ไร้ศีลธรรมอย่างแท้จริง!
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังหลับตาอยู่ นางจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อันที่จริงคำขอร้องจากไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่สั่งให้นางปิดตานั้นดูเหมือนจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
มันเหมือนกับเสียงกระซิบของปีศาจ มันทำให้คนที่ได้ฟังสูญเสียประสาทสัมผัสทั้งห้าไปชั่วขณะ
ยกเว้นการมองเห็น
การได้ยินของเฮ่อเหลียนเวยเวยเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วยบางส่วน
นางยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง พร้อมกับสงสัยว่านางไม่สามารถแม้แต่จะแอบมองได้จริงๆ หรือ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทำให้เสี่ยวขุยเป็นอัมพาต แต่ยังไม่ยอมให้นางตาย เขาออกคำสั่งกับคนที่อยู่ข้างกายด้วยท่าทางเฉยเมยว่า “ส่งนางไปที่นรกขุมที่ห้า ป่านนี้สัตว์อสูรพวกนั้นคงหิวแล้วกระมัง”
“ขอรับ” กิเลนอัคคีชำเลืองมองเฮ่อเหลียนเวยเวยที่ยังไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น องค์ราชาปฏิบัติกับคุณหนูเวยเวยแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่องค์ราชากังวลว่าคนอื่นจะเห็นตอนเขาสังหารใครสักคน
คุณหนูหนียืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง นางทนมองภาพนั้นไม่ไหวจึงเริ่มอาเจียนออกมา
เฮ้อ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
คนที่ได้ยินวิธีการสังหารผู้คนขององค์ราชาย่อมทานอะไรไม่ลงไปร่วมเดือน อีกทั้งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าวิธีการที่องค์ราชาใช้ลงมือนั้นล้วนแต่โหดร้ายป่าเถื่อนอย่างมาก แม้กระทั่งสำหรับเขาเองก็ตาม…
“อื้อ! อื้อ!” เสี่ยวขุยที่ถูกลากตัวออกไป ขยับริมฝีปากบุ้ยใบ้ไปทางหนีเฟิ่งสุดชีวิต
ในตอนนี้ นางไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแม้แต่คำเดียว เหงื่อเย็นๆ ไหลอาบไปทั่วตัวของนางเพราะความเจ็บปวด สิ่งเดียวที่นางต้องการในเวลานี้คือให้หนีเฟิ่งช่วยชีวิตนางเท่านั้น
หนีเฟิ่งเองก็อยากช่วยนางเหมือนกัน ใบหน้าของนางซีดเผือดราวกับซากศพระหว่างที่นางเอ่ยว่า “ฝ่าบาท…”
“คุณหนูหนี โดยปกติแล้วสิ่งใดที่องค์ราชาได้ตัดสินใจลงไปแล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ขอรับ” กิเลนอัคคีขยับตัวเข้าไปขวางนางกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เมื่อสังเกตเห็นว่าผู้เป็นนายของเขาไม่มีปฏิกิริยา เขาจึงมั่นใจว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เขายืนหลังตรงและเอ่ยว่า “ท่านควรกลับไปพักผ่อนได้แล้วขอรับ อย่างไรท่านก็ยังบาดเจ็บอยู่”
คำพูดของกิเลนอัคคีทำลายความหวังสุดท้ายของเสี่ยวขุย แต่นางก็ยังคิดไม่ออกว่าทำไมคนที่ตายถึงเป็นนาง
นางอาจจะคิดไม่ออก แต่ใช่ว่าหนีเฟิ่งจะไม่เข้าใจ
วิธีที่คนคนนั้นปฏิบัติต่อเฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นแตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
นิ้วของหนีเฟิ่งแข็งค้าง นางมองกิเลนอัคคีที่ยืนขวางนางอยู่พร้อมกับเค้นเสียงพูดออกมาว่า “เสี่ยวขุยเป็นน้องสาวของข้า แม้ข้าจะไม่สามารถเปลี่ยนใจองค์ราชาได้ แต่ข้าก็ยังต้องการให้ศพของนางอยู่ในสภาพสมบูรณ์”
“แน่นอนขอรับ อย่างไรท่านก็เคยช่วยชีวิตองค์ราชาเอาไว้ ดังนั้นพวกเราจะรักษาสภาพศพของนางให้สมบูรณ์ขอรับ” กิเลนอัคคีหันไปมองผู้เป็นนาย เห็นได้ชัดว่าความสนใจขององค์ราชาไม่ได้จดจ่ออยู่กับเรื่องนี้อีกต่อไป
หนีเฟิ่งรู้ว่านี่เป็นจุดจบที่ดีที่สุดที่นางจะสามารถร้องขอได้แล้ว
แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ นางเผลอกำมือเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว แต่นางก็สามารถสงบใจลงได้หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
หากเป็นไปตามแผนนี้ เช่นนั้นยิ่งไป๋หลี่เจียเจวี๋ยห่วงใยเฮ่อเหลียนเวยเวยมากเท่าใด ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
ไม่ว่าเขาจะปฏิบัติกับนางแตกต่างจากคนอื่นเพียงใด แต่หากเมล็ดพันธุ์แห่งความเคลือบแคลงถูกฝังลงไปแล้ว การจะแก้ไขความข้องใจนั้นย่อมไม่สามารถทำได้โดยง่าย!
“เก็บกวาดซะ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยบอก จากนั้นจึงเดินผ่านเฮ่อเหลียนเวยเวย ก่อนมุ่งตรงกลับไปที่ห้องของตัวเอง เวลานี้เขาไม่ต้องการที่จะสนทนากับนางเลยแม้แต่นิดเดียว…
… หากนางไม่ได้ยืนหลับตาอยู่ตรงนั้น พร้อมกับเงยใบหน้าเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมาและพูดทำนองว่า “เสร็จแล้วหรือ ข้าลืมตาได้หรือยัง อันที่จริงตอนที่ท่านฆ่าคนพวกนั้นก็ดูหล่อเหลาดีเหมือนกันนะ ทำไมถึงไม่ยอมให้ข้าดูล่ะ”
หากไม่ใช่เพราะอย่างนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยคงไม่รู้สึกเหมือนว่านางเป็นลูกสุนัขตัวน้อยที่เอาแต่เดินตามหลังเขา และกระโดดเข้าหาเขาทันทีที่ไม่ได้รับความสนใจ
“จบแล้วหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยลืมตาขึ้น ดวงตาของนางสว่างสดใส “หืม... ข้าได้กลิ่นเลือดมาจากมือท่าน” เมื่อครู่นี้เขาฆ่าใครไปจริงๆ หรือ พูดกันตามตรงแล้วนางคิดว่าคนที่เขาต้องการฆ่าคือนางเสียอีก เพราะแม้กระทั่งตอนนี้ นางก็ยังรู้สึกว่าเขาไม่พอใจนางยิ่งนัก
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเมินนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยื่นมงกุฎที่ถืออยู่ในมือให้กับเขา “ข้าซ่อมมันให้แล้ว”
“เจ้าคิดว่าข้าอยากได้ของใช้แล้วหรือ” น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
เฮ่อเหลียนเวยเวยชะงัก มงกุฎในมือของนางดูหนักขึ้นกว่าเดิมหลายหมื่นเท่า มันหนักจนทำให้นางแทบหายใจไม่ออก “ท่านหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าใช้แล้ว ท่านเชื่อคำพูดของเสี่ยวขุยจริงๆ หรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้ตอบ เพียงแค่เดินผ่านนางไป
เฮ่อเหลียนเวยเวยหายใจเข้าลึก “ข้ามีคนที่รักอยู่ในโลกมนุษย์ก็จริง แต่คนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากท่าน…”