รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 590 มาเถอะ มาเข้าร่วมกับพวกเรา!

บทที่ 590 มาเถอะ มาเข้าร่วมกับพวกเรา!

บทที่ 590 มาเถอะ มาเข้าร่วมกับพวกเรา!

ไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!

มัจฉาสัตมายาและผู้เฒ่าเต่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ปลามังกรเหล่านี้กำลังเดินไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ บนเส้นทางสู่ความตาย พวกมันต่างรู้ว่าจุดจบของปลามังกรเหล่านี้จะต้องไม่สวยเท่าไหร่นัก

ในเมื่อนี่คือสิ่งที่คุณชายไม่ชอบมากที่สุด!

ณ จักรวาลหมื่นดาราอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

มีร่างงดงามกำลังเดินท่างอย่างแช่มช้า นางมีใบหน้าไม่เป็นสองรองใคร รูปโฉมชวนตื่นตะลึง เปล่งประกายเสียยิ่งกว่าดวงดาวในจักรวาลหมื่นดารา

“ในที่สุด…ก็มาถึงเสียที!”

เมื่อมองไปที่ดวงดาราขนาดใหญ่ในระยะไกล รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันเย็นชาห่างเหินของนาง

ในที่สุด นางก็ได้กลับมา กลับมายังอาณาจักรที่เกิดและเติบโต สถานที่อันเปี่ยมด้วยความทรงจำไม่มีที่สิ้นสุด นับเป็นเพียงหนึ่งในสิ่งอันน้อยนิดที่ทำให้นางมีความสุขได้

เพียงย่างเท้าหนึ่งก้าว นางก็มาถึงบริเวณใกล้ดวงดาวแห่งนี้ เตรียมพร้อมจะเข้าไป

มีม่านแสงขนาดใหญ่โอบล้อมทั้งดวงดาวเอาไว้ ตัดขาดออกจากทุกสิ่ง ด้านบนมีกฎเกณฑ์หลากหลายกระโดดโลดเต้น แต่ละกฎเกณฑ์ไหลเวียนไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปได้โดยง่าย

“ตอนนี้อาณาจักรอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

นางถอนหายใจด้วยความหดหู่อย่างยิ่ง ดูจากกฎเกณฑ์ที่ไหลเวียนเหล่านี้แล้ว นางก็เข้าใจได้ทันทีว่าอาณาจักรแห่งนี้อ่อนแอลง อ่อนแอลงเป็นอย่างมาก เทียบกับยุคสมัยที่นางอยู่ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“นี่หรือว่า…จะเผชิญกับภัยคุกคามอะไรบางอย่าง?”

นางขมวดคิ้วเล็กน้อย สังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่าง

ม่านแสงที่ป้องกันอาณาจักรชนิดนี้ไม่มีทางปรากฏขึ้นโดยบังเอิญเด็ดขาด นอกเสียจากเจตจำนงฟ้าดินจะสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอันใหญ่หลวง สามารถคุกคามได้ทั้งอาณาจักร ม่านแสงป้องกันแบบนี้จึงจะปรากฏขึ้นเพื่อปกป้องตนเอง

นางโกรธขึ้นมาเล็กน้อย พลังเซียนแผ่ขยายออกไปในพริบตาเดียว หลังจากนั้นนางก็สังเกตถึงบางสิ่ง นางเบนสายตาออกไปมองอีกทิศทาง แสงเซียนทอประกายในดวงตา เมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นมีอยู่จำนวนมากมาย แววตาของนางก็พลันเฉียบคมขึ้นมาทันที

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อาณาจักรแห่งนี้ก็เป็นบ้านเกิดของนาง นางย่อมไม่อาจนิ่งดูดายต่อภัยที่ย่างกรายได้

ร่างของนางอันตรธานหายไป เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็อยู่ตรงจุดที่นางมองมาแล้ว

ที่ตรงนี้มีเรือโบราณขนาดใหญ่ล่องอยู่ลำแล้วลำเล่า แต่ละลำล้วนปล่อยระลอกความผันผวนพิเศษออกมา ป้องกันแรงกดดันจากจักรวาลหมื่นดารา

พวกมันต่างหันหน้าไปทางดวงดาว สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนบนเรือกำลังกำศาสตราประจำกายเอาไว้แน่น ต่างเปี่ยมด้วยจิตสังหาร ราวกับกำลังมีสงครามครั้งใหญ่ในอีกไม่ช้า

ร่างงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ปรากฏขึ้นเผชิญหน้ากับเหล่าเรือโบราณขนาดใหญ่ สายตานับไม่ถ้วนล้วนจับจ้องมาที่นางทันใด

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนเรือต่างจับจ้องมาที่นาง!

“เจ้าเป็นใคร!”

บนเรือลำที่อยู่ด้านหน้าสุด มีสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งตะโกนออกมาเสียงดัง

ร่างงดงามไม่ได้เอ่ยตอบคำถาม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาเปล่งประกายเย็นยะเยือก แววตาที่นางมองไปยังสิ่งมีชีวิตตนนั้นคมประหนึ่งมีด ทำให้สิ่งมีชีวิตตนนั้นถอยหลังกลับไปด้วยความตื่นตกใจ

นางไม่ใช่ใครอื่น นอกจากจักรพรรดินีผู้เดินทางข้ามจักรวาลหมื่นดาราจนท้ายที่สุดก็มาถึงอาณาจักรแห่งนี้

ในตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในสภาวะอ่อนแออีกต่อไปแล้ว นางฟื้นฟูพลังกลับสู่จุดสูงสุดในทุกด้านเป็นที่เรียบร้อย!

สิ่งมีชีวิตที่ตื่นตกใจจนเผลอถอยหลังไปรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านขึ้นมาเล็กน้อย เขาเดินกลับขึ้นไปด้านหน้าอีกครั้งแล้วตะโกนออกมา “ไม่กล่าวฐานะตัวตนออกมา เช่นนั้นแล้วอย่าหาว่าพวกเราไม่สุภาพ!”

เหล่าสิ่งมีชีวิตบนเรือยกศาสตราประจำกายชี้ไปทางจักรพรรดินี เตรียมตัวพร้อมสำหรับการต่อสู้ หากจักรพรรดินีไม่สามารถให้คำตอบที่พวกเขาพึงพอใจได้ พวกเขาก็พร้อมจะเปิดฉากโจมตีจักรพรรดินี

สีหน้าของจักรพรรดินีไม่แยแส ชายผ้าปลิวไสวตามแรงลม นางมองตรงไปยังเหล่าสิ่งมีชีวิตบนเรือ สายตาประหนึ่งใบมีดคมกริบ ทำให้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นหนาวสะท้านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

นางยังคงไม่ตอบอะไร หากแต่ภายในใจยังคงครุ่นคิด

สิ่งมีชีวิตบนเรือเหล่านี้หรือที่เป็นภัยคุกคามต่อบ้านเกิดของนาง?

ตอนนี้บ้านเกิดอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียว?

หากสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนเรือเหล่านี้อยู่ในยุคของนาง พวกมันจะนับเป็นสิ่งใดได้? อย่างมากก็เป็นได้เพียงไก่ไม่ก็สุนัข ไม่มีค่าอันใด เพียงแค่อัจฉริยะผู้เดียวก็สามารถกวาดล้างได้หมดสิ้น!

“ฆ่า!”

สิ่งมีชีวิตบนเรือตนนั้นออกคำสั่ง ตามมาด้วยกองกำลังทั้งหมดที่ทะยานออกจากเรือพร้อมอาวุธและแสงเจิดจ้า ต่างพุ่งเข้ามาด้วยต้องการสังหารจักรพรรดินี!

ขอบเขตความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่ธรรมดา ต่างล้วนอยู่เหนือขอบเขตจักรพรรดิทั้งหมด อาวุธเองก็ไม่ต่ำกว่าอาวุธจักรพรรดิ พลังระดับจักรพรรดิโหมซัด สั่นสะเทือนได้กระทั่งท้องฟ้า ดาวบางดวงถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่ทว่าต่อหน้าจักรพรรดินีแล้ว ทุกอย่างล้วนไร้ค่า

มีแสงพุ่งออกมาจากดวงตาของจักรพรรดินี ราวกับกลายเป็นลำแสงสองเส้นกวาดล้างเป็นทาง สิ่งมีชีวิตระดับจักรพรรดิต่างถูกระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ

เลือดและเนื้อสาดกระเซ็น เศษกระดูกปลิวว่อน สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต่างกลายเป็นชิ้น ๆ ล่องลอยไปในจักรวาลหมื่นดารา!

สิ่งมีชีวิตบนเรื่องต่างตื่นตะลึง จักรพรรดินีผู้นี้เหนือชั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป!

“สหายใจเย็นลงก่อนเถิด ทั้งหมดล้วนเป็นแค่ความเข้าใจผิด!”

จ้าวอาณาจักรเทียนหยวนปรากฏตัวขึ้นบนเรือโบราณขนาดใหญ่ลำหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าบุ่มบ่ามกันเกินไป จึงได้ล่วงเกินสหาย ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อกล่าวขอโทษแทนพวกเขา ขอให้สหายโปรดใจเย็นลงด้วยเถิด”

ตั้งแต่จักรพรรดินีปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ เขาก็เฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้าที่สิ่งมีชีวิตตนอื่นจู่โจม จักรพรรดินีก็ผ่านการยินยอมจากเขาแล้ว

หากไม่ได้รับคำยินยอมจากเขา สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนก็คงไม่กล้าเคลื่อนไหว

ตอนนี้เขาได้เห็นแล้วว่าจักรพรรดินีนั้นไม่ธรรมดา ความแข็งแกร่งน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง รับมือด้วยได้ยาก เขาจึงต้องออกมาเนื่องจากไม่ต้องการปะทะกับจักรพรรดินีรุนแรงเกินไป

อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นในตอนนี้

นายท่านแห่งแดนมรณากำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง ใช้เวลาอีกเพียงไม่นานก็จะมาถึงที่นี่ ก่อนหน้านั้นเขาจะต้องหยุดจักรพรรดินีเอาไว้ หลังจากนายท่านของแดนมรณามาถึง เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรในตัวจักรพรรดินี

เขารู้แจ้งดีว่านายท่านของแดนมรณานั้นแข็งแกร่งเพียงใด การกวาดล้างอาณาจักรนับหมื่นไม่อาจถือว่าเป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย กระทั่งเก้าอาณาจักรตอนบนก็ห่างไกลจนไม่อาจเทียบ

“ดูจากท่าทางของสหายแล้ว เกรงว่าสหายคงต้องการจะเข้าสู่อาณาจักรนี้”

จ้าวอาณาจักรยิ้ม “ตอนนี้อาณาจักรแห่งนี้ได้ถูกปิดกั้นเอาไว้ด้วยม่านแสง ไม่อาจเข้าไปได้โดยง่าย ทว่าไม่ต้องกังวลไป พวกเราสามารถพาสหายเข้าไปยังอาณาจักรแห่งนี้ด้วยได้!”

“อ้อ เช่นนั้นหรือ?”

จักรพรรดินีเอ่ยปากพูดเป็นครั้งแรก นางคาดเดาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ และสิ่งที่จ้าวอาณาจักรเอ่ยก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการคาดเดาของนางเป็นจริง

เพราะหากนับเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้แล้ว ก็เป็นการยากที่จะทำลายพลังป้องกันลงได้ ทว่าจ้าวอาณาจักรกลับเอ่ยอย่างมั่นใจ แสดงให้เห็นชัดเจนอย่างไม่มีข้อสงสัยว่าเบื้องหลังจะต้องมีที่พึ่งพิงอยู่

“เท่าที่ข้าดู จากความแข็งแกร่งของพวกเจ้าแล้ว เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากยิ่งในการทำลายพลังป้องกันอาณาจักรแห่งนี้…”

นางกล่าวต่อ นางต้องการจะทราบว่ามีสิ่งใดหนุนหลังจ้าวอาณาจักรอยู่

ภายในใจจ้าวอาณาจักรตื่นตะลึง จักรพรรดินีผู้นี้สามารถมองความแข็งแกร่งของพวกเขาออกใช่หรือไม่? ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เอ่ยออกมาเช่นนี้?

ดูเหมือนว่าจักรพรรดินีจะไม่อาจรับมือได้ง่าย ๆ ตามที่คิดเอาไว้จริง!

“สหายช่างเก่งกาจ สามารถล่วงรู้พลังของพวกเราได้ อันที่จริงแล้วพวกเราไม่สามารถทำลายพลังป้องกันของอาณาจักรแห่งนี้ได้”

จ้าวอาณาจักรไม่ได้ลนลาน เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ทว่าเบื้องหลังของพวกเรายังมีแดนมรณา อีกทั้งนายท่านจากแดนมรณาก็กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางมา อีกเพียงไม่นานก็จะมาถึง หลังจากนั้นแล้วพลังป้องกันของอาณาจักรแห่งนี้ก็จะไม่อาจนับเป็นสิ่งใด นายท่านจากแดนมรณาจะสามารถทำลายมันลงได้อย่างง่ายดาย!”

เขาตั้งใจบอกสิ่งเหล่านี้เพื่อข่มขู่จักรพรรดินี บอกว่าเบื้องหลังของพวกเขามีผู้แข็งแกร่งหนุนอยู่

“แดนมรณา?”

จักรพรรดินีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่เคยได้ยินชื่อแดนมรณามาก่อน ทว่าฟังจากคำพูดของจ้าวอาณาจักรแล้ว ดูเหมือนว่าแดนมรณาจะไม่ธรรมดาและทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

บางทีแดนมรณาอาจเป็นสาเหตุที่แท้จริงของวิกฤตกาลในอาณาจักรแห่งนี้

“สหายอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ทว่าข้าสามารถบอกสหายได้อย่างเต็มปากว่าแดนมรณานั้นอยู่เหนือหมื่นอาณาจักรทั้งหมด กระทั่งอาณาจักรเก้าตอนบนเองก็ไม่ต่างอะไรไปจากอาณาจักรเล็ก ๆ เบื้องหน้าแดนมรณา เพียงแค่นายท่านผู้หนึ่งจากแดนมรณาก็สามารถกวาดล้างอาณาจักรเก้าตอนบนได้อย่างง่ายดาย”

จ้าวอาณาจักรกล่าวด้วยรอยยิ้ม

แดนมรณานั้นลึกลับมาโดยตลอด เป็นที่รู้จักของคนเพียงน้อยนิด จักรพรรดินีจะไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก เขาจึงจงใจใช้อาณาจักรเก้าตอนบนมาเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อบอกกับจักรพรรดินีว่าแดนมรณาทรงพลังมากเพียงใด

“แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นเชียว”

จักรพรรดินีตกตะลึงอยู่บ้าง นางรู้เกี่ยวกับอาณาจักรเก้าตอนบน นางคาดไม่ถึงเลยว่าแดนมรณาจะทรงพลังถึงขั้นส่งมาเพียงคนเดียวก็สามารถกวาดล้างอาณาจักรเก้าตอนบนได้

จ้าวอาณาจักรเห็นท่าทางของจักรพรรดินีแล้วก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจความแข็งแกร่งของแดนมรณาเป็นที่เรียบร้อย

เขาจึงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “อย่างที่มีคำกล่าวเอาไว้ หากไม่ต่อยตีก็ไม่รู้จักกัน พวกเราก็ต่างมีความสัมพันธ์กันเช่นนี้แล้ว ไม่รู้ว่าสหายสนใจจะเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่?”

“เข้าร่วมกับพวกเจ้าจำเป็นต้องทำสิ่งใดบ้าง?” จักรพรรดินีถาม

“ไม่มีอะไรพิเศษ เพียงแค่เข้าไปกับพวกเราแล้วสังหารสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองทั้งหมดทิ้งเสีย”

จ้าวอาณาจักรกล่าว “สิ่งมีชีวิตพื้นเมืองเหล่านี้ล้วนต่ำต้อย สมควรตายไปนานแล้ว มีชีวิตอยู่ไปก็เปลืองทรัพยากรเสียเปล่า”

เขาคิดว่าจักรพรรดินีเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างอาณาจักร จึงพูดออกมาโดยไม่ยั้งคิด เอ่ยปากกล่าวว่าสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองด้วยวาจาไม่น่าฟัง

“มาเถอะ เข้าร่วมกับพวกเรา พวกเราย่อมยินดีต้อนรับสหายด้วยความอบอุ่น!”

เขาแย้มยิ้มกว้าง ขณะเอ่ยชวนจักรพรรดินีอีกครั้ง

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท