การถอนใจนั้นอัดแน่นไปด้วยความสับสน
ความจริงของโลกใบนี้แม้หวังเป่าเล่อจะไม่อยากคิดถึงมัน แต่มันกลับปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขาแทบจะหลีกหนีไม่พ้นแล้ว
ร่างต้นแบบยังไม่รู้เรื่องทั้งหมด… หวังเป่าเล่อเดินออกไปจากบ่อน้ำโบราณเงียบๆ แล้วไปปรากฏตัวอยู่บนท้องฟ้าด้านนอก เขาไม่สนใจต่อสีหน้าไม่อยากจะเชื่อและนิ่งงันของเหล่าเจ็ดอารมณ์ และไม่สนใจเหล่าศิษย์สายตรงของเจ้าปรารถนาทัศน์ที่มาที่นี่เพราะเห็นความผิดปกติ
เขายืนอยู่กลางอากาศมองไปทาง…ทิศที่ร่างต้นแบบอยู่
จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็นึกอิจฉาร่างต้นแบบ
บางทีไม่รู้อะไรเลยก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งกระมัง
ท่ามกลางความสับสนและอารมณ์ในก้นบึ้งจิตใจ เหล่าเจ้าแห่งเจ็ดอารมณ์ต่างหวาดระแวง มีเพียงเจ้าแห่งสุขที่มองหวังเป่าเล่อด้วยดวงตาล้ำลึก
เจ้าคือ… เจ้าแห่งโกรธเอ่ยขึ้นเป็นผู้แรก น้ำเสียงดังก้องปานฟ้าร้อง
เจ้าปรารถนาทัศน์ หวังเป่าเล่อกล่าวเสียงเบา ฉับพลันแม้เหล่าศิษย์สายตรงของเจ้าปรารถนาทัศน์ที่รีบมาจะประหลาดใจ แต่ก็ยังคงคุกเข่าคำนับหวังเป่าเล่อ
ศิษย์เหล่านี้ส่วนใหญ่ระดับการฝึกตนไม่ธรรมดา ล้วนฝึกฝนกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ไปถึงระดับหนึ่งแล้ว เทียบได้กับเจ้าสวาปามหรือเหล่ามหาศิษย์ของเมืองปรารถนาเสียง มีทั้งหมดเจ็ดคน หญิงสี่ชายสาม
ทั้งรูปร่างและหน้าแต่ละคนสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะศิษย์หญิงคนหนึ่งในนั้นที่หน้าตาโดดเด่นออกมาจากคนรอบข้าง หวังเป่าเล่อก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายสามารถเรียกได้ว่าเป็นสตรีที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
เพียงแต่ความสวยงามเช่นนี้มักให้ความรู้สึกไม่จริง
ศิษย์ผู้นี้ก็คือคนที่มีแววตากังวลมากที่สุดราวกับเป็นห่วงหวังเป่าเล่อมาก
หลังจากกวาดตามองเหล่าศิษย์แล้ว หวังเป่าเล่อจึงหันไปมองเจ้าแห่งโกรธ
สายตาของหวังเป่าเล่อนั้น แม้แต่เจ้าแห่งโกรธผู้แข็งแกร่งก็ยังใจกระตุก แท้จริงแล้วในสายตาที่ดูสงบนิ่งของหวังเป่าเล่อมีพลังบีบคั้นที่อธิบายไม่ได้ มันเป็นพลังที่ทำให้ในหัวเขานึกถึงความทรงจำอันเจ็บปวดเมื่อหลายปีก่อน
เจ้าแห่งโกรธ เอาของที่ไม่ใช่ของเจ้าออกมาสิ หวังเป่าเล่อมองเจ้าแห่งโกรธแล้วเอ่ยช้าๆ
ทันทีที่หวังเป่าเล่อกล่าวออกไป เจ้าแห่งสุข เจ้าแห่งโศก และเจ้าแห่งแค้นต่างหยุดชะงัก พวกนางหันไปมองเจ้าแห่งโกรธ ส่วนเจ้าแห่งโกรธก็ตกตะลึง จากนั้นเพลิงพิโรธก็ปรากฏในแววตา สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความขุ่นเคือง เขาข่มกลั้นความรู้สึกไม่สบายใจกัดฟันจ้องหวังเป่าเล่อเขม็ง
เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร
ข้าบอกว่า… หวังเป่าเล่อเดินไปหาเจ้าแห่งโกรธด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เอาของที่ไม่ใช่ของเจ้า…
ออกมา เมื่อเอ่ยจบหวังเป่าเล่อก็มาหยุดตรงหน้าเจ้าแห่งโกรธพอดี ปราณโลหิตทั่วร่างกลายเป็นแสงสีแดงฉานราวกับมันสามารถปกคลุมท้องฟ้าทั้งแปดทิศได้
พลังบีบคั้นที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาทำให้พวกเจ้าแห่งสุขสั่นไหว นอกจากเจ้าแห่งสุขแล้ว อีกสองเจ้าไม่มีทางจินตนาการได้ว่าเหตุใดหวังเป่าเล่อที่จัดการวิกฤตในบ่อน้ำโบราณถึงได้มีพลังปราณที่น่าเหลือเชื่อเช่นในตอนนี้
โดยเฉพาะพลังปราณนี้…ล้วนทำให้พวกเขาใจสั่น เพราะมันคือ…พลังปราณของมหาเทพ
เจ้า! สีหน้าเจ้าแห่งโกรธเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ความขุ่นมัวไม่ได้ลดลง กลับกันมันยิ่งรุนแรงขึ้นอีก เขาถอยหลังไปพร้อมคำรามเสียงต่ำ
ไม่ ข้าจะเอาไปเอง หวังเป่าเล่อยังคงสีหน้าเรียบเฉยตั้งแต่ต้นจนจบ มือขวายกขึ้นสะบัด ทันใดนั้นปราณโลหิตก็ระเบิดก่อตัวเป็นพายุกวาดไปทั่วทุกสารทิศ หากมองจากที่ไกลๆ มันดูเหมือนฝ่ามือยักษ์สีโลหิตข้างหนึ่ง
ฝ่ามือยักษ์สีโลหิตนี้อัดแน่นไปด้วยพลังปราณโลหิตของหวังเป่าเล่อ แต่นิ้วทั้งห้านั้นไม่ใช่ นิ้วโป้งมาจากกฎเกณฑ์ปรารถนารส นิ้วชี้มาจากกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียง นิ้วกลางมาจากกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์
กฎเกณฑ์ทั้งสามนี้ สำหรับปรารถนาทัศน์หวังเป่าเล่อเป็นต้นกำเนิดเพียงหนึ่งเดียวแล้ว ส่วนปรารถนาเสียงเป็นต้นกำเนิดครึ่งหนึ่ง และปรารถนารสแม้จะไม่ใช่ต้นกำเนิดหลัก แต่ก็เกือบจะถึงขีดสุดแล้ว
ดังนั้นนิ้วจากกฎเกณฑ์ทั้งสามจึงมีอานุภาพรุนแรงมาก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงอีกสองนิ้วที่เหลือซึ่งอัดแน่นไปด้วยกฎเกณฑ์แห่งเจ็ดอารมณ์ทั้งสี่ เช่นนั้นพลังของฝ่ามือนี้…จึงเหนือกว่าเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาทุกตน!
เมื่อเห็นฝ่ามือสีโลหิตมาถึง เจ้าแห่งโกรธก็หายใจถี่รัว เขาคำรามดังลั่นก่อนจะทำผนึกมุทราแผ่กฎแห่งโกรธออกมาก่อร่างเป็นมังกรพิโรธคำรามต่อต้านหวังเป่าเล่อ
แต่ก็เหมือนตั๊กแตนห้ามรถ เปราะบางเกินไป!
ยังไม่ทันที่เหล่าเจ้าแห่งสุขจะขัดขวาง เวลาต่อมาฝ่ามือยักษ์สีโลหิตจากกฎเกณฑ์ของหวังเป่าเล่อก็ปะทะกับมังกรพิโรธด้วยพลังอำนาจทำลายล้างที่สยบทุกสิ่ง ฉับพลันมังกรพิโรธส่งเสียงคำรามลั่น มันจะปริแตกและพังทลายลงราวกับว่าต่อหน้าฝ่ามือโลหิตนี้มันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะป้องกัน
หลังจากทำลายมังกรพิโรธได้แล้ว ฝ่ามือโลหิตก็ไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่น้อย พลังทำลายล้างพุ่งตรงไปเบื้องหน้าเจ้าแห่งโกรธที่หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ และจับตัวเขาไว้!
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เจ้าแห่งโกรธผู้ยิ่งใหญ่เปราะบางราวกับมนุษย์ธรรมดา ถูกหวังเป่าเล่อสยบอย่างง่ายดาย!
หลังจากเจ้าแห่งโกรธถูกหวังเป่าเล่อจับตัวไว้ พวกเจ้าแห่งสุขถึงเพิ่งได้สติ แต่ละคนลนลานกล่าว
เมตตาด้วย!
เจ้าปรารถนาทัศน์ ต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่
เจ้าแห่งสุขวาบร่างมาปรากฏตัวตรงหน้าหวังเป่าเล่อ นางสูดหายใจเข้าลึก สีหน้าสับสน ก่อนจะโค้งคำนับหวังเป่าเล่อ
ให้โอกาสเขาอีกครั้งได้หรือไม่
หวังเป่าเล่อสีหน้าเรียบเฉยไม่สนใจเจ้าแห่งโศกและเจ้าแห่งแค้น แต่มองไปทางเจ้าแห่งสุข จากนั้นครู่หนึ่งก็เอ่ยเบาๆ
ได้
เอ่ยจบก็สะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นฝ่ามือยักษ์สีโลหิตที่จับตัวเจ้าแห่งโกรธอยู่ก็ค่อยๆ คลายออก ทำให้เจ้าแห่งโกรธรีบถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่นเทิ้ม มองหวังเป่าเล่อด้วยความหวาดกลัว พริบตานั้นเขาสัมผัสได้ถึงความตายจริงๆ
โดยทั่วไปแล้วเจ็ดอารมณ์หกปรารถนานั้นไม่สามารถทำลายได้ แต่พลังปราณของมหาเทพที่อัดแน่นอยู่ในฝ่ามือโลหิตนั้น…สามารถทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง
เจ้าแห่งโกรธ เจ้ายังไม่เอาของออกมาอีก! เจ้าแห่งสุขถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันไปถลึงตามองเจ้าแห่งโกรธ
เจ้าแห่งโกรธท่าทางขมขื่น เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือกดลงบนหว่างคิ้วของตน พริบตานั้นเงามายาที่ถูกปิดผนึกไว้หลายชั้นก็แผ่ออกมาจากหว่างคิ้วและถูกหวังเป่าเล่อคว้าไป
ผนึกบนร่างแตกเป็นชั้นๆ เผยให้เห็นรูปร่างเดิมของเงามายาข้างใน นั่นก็คือ…ร่างของเจ้าปรารถนาทัศน์คนก่อน
เรื่องที่รู้ว่าเจ้าแห่งโกรธซ่อนร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์ไว้เป็นเพราะหลังจากหวังเป่าเล่อดูดซับเลือดมหาเทพแล้ว ร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์เหล่านั้นก็ไม่มีความลับอะไรกับสัมผัสเชื่อมต่อของหวังเป่าเล่ออีก
ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้ว่าในร่างเจ้าแห่งโกรธมีอยู่อีกหนึ่งร่าง
หลังจากคว้าไว้ได้แล้ว หวังเป่าเล่อก็บีบเบาๆ ร่างแยกในมือแตกสลายในทันที กลายเป็นปราณโลหิตหลอมรวมเข้าไปภายในกายหวังเป่าเล่อ แต่ในไม่ช้าเขาก็ต้องเลิกคิ้ว
หืม?
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก่อนหน้านี้เมื่อดูดซับเลือดมหาเทพและสำรวจไปรอบๆ ก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณของร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์สองร่างด้านนอก กอปรกับดูดซับและทำลายไปในบ่อน้ำโบราณอีกสองร่าง
ดังนั้นเขาจึงคิดว่าร่างแยกสี่ร่างก็สมบูรณ์แล้ว
แต่ในเวลานี้หลังจากดูดซับร่างแยก หวังเป่าเล่อกลับสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ปริมาณปราณโลหิตในร่างนี้น้อยเกินไป…ไม่เหมือนกับร่างแยกที่บรรจุปราณโลหิตหนึ่งส่วน แต่เหมือนกับ…หนึ่งในร่างแยกของร่างแยกเกือบร้อยร่างที่ถูกเขาทำลายไปแล้ว!