ตอนที่ 609 ปฏิเสธฟางจั๋วเยวี่ย
เถาจืออวิ๋นถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “สิ่งที่คุณพูดกับแม่ของคุณตอนนี้ทำให้แม่ของคุณเข้าใจพูดถึงเรื่องราวระหว่างเราผิดเพี้ยนไป นี่ไม่ต่างจากการใช้ฉันเป็นเกราะกำบังตรงไหนคะ? ต่อไปได้โปรดอย่าทำแบบนี้อีก ฉันเป็นหญิงม่ายและมีปัญหามากมายมาโดยตลอด คุณช่วยอย่าสร้างปัญหาของฉันอีกเลยนะคะ”
หากไม่ใช่เพราะฟางจั๋วเยวี่ยเป็นน้องของสามีหลินม่าย หล่อนคงสาปแช่งเขาไปนานแล้ว
แต่เขาก็ไม่ควรทำกับหล่อนแบบนี้!
ฟางจั๋วเยวี่ยหยุดและมองไปยังเถาจืออวิ๋นอย่างจริงจัง “ผมไม่ได้ใช้คุณเป็นเกราะกำบัง ผมชอบคุณจริง ๆ และผมก็บอกเรื่องนี้กับแม่ของผมไปแล้ว”
เถาจืออวิ๋นไม่ใช่คนโง่ หล่อนรู้สึกได้ชัดเจนว่าฟางจั๋วเยวี่ยชอบหล่อน
แต่ตราบใดที่หล่อนปิดประตูหัวใจไว้ ก็สามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้เสมอ
แต่ตอนนี้ ประตูหัวใจกำลังสั่นคลอนด้วยฝีมือของฟางจั๋วเยวี่ย
เถาจืออวิ๋นส่ายศีรษะพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เราไม่เหมาะสมกันหรอกค่ะ”
ฟางจั๋วเยวี่ยรีบเอ่ยถาม “ทำไมไม่เหมาะสมล่ะครับ?”
เถาจืออวิ๋นมองเขาเหมือนคนโง่เขลา “ช่วงอายุของเราไง ฉันแก่กว่าคุณหลายปี”
ฟางจั๋วเยวี่ยยิ้มทันที “มีแฟนแก่กว่าสามปีก็เท่ากับหุ้มทองสามก้อน ไม่ต้องพูดถึงคุณที่มีอายุมากกว่าผมถึงสี่ปี มีแฟนแก่กว่าสี่ปีก็จะมีสุขและอายุยืน หากผมแต่งงานกับคุณ ผมก็จะมีชีวิตที่ยืนยาวในอนาคต”
คำพูดของชายคนนี้ทำให้เถาจืออวิ๋นพูดไม่ออกทันที
“ฉันไม่ชอบผู้ชายอายุน้อยกว่า”
หลังจากเถาจืออวิ๋นพูดจบ หล่อนก็ดึงฉีฉีออกจากไหล่ของฟางจั๋วเยวี่ยมาไว้ในอ้อมแขนและจากไปอย่างรวดเร็ว
ฟางจั๋วเยวี่ยยังคงติดตามมา “ผมอาจจะยังเด็กไปหน่อย แต่ผมสามารถดูแลคุณและฉีฉีได้นะ”
เถาจืออวิ๋นไม่ตอบสนอง
ฟางจั๋วเยวี่ยตามส่งเถาจืออวิ๋นและลูกของหล่อนไปยังอาคารที่พวกเขาอาศัยอยู่ จ้องมองพวกเขาขึ้นไปชั้นบน จากนั้นรอให้ไฟที่บ้านของเถาจืออวิ๋นเปิดก่อนจึงจากไป
ครั้งแรกที่สารภาพรัก เขาก็ถูกปฏิเสธและทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
ทันทีที่กลับถึงบ้าน ฉีฉีก็วิ่งไปยังหน้าต่างแล้วมองลงไปข้างล่าง
แต่เขาตัวเตี้ยเกินกว่าจะมองเห็นอะไร ดังนั้นเขาจึงย้ายเก้าอี้ตัวเล็กแล้วเหยียบเพื่อมองลงมาพลางพูดกับเถาจืออวิ๋นโดยไม่หันกลับมามอง “แม่ ผมไม่อยากให้ลุงจั๋วเยวี่ยกลับบ้าน แต่ตอนนี้เขากำลังเดินจากบ้านเราไปแล้ว”
เถาจืออวิ๋นพึมพำแผ่วเบาและไม่พูดอะไรต่อ
หล่อนวางกระเป๋า เดินเข้าไปในครัว เปิดเตาถ่าน และต้มน้ำร้อนให้ลูกอาบ
ฉีฉีรอให้ร่างของฟางจั๋วเยวี่ยหายไปจากสายตาของเขา จากนั้นจึงปีนลงจากเก้าอี้ตัวเล็ก วิ่งไปยังประตูห้องครัวแล้วถาม “อาจั๋วเยวี่ยอยากเป็นพ่อของผมใช่ไหม?”
เถาจืออวิ๋นตอบกลับ “แม่ปฏิเสธเขาไปแล้ว”
ฉีฉีกล่าวด้วยความเสียดาย “ทำไมแม่ถึงปฏิเสธเขาล่ะ? ผมต้องการให้เขาเป็นพ่อของผมนะ”
เถาจืออวิ๋นโบกมือ “เขาไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อของลูก”
ฉีฉีหน้ามุ่ย “ทำไมอาจั๋วเยวี่ยถึงไม่เหมาะสมล่ะครับ? เขาสามารถเล่นกับผมและดัดแปลงของเล่นได้ทุกชนิดซึ่งพ่อของคนอื่นทำไม่ได้”
เถาจืออวิ๋นมองไปยังลูกชายตัวน้อยของหล่อน แล้วอธิบายให้เขาฟังว่า หน้าที่พ่อไม่ใช่เพียงการละเล่นกับลูกหรือดัดแปลงของเล่นเท่านั้น แต่ยังต้องมีความรับผิดชอบด้วย
ฟางจั๋วเยวี่ยเองก็ยังเป็นเด็กไม่รู้จักโต เขาจะรับผิดชอบหน้าที่พ่อได้อย่างไร?
แต่งงานกับเขาก็เหมือนมีลูกชายที่ต้องดูแลเพิ่ม
หล่อนเป็นผู้หญิงที่ต้องการความรักและการดูแลเอาใจใส่ เหมือนอย่างหลินม่ายกับฟางจั๋วหราน เคอจื่อฉิงกับเฉินเฟิง
หล่อนไม่ต้องการมีลูกชายให้ต้องดูแลอีกต่อไป
หล่อนลูบศีรษะของฉีฉีและพูดขอโทษ “แม่ขอโทษจริง ๆ แม่ไม่ได้ชอบคุณอาจั๋วเยวี่ย ดังนั้นจึงอยู่กับเขาไม่ได้”
ฉีฉีเป็นคนมีเหตุผลตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็กอดเถาจืออวิ๋น “ถ้าอย่างงั้นผมจะเป็นผู้ชายที่อยู่กับแม่เอง อีกอย่าง ในบ้านมีเพียงสองห้อง ถ้าอาจั๋วเยวี่ยกลายเป็นพ่อของผมจริง ก็คงจะไม่มีห้องว่างสำหรับเขา “
หลังจากอาบน้ำ ขณะกำลังส่งฉีฉีเข้านอน เถาจืออวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ฉีฉี ลูกต้องการพ่อจริง ๆ เหรอ?”
ฉีฉีมองหล่อนด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสาและพยักหน้าอย่างเงียบงัน
เถาจืออวิ๋นเงียบไปครู่หนึ่งเอ่ยถาม “ลูกต้องการให้อาหลิวเป็นพ่อของลูกไหม?”
“แม่ชอบอาหลิวไหม? ถ้าแม่ประทับใจในตัวเขา ผมก็อยากให้เขาเป็นพ่อของผม”
ฉีฉีคิดว่าคงจะดีหากอาหลิวได้กลายเป็นเป็นพ่อของเขา
อาหลิวใจดีกับทั้งแม่และตัวเขาเอง เขามักจะทำอาหารอร่อย ๆ ไปส่งที่โรงเรียนอนุบาลเพื่อให้ฉีฉีกิน
แต่เขาชอบอาจั๋วเยวี่ยมากกว่าลุงหลิว ติดที่แม่ของเขาไม่ได้ชอบ…
เถาจืออวิ๋นมองไปยังลูกชายผู้มีเหตุผลของหล่อนและรู้สึกเจ็บปวดในใจ
หลังจากที่เถาจื่ออวิ๋นกลับมายังห้องนอน หล่อนก็เอนกายลงบนเตียงและครุ่นคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานใหม่
หล่อนปฏิเสธที่จะแต่งงานใหม่ก่อนหน้านี้ ไม่เพียงเพราะอกหักจากหม่าเทา แต่ยังเป็นเพราะกลัวว่าสามีใหม่จะปฏิบัติต่อฉีฉีไม่ดีหลังจากแต่งงานใหม่
สำหรับคู่แต่งงานใหม่นั้น มักจะมีเรื่องผู้หญิงปฏิบัติต่อลูกของผู้ชายไม่ดี หรือผู้ชายปฏิบัติต่อลูกของผู้หญิงไม่ดีบ่อยๆ ใช่ไหมล่ะ?
การนำความสัมพันธ์แบบนั้นเข้ามาในครอบครัวย่อมไม่เป็นผลดีต่อลูก
แต่ฉีฉีต้องการพ่อ ดังนั้นหล่อนจึงจำเป็นต้องหาให้เขา
ชายคนแรกที่เถาจืออวิ๋นนึกถึงคือ หลิวหย่งเจียง
หลิวหย่งเจียงมีนิสัยดี หากเริ่มต้นครอบครัวกับเขาจริง เขาก็ควรปฏิบัติต่อฉีฉีอย่างดี
หล่อนปฏิเสธเขาหลายครั้ง หากตอนนี้หล่อนกลับไปและบอกกล่าวว่าหล่อนเต็มใจจะสานสัมพันธ์กับเขา มันก็คงเป็นเรื่องน่าอายไม่น้อย
ดังนั้นสิ่งที่หล่อนควรทำคือรอคอยให้เขาสารภาพรักครั้งต่อไป
หลังจากตัดสินใจได้ เถาจืออวิ๋นก็หลับไปอย่างสงบ
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่และลูกชายลุกขึ้นแปรงฟันและล้างหน้า ทันใดนั้นก็พลันได้ยินเสียงคนเคาะประตูบ้าน
เพื่อนบ้านของเถาจืออวิ๋นห้าคนอาศัยอยู่ในอาคารนี้ เถาจืออวิ๋นคิดว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่ต้องการมาหยิบยืมเกลือและผงชูรส ดังนั้น จึงมาที่บ้านของหล่อนและเคาะประตู
ก่อนหน้านั้น เจิ้งซวี่ตงมาที่บ้านของหล่อนเพื่อขอยืมเกลือและกระเทียม
เถาจืออวิ๋นสวมเสื้อคลุม เนื่องจากคิดว่าเป็นเพื่อนบ้านที่มาเยือน หล่อนจึงสวมเสื้อคลุมบางก่อนจะเดินไปยังประตู
ทว่าคนที่ยืนอยู่นอกประตูไม่ใช่เพื่อนบ้าน แต่เป็นฟางจั๋วเยวี่ย
เถาจืออวิ๋นกุมหน้าผาก “คุณมาทำอะไรแต่เช้าคะ?”
ฟางจั๋วเยวี่ยยิ้มสดใส “ไม่มีอะไร ผมออกมาจ็อกกิ้งตอนเช้าเลยแวะซื้ออาหารเช้ามาให้คุณและฉีฉีน่ะ”
เมื่อเห็นว่าเถาจืออวิ๋นปิดกั้นประตูเพื่อไม่ให้เขาเข้าไป เขาจึงห้อยถุงน้ำเต้าหู้ เกี๊ยวน้ำ และเกี๊ยวนึ่งไว้หน้าห้องเธอ
ขณะที่เขากำลังจะหันหลังกลับ ฉีฉีก็วิ่งออกไปและตะโกนด้วยความดีใจ “คุณอาจั๋วเยวี่ย!”
ฟางจั๋วเยวี่ยลูบศีรษะของเด็กชายพร้อมบอกให้เขาเชื่อฟังแม่ก่อนจะจากไป
เถาจืออวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง วางอาหารเช้าบนโต๊ะ ลงไปชั้นล่างเพื่อพูดคุยกับฟางจั๋วเยวี่ยและขอให้เขาไม่ส่งอาหารเช้ามาให้หล่อนกับลูกอีก ด้วยกลัวว่าจะทำให้รู้สึกผิดหากทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง
ฟางจั๋วเยวี่ยไม่พูดอะไร แต่ความเจ็บปวดกลับปรากฏชัดในดวงตาของเขา
เถาจืออวิ๋นทนดูไม่ได้ หันหลังกลับและขึ้นไปชั้นบน
เมื่อไปทำงานในตอนเช้า หลินม่ายเห็นว่าเถาจืออวิ๋นดูไม่ค่อยสู้ดีนักจึงเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบกับหล่อน
อากาศในเจียงเฉิงร้อนมาก อุณหภูมิในตอนนี้สูงราวสี่สิบองศา
ด้วยว่ากลัวจะเกิดลมแดดในหมู่คนงาน หลินม่ายได้จัดเตรียมไอศกรีมและซุปถั่วเขียวใส่ชะเอมเทศให้กับพนักงานแนวหน้าทุกคนในช่วงเวลาทำงาน
แม้ว่าเถาจืออวิ๋นจะมีสุขภาพดี แต่หล่อนก็บอบบางและอ่อนแอ จนหลินม่ายกลัวว่าหล่อนจะเป็นโรคลมแดด
เถาจืออวิ๋นยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “ไม่มีอะไร แค่อากาศร้อนฉันก็เลยอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
หลินม่ายเชื่อคำพูดของหล่อน จึงไม่ได้ถามอะไรต่อ
เธอมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจัดการ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาสนใจเถาจืออวิ๋นมากนัก
………………………………………………………………………………………………………………………….
มีแฟนแก่กว่าสามปีก็เท่ากับหุ้มทองสามก้อน เป็นสำนวนหมายถึงผู้หญิงที่แก่กว่าสามปีจะมีทั้งความอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจ และใส่ใจผู้ชาย ทำให้ผู้ชายไม่ต้องกังวลเรื่องครอบครัวและทุมเทเวลากับการทำงานได้ย่างเต็มที่ มีแฟนดีก็เหมือนกับได้ถือทองแท่ง ได้ความสำเร็จในทุกด้าน
สารจากผู้แปล
จะไปต่อหรือพอแค่นี้ดีจั๋วเยวี่ย เรื่องนี้คงต้องให้เวลากับจืออวิ๋นหน่อยล่ะ
ไหหม่า(海馬)