ทันทีที่ได้ยินดังนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ตวัดสายตาไปมองนางกำนัลที่กำลังพูดอยู่แล้วคิดในใจว่า คนผู้นี้ช่างรนหาเรื่องนัก นางกล้าใช้น้ำเสียงเช่นนั้นคุยกับองค์ชายได้อย่างไร นางไม่กลัวว่าองค์ชายจะโมโหหรือ
ในเวลานั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยลืมไปว่าคนที่อยู่ตรงหน้านางยังไม่ได้เป็นคนที่เก่งกาจที่สุดในใต้หล้าที่สามารถสังหารคนได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว
เขายังเป็นแค่เด็ก และยังเป็นองค์ชายที่ไม่ได้รับความโปรดปรานอีกด้วย…
เห็นได้ชัดว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้ดีว่าองค์ชายที่ไม่ได้รับความโปรดปรานจากผู้ใดนั้นสมควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรในวังหลวง เขามองกล่องใส่อาหารนั้น แล้วเดินไปที่ถังไม้พร้อมกับล้างหน้าตัวเองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองร่างเล็กๆ นั้นด้วยความรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ในลำคอ
นางไม่เคยเห็นด้านนี้ขององค์ชายมาก่อน
ชายคนนั้นมักจะทำตัวเย็นชาและห่างเหิน ไม่เคยเห็นใครหรือสิ่งใดอยู่ในสายตา แม้กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้
แต่ตอนนี้ แค่นางกำนัลเพียงคนเดียวก็สามารถดูถูกและหัวเราะเยาะเขาได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยทนดูภาพนี้ไม่ไหว
นางคิดไม่ถึงว่านางกำนัลคนนั้นจะยังกล้าทำตัวหยาบคายถึงเพียงนี้ สาวใช้คนนั้นปรายตามองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยและพึมพำอย่างไม่พอใจว่า “เฮ้อ ทำไมข้าถึงโชคร้ายได้รับหน้าที่ให้นำอาหารมาส่งที่นี่ด้วยนะ”
“เจ้าคิดว่าการนำอาหารมาส่งให้กับองค์ชายสามเป็นโชคร้ายหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มบางๆ มุมปากของนางกระตุกขึ้นเล็กน้อย มันน่ามองเป็นอย่างยิ่ง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่กำลังล้างหน้าล้างตาอยู่ชะงักไป ดวงตาเรียวคู่สวยเงยขึ้นมองไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวย ในตาคู่นั้นมีแสงสว่างวาบขึ้น
นางกำนัลเลิกคิ้วขึ้น และเยาะเย้ยว่า “ดูจากการแต่งตัวของเจ้า ข้าเดาว่าเจ้าคงยังใหม่กับวังหลวงอยู่กระมัง ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ข้าคิด แล้วอย่างไร เจ้ากล้ามีปัญหากับข้าหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร เจ้าไม่เข้าใจกฎระเบียบของที่นี่เลยแม้แต่อย่างเดียวด้วยซ้ำ! ข้าจะเตือนอะไรให้ก็แล้วกันว่าอย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ถ้าเจ้าทำให้ข้ารำคาญขึ้นมา ข้ามีวิธีจัดการกับเจ้าอยู่หลายวิธีเชียวล่ะ! นังหนู!”
“นังหนูหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเลียริมฝีปาก ครั้งสุดท้ายที่มีคนเรียกนางเช่นนั้นก็ผ่านมานานมากแล้ว จะว่าอย่างไรดี... ตอนนี้นางชักอยากซัดหน้าใครสักคนขึ้นมาเสียแล้วสิ
นางกำนัลคนนั้นมองนางด้วยความเหยียดหยาม นางกำลังดูถูกคนทั้งสองอยู่ องค์ชายไร้อำนาจที่แม้กระทั่งปกป้องตัวเองก็ยังทำไม่ได้กับสาวใช้มือใหม่หรือ พวกเขาจะทำอะไรข้าได้
“ทำไม เจ้าไม่ชอบหรือ”
“ใช่ ข้าไม่ชอบ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยกลั้วหัวเราะ นางเดินลงส้นเท้าตรงเข้าไปหานางกำนัลคนนั้น แล้วถีบนางเข้าอย่างจัง
เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นยอดฝีมือ แม้จะไม่ได้ใช้พลังปราณ แต่ลูกถีบของนางก็ทำให้นางกำนัลคนนั้นตกตะลึงไปครู่ใหญ่
สมองของนางหมุนติ้ว พร้อมกันนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมองเฮ่อเหลียนเวยเวย “เจ้า เจ้ากล้าทำร้ายข้า!”
“ที่ข้าถีบเจ้าก็เป็นเรื่องสมควรแล้วมิใช่หรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยย่อตัวลงแล้วตบใบหน้าของนางเบาๆ “เจ้าเป็นเพียงแค่นางกำนัล แต่กลับกล้าที่จะทำตัวไร้มารยาทกับองค์ชาย แค่ถีบยังถือว่าเป็นโทษสถานเบา แม้เจ้าจะถูกตัดคอก็ยังถือว่าสมควรแล้วด้วยซ้ำ”
นางกำนัลจ้องเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างชั่วร้าย นางรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง แต่นางก็เข้าใจว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ใช่คนที่นางจะสามารถหาเรื่องได้ ก่อนหน้านี้มีแค่เพียงองค์ชายสามคนเดียวเท่านั้น เขาไม่เคยนำคำพูดที่นางพูดต่อหน้าเขาไปฟ้องอดีตฮ่องเต้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เวลาผ่านมากี่วันแล้ว มันเกือบจะสิบวันได้แล้ว แต่เด็กคนนี้ก็ยังไม่กล้าแม้กระทั่งจะส่งเสียงคร่ำครวญออกมา ดังนั้นนางจึงใช้โอกาสนั้นกลั่นแกล้งเขาเล็กน้อย! ถ้าไม่ใช่เพราะเขาทำให้ฮองเฮาไม่พอใจ มีหรือที่นางจะถูกส่งมาที่นี่เพื่อนำอาหารมาให้เขา!
วันแล้ววันเล่า ความเหิมเกริมของนางก็ยิ่งพอกพูน ในไม่ช้านางก็ลืมฐานะของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไปจนหมดสิ้น
ตอนนี้เมื่อเด็กสาวคนนี้เตือนสตินางอีกครั้ง นางจึงรู้สึกผิดอย่างไม่อาจเลี่ยง นางข่มความเจ็บปวดนั้นเอาไว้พร้อมกับลุกขึ้นยืนโดยไม่ปริปากอีก แต่ก็ยังจ้องมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างไม่วางตา จากนั้นนางก็รีบวิ่งออกไปจากห้อง ทั่วร่างของนางแผ่ความเกลียดชังออกมาอย่างปิดไม่มิด
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่คิดที่จะให้ความเคารพกับนางกำนัลคนนี้เช่นกัน เมื่อนางลงไม้ลงมือกับอีกฝ่ายไปแล้ว นางย่อมไม่เกรงกลัวฮองเฮาที่อยู่เบื้องหลังนาง คงดีด้วยซ้ำถ้าพวกนางก่อเรื่องจนผู้หญิงคนนั้นมาหานางที่นี่ นางจะได้สอนบทเรียนให้ผู้หญิงคนนั้นไปด้วยเสียเลย!
ตอนนี้องค์ชายสามออกจะน่ารัก แม้เขาจะปากคอเราะร้ายไปบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็ยังทำตัวเหมือนคนปกติมากกว่า
เขายังไม่ได้เที่ยวจับคนโน้นคนนี้มามัดตามใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ แต่ฮองเฮากลับยังโหดร้ายกับเขา นางจะต้องเสียสติไปแล้วอย่างแน่นอน!
มีความเป็นไปได้ทีเดียวว่าการที่องค์ชายไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเหยื่อได้ในอนาคตนั้นอาจจะเป็นความผิดของฮองเฮา
การถูกทารุณกรรมตั้งแต่อายุยังน้อยย่อมทำให้เด็กโตมาอย่างบิดเบี้ยว ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะยอดเยี่ยมเพียงใดก็ตาม!
ยิ่งกว่านั้น คนที่ทารุณกรรมเขาก็คือแม่แท้ๆ ของเขาเอง!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ชำเลืองมองไปทางเด็กชายที่อยู่ใกล้ๆ เขายังยืนเงียบอยู่ที่เดิม ผมสีดำปิดบังใบหน้าและซ่อนสีหน้าของเขาเอาไว้
หัวใจของเฮ่อเหลียนเวยเวยบีบรัดทันทีที่เห็นภาพนั้น นางเดินเข้าไปกอดเขา “เจ้าหนู ไม่ต้องห่วง จากนี้ไปเจ้ามีข้าแล้ว ไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าแน่” หลังจากพูดจบ นางก็เสริมว่า “แม้กระทั่งท่านแม่ของเจ้าก็ตาม!”
เดิมทีนั้นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงจมอยู่ในภวังค์ของตัวเองและคิดว่าเขาจะปล่อยให้นางกำนัลคนนั้นมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นนางคงได้เอาเรื่องหญิงโง่ผู้นี้ไปบอกทุกคนแน่ แต่หลังจากถูกเฮ่อเหลียนเวยเวยกอด… จู่ๆ สมองของเขาก็ว่างเปล่าไปในทันใด
เด็กชายกุมขมับตัวเองอย่างจนปัญญา ดูเหมือนว่าเขาคงต้องรอให้ถึงกลางคืนเสียก่อน เมื่อทุกอย่างเงียบลงเขาจะได้เริ่มวางกลยุทธ์ของตัวเองใหม่อีกครั้ง
แม้ผู้หญิงคนนี้จะดูโง่เง่า แต่อันที่จริงแล้วนางฉลาดมากทีเดียว เห็นได้จากวิธีที่นางใช้รับมือกับนางกำนัลคนนั้น นางรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่อีกฝ่ายหวาดกลัวที่สุด นางถีบอีกฝ่ายอย่างแรงแต่กลับขู่นางเพียงเล็กน้อย กระนั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางรู้สึกกดดัน
แต่ในวังหลวงแห่งนี้เขาต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่ทิ้งร่องรอยอันจะเป็นการสาวมาถึงตัวพวกเขาได้
ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหม่นแสงลง เขาไม่อยากให้นางรู้ว่าเขาฆ่าคน ดังนั้นคราวนี้จะปล่อยให้มีเลือดเปื้อนตัวไม่ได้
การที่ไม่สามารถใช้ของมีคมได้เช่นนี้ทำให้การสังหารใครสักคนกลายเป็นเรื่องลำบากขึ้นสำหรับเขา
ถ้ามีคนอื่นสังเกตเห็น เขาคงได้ถูกถอดออกจากการเป็นองค์ชายอย่างแน่นอน
เพราะเขารู้ดียิ่งกว่าใครว่าย่อมไม่มีใครยอมรับองค์ชายผู้โหดร้ายเป็นรัชทายาท
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เขาประสบปัญหาแบบนี้ เขามักเสียเวลากับการหาวิธีแก้ไขมันอยู่นานทีเดียว เพราะเขาจำเป็นต้องคิดคำนวณทุกขั้นตอนเป็นอย่างดีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
แต่เหตุการณ์ในคราวนี้ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ตราบใดที่เขาทุ่มเทความพยายามให้กับมัน มันก็คงไม่มีปัญหาอันใดกระมัง
อันที่จริงนั้นเขาไม่ใช่คนที่ชอบทุ่มความพยายามให้กับการทำอะไรแม้แต่อย่างเดียว
แต่เพื่อเหยื่อของเขา เขาย่อมต้องลองเสี่ยงดู
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองใบหน้าที่อยู่ตรงหน้า มันเต็มไปด้วยความห่วงใยและความกังวล เขาเริ่มคันไม้คันมืออยากจับนางมัดให้แน่นขึ้นเรื่อยๆ…
“เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยสงสัย นางเดาสิ่งที่อยู่ในใจของเด็กคนนี้ไม่ออก
หลังจากที่เขาโตขึ้น ต่อให้นางจะไม่เข้าใจเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด แต่ตอนนี้เขาอายุแค่เพียงแปดขวบเท่านั้น! ทำไมนางถึงยังรู้สึกว่าในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวสารพัดอยู่เลยล่ะ…
นางคิดมากเกินไปหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยเกาศีรษะ
เด็กชายถอนตัวออกมาจากอ้อมกอดของนาง แล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ข้ากำลังคิดว่า ในเมื่อเจ้าไล่คนคนนั้นไปแล้ว แล้วต่อไปข้าจะเอาอะไรกิน”
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มกว้าง “เมื่อครู่นี้ตอนที่ข้าเข้ามาที่นี่ ข้าสังเกตเห็นว่าในแม่น้ำข้างนอกนั่นมีปลาอยู่มากทีเดียว พวกเราย่างปลากินกันเถอะ!”