หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1422 ปรารถนาที่หก

บทที่ 1422 ปรารถนาที่หก

เจ็ดอารมณ์หลอมรวม นั่นก็คือปรารถนาที่หก!

ปรารถนาอารมณ์เป็นสิ่งพิเศษอย่างยิ่ง มันคือพลังงานแห่งความกระหายอยากซึ่งแฝงอยู่ในทุกผู้คน กระทั่งในระดับหนึ่งจะสามารถเห็นร่องรอยปรารถนาอารมณ์ในปรารถนาทั้งห้าได้ด้วย

ดังนั้นมันจึงลึกลับที่สุดและสามารถแบ่งออกเป็นเจ็ดอารมณ์ได้

ปรารถนาอารมณ์มีความคิดมีการเรียนรู้ และความคิดนี้…ตีความได้เป็นความโลภ โลภในชื่อเสียงก็เป็นปรารถนาอารมณ์ โลภในราคะก็เป็นปรารถนาอารมณ์ โลภในรักก็ยิ่งเป็นปรารถนาอารมณ์

กล่าวให้กระจ่างคือพลังงานปรารถนาอารมณ์นี้สามารถสนับสนุนคนคนหนึ่งได้จนถึงที่สุด และเกือบทุกคนมีมันอยู่ แม้กระทั่งหวังเป่าเล่อ…เขาปรารถนาที่จะมีความสุขและหวังว่าจะเป็นอมตะ

ร่างกายนี้…เห็นได้ชัดว่าก็เป็นปรารถนาอารมณ์อย่างหนึ่ง เพียงแต่ในสภาวะปกติความปรารถนานี้สามารถระงับและควบคุมได้ แต่ในมิติเต๋าต้นกำเนิดนั้นทุกสิ่งเปลี่ยนไป หกปรารถนากลายเป็นกฎเกณฑ์!

ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนกฎแห่งความกระหาย ร่างกายก็ย่อมกลายเป็นความกระหายได้

ฟังดูลึกลับแต่เป็นเช่นนั้นจริงๆ ปรารถนาอารมณ์นั้นต่างจากอีกห้าปรารถนาอย่างสิ้นเชิง มันคลุมเครือและเป็นอุดมคติกว่า

หวังเป่าเล่อนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ในศาลา ค่อยๆ รู้แจ้งท่ามกลางการหลอมรวมตราประทับเจ็ดอารมณ์ในร่างกาย ในการรู้แจ้งนี้ประสาทการรับรู้ทั้งหมดของเขาถูกเก็บไป หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนอย่างเต็มที่

แน่นอนว่าหากมีอันตราย ด้วยระดับการฝึกตนของเขาในตอนนี้ก็ยังสามารถตรวจจับได้ทันที

เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกอย่างในเมืองปรารถนาทัศน์ก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ สำหรับผู้ฝึกตนเกือบทั้งหมดในเมือง พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าปรารถนาทัศน์นั้นเปลี่ยนคนแล้ว

ส่วนคนที่รู้เรื่องต่างไม่กล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะว่า…แม้เจ้าปรารถนาทัศน์จะเปลี่ยนคนแล้ว แต่กฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ไม่ได้เปลี่ยนตาม ร่างกายเจ้าปรารถนาทัศน์คนใหม่…ยังคงเป็นต้นกำเนิดกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์อย่างแท้จริง

ส่วนเจ้าทั้งสี่แห่งเจ็ดอารมณ์ก็ไม่ได้รั้งอยู่ในเมืองปรารถนาทัศน์นานนัก ไม่นานก็แยกย้าย พวกเขายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ หนึ่งในนั้นคนแรกที่จากไปก็คือเจ้าแห่งโกรธ

การพ่ายแพ้อยู่ในกำมือหวังเป่าเล่อทำให้เขาอับอาย มันเป็นการพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ไร้แรงต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น พริบตาเดียวก็สยบอยู่ใต้เท้า ทำให้เขาเสียความมั่นใจ

หลังจากเจ้าแห่งโกรธจากไป คนอื่นๆ ก็ทยอยกันจากไปตามๆ กัน คนสุดท้ายที่จากไปคือเจ้าแห่งสุข ก่อนจะไปนางหันไปมองยังสถานที่ที่ถือสันโดษของหวังเป่าเล่ออีกครั้ง แววตาเปี่ยมด้วยความหวังก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

เพราะว่า…นางสัมผัสได้แล้ว ณ ใจกลางเมืองปรารถนาทัศน์ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีพลังปราณแห่งกฎเกณฑ์ที่คุ้นเคยหวนคืนมา

 เมื่อปรารถนาอารมณ์เกิดขึ้น ประตูสู่อาณาจักรด้านบนก็จะเปิด… 

 มหาเทพ…ที่ท่านแยกโลกาชั้นแรกและชั้นสองออกจากกัน นั่นไร้ประโยชน์แล้ว… 

 อีกไม่นานเราจะได้เจอกัน  จู่ๆ เจ้าแห่งสุขก็ผุดยิ้ม รอยยิ้มนั้นแปลกประหลาดไม่อาจพรรณนาได้ ส่วนลึกในดวงตาของนางมีแสงสีดำวาบผ่าน

เพียงแต่…เจ้าแห่งสุขที่หมุนกายเดินจากมาและหายวับไปไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่า…เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้ามีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นและกำลังเฝ้าดูทุกการกระทำของนางโดยที่นางไม่ได้สังเกตเห็น

รวมถึง…แสงสีดำในดวงตาของนางด้วย

ร่างนี้สวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว ศีรษะปกปิดอยู่ในชุดคลุมสีดำนั้นเช่นกัน เขายืนอยู่กลางอากาศอย่างเงียบเชียบ เนิ่นนานกว่าจะถอนสายตาออกจากจุดที่เจ้าแห่งสุขหายวับไปแล้วหันไปทางเมืองปรารถนาทัศน์

 ใช้เวลาไม่นานร่างแยกของข้าก็เติบใหญ่ถึงระดับนี้แล้ว…หากตอนนี้เขาไม่ได้เก็บประสาทรับรู้ไว้และข้าไม่ได้แสดงท่าทีเป็นศัตรูกับเขา เกรงว่าคงจะถูกเขาจับได้ในพริบตาที่มาถึงแล้ว  ร่างบนท้องฟ้าพึมพำ ตอนนั้นเองลมก็พัดเสื้อคลุมที่คลุมศีรษะออกไป เผยให้เห็นใบหน้าข้างในนั้น

นั่นก็คือ…หวังเป่าเล่อร่างต้นแบบ!

เขากำลังมองเมืองปรารถนาทัศน์อย่างเงียบเชียบ ไม่รู้ว่าคิดอะไร ดวงตาเขาค่อยๆ ซับซ้อนขึ้น ไม่นานก็ถอนหายใจราวกับมีบางเรื่องที่ตัดสินใจยาก สุดท้ายก็ส่ายหน้าราวกับยังไม่ได้คำตอบ แล้วหันกายจากไป

ร่างต้นแบบจากไปแล้ว ทางฝั่งร่างแยกก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลยจริงๆ ขณะนี้หวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในวังใต้ดินกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการหลอมรวมตราประทับเจ็ดอารมณ์ในร่างกาย

เสร็จไปแล้วหกส่วน!

ถึงตอนนี้การหลอมรวมไม่สามารถย้อนกลับได้แล้ว เขาสัมผัสได้ว่าตราประทับทั้งเจ็ดกำลังแตกออกจากกัน เมื่อพวกมันแตกออกก็รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งและกำลังสร้างกฎใหม่

สิบวันผ่านไป ยี่สิบวันผ่านไป สามสิบวันผ่านไป…

การหลอมรวมตราประทับเจ็ดอารมณ์เพิ่มจากหกส่วนเป็นเก้าส่วนแล้ว!

ถึงกระนั้นกฎเกณฑ์ปรารถนาอารมณ์ก็ยังไม่ถือกำเนิด มีเพียงพลังปราณแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากพลังปราณนี้รวมตัวกันได้ระดับหนึ่งแล้วกลับเกิดอิทธิพลต่อโลกาชั้นที่สองแห่งนี้

สิ่งแรกที่ได้รับผลกระทบก็คือเจ้าแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ด พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังงานแห่งกฎของตนกำลังอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนของกฎทั้งเจ็ด

ราวกับว่ากฎแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเทียบกับศิษย์ผู้ฝึกตนกฎทั้งเจ็ดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้าแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดรู้ถึงสาเหตุจึงไม่ตื่นตระหนก แต่กลับรอคอยอย่างเงียบๆ

เพราะว่า…เวลาเดียวกันกับที่กฎเจ็ดอารมณ์บนร่างพวกเขาเหี่ยวแห้ง พลังแห่งกฎดั้งเดิมของพวกเขาที่เคยถูกสะกดไว้ก็ฟื้นขึ้น

นอกจากนี้โลกาชั้นที่สองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ท้องฟ้าเริ่มมืดลง สายฟ้าแลบปรากฏไปทั่วทุกหนทุกแห่งส่งเสียงคำรามไปทั่วแปดทิศ

ผืนดินสั่นสะเทือนในหลายๆ แห่ง โดยเฉพาะเมืองปรารถนาทั้งห้า ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ต่างเกิดความรู้สึกสั่นสะท้านอย่างไม่อาจอธิบายได้ ราวกับสัญชาตญาณกำลังบอกพวกเขาว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น

ในหมู่พวกเขา เจ้าแห่งปรารถนาทั้งสี่สัมผัสได้ชัดเจนที่สุด

แม้แต่เจ้าปรารถนาเสียงที่ได้รับบาดเจ็บและถือสันโดษอยู่ในภูเขาไฟก็ยังลืมตา ลึกเข้าไปในดวงตานั้นเผยแววไม่อยากเชื่อ ก่อนจะหันไปมองทางเมืองปรารถนาทัศน์ ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้น

ยังมีเจ้าปรารถนารสที่อยู่ในภาวะสลบไสลก็ยังตื่นขึ้นมาแล้วมองไปทางเมืองปรารถนาทัศน์เพราะการกระตุ้นของพลังปราณนี้

ยังมีเจ้าปรารถนากลิ่นและเจ้าปรารถนาสัมผัสที่แม้จะไม่เคยพบหวังเป่าเล่อ แต่พวกเขาก็ยังสั่นสะท้านด้วยพลังปราณนี้ทันที

การหลอมรวมดำเนินต่อไป โลกกำลังเปลี่ยนแปลง

แม้แต่ในโลกาชั้นที่สาม ขณะนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ลึกลงไปใต้ผืนดินภายในถ้ำหินปูน ร่างแห้งเหี่ยวที่ถูกพันธนาการแต่ละร่างเริ่มปรากฏสัญญาณของการตื่นขึ้น…

จนกระทั่งวันที่ 39…ในพริบตาที่ตราประทับเจ็ดอารมณ์ในร่างกายหวังเป่าเล่อหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์นั้น กฎเกณฑ์ที่ไม่เคยปรากฏบนโลกใบนี้ก็ได้…ถือกำเนิด!

เวลานี้ฟ้าดินพลันเปลี่ยนสี เมฆลมพลิกตลบ!

เจ้าแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดสั่นสะท้าน เจ้าปรารถนาอีกสี่คนตกตะลึง

สรรพสัตว์ทั้งหลายครวญคราง โลกสั่นสะเทือน!

กฎเกณฑ์ที่ถือกำเนิดขึ้นนี้มีนามว่าปรารถนาอารมณ์!

ทันทีที่ถือกำเนิดเพราะว่าหวังเป่าเล่อเป็นคนแรกที่ครอบครองมันจึงเรียกได้ว่าเป็นผู้ครอบครองเพียงหนึ่งเดียวและกลายเป็นต้นกำเนิดทันที ได้เลื่อนขึ้นเป็น…เจ้าปรารถนาอารมณ์!

พลังปราณอันแข็งแกร่งและทรงพลังพลันปะทุจากร่างขึ้นฟ้าก่อตัวเป็นพายุ ม้วนตลบดังเสาอากาศพุ่งสู่ท้องฟ้า!

………

 

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท