ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 612 สงสัย (ต้น)

ตอนที่ 612 สงสัย (ต้น)

​สวี​ลิ่ง​อี๋​นึกถึง​ความ​อ่อนล้า​เมื่อครู่นี้​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​กอด​นาง​พลาง​หอม​แก้ม​แล้ว​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​รีบ​นอน​เถิด​!​”

​มีบา​งอย​่าง​ติดอยู่ในใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​เมื่อ​ถูก​ปลุก​ให้​ตื่น​แล้ว​ ​ไหน​เลย​จะ​หลับ​ต่อ​ได้​ ​นาง​ซุก​ตัว​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ลังเล​ว่า​จะ​บอก​สวี​ลิ่ง​อี๋​เรื่อง​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยดี​หรือไม่

​เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่านาง​ไม่​ง่วง​แล้ว​ ​คิด​ว่า​เป็น​เพราะ​นาง​เหนื่อย​เกินไป​ ​จึง​ลูบ​หลัง​นาง​เบา​ๆ​ ​เหมือน​ตอนที่​สุขภาพ​นาง​ไม่ดี​ใน​ช่วง​หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​ ​กล่อม​นาง​ให้​หลับ​ ​“​ยุ่ง​อีก​สอง​วัน​ก็​จะ​จบ​แล้ว​ ​เจ้า​ทน​ไป​ก่อน​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​พวกเรา​ค่อย​พา​จิ​่น​เกอ​ไป​พัก​ที่​เรือน​ซี​ซาน​สัก​ระยะ​หนึ่ง​ ​เจ้า​จะ​ได้​พักผ่อน​เยอะ​ๆ​ ​”

เช่นนั้น​ใคร​จะ​เป็น​ดูแล​เรื่อง​ใน​จวน​ ​ใคร​จะ​เป็น​คน​ปรนนิบัติ​ไท่ฮู​หยิน​ ​จะ​มอบหมาย​ให้​ลูกสะใภ้​ที่พึ่ง​เข้า​จวน​มา​อย่างนั้น​หรือ​ ​อย่า​ลืม​ว่า​ภรรยา​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​เป็น​ลูกสะใภ้​คนโต​ของ​อนุ​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ยัง​ไม่รู้​ว่า​ผู้คน​จะ​พูด​กัน​ไป​ทาง​ไหน​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่เคย​ตั้งหน้าตั้งตา​รอ​ให้​คุณหนู​เก้า​สกุล​เจียง​เข้า​จวน​มา​เร็ว​ๆ​ ​ขนาด​นี้​มาก​่อน​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​นาง​ก็​จะ​ได้​มอบหมาย​เรื่อง​เหล่านี้​ให้​เป็น​หน้าที่​ของ​ภรรยา​ของ​สวี​ซื่อ​จุน

​นาง​หัวเราะ​เบา​ๆ​ ​“​ข้า​ก็​แค่นั​่ง​ขยับ​ปาก​อยู่​ใน​ห้องโถง​บุปผา​เท่านั้น​ ​ไม่​ลำบาก​เท่า​ท่าน​โหว​หรอก​กระมัง​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​ครอบครัว​เรา​นั้น​เป็น​ครอบครัว​ใหญ่​ ​ใช่​ว่า​ท่าน​โหว​พูดว่า​จะ​ไป​พักผ่อน​ก็​ไป​ได้​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​อย่าง​ลังเล​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​ ​วันนี้​มีเรื่อง​เกิดขึ้น​เจ้าค่ะ​…​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​ตกตะลึง​ว่า​ตัวเอง​เพิ่ง​พูด​อะไร​ออก​ไป​เมื่อครู่นี้

เหตุใด​ถึง​ได้​พูด​อะไร​แบบ​นั้น​ออกมา​ได้

ลืม​สนใจ​สือ​อี​เหนียง​โดยสิ้นเชิง​…

​เขา​รู้สึก​ระอาย​ใจ

​แต่​ก็​อด​คิด​อย่างละเอียด​ไม่ได้

สือ​อี​เหนียง​ต้องการ​เงิน​เท่าไร​ ​อยากได้​ของ​หายาก​แบบ​ไหน​ ​สำหรับ​เขา​แล้ว​นั่น​ไม่ใช่​เรื่อง​ยาก​เลย​ ​แค่​จัดการ​แล้วก็​ส่ง​ไป​ให้​อย่าง​เงียบๆ​ ​ก็ได้​แล้ว​ ​แต่กลับ​มี​ความคิด​ที่จะ​พานา​งกับ​จิ​่น​เกอ​ออก​ไปเที่ยว​เล่น​เช่นนี้​ ​ยาก​กว่า​ปีน​ขึ้น​สวรรค์​เสียอีก

หรือว่า​เป็น​เพราะเหตุนี้​ ​เวลา​ที่​เห็น​นาง​ลำบาก​ ​เขา​เลย​ได้​พูด​ออกมา

​ใน​ใจ​สับสนวุ่นวาย​ ​สือ​อี​เหนียง​พยายาม​จะ​เล่าเรื่อง​ที่เกิด​ขึ้นกับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ให้​เขา​ฟัง​อย่าง​อ้ำ​ๆ​ ​อึ้ง​ๆ​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​กังวลใจ

นับเป็น​ครั้งแรก​ที่​สือ​อี​เหนียง​เป็น​ประธาน​ใน​การ​จัดงาน​ใหญ่​เช่นนี้​…

​มือ​ของ​เขา​เลื่อน​ผ่าน​ผม​สีดำ​ขลับ​ไป​ลูบ​ศีรษะ​นาง​เบา​ๆ​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”​ ​รอยยิ้ม​จาง​ลง​ ​สีหน้า​ไม่มี​ความกังวล​ ​แสดงท่าทาง​เคร่งขรึม​เล็กน้อย

​สือ​อี​เหนียง​ยิ่ง​ลังเล​กว่า​เดิม

สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​บิดา​ที่​เคร่งครัด​ ​ถ้าหาก​เขา​รู้เรื่อง​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​เขา​จะ​ตำหนิ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอย​่าง​รุนแรง​หรือไม่​ ​เดิมที​สถานการณ์​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​ลำบาก​มาก​พอแล้ว​ ​ถ้าหาก​สูญเสีย​การปกป้อง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​อีก​…

​สือ​อี​เหนียง​เป็น​คนตรง​ไป​ตรง​มา​เสมอ​ ​ยาก​นัก​ที่จะ​มี​ช่วงเวลา​ที่​ดู​ลำบากใจ​เช่นนี้

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ดังนั้น​ก็​แอบ​รู้สึก​กังวล​ ​แต่​ไม่กล้า​แสดง​สีหน้า​ออกมา​แม้แต่​นิดเดียว​ ​กลับ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ไม่เป็นไร​ ​ไม่เป็นไร​!​ ​ยัง​มี​เวลา​อีก​สอง​ชั่ว​ยาม​ก่อน​รุ่งสาง​ ​ใน​สอง​ชั่ว​ยาม​นี้​ ​ต่อให้​เจ้า​ทุบ​หม้อ​ทองแดง​ที่ตั้ง​อยู่​ใน​ห้องโถง​ใหญ่​ของ​จวน​เรา​แตก​ ​พ่อบ้าน​ไป๋​ก็​สามารถ​หาวิ​ธี​ที่จะ​หา​หม้อ​ทองแดง​ที่​คล้ายคลึง​กัน​มาทด​แทน​ได้​”

เขา​คง​เข้าใจผิด​คิด​ว่านาง​ทำ​อะไร​ผิด​ไป​กระมัง

​ใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​พลัน​สงบ​ลง​ทันที​ ​รู้สึก​ว่า​ก่อนหน้านี้​นาง​กังวล​จน​เกินไป

​“​ข้า​หมายถึง​เจี​้ย​เกอ​เจ้าค่ะ​!​”​ ​นาง​พูด​อย่าง​อ่อนโยน​ว่า​ ​“​วันนี้​เขา​ดู​ละคร​งิ้ว​เป็นเพื่อน​ท่าน​แม่​ที่​ห้องโถง​บุปผา​…​”​ ​เล่าเรื่อง​ราว​ทั้งหมด​ให้​เขา​ฟัง​อย่างละเอียด

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง

สือ​อี​เหนียง​เข้า​จวน​มาตั​้ง​หลาย​ปีก​ว่า​จะ​ตั้งครรภ์​ ​เขา​สงสัย​มาต​ลอด​ว่านาย​หญิง​ใหญ่​ได้​เล่น​ตุกติก​อะไร​หรือไม่​…​แม้แต่​ตอนนี้​เขา​ก็​ยัง​มี​ข้อสงสัย​อยู่​บ้าง​ ​เพราะ​หลาย​ปี​มานี​้​เขา​มุ่ง​ความสนใจ​ทั้งหมด​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​ ​แต่​เหตุใด​สือ​อี​เหนียง​กลับ​มี​จิ​่น​เกอ​เพียง​คนเดียว

ดังนั้น​เวลา​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ปฏิบัติ​ต่อ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ราวกับ​เป็น​ลูก​ของ​ตัวเอง​ ​แม้ว่า​เขา​จะ​รู้สึก​ว่านี​่​จะ​ไม่​เป็นผลดี​สำหรับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่​ถูก​เลี้ยงดู​ภายใต้​ชื่อ​ของถง​ซื่อ​ใน​ฐานะ​บุตรชาย​ของ​อนุ​ ​แต่​เมื่อ​คิดได้​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ยัง​ไม่มี​บุตร​ ​ถ้าหาก​…​ใคร​เลี้ยง​ก็​จะ​สนิท​กับ​คน​นั้น​ ​ต่อไป​สือ​อี​เหนียง​ก็​จะ​ได้​มีที​่​พึ่ง​ ​จึง​ได้​เอา​หู​ไป​นา​เอา​ตา​ไป​ไร่​ ​ต่อมา​พอ​มี​จิ​่น​เกอ​ ​ก็​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ยังคง​ปฏิบัติ​ต่อ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เหมือนเช่น​เคย​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​มี​ความผูกพัน​ ​คิด​ว่า​ถ้าหาก​เด็ก​คน​นี้​ทำตัว​ไม่ดี​ ​หลังจาก​สิบ​ปี​แล้วก็​จะ​ให้​ย้าย​ไป​อยู่​เรือน​นอก​ ​แล้ว​ค่อย​คิด​หาวิ​ธี​หา​อาจารย์​ที่​เก่งกาจ​สัก​หนึ่ง​ท่าน​มาค​่อย​ๆ​ ​สอน​เขา​ก็​ยัง​ไม่​สาย​ ​นี่​ก็​เป็น​เหตุผล​ที่ตั้ง​ชื่อ​ให้​เด็ก​คน​นั้น​ว่า​ ​‘​เจี​้ย​’​ ​ใน​ตอนนั้น​ ​เพราะ​หวัง​ว่า​เขา​จะ​ทำตาม​กฎเกณฑ์​และ​รักษา​จิตใจ​ที่​บริสุทธิ์​ไว้​ได้​ ​แต่​ตอนนี้​ดูเหมือนว่า​เด็ก​คน​นี้​จะ​ได้รับ​การสอน​มา​อย่างดี​ ​แต่​ปัญหา​กลับ​อยู่​ที่​สือ​อี​เหนียง

นาง​ไม่เคย​เลี้ยงดู​เด็ก​คน​นี้​เหมือน​เป็น​บุตร​อนุ

แต่​ผู้คน​มักจะ​ยกย่อง​คน​จาก​ชาติกำเนิด​ ​ซึ่ง​ข้อเรียกร้อง​ที่​มีต​่​อบุ​ตรอนุ​มัก​โหดร้าย​กว่า​บุตร​ภรรยา​เอก​เสมอ​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ชาติกำเนิด​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​ไม่ชัด​เจน​ ​ถ้าหาก​มีชื่อเสียง​เสื่อมเสีย​ ​ก็​คง​ยาก​ที่จะ​ลุกขึ้น​ยืน​ได้​อีกครั้ง​!

แต่ว่า​สตรี​ก็​มักจะ​เป็น​เช่นนี้​ ​อย่างเช่น​พวก​ลูก​หมา​ลูก​แมว​ ​เลี้ยง​ไป​เลี้ยง​มาก​็​เกิด​ความผูกพัน​ ​นับประสา​อะไร​กับ​เด็ก​คน​หนึ่ง​!

​เขา​อด​ถอนหายใจ​เบา​ๆ​ ​ไม่ได้​ ​กอด​สือ​อี​เหนียง​ไว้​แน่น​ใน​อ้อมแขน​ของ​เขา

​“​ไม่เป็นไร​ ​ไม่เป็นไร​ ​เรื่อง​นี้​จัดการ​ได้​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เอา​คาง​เกย​ศีรษะ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ใกล้​จะ​ตรุษจีน​แล้ว​ไม่ใช่​หรือ​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ข้า​จะ​ให้​เจี​้ย​เกอ​ไป​จุด​ธูป​ ​โขก​ศีรษะ​คำนับถง​ซื่อ​ ​บาง​เรื่อง​ไม่ต้อง​พูด​ก็​เข้าใจ​ได้​”

​สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​เล็กน้อย

ปกติ​ไม่เคย​เป็น​เช่นนี้​!

​เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่านาง​ไม่​พูด​อะไร​ ​ก็​คิด​ว่านาง​เสียใจ​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​เมื่อก่อน​เป็น​เพราะ​เจ้าตัว​คนเดียว​ ​เขา​ก็​อายุ​ยังน้อย​ ​ไม่รู้​ความ​ ​ในเมื่อ​ตอนนี้​เกิดเรื่อง​เช่นนี้​ ​เจ้า​ก็​ไม่​สามารถ​เอาแต่​ปกป้อง​เขา​ได้​แล้ว​ ​ให้​เขา​รู้​เร็ว​หน่อย​ก็ดี​!​”

​สือ​อี​เหนียง​คิดถึง​งานเลี้ยง​ครั้งนั้น​ของ​สวี​ซื่อ​จุน

เด็ก​เหล่านั้น​ล้วน​เป็น​คนชั้นสูง​ใน​สังคม​ ​เขา​เรียนรู้​เรื่อง​มารยาท​และ​ความเป็นมิตร​จาก​การ​แนะนำ​ของ​บิดา​และ​พี่ชาย​ ​แต่​บางครั้ง​ที่​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ทำให้​พวกเขา​ขุ่นเคือง​ ​พวกเขา​กลับ​ดูถูก​อย่าง​ไม่เห็น​แก่​ความรู้สึก​ของ​เจี​้ย​เกอ​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​คนธรรมดา​ทั่วไป​!

​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​เสียใจ​ ​น่าจะ​บอก​ให้​เขา​รู้​เกี่ยวกับ​ความโหดเหี้ยม​ของ​สังคม​นี้​เสีย​ตั้ง​นาน​แล้ว

เด็ก​ย่อม​ต้องเติบ​โต​ขึ้น​ ​ไป​ใน​ที่​ที่นาง​ไม่มีวัน​ไป​ถึง​ ​ใน​ตอนที่​เขา​ยัง​เล็ก​ ​ตอนที่​นาง​ยัง​ปกป้อง​เขา​ได้​ ​ก็​จะ​พยายาม​ทำให้​เขา​รู้สึก​อบอุ่น​ให้​มาก​ที่สุด​ ​ใน​ระหว่างทาง​ของ​เขา​ ​หาก​ต้อง​เจอ​กับ​ลมพายุ​หิมะ​ ​จะ​ทำให้​เขา​ยิ่ง​เข้มแข็ง​ขึ้น​หรือไม่

​แต่​นาง​ก็​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​ไม่ได้​ทำผิด​อะไร

​ในขณะที่​กำลัง​สับสนวุ่นวาย​ ​เสียง​อัน​อ่อนโยน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ดัง​ขึ้น​ข้าง​หู​สือ​อี​เหนียง​ ​“​เรื่อง​มัน​เกิดขึ้น​แล้ว​ ​เจ้า​กังวลใจ​ไป​ก็​ไม่มี​ประโยชน์​ ​โชคดี​ที่​ทุกคน​รู้​ว่า​เขา​เป็น​บุตรชาย​ของ​ข้า​ ​ต่อให้​เหมือน​เจ้า​ห้า​ ​เจ้า​ห้า​ก็​เป็น​อา​ของ​เขา​ ​ก็​ไม่ใช่​เรื่องใหญ่​อะไร​ ​สตรี​อย่าง​พวก​เจ้า​ชอบ​คิดมาก​ ​กังวล​โดยไม่จำเป็น​!​”

ถูก​บิดา​แท้ๆ​ ​อุ้ม​กลับมา​เลี้ยง​ ​ก็​เหมือนกับ​ได้รับ​การยอ​มรับ​จาก​ครอบครัว​ ​ด้วย​เหตุผล​แบบนี้​ ​แม้​เด็ก​จะ​เกิด​นอก​จวน​ ​แต่​ใน​สายตา​คน​ทั้งโลก​ก็​คง​นับว่า​เป็นความ​โชคดี

​สือ​อี​เหนียง​หัวเราะ​ขึ้น​มา

บางที​ตน​อาจจะ​คิดมาก​ไป​จริงๆ​

ใน​เรือน​ก็​ไม่ได้​มี​ละคร​งิ้ว​ทุกวัน​ ​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​ไม่ได้​รู้สึก​เบื่อหน่าย​แบบนี้​ทุกวัน​เสียหน่อย​…

​นาง​ถอนหายใจ​ ​สีหน้า​ดู​ผ่อนคลาย​มากขึ้น

​สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​ ​“​รีบ​นอน​เถิด​!​ ​พรุ่งนี้​ยัง​ต้อง​รับ​น้ำชา​จาก​ลูกสะใภ้​คน​ใหม่​ ​จวน​อื่น​แต่ง​ลูกสะใภ้​เจ้า​กลับ​แต่งตัว​งดงาม​ยิ่งกว่า​สะใภ้​ที่​แต่ง​เข้า​จวน​เสียอีก​ ​ไม่ใช่​ว่า​พอ​ถึงตา​ตัวเอง​แต่ง​ลูกสะใภ้​แต่กลับ​หน้า​ดำ​คร่ำ​เครียด​”

​อาจ​เป็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​ช่วย​นาง​แก้ปัญหา​ใหญ่​ ​ใน​ใจ​จึง​รู้สึก​ปิติ​จน​ไม่​อยาก​นอน​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ออดอ้อน​ว่า​ ​“​ข้า​เอา​ตัวเอง​ไป​เปรียบเทียบ​กับ​สะใภ้​จวน​อื่น​ตั้งแต่​เมื่อไร​”​ ​แล้ว​ถาม​ต่อ​อีกว่า​ ​“​ท่าน​โหว​ไป​ฟัง​ใคร​พูดจา​เหลวไหล​มากัน​เจ้า​คะ​”

​“​ซื่อ​เจิง​เป็น​คน​บอก​ข้า​”​ ​เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ร่าเริง​ขึ้น​ ​สีหน้า​ก็​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม​ ​จึง​รู้สึก​มีความสุข​ขึ้น​มาด​้วย​ ​พูด​ติดตลก​ว่า​ ​“​บอกว่า​เป็น​โจวฮู​หยิน​ที่​กลับ​ไป​บอก​เขา​ว่า​สะใภ้​จวน​อื่น​สวม​ชุดเจ้าสาว​สีแดง​ ​เจ้า​ก็​ใส่​สีแดง​ด้วย​ ​ซ้ำ​ยัง​ปัก​ลาย​สีเขียว​แมลงทับ​ไว้​ด้านใน​ ​ทุกคน​ใน​งาน​ต่าง​ก็​ไม่​มอง​เจ้าสาว​ ​พากั​นม​อง​เจ้า​กัน​หมด​ ​ปรากฏ​ว่า​พอ​ถึง​วัน​ตรุษจีน​ ​นาย​หญิง​สี่​สกุล​ถัง​ก็​ทำ​ชุด​เหมือนกับ​เจ้า​”

​“​อะไร​กัน​เจ้า​คะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​นั่น​เป็นเพราะว่า​ข้า​ผอม​เกินไป​ ​ทำให้​ใส่​สีแดง​เข้ม​ไม่​สวย​ ​จึง​คิด​หาวิ​ธี​ปัก​ลาย​เถาวัลย์​สีเขียว​แมลงทับ​เป็นแนว​นอน​สอง​สาม​แถว​…​”

​“​เช่นนั้น​พรุ่งนี้​เตรียม​จะ​ใส่​ชุด​อะไร​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​พลาง​ถาม​นาง​ ​จากนั้น​ก็​ลูบ​ที่​ใบ​หู​ของ​นาง​ ​“​สวม​ต่างหู​ทองคำ​คู่​นั้น​ที่​ข้า​ให้​สิ​”

​ติ่งหู​ของ​สือ​อี​เหนียง​เป็น​รูป​หยดน้ำ​ ​เมื่อ​สวม​ต่างหู​ทองคำ​เล็ก​ๆ​ ​จะ​ทำให้​ดู​เรียบร้อย​อ่อนช้อย​มากยิ่งขึ้น​ ​คน​เฒ่า​คนแก่​บอกว่า​นี่​นับเป็น​โชคดี​ ​ตอน​วัน​ไหว้พระ​จันทร์​ ​เขา​จึง​ได้​ให้​คน​ช่วย​ทำ​ต่างหู​ลูก​ท้อ​ทองคำ​เล็ก​ๆ​ ​คู่​หนึ่ง​โดยเฉพาะ

​ต่างหู​มี​ขนาดเล็ก​เท่า​เม็ด​ข้าวสาร​ ​มี​การแกะสลัก​เป็น​คำมงคล​ ​และ​รูป​ลูก​ท้อ​เล็ก​ๆ​ ​ห้า​ลูก​ ​แค่​เห็น​ก็​รู้​ว่า​ฝีมือ​ของ​ช่าง​ประณีต​เพียงใด​ ​สือ​อี​เหนียง​ชื่นชอบ​เป็นอย่างมาก​ ​คิด​ว่า​เวลา​รับ​น้ำชา​จาก​ลูกสะใภ้​ต้อง​สวม​ชุด​มงคล​สีแดง​เข้ม​ ​ดังนั้น​จึง​เก็บ​ไว้​เสมอมา​ ​เตรียม​จะ​ใส่​ใน​วัน​แต่งงาน​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​อยู่​แล้ว​ ​คำขอ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตรง​กับ​สิ่ง​ที่นา​งคิด​เอาไว้​พอดี​ ​จึง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​ร่างกาย​ของ​นาง​สั่น​เล็กน้อย​จาก​การลูบ​ไล้​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​

​นาง​รีบ​หันหน้า​หนี​หลบ​มือ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ประหลาดใจ

​ทันใดนั้น​เขา​ก็​เข้าใจ​อย่างรวดเร็ว

​เขา​หัวเราะ​ที่​ข้าง​หู​นาง​ ​แล้ว​ดูด​เบา​ๆ​ ​ลง​บน​คอ​ระหง​ของ​นาง​ ​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​อีกสักครู่​นาง​ต้อง​รับ​น้ำชา​จาก​ลูกสะใภ้​ ​จึง​เลื่อน​ริมฝีปาก​ลงมา​หยุด​อยู่​ที่​กระดูก​ไหปลาร้า​อัน​บอบบาง​แทน

​“​ท่าน​โหว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ทั้ง​กังวล​ทั้ง​โกรธ​ ​เตือน​เขา​ว่า​ ​“​ฟ้า​ใกล้​จะ​สาง​แล้ว​!​”​ ​รู้สึก​ว่า​มีเหตุผล​ไม่พอ​เลย​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​ระดู​ข้า​ก็​มา​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

​“​ข้า​รู้​!​”​ ​มือ​ใหญ่​ที่​อ่อนโยน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ลูบไล้​ร่างกาย​ของ​นาง​ ​กระซิบ​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​เจ้า​นอน​เถิด​ ​ข้า​แค่​อยาก​กอด​เจ้า​”

แบบนี้​นาง​จะ​นอนหลับ​หรือ

​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่า​ร่างกาย​ของ​นาง​เริ่ม​สั่น​เล็กน้อย​ ​จึง​ลุกขึ้น​นั่ง​ด้วย​ความโกรธเคือง​ ​“​ข้า​จะ​ไป​นอน​บน​เตียง​เตา​!​”​ ​พูด​พลาง​หอบ​ผ้าห่ม​จะ​ลง​จาก​เตียง

​สวี​ลิ่ง​อี๋​กอด​นาง​จาก​ด้านหลัง​ ​“​เช่นนั้น​พวกเรา​ไป​นอน​ที่​เตียง​เตา​ด้วยกัน​!​”

เช่นนั้น​มันต​่า​งกัน​ตรงไหน​!​

​สือ​อี​เหนียง​พลัน​รู้สึก​จนปัญญา

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ใช้​โอกาส​นี้​กอด​นาง​ไว้​ใน​ผ้าห่ม

​ทั้งสอง​คน​นอนลง​อีกครั้ง​ ​เขา​ไม่ได้​แกล้ง​นาง​อีก​ ​ถาม​นาง​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​ตอนนี้​ดีขึ้น​หรือยัง​”​ ​เอา​มือ​ปิด​ที่​ตากลม​โต​ของ​นาง​ ​หัวเราะ​แล้ว​พูด​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​รีบ​นอน​เถิด​!​ ​ระวัง​พรุ่งนี้​จะ​ถูก​ลูกสะใภ้​หัวเราะ​เอา​!​”

เขา​คิด​จะ​ทำให้​ตัวเอง​เหนื่อย​จน​หลับ​ไป​เอง​หรือ

​สือ​อี​เหนียง​จับมือ​ใหญ่​ของ​เขา​ที่​กำลัง​ปิด​ตาของ​นาง​ ​เงียบ​ไป​นาน​ก่อน​จะ​พูด​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​หลับตา​ลง​ ​จากนั้น​ไม่นาน​ก็​ผล็อย​หลับ​ไป

​******

​เช้า​วันรุ่งขึ้น​ ​เมื่อ​ตื่นขึ้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​ลุกขึ้น​ไป​นั่ง​หน้า​กระจก​เพื่อ​สำรวจ​ดูตัว​เอง​ ​บน​ใบหน้า​ไม่ได้​หลงเหลือ​ร่องรอย​อะไร

​นาง​ถอนหายใจ​ ​จากนั้น​จู๋​เซียง​ก็​เข้ามา​ช่วย​ปรนนิบัติ​นาง​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า

​จิ​่น​เกอ​กับ​เซิน​เกอ​พากั​นวิ​่ง​พรวด​เข้ามา

​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​ดู​สิ​ขอรับ​!​”​ ​ใน​มือ​ของ​เขา​ถือ​ก้อนเงิน​ขนาดเล็ก​สอง​สาม​ก้อน​ ​มีน​้ำ​หนัก​ประมาณ​สี่​ห้า​ชั่ง​ ​“​ข้า​ยก​น้ำชา​ให้​พี่สะใภ้​สอง​ ​พี่สะใภ้​สอง​จึง​มอบให้​ข้า​”

​เมื่อวาน​นาง​กลับมา​ดึก​ ​จิ​่น​เกอ​ยัง​ไม่ทัน​ได้​พบ​นาง​ก็​หลับ​ไป​เสีย​แล้ว

​เซิน​เกอ​เอง​ก็​หยิบ​ก้อนเงิน​สอง​สาม​ก้อน​ออกมา​ราวกับ​จะ​บริจาค​สมบัติ​ ​“​ท่าน​ป้า​สี่​ ​ท่าน​ป้า​สี่​ ​อันนี้​ของ​ข้า​!​”

​สือ​อี​เหนียง​หอม​แก้ม​นุ่ม​ๆ​ ​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​แล้ว​ลูบ​ศีรษะ​ของ​เซิน​เกอ​ ​“​ไอ​๊​หยา​ ​พวก​เจ้า​ร่ำรวย​เป็น​เศรษฐี​กัน​หมด​แล้ว​!​”

​จิ​่น​เกอ​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข​ ​เซิน​เกอ​กลับ​บุ้ยปาก​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ท่าน​ป้า​สี่​ ​เหตุใด​ท่าน​หอม​แต่​พี่​หก​ ​ไม่​หอม​ข้า​เล่า​ขอรับ​”​ ​ท่าทาง​น้อยใจ​เป็นอย่างมาก

​สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​ ​จากนั้น​ก็​หัวเราะ​ออกมา​เสียงดัง

​“​ป้า​สี่​ผิด​เอง​!​”​ ​นาง​หอม​แก้ม​เซิน​เกอ​ซ้าย​ขวา​เสียงดัง​เหมือน​ที่​หอม​แก้ม​จิ​่น​เกอ​ ​“​ลืม​หอม​แก้ม​เซิน​เกอ​ของ​พวกเรา​ไป​เสีย​ได้​!​”​ ​เซิน​เกอ​ฉีก​ยิ้ม​ ​พูด​กับ​จิ​่น​เกอ​ว่า​ ​“​ท่าน​ป้า​สี่​ก็​หอม​แก้ม​ข้า​เหมือนกัน​!​”​ ​ท่าทาง​ภูมิ​อก​ภูมิใจ​เป็นอย่างมาก

ตื่นขึ้น​มาตอน​เช้า​ ​ใคร​ได้​เจอ​เรื่อง​เช่นนี้​ก็​คง​อารมณ์ดี​กัน​ทั้งนั้น​กระมัง​!

​คนใน​ห้อง​ต่าง​พากัน​หัวเราะ

​สือ​อี​เหนียง​มือขวา​จูงมือ​จิ​่น​เกอ​ ​มือซ้าย​จูงมือ​เซิน​เกอ​ ​หัวเราะ​อย่าง​ร่าเริง​พลาง​เดิน​ไป​ที่​ห้องโถง​เล็ก

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท