ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 614 สงสัย (ปลาย)

ตอนที่ 614 สงสัย (ปลาย)

เจ้าสาว​กลับ​สกุล​เดิม​ ​ฝ่าย​ชาย​ต้อง​เริ่ม​รื้อ​ซุ้ม​ ​ที่นั่ง​และ​เตา​ ​บรรดา​ผู้ดูแล​และ​บ่าว​รับใช้​ลาน​ข้างนอก​ล้วนแต่​กำลัง​ยุ่ง​ ​บรรดา​ผู้ดูแล​ลาน​ข้างใน​ก็​ไม่ว่าง​เหมือนกัน​ ​ทำความสะอาด​ลาน​ ​เก็บของ​ตกแต่ง​ ​นับ​ข้าวของ​ ​ชำระ​ค่า​อาหาร​และ​สุรา​ ​และ​ทุก​เรื่อง​ต้อง​ไปรา​ยงาน​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​ ​ถึงแม้​จะ​เป็น​เช่นนี้​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​ก็​ไม่สน​ใจ​เรื่อง​พวก​นี้​ ​นาง​เรียก​หง​เหวิ​นมา​ถามถึง​สถานการณ์​ของ​จิ​่น​เกอ​“​สอง​วันนี้​เขา​ทำ​อะไร​”

นิสัย​ของ​บุตรชาย​ตัวเอง​ ​หาก​เขา​หิว​ ​เขา​จะ​ไป​ขอ​อาหาร​จาก​บ่าว​รับใช้​ ​หาก​เขา​หนาว​ ​เขา​ก็​จะ​ไป​ขอ​เสื้อคลุม​ ​แต่​สิ่ง​ที่นา​งก​ลัว​ก็​คือ​ ​นาง​กลัว​ว่า​เขา​จะ​ก่อเรื่อง​แล้ว​ทุกคน​ยัง​ช่วย​เขา​ปิดบัง​

โชคดี​ที่​หง​เหวิ​นก​็​มี​ความกังวล​ของ​ตัวเอง​เหมือนกัน​ ​ครั้งนี้​ถึงแม้ว่า​จะ​ไม่​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ ​แต่​ก็​รับประกัน​ไม่ได้​ว่า​ครั้งหน้า​ยัง​จะ​โชคดี​เช่นนี้​ ​ท่าน​โหว​เห็น​คุณชาย​น้อย​หก​เป็น​เหมือน​สมบัติ​ล้ำค่า​ ​ทุกๆ​ ​วัน​ส่งท้าย​ปี​เก่า​เขา​จะ​ให้เงิน​บ่าว​รับใช้​ของ​คุณชาย​น้อย​หก​คนละ​ห้าสิบ​ตำลึง​เป็น​รางวัล​ ​เทียบเท่า​กับ​ผู้ดูแล​ลาน​ข้างนอก​เลย​ทีเดียว​ ​เพื่อ​เงินราง​วัล​นี้​ ​แม่นม​กู้​เลย​ไม่​อยาก​ออก​ไป​จาก​จวน​ ​ตอนนี้​แม้​จะ​ออก​ไป​แล้ว​ ​แต่​ก็​ยัง​คิด​หาวิ​ธี​ให้​คน​พาน​้​อง​สาว​ของ​ตัวเอง​เข้ามา​รับใช้​คุณชาย​น้อย​หก​ ​แต่​หาก​คุณชาย​น้อย​หก​เป็น​อะไร​ไป​ ​พวก​นาง​คือ​บ่าว​รับใช้​ที่​ได้เงิน​รางวัล​มากกว่า​บ่าว​รับใช้​คนอื่นๆ​ ​ห้าสิบ​ตำลึง​…

คิด​เช่นนี้​ ​นาง​ก็​รู้สึก​เย็นวาบ​ขึ้น​มา​ใน​หัวใจ

อยู่​กับ​สือ​อี​เหนียง​ตั้ง​สอง​สาม​วัน​ ​แต่​น่าเสียดาย​ที่​ไม่มี​โอกาส​ได้​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​สัก​คำ​

ตอนนี้​สือ​อี​เหนียง​ถาม​นาง​ ​นาง​จะ​กล้า​ลังเล​ได้​เช่นไร​ ​รีบ​เล่าเรื่อง​ราว​ที่เกิด​ขึ้น​วันนั้น​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​อย่างละเอียด​ ​

“​…​คุณชาย​น้อย​ทั้งสอง​ท่าน​ ​ประเดี๋ยว​ก็​ไป​ลาน​ข้างใน​ ​ประเดี๋ยว​ก็​ไป​ลาน​ข้างนอก​ ​บางที​่​พวก​บ่าว​ไป​ด้วย​ไม่ได้​ ​จึง​ขอร้อง​ให้​หวง​เสี่ยว​เหมา​และ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​ช่วยดูแล​เจ้าค่ะ​ ​ก่อนหน้านี้​ยังดี​ๆ​ ​อยู่​เลย​ ​แต่​เมื่อถึง​วัน​รับ​สินเดิม​ ​ท่าน​ซุน​โหว​ผู้เฒ่า​บอก​ให้​คน​มาเรีย​กคุณ​ชายน้อย​หก​และ​คุณชาย​น้อย​เจ็ด​ออก​ไป​พูดคุย​ด้วย​ ​หวง​เสี่ยว​เหมา​และ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​ไม่กล้า​เข้าไป​ ​สุดท้าย​บ่าว​รับใช้​และ​สาวใช้​ที่อยู่​ใน​โถง​บุปผา​พากัน​หัวเราะ​ ​แต่​ไม่ยอม​บอกว่า​คุณชาย​น้อย​สอง​ไป​ไหน​เจ้าค่ะ​ ​พวกเขา​สอง​คน​ไป​ถาม​คน​นั้น​ที​คน​นี้​ที​ ​จึง​มีสาว​ใช้​คน​หนึ่ง​แอบ​ชี้​ไป​ที่​เรือน​หน​่​วน​เก๋อ​ ​แล้วยัง​บอกอี​กว่า​ ​คุณชาย​น้อย​หก​บอกว่า​ไม่​ให้​บอก​พวกเขา​สอง​คน​เจ้าค่ะ

พวกเขา​สอง​คน​รีบ​เข้าไป​หา​ ​แต่กลับ​ไม่เห็น​ใคร​สัก​คน​ ​ทันใดนั้น​คนที​่​อยู่​ใน​ห้อง​ก็​ตื่นตระหนก​ ​หวง​เสี่ยว​เหมา​และ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​ ​คน​หนึ่ง​ตามหา​คุณชาย​น้อย​ที่​โถง​บุปผา​ ​อีก​คน​หนึ่ง​ไปรา​ยงา​นลา​นข​้าง​ใน​…​ตอนที่​บ่าว​หา​คุณชาย​น้อย​หก​เจอ​ ​คุณชาย​น้อย​หก​และ​คุณชาย​น้อย​เจ็ด​กำลัง​ถือ​ธูป​จุด​ประทัด​เจ้าค่ะ​…​บ่าว​เห็น​บ่าว​รับใช้​สอง​สาม​คน​นั้น​เสียมารยาท​กับ​คุณชาย​น้อย​ห้า​ ​บ่าว​จึง​เดิน​เข้าไป​ตำหนิ​…​การ​ลงโทษ​บ่าว​รับใช้​คือ​หน้าที่​ของ​ป้า​รับใช้​ผู้ดูแล​ ​บ่าว​เป็น​แค่​สาวใช้​ใน​เรือน​ของ​คุณชาย​น้อย​หก​ ​ใช้อำนาจ​ของ​คุณชาย​นน​้อย​หก​ ​แต่​ไม่กล้า​ทำให้​ชื่อเสียง​ของ​คุณชาย​น้อย​หก​เสียหาย​ ​บ่าว​บอก​ให้​คน​พวก​นั้น​แยกย้าย​กัน​ไป​ ​แล้วก็​กลัว​ว่า​ระหว่างทาง​ที่​คุณชาย​น้อย​หก​ไปหา​ผู้ดูแล​ ​อาจจะ​ไป​เจอ​กับ​คนที​่​รู้จัก​แต่​ประจบสอพลอ​เจ้านาย​ ​ไล่​หมาป่า​ออก​ไป​เสือก​็​เข้ามา​ ​บ่าว​จึง​พา​คุณชาย​น้อย​หก​ไปหา​ผู้ดูแล​ด้วยตัวเอง​เจ้าค่ะ​…​ต่อมา​คุณชาย​น้อย​หก​ไปหา​ท่าน​โหว​…​บ่าว​ถึง​ได้​มี​เวลา​ส่ง​คน​ไป​บอก​หวง​เสี่ยว​เหมา​และ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​ ​บอก​พวกเขา​ว่า​หา​คุณชาย​น้อย​หก​และ​คุณชาย​น้อย​เจ็ด​เจอ​แล้ว​ ​แต่​บ่าว​ไม่กล้า​ออก​ไป​ ​เลย​อยู่​กับ​คุณชาย​น้อย​หก​ตลอดเวลา​เจ้าค่ะ​…​”

ไม่ว่า​อย่างไร​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​คือ​เจ้านาย​ ​เอาแต่​ประจบสอพลอ​จิ​่น​เกอ​ ​แม้แต่​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​ไม่เห็น​หัว​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​พวกเขา​ช่างกล​้า​แค่ไหน​!

สือ​อี​เหนียง​เกลียดชัง​คนที​่​หลอกลวง​เด็ก​ที่​ไม่รู้​ความ​เพียง​เพราะ​ผลประโยชน์​ของ​ตัวเอง​มาก​ที่สุด​ ​ชาติก่อน​ ​ไม่รู้​ว่านาง​เคย​เห็น​ตัวอย่างเช่น​นี้​มามาก​แค่ไหน​ ​เด็กดี​ๆ​ ​กลับ​ต้อง​กลายเป็น​ภัย​ต่อ​สังคม

นาง​ตบ​โต๊ะ​เตียง​เตา​ด้วย​ความโมโห​ ​ถ้วย​ชา​บน​โต๊ะ​เตียง​เตา​สั่น​จน​เกิด​เสียง​ ​ทำเอา​หง​เหวิน​ตกใจ​จน​หน้าซีด​ ​นาง​เหงื่อ​ออก​เต็ม​หน้าผาก

“​วันนั้น​ป้า​รับใช้​คนใด​เป็น​คน​เฝ้ายาม​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เรียก​จู๋​เซียง​เข้ามา​สอบถาม​ ​“​เรียก​พวก​นาง​มาหา​ข้า​!​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่เคย​มีสี​หน้า​เดือดดาล​เช่นนี้​มาก​่อน​ ​จู๋​เซียง​มีสี​หน้า​ไม่สบายใจ​ ​นาง​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​เสียง​เบา​ ​จากนั้น​ก็​พา​ป้า​รับใช้​สอง​คน​เข้ามา​

“​วันนั้น​บ่าว​รับใช้​คน​ไหน​เป็น​คนรับใช้​คุณชาย​น้อย​หก​”​ ​สือ​อี​เหนียง​มอง​ป้า​รับใช้​ที่​คุกเข่า​อยู่​ตรงหน้า​ตัวเอง​อย่าง​เย็นชา​ ​นาง​ไม่​บอก​ให้​พวก​นาง​ลุกขึ้น​อย่าง​อ่อนโยน​เหมือน​เมื่อก่อน​ ​“​ข้า​ให้​พวก​เจ้า​เฝ้ายาม​ ​แต่​พวก​เจ้า​กลับ​ปล่อย​ให้​พวกเขา​เข้ามา​โดยที่​ไม่สน​ใจ​อะไร​เช่นนี้​ ​เรือน​หลัก​ของ​จวน​หย่ง​ผิง​โหวก​ลาย​เป็น​ห้องโถง​ที่​ใคร​อยาก​จะเข้า​มาตา​มอำ​เภอ​ใจ​ก็ได้​ตั้งแต่​เมื่อไร​ ​ข้า​ให้​เวลา​พวก​เจ้า​ไป​เรียก​บ่าว​รับใช้​สอง​สาม​คน​นั้น​มาที​่​ประตู​ฉุยฮ​วา​ภายใน​เวลา​หนึ่ง​เค​่อ​ ​ข้า​จะ​ดู​ว่า​ ​ผู้ดูแล​คน​ไหน​เป็น​คน​สั่งสอน​พวกเขา​ ​ไม่รู้​จัก​ที่ต่ำที่สูง​เช่นนี้​!​”

จวน​หย่ง​ผิง​โหว​มีอายุ​มากกว่า​ร้อย​ปี​ ​คน​และ​เรื่องราว​ใน​จวน​ซับซ้อน​ ​พวก​นาง​สนิทสนม​กับ​บิดา​มารดา​ของ​บ่าว​รับใช้​สอง​สาม​คน​นั้น​ ​ก็​แค่​อยาก​ให้​คุณชาย​น้อย​หก​เห็น​หน้า​พวกเขา​ ​จะ​ได้​มี​ข้าว​ทาน​ ​พวก​นาง​สอง​คน​แสร้งทำ​เป็น​ไม่เห็น​ ​หง​เหวิ​นบ​อก​ให้​พวก​นาง​ไป​บอก​ให้​ผู้ดูแล​จับ​พวกเขา​ไว้​ ​พวก​นาง​แอบ​อุทาน​ใน​ใจ​ว่า​แย่​แล้ว​ ​และ​ผัดวันประกันพรุ่ง​รอดู​สถานการณ์​ ​เห็น​หง​เหวิน​ไปหา​พ่อบ้าน​ไป๋​กับ​จิ​่น​เกอ​พวก​นาง​ก็​อยาก​เป็น​คนดี​ ​จึง​รีบ​ไปรา​ยงา​นค​นที​่​สนิทสนม​กัน​ ​บอก​ให้​พวกเขา​คิด​หาวิ​ธี​ ​แต่​ใคร​จะ​รู้​ว่า​หง​เหวิน​ทำตัว​ฟ้าร้อง​เสียงดัง​แต่​เม็ดฝน​กลับ​ตก​แค่นิด​เดียว​ ​สุดท้าย​เรื่องราว​กลับกลาย​เป็น​เช่นนี้​ ​พวก​นาง​สอง​คน​พึ่ง​จะ​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​ก็​ถูก​สือ​อี​เหนียง​เรียก​มาตำ​หนิ

พวก​นาง​เป็น​คน​เก่า​คนแก่​ของ​จวน​ ​แม้​พวก​นาง​ไม่เคย​ทาน​เนื้อหมู​แต่​ก็​เคย​เห็น​หมู​วิ่ง​[1]​ ​เรื่อง​นี้​หาก​มองว่า​เป็นเรื่อง​เล็ก​ ​ก็เพราะว่า​บ่าว​รับใช้​สอง​สาม​คน​นั้น​ยัง​เด็ก​ ​ไม่รู้​ความ​ ​พา​เจ้านาย​ก่อเรื่อง​ไป​ทั่ว​ ​ทำให้เกิด​ปัญหา​ ​หาก​มอง​ให้​เป็นเรื่อง​ใหญ่​ ​ทั้งๆ​ ​ที่​รู้​ว่า​มัน​อันตราย​ต่อ​เจ้านาย​แต่​ก็​ยัง​ไม่ยอม​ห้ามปราม​ ​ปล่อย​ให้​เจ้านาย​เล่น​สนุก​ ​ตี​ให้​ตาย​ก็​ไม่มีใคร​กล้า​ขอร้อง​ให้​พวกเขา​ ​ตอนนี้​ดูเหมือนว่า​ ​สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​เรื่อง​นี้​เป็นเรื่อง​ใหญ่​ ​จะ​จัดการ​บ่าว​รับใช้​สอง​สาม​คน​นั้น​อย่างเข้มงวด

พวก​นาง​สอง​คน​หันมา​มองหน้า​กัน

ฮู​หยิน​บอก​ให้​พวก​นาง​ไป​เรียก​พวกเขา​มา​ ​ไม่ได้​ตำหนิ​พวก​นาง​เสียหน่อย​…ฮู​หยิน​ต้อง​โมโห​บ่าว​รับใช้​สอง​สาม​คน​นั้น​แน่นอน​

พวก​นาง​แอบ​ดีใจ​ ​หวัง​ว่า​หลังจาก​สือ​อี​เหนียง​ได้​ระบาย​ความโมโห​แล้ว​นาง​จะ​ลงโทษ​พวก​ตน​เบา​ๆ​

แต่​หาก​ทำหน้าที่​ของ​ตัวเอง​ได้​ไม่ดี​ ​ถึง​ตอนนั้นฮู​หยิน​อาจจะ​โมโห​ใส่​พวก​นาง​ก็ได้​!

พวก​นาง​รีบ​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​ออก​ไป​ด้วย​ความ​ตื่นตระหนก

สือ​อี​เหนียง​พูด​กับ​จู๋​เซียง​ ​“​เจ้า​พา​หง​เหวิน​ไป​ที่​ประตู​ฉุยฮ​วา​ ​หาก​คน​มาค​รบ​แล้วก็​มาเรียก​ข้า​”

จู๋​เซียง​และ​หง​เหวิน​ตอบรับ​อย่างระมัดระวัง​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ที่​ประตู​ฉุยฮ​วา​

สือ​อี​เหนียง​เดิน​ไปร​อบ​ห้อง​ด้วย​ความโมโห​ ​จากนั้น​นาง​ก็​ค่อยๆ​ ​สงบสติอารมณ์​ลง​แล้วไป​หา​จิ​่น​เกอ

แสงแดด​ยาม​ต้น​ฤดูหนาว​สาดส่อง​เข้ามา​ ​พลอย​ทำให้​ใน​ห้อง​สว่างไสว​และ​อบอุ่น

จิ​่น​เกอ​ที่​สวม​เสื้อ​สีแดง​ถือ​พู่กัน​อยู่​ใน​มือ​ด้วย​สีหน้า​ที่จริง​จัง​ ​เขา​กำลัง​เอน​ตัวเขียน​อะไร​บางอย่าง​อยู่​บน​โต๊ะ​เตียง​เตา​ ​กระดาษ​เฉิง​ซิน​สีขาว​ที่​ราวกับ​หิมะ​ถูก​ทับ​ด้วย​หยก​เหอ​เถี​ยน​ ​อาจิน​ยิ้ม​พลาง​ยืน​ฝน​หมึก​ให้​จิ​่น​เกอ​อยู่​ข้างๆ​

เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ ​พวกเขา​สอง​คน​ก็​มองออก​มา

อาจิน​รีบ​ย่อเข่า​คำนับ​ ​จิ​่น​เกอ​พลัน​ยิ้ม​อย่าง​สดใส​ทันที

“​ท่าน​แม่​ขอรับ​!​”​ ​เขา​วาง​พู่กัน​ลง​บน​ที่​วาง​พู่กัน​ ​กางแขน​แล้ว​กระโดด​อยู่​บน​เตียง​เตา

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​เข้าไป​อุ้ม​เขา​ ​“​ทำ​อะไร​อยู่​”​ ​นาง​ถาม​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​อ่อนโยน​ราวกับ​สายลม​ยาม​เดือน​สาม​

จิ​่น​เกอ​พุ่ง​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​มารดา​แล้ว​ยิ้ม​หน้าบาน

“​ข้า​กำลัง​วาดภาพ​!​”​ ​เขา​พูด​ ​จากนั้น​ก็​หยิบ​กระดาษ​เฉิง​ซิน​ขึ้น​มา​ ​“​ท่าน​แม่​ดู​สิ​ขอรับ​!​”

บน​กระดาษ​เต็มไปด้วย​รอย​หมึก​สีเข้ม​สีอ่อน​ ​มอง​ไม่​ออก​ว่า​เขา​วาด​อะไร​

สือ​อี​เหนียง​ยัง​ไม่ทัน​ได้​ถาม​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​พูดว่า​ ​“​นี่​คือ​ต้น​ไผ่​ที่​ข้าวาด​”

“​ตรงไหน​คือ​ต้น​ไผ่​ ​ตรงไหน​คือ​ใบ​ไผ่​”​ ​สือ​อี​เหนียง​นั่งลง​บน​เตียง​เตา​แล้ว​ถาม​เขา​

จิ​่น​เกอ​ชี้​ไป​ที่​รอย​หมึก​แนวตั้ง​หนา​ๆ​ ​สอง​สาม​รอย​ ​“​นี่​คือ​ต้น​ไผ่​”​ ​จากนั้น​ก็​ชี้​ไป​ที่​รอย​หมึก​ที่​สั้น​และ​ยุ่งเหยิง​กว่า​สอง​สาม​รอย​ ​“​นี่​คือ​ใบไม้​ขอรับ​!​”

สือ​อี​เหนียง​มองดู​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ไม่​แปลกที่​ข้า​ดู​ไม่​ออก​ว่า​อะไร​คือ​ต้น​ไผ่​อะไร​คือ​ใบ​ไผ่​ ​ต้น​ไผ่​ของ​จิ​่น​เกอ​ไม่มี​ปม​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​หยิบ​พู่กัน​ขึ้น​มา​วาด​บน​กระดาษ​อีก​แผ่น​หนึ่ง​ ​แล้ว​วาด​โครงร่าง​ของ​ต้น​ไผ่​ที่​ชัดเจน​

จิ​่น​เกอ​เอียง​หน้า​มอง​อยู่นาน​ ​“​ท่าน​แม่​วาด​ผิด​ขอรับ​ ​ข้า​ไปดู​ที่​เรือน​ของ​ท่าน​ป้า​สอง​แล้ว​ ​ต้น​ไผ่​ใน​ลาน​ของ​ท่าน​ป้า​สอง​อยู่​รวมกัน​เป็นกอง​ใหญ่​”

นั่น​คือ​ความสมจริง​ ​นี่​คือ​ศิลปะ​ใน​การ​วาดภาพ​ต่างหาก

แต่​สำหรับ​เด็ก​อายุ​ห้า​ขวบ​ ​พูด​เช่นนี้​คง​ฟัง​ไม่เข้าใจ​

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ลูบ​หัว​จิ​่น​เกอ​อย่าง​เอือมระอา​ ​“​แต่ว่า​จิ​่น​เกอ​ก็​วาด​ผิด​เช่นกัน​ ​หรือว่า​ ​เจ้า​จะ​ไป​ถาม​อาจารย์​ของ​พี่​สี่​และ​พี่​ห้า​ ​ถาม​ว่า​ต้น​ไผ่​ควร​วาด​เช่นไร​ดี​!​”

จิ​่น​เกอ​พยักหน้า​แล้ว​กำลังจะ​สวม​รองเท้า

อาจิน​รีบ​ห้าม​เขา​เอาไว้​ ​“​คุณชาย​น้อย​หก​เจ้า​คะ​ ​เกรง​ว่า​ตอนนี้​อาจารย์​จ้าว​คงจะ​กำลัง​สอนอ​ยู่​ ​เรา​ไปหา​เขา​ยาม​บ่าย​ก็​ไม่​สาย​เจ้าค่ะ​”

“​ยาม​บ่าย​อาจารย์​จ้าว​ไม่​สอน​หรือ​”​ ​เขา​ถาม​จน​อาจิน​ตื่นตระหนก​

แต่​สือ​อี​เหนียง​สนับสนุน​เขา​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​บอก​ให้​อาจิน​สวม​รองเท้า​ให้​เขา​

จู๋​เซียง​เดิน​เข้ามา​ ​“ฮู​หยิน​ ​บ่าว​รับใช้​สอง​สาม​คน​นั้น​มาที​่​ประตู​ฉุยฮ​วา​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

“​บอก​ให้​พวกเขา​รอ​อยู่​ที่นั่น​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ ​“​เจ้า​ไป​เรียก​พ่อบ้าน​ไป๋​มา​”

จู๋​เซียง​ตอบรับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

จิ​่น​เกอ​มอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความแปลกใจ

สือ​อี​เหนียง​พูด​อย่าง​นิ่ง​สงบ​ ​“​ท่าน​แม่​จะ​ลงโทษ​บ่าว​รับใช้​ที่​นำ​ประทัด​มา​ให้​เจ้า​!​”

“​แต่ว่า​”​ ​จิ​่น​เกอ​ไม่เข้าใจ​ ​“​ข้า​เป็น​คน​บอก​ให้​พวกเขา​นำ​ประทัด​มา​เอง​ขอรับ​!​ ​พวกเขา​ไม่​ควร​ฟัง​คำสั่ง​ของ​ข้า​อย่างนั้น​หรือ​”

“​ท่าน​แม่​เคย​สอน​เจ้า​เรื่อง​ความ​อกตัญญู​สาม​ประการ​ ​เจ้า​ยัง​จำได้​อยู่​หรือไม่​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​เขา​อย่าง​อ่อนโยน

จิ​่น​เกอ​ครุ่นคิด​อยู่นาน​ ​จากนั้น​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​แล้ว​เม้มปาก​มอง​มารดา​ ​“​ประการ​ที่​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​คือ​การ​ไม่มี​ทายาท​ขอรับ​!​”

สือ​อี​เหนียง​หัวเราะ

ให้​เขา​จำ​ความ​อกตัญญู​สาม​ประการ​นี้​ ​ด้วย​อายุ​ของ​เขา​คง​ไม่ใช่​เรื่อง​ง่าย​

“​อยู่ในโอวาท​ของ​บุพการี​อย่างไร​้​สติ​ตรึกตรอง​ ​สัก​แต่​จะ​เชื่อฟัง​อย่าง​ไม่ลืมหูลืมตา​ ​เห็น​บุพการี​กระทำ​ผิด​ครรลอง​คลอง​ธรรม​กลับ​นิ่งเฉย​ไม่​ทักท้วง​หรือ​แนะนำ​ชักชวน​ไป​ใน​ทาง​ที่​ถูก​ ​ถือเป็น​ความ​อกตัญญู​ประการ​ที่หนึ่ง​ ​ครอบครัว​อดอยาก​ข้นแค้น​ ​บุพการี​ก็​แก่เฒ่า​ ​แต่​ตัวเอง​กลับ​ไม่ยอม​ออก​ไป​ทำการทำงาน​เพื่อ​เลี้ยงดู​บุพการี​ถือเป็น​ความ​อกตัญญู​ประการ​ที่สอง​ ​ไม่มี​ทายาท​ไว้​สืบสกุล​ ​ถือเป็น​ความ​อกตัญญู​ประการ​ที่สาม​”​ ​สือ​อี​เหนียง​อธิบาย​ให้​เขา​ฟัง​ ​“​…​เจ้า​คิด​ว่า​ ​แม้แต่​ท่าน​พ่อ​ท่าน​แม่​ทำความ​ผิด​ยัง​ต้อง​ตักเตือน​ถึง​จะ​ถือว่า​กตัญญู​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​พวกเขา​เป็น​บ่าว​รับใช้​ ​ทั้งๆ​ ​ที่​รู้​ว่า​เจ้า​ทำผิด​ ​แต่​เพื่อ​ทำให้​เจ้า​สนุกสนาน​ ​ยัง​ช่วย​เจ้า​นำ​ประทัด​มา​เล่น​ ​แล้ว​อีก​อย่าง​ ​พี่​ห้า​ของ​เจ้า​ห้ามปราม​เจ้า​ ​แต่​บ่าว​รับใช้​พวก​นั้น​กลับ​เถียง​เขา​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ต่อ​อีก​ ​“​คน​คน​หนึ่ง​นิสัย​เป็น​เช่นไร​ ​แค่​มอง​จาก​จุด​นี้​ก็​มองออก​!​”

จิ​่น​เกอ​พยักหน้า

สือ​อี​เหนียง​พลัน​รู้สึก​โล่งใจ​ ​“​ไป​ ​เรา​ไปร​อพ​่​อบ​้าน​ไป๋​ที่​ห้องโถง​กัน​เถิด​!​”

จิ​่น​เกอ​กระโดดโลดเต้น​ไป​ที่​ห้องโถง​กับ​มารดา

ผ่าน​ไป​ไม่นาน​ ​พ่อบ้าน​ไป๋​ก็​มาถึง

“​ไป​สืบมา​ว่า​บ่าว​รับใช้​สอง​สาม​คน​นั้น​คือ​คน​ของ​ใคร​ ​พวกเขา​กล้า​เถียง​คุณชาย​น้อย​ห้า​ ​ยุยง​คุณชาย​น้อย​หก​ให้​ทำ​เรื่อง​ไม่​ถูกต้อง​ได้​เช่นไร​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​อย่าง​เคร่งขรึม​ ​“​แล้วก็​จับ​บ่าว​รับใช้​พวก​นั้น​ไว้​ ​เฆี่ยน​ผู้ดูแล​ของ​พวกเขา​คนละ​สิบ​ที​ ​หัก​เงินเดือน​หนึ่ง​เดือน​ ​เฆี่ยน​บ่าว​รับใช้​คนละ​สามสิบ​ที​ ​จากนั้น​ก็​ให้​บิดา​มารดา​ของ​พวกเขา​มารั​บก​ลับ​ไป​”​ ​นาง​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เฆี่ยน​ช้าๆ​ ​ให้​ทุกคน​ใน​จวน​รู้​เหตุผล​ที่​พวกเขา​ถูก​เฆี่ยน​”

เช่นนี้​ ​บรรดา​บ่าว​รับใช้​จะ​ได้​ทำ​อะไร​รอบคอบ​มากขึ้น​

คน​อย่าง​พ่อบ้าน​ไป๋​ ​เขา​รู้​จุดประสงค์​ที่​สือ​อี​เหนียง​เรียกตัว​เอง​มาหา​ก่อนที่จะ​มาหา​สือ​อี​เหนียง​อยู่​แล้ว​ ​แต่​เมื่อ​ได้ยิน​สือ​อี​เหนียง​บอกว่า​ ​แม้แต่​ผู้ดูแล​ของ​บ่าว​รับใช้​พวก​นั้น​ก็​เฆี่ยนตี​ ​จึง​ตกใจ​ ​“​จับ​ผู้ดูแล​ด้วย​…​เช่นนี้​ ​เช่นนี้​…​มัน​…​”

ไม่​ถาม​ท่าน​โหวก​่อน​แล้ว​จัดการ​ผู้ดูแล​ลาน​ข้างนอก​เช่นนี้​…​สกุล​สวี​ไม่เคย​ทำ​แบบนี้​มาก​่อน​!

[1]​ไม่เคย​ทาน​เนื้อหมู​แต่​ก็​เคย​เห็น​หมู​วิ่ง​ เป็น​สำนวน​หมายถึง​ ​แม้​ตัวเอง​จะ​ไม่ได้​มีประสบการณ์​โดยตรง​จาก​เรื่อง​หรือ​เหตุการณ์​นั้นๆ​ ​แต่​ก็​เคย​พบเห็น​หรือ​รับรู้​ด้วย​วิธี​อื่น​

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท