นี่ก็คือกฎเกณฑ์ปรารถนารส
หลังจากหวังเป่าเล่อเข้ามาในมิติเต๋าต้นกำเนิดก็ได้ชำนาญกฎแรกในหกปรารถนาอย่างลึกซึ้ง เรียกได้ว่าเขาเข้าใจมันมากที่สุดในบรรดากฎเกณฑ์ปรารถนาทั้งหกด้วยซ้ำ
ถึงอย่างไรทั้งปรารถนาเสียง ปรารถนาทัศน์รวมถึงปรารถนาอารมณ์นั้นหวังเป่าเล่อใช้เวลาและจิตวิญญาณอยู่กับพวกมันน้อยมาก
มีเพียงกฎเกณฑ์ปรารถนารสที่เขาสื่อสารกับมันมาตั้งแต่แรกเริ่มและค่อยๆ สั่งสมไปช้าๆ จนกระทั่งก้าวเข้าสู่ระดับเจ้าสวาปามจึงเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง
เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าต้นกำเนิดของกฎเกณฑ์ปรารถนารสแท้จริงแล้วก็คือความอยากอาหาร และพลังปราณที่เกิดจากความหิวกระหายเช่นนี้ก็คือสารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกฝนกฎเกณฑ์ปรารถนารส
อย่างเช่นเทศกาลสวาปามของเมืองปรารถนารสก็คืองานเลี้ยงที่เจ้าปรารถนาและเจ้าสวาปามจะได้สูบพลังปราณแห่งความหิวกระหายจากผู้ฝึกตนทั่วทั้งเมือง
เนื่องจากพอจะเข้าใจ หวังเป่าเล่อในตอนนี้ที่ถึงแม้จะหายใจถี่กระชั้น แต่ดวงตายังคงแน่วแน่ แท้จริงแล้วด้วยระดับการฝึกตนและการบรรลุของเขาในตอนนี้ กฎเกณฑ์ปรารถนารสบริสุทธิ์ไม่สามารถทำให้เขาเป็นอย่างตอนนี้ได้แน่นอน
แท้จริงแล้วสิ่งที่ทำให้กฎเกณฑ์ปรารถนารสแข็งแกร่ง…ก็คือการซ้อนทับของความปรารถนา
ด่านนี้ดูเหมือนจะเป็นกฎเกณฑ์ปรารถนารส แต่ไม่ว่าสิ่งที่ตามองเห็น กลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งหรือเสียงอาหารที่กำลังปรุง ความปรารถนาเหล่านี้ เมื่อหลอมรวมเข้าด้วยกันก็ทำให้กฎเกณฑ์ปรารถนารสไปถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อ
แม้หวังเป่าเล่อจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของความปรารถนาก็ยังได้รับผลกระทบอยู่
และผลกระทบนั้น…หลังจากหวังเป่าเล่อผ่านมาหลายด่าน เขาก็ได้คำตอบแล้ว
“การต่อสู้ของความปรารถนาและสติปัญญา!” หวังเป่าเล่อพึมพำ แม้หลังจากหกปรารถนาจะสมบูรณ์แล้วและกลายเป็นความปรารถนา แต่ความปรารถนาก็ไม่ใช่ทั้งหมดของเขา ในแง่หนึ่งอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้ควบคุมปรารถนาของตนเอง
แต่เส้นทางของด่านนี้คือการทำให้ปรารถนาของหวังเป่าเล่อระเบิดออก ยับยั้งสติสัมปชัญญะเหมือนกบฏ ทำให้หวังเป่าเล่อถูกความปรารถนาดึงดูดและสูญสิ้นสติปัญญา
นี่คือสิ่งที่เขาไม่มีทางยินยอม
ในความเข้าใจของหวังเป่าเล่อ ความปรารถนา…เปรียบเสมือนสัตว์ร้าย ส่วนสติปัญญาก็คือกรงที่กักขังสัตว์ร้ายไว้ข้างใน ตัวคุมขังของกรงก็ทำมาจากสติปัญญาเช่นกัน
หากเปิดแม่กุญแจที่กักขังเอาไว้นี้ออก เขาก็จะสูญเสียตัวเอง
อย่างเช่นในตอนนี้ เมื่อกฎเกณฑ์ปรารถนารสระเบิดออก กุญแจคุมขังของกรงขังความปรารถนาในร่างกายเขาก็เริ่มสั่นคลอน แต่เขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ว่าจะประสบการณ์ในสหพันธรัฐหรือแต่ละฉากของโลกศิลา การที่หวังเป่าเล่อมาถึงจุดนี้ได้แม้จะมีโชคช่วยอยู่บ้าง แต่ความอุตสาหะของเขาก็เป็นหนึ่งในเสาหลักเหมือนกัน!
ใจร้ายกับคนอื่น กับตัวเอง…กลับใจร้ายยิ่งกว่า
นี่คือนิสัยของเขา ดังนั้นเวลานี้ดวงตาเขาวาววับ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นทำเหมือนก่อนหน้า คราบเลือดที่หว่างคิ้วค่อยๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แต่ที่ต่างกันคือคราบเลือดนี้ลึกมากจนดูเหมือนจะสลักไว้บนกะโหลก เสียงถูที่ดังลอยมาก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกใจเมื่อได้ยิน
ความเจ็บปวดผสมกับพลังเสริมจากปรารถนาสัมผัสพลันเข้าสยบความปรารถนาทุกอย่างไว้ในพริบตา ดวงตาหวังเป่าเล่อเปล่งประกายขณะก้าวไปข้างหน้าต่อ
อาหารทั้งหมดไร้ความน่าสนใจไปทันที ไม่ว่าจะประณีตแค่ไหน กลิ่นหอมยั่วยวนเพียงใด และไม่ว่าเสียงที่ได้ยินจะชวนน้ำลายสอเท่าไรก็ตาม ทุกอย่างล้วนไร้ผลในความเจ็บปวดของปรารถนาสัมผัส
สีหน้าหวังเป่าเล่อสงบลงเรื่อยๆ เขาเดินเป็นก้าวที่สี่ ก้าวที่ห้า ก้าวที่หก ในพริบตาที่ก้าวเป็นก้าวที่เจ็ด หวังเป่าเล่อก็เตรียมพร้อม ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ตอนนั้นเองเขาก็เห็นร่างหนึ่ง
ร่างนั้นคือหญิงสาวถือร่มที่ปรากฏตัวในด่านก่อนหน้านี้
ปรารถนารสที่รุนแรงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณพลันระเบิดออกในตอนนั้นเอง แรงระเบิดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย ความรู้สึกอยากจะกลืนกินหญิงสาวตรงหน้าก่อตัวขึ้น
“ตอนนี้เป็นแค่ด่านที่สี่…ก็ทำให้ข้าแทบจะควบคุมไม่อยู่แล้ว เช่นนั้นด่านที่ห้าปรารถนาสัมผัสรวมถึงด่านที่หกปรารถนาอารมณ์…” หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบ ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะควบคุมความบ้าคลั่งในร่างกายได้ เขาเมินเฉยนาง แล้วออกเดินต่อ ก้าวเข้าไปในรูปปั้นของโลกนี้
เมื่อก้าวเข้ามาได้ ประสาทสัมผัสทั้งหมดก่อนหน้าก็หายวับไปทันที สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือสิ่งที่เขารอคอย…ภาพจากความทรงจำของมหาเทพ
ในภาพ ดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับสิ่งที่เขาเห็นในด่านปรารถนาทัศน์
เมื่อคิดถึงวิธีการ มหาเทพผู้จงใจนำพาหายนะมาได้เตรียมการทุกอย่างไว้ให้เขาเผชิญหน้าเรียบร้อยแล้ว
ในภาพ ทั่วทั้งจักรวาลกำลังร้องคำรามและเกิดกระแสน้ำวนขนาดมหึมาเหนือมิติเต๋าต้นกำเนิด พลังปราณจากในกระแสน้ำวนทำให้ทั่วทั้งมหาจักรวาลสั่นสะเทือน
ในไม่ช้าไม้สีดำขนาดมหึมาก็ค่อยๆ โผล่พ้นออกมาจากกระแสน้ำวน มันมาพร้อมร่องรอยแห่งกาลเวลาไม่รู้จบและตกลงในมิติเต๋าต้นกำเนิด
ขณะตกลงมา ไม้สีดำก็ค่อยๆ หดเล็ก และเมื่อมันทะลวงเข้ามาในมิติเต๋าต้นกำเนิดอย่างสมบูรณ์ก็กลายเป็นตะปูไม้ดำที่อัดแน่นไปด้วยพลังคณานับ แสงแห่งการทำลายล้างและพลังปราณที่สั่นคลอนจักรวาลพุ่งตรงไปยัง…ร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาในส่วนลึกของมิติเต๋าต้นกำเนิด!
ร่างนั้นผมยาว สวมชุดคลุมสีม่วง นัยน์ตาล้ำลึก รูปร่างหน้าตา…เหมือนกันหวังเป่าเล่อ
เพียงแต่อารมณ์ของเขาเคร่งขรึมกว่า สายตาเย็นชาราวกับไม่แยแสต่อทุกสิ่ง มีเพียงยามที่มองตะปูไม้ดำที่กำลังมาถึงเท่านั้น ทำให้สายตาของเขาเกิดอารมณ์ผันผวน
นั่นคือความปรารถนาอันแรงกล้า และยังเป็นความคาดหวังอยู่ลึกๆ!
เห็นได้ชัดว่าเขารอคอยช่วงเวลานี้มานานเหลือเกิน และเพื่อที่จะได้พบกันเร็วขึ้น มหาเทพจึงหยัดกายลุกก่อนจะร้องคำรามไปยังท้องนภา
ในชั่วพริบตาแสงสีดำพลันสว่างวาบ ตะปูไม้ดำกรีดร้องและมาปรากฏตัวตรงหน้ามหาเทพ เมื่อมันสัมผัสหว่างคิ้วของเขาก็ทะลวงผิวหนังและกะโหลกศีรษะราวกับจะทะลุเข้าไป
แต่ตบะบำเพ็ญจากมหาเทพก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้าเช่นเดียวกัน ทำให้ตะปูไม้ดำนี้ไม่อาจเข้าไปได้สมบูรณ์ แต่เจาะเข้าไปได้เพียงเจ็ดส่วนก็ยังคาอยู่กลางหว่างคิ้วมหาเทพแบบนั้น
แม้จะแค่เจ็ดส่วน แต่การกระแทกและพลังปราณของมันก็ยังทำให้มหาเทพกระอักเลือด ร่างกายถูกระเบิดลงสู่พื้นดิน ทั่วทั้งมิติเต๋าต้นกำเนิดสั่นสะเทือนราวกับกำลังจะพังทลาย
ร่างกายของมหาเทพในส่วนลึกของพื้นดินนั้นเกิดรอยปริแตกขยายไปทั้งร่างราวกับจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่มหาเทพก็เตรียมพร้อมมาอย่างดี ชั่วพริบตาที่กำลังจะพ่ายแพ้ก็มีพลังปราณไหลมารวมตัวกันจากทั้งแปดทิศ นั่นคือพลังชีวิตที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหมดส่งมาให้เขา
ทำให้ร่างกายของมหาเทพฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและค่อยๆ เข้าสู่สภาวะสมดุล!
“จากนั้นก็หลอมรวม!”
“หลังจากหลอมรวมเสร็จ ข้า…ก็จะฟื้นความทรงจำทั้งหมด จำได้ว่าข้าเป็นใคร จำได้ว่าภารกิจของข้าคืออะไร…” มหาเทพนั่งขัดสมาธิพึมพำอยู่ที่พื้นดิน ก่อนจะหลับตาลง
ภาพความทรงจำหยุดลงตรงนี้ ก่อนจะแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและหายไปจากสายตาหวังเป่าเล่อ
เมื่อเห็นเศษชิ้นส่วนเหล่านั้น ความคิดหวังเป่าเล่อก็ผสมปนเปกันไปหมด จู่ๆ เขาก็อยากรู้ว่าหากเขาผ่านด่านหกปรารถนาและได้เจอมหาเทพจริงๆ อีกฝ่ายจะพูดอะไร
เพราะเห็นได้ชัดว่าสุดท้ายแผนการของมหาเทพกลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
“ความพิเศษของมหาจักรวาลผืนนี้…” หวังเป่าเล่อครุ่นคิด จู่ๆ เขาก็นึกถึง…วิชาสืบทอดเซียน
…………………………………………