วันถัดมา ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงถูกปลุกด้วยกลิ่นอาหารเช้าตามปกติ
เขายกแขนขึ้นแนบหน้าผากกับราวกับว่ายังไม่คุ้นเคยกับมัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยวางโจ๊กผักใส่ตับหมูลง แล้วมองร่างที่นอนอยู่บนเตียง ร่างนั้นอาจยังเล็กแต่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสูงศักดิ์แม้ว่าท่าทางการนอนของเขาจะเป็นท่าธรรมดาๆ อย่างการประสานมือไว้ที่หน้าอกก็ตาม เขาขยับตัวก็ตอนที่นางก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับหันศีรษะมาข้างๆ ดวงตาลึกล้ำและผมสีดำหยักศกของเขาทำให้เขาดูหล่อเหลาอย่างมาก
เฮ่อเหลียนเวยเวยจดจ่ออยู่กับภาพนั้น
เด็กชายเม้มปาก แล้วพูดอย่างล้อเลียนว่า “คนโง่”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …
เขาเรียกนางว่าคนโง่ทั้งที่นางยังไม่ทันพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ
วันนี้เจ้าไม่รอดแน่!
เฮ่อเหลียนเวยเวยเตรียมจะจับเขามัดแล้วฟาดเป็นการสั่งสอน แต่นางก็ต้องพิจารณาการตัดสินใจของตัวเองใหม่อีกครั้งเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ตามมาของเด็กชาย กับสีหน้าน่ารักน่าชังนั้น นางทำใจลงมือกับเจ้าของใบหน้าเช่นนี้ไม่ลง ดังนั้นนางจึงทิ้งความคิดนั้นไป หลังจากตักโจ๊กเข้าปาก นางจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าก็ลุกขึ้นมากินโจ๊กดูสิ หลังกินเสร็จแล้วพวกเราค่อยมาหาทางจัดการกับองค์ชายใหญ่กัน”
เด็กชายลอบมองนาง และดึงชุดของตัวเองก่อนจะไอออกมาอย่างไม่สบายตัวสองสามครั้ง หลังจากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ข้าไม่หิว เจ้ากินเสร็จแล้วก็ออกไปเสีย ปิดประตูให้ข้าด้วย”
“ไม่หิวหรือ” ทันใดนั้นเองเฮ่อเหลียนเวยเวยก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าของเด็กชายดูแดงกว่าปกติ นางใช้มือซ้ายสัมผัสตัวเขา “ทำไมถึงได้ตัวร้อนเช่นนี้ล่ะ ข้าจะไปเรียกหมอหลวงให้”
เด็กชายปัดมือนางออก “ไม่จำเป็น”
“อาการไข้หวัดของเจ้าดูรุนแรงมากทีเดียว อีกทั้งยังไม่ได้เพิ่งจะเป็นด้วย” เฮ่อเหลียนเวยเวยชำเลืองมองเสื้อคลุมชื้นๆ ของเขาที่แขวนอยู่ข้างหน้าต่าง แล้วยิ้มออกมา “แต่ถ้าเจ้าไม่อยากให้หมอหลวงรู้ว่าเมื่อคืนเจ้าออกไปข้างนอกมา ข้าสามารถใช้ร่างกายช่วยลดไข้ให้เจ้าได้นะ”
เด็กชายชะงักนิ้ว แล้วหรี่ตาลงพลางยิ้มออกมาอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าต่อไปข้าคงต้องปิดเรื่องนี้ให้ดี”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเปิดโปงเจ้า” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม “ข้าแค่พยายามจะบอกเจ้าว่าเจ้าสามารถเชื่อใจข้าได้ เจ้ายังเด็ก ย่อมไม่ปลอดภัยที่จะออกไปข้างนอกตอนกลางคืนคนเดียว เจ้าต้องการอะไรก็เรียกข้าได้” ในวังหลวงมักมีกลอุบายชั่วร้ายซ่อนไว้อยู่เสมอ เห็นได้ชัดว่าองค์ชายตัวน้อยของนางยังไม่ตื่นขึ้นมา แค่ข้ารับใช้คนเดียวเขาก็ยังจัดการไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาตอนกลางคืน แล้วเด็กอย่างเขาจะรับมือกับมันได้อย่างไร
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกได้ถึงความรับผิดชอบและความเป็นห่วงที่เพิ่มมากขึ้น นางจึงจับหน้าผากของเขาอีกครั้ง และกล่าวว่า “ถอดเสื้อออก ข้าจะไปเตรียมของมาให้”
เด็กชายมองตามขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินออกไป แล้วจึงเบนสายตากลับไปมองเสื้อคลุมชื้นๆ ของตัวเอง ความอบอุ่นในดวงตาของเขาหายไปจนหมดสิ้น
เขาไม่คิดเลยว่านางจะฉลาดถึงเพียงนี้ ดูเหมือนต่อไปนี้เขาคงไม่สามารถทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ได้อีกแล้ว
“ทำไมเจ้ายังไม่ถอดเสื้ออีก” เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับมาพร้อมกับน้ำอุ่นและเหล้าจำนวนหนึ่ง เด็กชายตัวน้อยไม่ได้ฟังที่นางพูด แต่กลับหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวนั้นขึ้นและทำท่าเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก
“ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่” น้ำเสียงของเขาราบเรียบ “ตอนแรกข้าตั้งใจว่าจะไปทีหลัง แต่ไหนๆ เจ้าก็ปลุกข้าแล้ว ดังนั้นข้าไปตอนนี้เลยดีกว่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยกางแขนห้ามเขา “ไม่จำเป็นต้องทำทุกวันเสียหน่อย ตอนนี้เจ้าป่วยอยู่ รีบรักษาตัวเองให้หายดีกว่า”
“พี่สาวโปรดอย่าห้ามฝ่าบาทเลยเจ้าค่ะ” อวิ๋นปี้ลั่วเดินเข้ามาข้างใน แม้นางจะยังเล็ก แต่คำพูดของนางกลับฟังดูมีเหตุผล “ท่านยังใหม่กับที่นี่จึงอาจไม่รู้กฎระเบียบภายในวังหลวง ฮองเฮาอาจไม่ว่าอะไรหากฝ่าบาทไม่ได้ไปเข้าเฝ้านางตอนเช้า แต่คนอื่นๆ อาจจะคิดว่าฝ่าบาทไม่ยอมทำตามกฎระเบียบนั้นเพราะอดีตฮ่องเต้ทรงโปรดปรานเขาเอาได้นะเจ้าคะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองอวิ๋นปี้ลั่ว จากนั้นสายตาของนางจึงไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าเล็กๆ ขาวซีดของเด็กชาย เด็กชายผู้เยือกเย็นสวมเสื้อคลุมโดยไม่คิดที่จะหยุด
อวิ๋นปี้ลั่วอยู่ข้างๆ และคอยจัดคอเสื้อด้านหลังให้เขา
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แม้ฝ่าบาทจะไปเข้าเฝ้านาง แต่ฮองเฮาก็อาจไม่มีเวลามาสนใจเขาก็ได้”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร” อย่างไรอวิ๋นปี้ลั่วก็เป็นคนที่ฮองเฮาเลือกและส่งให้มาอยู่กับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย นางหันหน้ากลับไปทันทีที่ได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย
เฮ่อเหลียนเวยเวยนั่งลงพร้อมกับยกขาขึ้นไขว่ห้างเล็กน้อย แล้วมองไปทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ย “เมื่อคืนนี้ฮ่องเต้ไปที่ตำหนักหลวนเฟิ่ง ครั้งสุดท้ายที่เขาไปที่นั่นก็ผ่านมาได้ราวครึ่งเดือนแล้ว ดังนั้นเขาอาจจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นนานกว่าปกติ มิหนำซ้ำเขาก็ยังถึงกับยกเลิกการประชุมราชสำนักในช่วงเช้าไปด้วย ฝ่าบาท ท่านคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่จะไปที่ตำหนักหลวนเฟิ่งหรือ”
“ทำไมจะไม่เหมาะสมล่ะ” อวิ๋นปี้ลั่วก็มีความคิดเห็นเช่นกัน “ฝ่าบาทไม่ได้พบฮ่องเต้มานานแล้ว ดังนั้นการไปปรากฏตัวต่อหน้าเขาย่อมไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด”
อย่างไรเขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของอีกฝ่าย ต่อให้ฮ่องเต้จะไม่ได้เห็นคุณค่าของเขานัก แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาอยู่ตามยถากรรม ถ้าเขาไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในระหว่างที่ล้มป่วยอยู่ มันย่อมแสดงให้เห็นว่าฝ่าบาทไม่ได้มีชีวิตที่ดีมิใช่หรือ ฮ่องเต้อาจจะทำการสอบสวนหาตัวคนที่รังแกบุตรชายของเขาด้วยความโกรธก็ได้!
อวิ๋นปี้ลั่วพูดยังไม่ทันจบ แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็รู้ว่านางหมายความว่าอย่างไร
ยากจะปฏิเสธได้ว่าความคิดของนางก็ฟังดูดีทีเดียว แต่นางยังเด็กเกินไป และแผนการของนางไม่อาจนำมาใช้จริงได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยเผยรอยยิ้มเกียจคร้านออกมา “ข้าไม่แน่ใจหรอกว่าฮ่องเต้จะคิดถึงองค์ชายหรือไม่ แต่องค์ชายป่วยหนักอยู่ ถ้าเขาฝืนตัวเองออกไปเช่นนี้ ฮ่องเต้อาจคิดเป็นอย่างอื่นก็ได้ อย่าได้เล่นแง่ต่อเบื้องสูง เว้นเสียแต่ว่าอุบายที่เรามีจะดีกว่าของพวกเขา ฮ่องเต้ไม่สนใจกลอุบายเช่นนี้หรอก”
“แต่มันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาของพี่สาวเท่านั้น” สีหน้าของอวิ๋นปี้ลั่วแข็งกระด้างไปครู่หนึ่ง ก่อนที่นางจะกลับมายิ้มได้อีกครั้ง “ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่าบาทป่วยอยู่จริงๆ จะบอกว่ามันเป็นอุบายได้อย่างไร”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนขึ้นพร้อมกับมองนาง แล้วจึงใช้น้ำเสียงราบเรียบนั้นพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นข้าจะพูดในสิ่งที่ไม่ใช่การคาดเดาของข้าก็แล้วกัน ฮองเฮารอให้ฮ่องเต้ไปหานางที่ตำหนักหลวนเฟิ่งมากว่าครึ่งเดือน ในเมื่อตอนนี้เขาไปอยู่ที่นั่นแล้ว ถ้าองค์ชายไปที่นั่นตอนนี้ก็เท่ากับเป็นการรบกวนนาง และหากดูจากนิสัยของนางแล้ว เจ้าคิดว่าฮองเฮาจะมีปฏิกิริยาเช่นใดหรือ หืม”
ใบหน้าของอวิ๋นปี้ลั่วซีดเผือด นางรู้ถึงผลลัพธ์ที่ตามมาโดยไม่จำเป็นต้องตอบ
ทุกคนในวังหลวงต่างก็รู้ว่าฮองเฮามีเพียงแค่ฮ่องเต้อยู่ในสายตา และสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อเขา
“เจ้าคิดว่าเมื่อคืนนี้ฮ่องเต้มุ่งหน้าไปที่ที่ฮองเฮาอยู่ทำไมล่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกยิ้มเย็นชา “ก็เพราะรูเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนตัวขององค์ชายน่ะสิ ฮ่องเต้ไม่ชอบองค์ชาย แต่เขาไม่สามารถทำร้ายเขาได้เพราะหากเขาลงมือ การจะอธิบายเรื่องนั้นให้อดีตฮ่องเต้ฟังย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสั่งให้ฮองเฮาเป็นคนลงมือแทน ถึงเรื่องนี้จะไม่ได้เห็นกันชัดเจนนัก แต่ฮ่องเต้มักจะมีท่าทีที่ดีขึ้นทุกครั้งที่องค์ชายถูกฮองเฮาทารุณกรรม เพียงแค่นี้ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาพอใจกับวิธีการที่นางใช้ เจ้าคิดว่ากลอุบายนี้จะใช้ได้ผลกับคนที่ไม่สนใจไยดีองค์ชายหรือ”