บทที่ 602 พวกเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับข้าหลี่จิ่วเต้า!
ภพเซียน แดนมรณา กำจัดให้สิ้นซาก เชือดเขาเป็นเยี่ยงอย่าง ให้ภพเซียนได้เห็นดี…
เรื่องอะไรกัน!
หลี่จิ่วเต้าฟังแล้วหมดคำจะเอื้อนเอ่ย เห็นได้ชัดว่าเขาถูกลากเข้ามาพัวพันในการแก่งแย่งอำนาจระหว่างภพเซียนและแดนมรณาอะไรนั่น
คิดไม่ถึงจริง ๆ เขาเพียงแต่เดินทอดน่องไปเรื่อยเท่านั้น ยังถูกลากเข้ามาพัวพันกับศึกชิงอำนาจได้อีกหรือ
“พวกเจ้าคิดมากเกินไป เรื่องเหล่านี้หาได้เกี่ยวกับข้าไม่ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้…”
ชายหนุ่มไม่ต้องการถูกดึงเข้าไปในศึกชิงอำนาจนี้ เขาหันหลังหมายจะไปจากที่นี่
“บัดนี้เพิ่งรู้ว่าต้องกลัวหรือ ไปงั้นหรือ ไหนเลยจะโชคดีเช่นนั้น! แดนมรณาของเรา ใช่ว่าเจ้าอยากมาก็มา อยากไปก็ไป!”
จ้าวมรณายิ้มเย็น เห็นหลี่จิ่วเต้าหมุนกายจากไปเช่นนี้ เขาก็นึกว่าอีกฝ่ายกลัวเสียอีก
หากมิใช่เพราะกลัว หลี่จิ่วเต้าไฉนเลยจะหันหลังจากไปง่าย ๆ เช่นนี้?
เห็นได้ชัดว่าหลี่จิ่วเต้าประเมินตัวเองสูงไป ประเมินพวกเขาต่ำไป หลังมาอยู่ที่แดนมรณาของพวกเขาแล้วถึงตระหนักได้ว่า ไม่อาจต่อกรกับแดนมรณาของพวกเขาด้วยตัวคนเดียวได้!
เพราะอย่างนั้น หลี่จิ่วเต้าถึงยอมไปง่าย ๆ ไม่โต้แย้งแม้แต่น้อย
มีหรือที่เขาจะยอมให้อีกฝ่ายจากไปง่าย ๆ
ไม่มีทาง!
นี่เป็นโอกาสดีงามอย่างไม่ต้องสงสัย หลี่จิ่วเต้าผิดพลาดเพราะมั่นใจในตนเองเกินไป และบัดนี้อีกฝ่ายอยู่ในเขตแดนพวกเขา ซ้ำพวกเขายังมีความได้เปรียบอย่างยิ่ง กำราบหลี่จิ่วเต้าลงได้
หากปล่อยให้ชายผู้นี้ออกจากแดนมรณาของพวกเขา เขาไม่อาจรับประกันได้ว่าสามารถกำราบหลี่จิ่วเต้าได้อีก ไม่กล้าแม้กระทั่งจะออกไล่ล่าหลี่จิ่วเต้าด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้เขาได้ประจักษ์ถึงฝีมือของอีกฝ่ายแล้ว นับว่าน่าทึ่งยิ่งนัก หลี่จิ่วเต้าเช่นนี้ ไม่มีทางกำราบได้โดยง่าย
นอกจากนี้ ขืนหลี่จิ่วเต้าจงใจหลอกล่อพวกเขาออกไป แล้วมียอดฝีมือตนอื่นจากภพเซียนดักซุ่มอยู่เล่า
เพราะอย่างนั้น เขาไม่มีทางปล่อยให้หลี่จิ่วเต้าไปไหนง่าย ๆ!
เสียงสังข์แห่งการตอบโต้ดังขึ้นแล้ว จากนี้ไม่นาน พวกเขาจักลุกเข้าไปในภพเซียน ทว่า พวกเขาซ่อนตัวมาโดยตลอด มิเคยกล้าเผยตัวสักครั้ง จึงรู้เรื่องของภพเซียนไม่มากนัก
และหลี่จิ่วเต้ามาจากภพเซียน พอดีให้พวกเขาจับตัวอีกฝ่าย เค้นเอาข้อมูลภพเซียนจากเขาให้มากกว่านี้
ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง พวกเขาจำต้องจับตัวหลี่จิ่วเต้าไว้ให้ได้!
“ลุย!”
เขากระโจนตัวขึ้น เผยวิชาพิฆาตโบราณสะท้านโลกันตร์ออกมา ถล่มชายหนุ่มโดยไม่ยั้งมือสักนิด
ขณะเดียวกัน เขาได้เร่งพลังผนึกและรากฐานทั้งปวงในแดนมรณาทันที ค่ายกลพิฆาตน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากมายปรากฏ คลื่นพลังอันน่ากลัวซัดสาด ถล่มใส่หลี่จิ่วเต้า
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ยอดฝีมือแดนมรณาอื่น ๆ ตามหลังมา บุกสังหารหลี่จิ่วเต้าด้วยพลังฝีมือทั้งหมดที่มีโดยไม่กักเก็บเช่นกัน
ก่อนนี้ พวกเขาทั้งหมดได้เห็นอีกฝ่ายหยอกเย้าชิ่งหลงเหมือนลูกไก่ในกำมือ กับคนผู้นี้ พวกเขามิกล้าประมาทหรือสบประมาทแม้แต่น้อย!
ขณะที่จ้าวมรณาแผลงฤทธิ์ ยังได้ปล่อยพลังผนึกและรากฐานออกมาอย่างเต็มกำลังด้วย และเพราะเหตุนี้ เพราะมีความกลัวเกรงในตัวหลี่จิ่วเต้า ถึงได้ไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย!
ห้วงมิติระเบิดแหลกลาญ ทั้งระบบดวงดาวแดนมรณาดูจะได้รับผลกระทบอย่างมหันต์ ดวงดาวแตกออกดวงแล้วดวงเล่า กลายเป็นเศษธุลี ร่วงโรยลงไปในอวกาศ
ช่างเป็นภาพที่ชวนหวาดผวาอย่างยิ่ง น่ากลัวเสียยิ่งกว่าภาพโลกาวินาศ สายธารแห่งกาลเวลายุ่งเหยิงขึ้นมา ณ ที่แห่งนี้ วันเวลาบิดเบี้ยว ภายใต้พลังและการโจมตีระดับนี้ แม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนยังไม่อาจรักษาความสุขุมไว้ได้ จำต้องรับมือด้วยความระแวดระวัง!
หากประมาทเพียงเล็กน้อย เป็นไปได้ว่าอาจต้องบาดเจ็บอย่างไม่อาจแก้ไข และอาจต้องตายไปทั้งอย่างนี้!
“เฮ้อ…”
ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา ไยต้องทำเช่นนี้ด้วย
เขาบอกแล้วแท้ ๆ ว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับเขา…
“อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขไม่ดีหรือ เหตุใดถึงต้องห้ำหั่นกันเช่นนี้ มีเวลาขนาดนี้ มิสู้หาความสำราญกับชีวิต ชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามในเอกภพ”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ย “เอาล่ะ ข้าจะไปแล้ว พวกเจ้าจงประพฤติตนให้ดี”
พูดจบ เขาโบกมือเบา ๆ
ชั่วพริบตานั้น พลังและการโจมตีทั้งหมดมลาย ราวกับไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นมาก่อน!
เงียบสงัด!
สถานที่แห่งนั้นเงียบสงัดราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่!
ไม่มีสุ้มเสียงแม้แต่น้อย!
ยอดฝีมือทั้งหมดในแดนมรณา รวมถึงจ้าวมรณาเองล้วนชาไปทั้งหนังศีรษะ หันมองหลี่จิ่วเต้าด้วยสีหน้าตะลึงระคนผวา
นี่มัน…นี่มันพลังอะไรกัน!
แค่เพียงโบกมือครั้งสองครั้ง พลังและการโจมตีที่พวกเขาเปล่งออกมาก็อันตรธานหายไปจนสิ้น พลังนี้น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ยากจะทำใจเชื่อได้ลง!
เนื้อตัวพวกเขาสั่นเทา เหงื่อเย็นไหลโซม วิญญาณสะท้าน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของพวกเขาไม่เคยพานพบบุคคลน่าพรั่นพรึงเช่นนี้มาก่อน!
“บรรพจารย์เซียน…ท่านหนึ่งหรือ!?”
จ้าวมรณาเอ่ยเสียงสั่น หวาดผวาในใจเหลือแสน
เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมีบรรพจารย์เซียนบังเกิดในภพเซียน!
สลายพลังและการโจมตีทั้งหมดด้วยการโบกมือ ต้องเป็นบรรพจารย์เซียนแน่อย่างไม่ต้องสงสัย!
พลังระดับนี้ จักรพรรดิเซียนไม่มีทางทำได้แน่ แม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนชั้นเลิศก็ไม่ไหว ห่างชั้นกันไกลโข!
บรรพจารย์เซียน เป็นตัวตนเหนือชั้นจักรพรรดิเซียนขึ้นไป เป็นเป้าหมายของทุกคนที่ก้าวสู้เส้นทางเซียน บำเพ็ญวิถีเซียน!
นับแต่ยุคโบราณ มีวาจาหนึ่งที่เลื่องลือกันมา เป็นจักรพรรดินั้นยาก แต่เป็นบรรพจารย์นั้นยากกว่า!
รู้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเทียนตี้ หรือจักรพรรดิเซียน ล้วนบ่งบอกถึงระดับสูงสุดแห่งการฝึกตน เทียนตี้คือระดับสูงสุดแห่งการฝึกตนในใต้หล้า ส่วนจักรพรรดิเซียนคือระดับสูงสุดในการบำเพ็ญวิถีเซียน!
ระดับสูงสุดนั้นบรรลุได้ยากยิ่ง!
ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่ายากเย็นเพียงใด!
โดยเฉพาะจุดสูงสุดในการบำเพ็ญวิถีเซียน!
ไม่ต้องเอ่ยถึงตอนนี้ ลำพังในอดีต อดีตซึ่งรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่
เวลานั้น สสารนิรันดร์มีอยู่ล้นหลาม มากมายนับไม่ถ้วน สสารฝึกฝนระดับสูงมากมายดำรงอยู่ร่วมกันในปฐพี เรียกได้ว่าเป็นยุคทองแห่งการฝึกตน!
ในยุคทองแห่งการฝึกตน มีจักรพรรดิเซียนมากมายปรากฏออกมา และในบรรดาจักรพรรดิเซียนเหล่านี้ มิมีผู้ใดสามารถทะลุขีดจำกัดขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแห่งวิถีเซียน กลายเป็นตัวตนระดับบรรพจารย์เซียน
แต่ไหนแต่ไร บรรพจารย์เซียนมีเพียงเก้าตน นั่นคือเก้าบรรพจารย์เซียนผู้เก่าแก่ดั้งเดิมที่สุด กาลเวลาอันยาวนานผ่านไป สมัยแล้วสมัยเล่า ยังมิมีบรรพจารย์เซียนตนใหม่ปรากฏ
แต่บัดนี้ พวกเขากลับได้พบบรรพจารย์เซียนตนหนึ่งกับตาตัวเอง จะมิให้พวกเขาตะลึงงันได้อย่างไร!
ที่สำคัญ บรรพจารย์เซียนเหล่านี้ยังมาจากภพเซียน คู่ปรับของพวกเขา…
“ข้าช่างแกว่งเท้าหาเสี้ยนยิ่งนัก!”
จ้าวมรณาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่
พับผ่าสิ เขาช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้จักประเมินตนเอาเสียเลย บังอาจลงมือกับบรรพจารย์เซียนท่านหนึ่งหรือนี่!
เขาสำนึกเสียใจแทบบ้า อย่าให้พูดเลยว่าทรมานใจเพียงใด
แต่เดิมบรรพจารย์เซียนจะไปแล้วแท้ ๆ เรื่องราวทั้งมวลอาจยุติลงเพียงเท่านี้ แต่เขาสิทำอันใดลงไป?
เขากลับรนหาที่ตาย ไม่ยอมให้ท่านบรรพจารย์เซียนไปไหน ดันทุรังรั้งบรรพจารย์เซียนไว้ให้ได้!
บัดนี้สิดี อยากจบลงด้วยดีก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว…
ทว่าเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงเลยคือ บรรพจารย์เซียนท่านนี้มิได้ทำอันใดทั้งสิ้น เพียงแต่อันตรธานหายไปจากที่นี่!
“หา?”
เขามึนงงไปในบัดดล คิดไม่ตกเลยสักนิด ช่างต่างจากที่เขาคิดไว้เหลือเกิน!
มิใช่ว่าบรรพจารย์เซียนท่านนี้มาจากภพเซียน ก็เพื่อฆ่าล้างผู้คนในแดนมรณาอย่างพวกเขาหรอกหรือ
เหตุใดบรรพจารย์เซียนท่านนี้กลับไปโดยมิได้ลงมือ
หรือเขาคิดผิด บรรพจารย์เซียนท่านนี้หาได้มีความเกี่ยวข้องกับภพเซียนไม่ มิได้มาเพื่อฆ่าล้างแดนมรณา เพียงแต่…เดินทอดน่องไปเรื่อยจริง ๆ!?
ชั่วขณะนั้น เขาว้าวุ่นใจเป็นหนักหนา ความคิดประเดประดังตีกันไปหมด
“ไปแล้ว!”
ขณะเดียวกัน บนแดนมรณา จักรพรรดินีผงะ คิดไม่ถึงเช่นกันว่าท่านผู้นั้นจะไปง่าย ๆ เช่นนี้
นางคิดเหมือนกันว่าท่านผู้นั้นมาเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง มิใช่การเดินทอดน่อง กระทั่งก่อนหน้านี้ นางยังคิดเพ้อเจ้อไปอีกว่าท่านผู้นั้นมาเพื่อช่วยนาง!
แต่บัดนี้ นางมิกล้าคิดเพ้อเจ้ออันใดอีก ท่านผู้นั้นมิได้มาเพื่อช่วยนาง หากมาเพื่อช่วยนางจริง เหตุใดท่านผู้นั้นถึงจากไปโดยไม่แม้แต่จะแยแสนางเล่า
ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!
ฟึ่บ!
เวลานั้นเอง จ้าวมรณาเหินกลับมาจากด้านนอก จุติลงมาเบื้องหน้าจักรพรรดินี
ดวงตาของเขาจ้องจักรพรรดินีเขม็ง ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจักรพรรดินีมีความเกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้าหรือไม่
“เจ้าเกี่ยวข้องอย่างไรกับท่านผู้นั้น” เขาถามจักรพรรดินี
หลี่จิ่วเต้าอาจไม่มีความเกี่ยวข้องกับภพเซียนจริง ๆ หากเกี่ยวข้องกับภพเซียนจริง ไฉนเลยจะยอมไปง่าย ๆ ยอมปล่อยพวกเขาไป
เป็นไปไม่ได้เลย!
และเขาไม่เชื่อเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะเดินทอดน่องจนมาถึงแดนดินพวกเขา…
หลังตัดความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างนี้ออก เขาพลันนึกถึงจักรพรรดินี ท่านผู้นั้นมาเพื่อช่วยจักรพรรดินีหรือไม่
ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้ ซ้ำยังมีความเป็นไปได้สูงด้วย!
ถึงอย่างไร หลี่จิ่วเต้าก็ปรากฏตัวออกมาได้เหมาะเจาะ พอดีกับที่จักรพรรดินีกำลังจะถูกสังหาร บังเอิญได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
เขาไม่เชื่อเท่าใด!
จักรพรรดินีมิได้เอื้อนเอ่ยวาจา นางมิกล้าอวดอ้างบารมีท่านผู้นั้น ซี้ซั้วพูดไปว่าตนมีความเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้นอย่างไร ถึงแม้ว่าพูดไปแล้ว นางคงไม่ต้องจบชีวิตลง
กระนั้นนางก็มิกล้า
ท่านผู้นั้นสูงส่งเกินหยั่ง นางมิกล้าจาบจ้วงแม้เพียงน้อยนิด คุยโวถึงความสัมพันธ์กับท่านผู้นั้น
“ท่านผู้นั้นคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าจริงหรือ!?”
จ้าวมรณาเอ่ยถามอีกครั้ง
นับแต่จักรพรรดินีปรากฏตัว เขาก็พินิจพิเคราะห์จักรพรรดินีมาโดยตลอด ก่อนนี้คราวชิ่งหลงถามจักรพรรดินี จักรพรรดินีได้เอ่ยว่านางมีผู้อยู่เบื้องหลังจริง ๆ
หลี่จิ่วเต้าปรากฏออกมาในตอนนั้น
และเพราะเหตุนี้ เขาถึงสงสัยว่าจักรพรรดินีมีความเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้น สงสัยว่าเขามาเพื่อช่วยจักรพรรดินี
“มิใช่!”
เวลานั้น จักรพรรดินีปริปาก นางหันมองจ้าวมรณา ปฏิเสธเด็ดขาด
นางมิกล้าโป้ปดปั้นเรื่องความสัมพันธ์กับท่านผู้นั้น บ่วงกรรมที่ต้องถูกโยงนั้นใหญ่หลวงเกินไป ต่อให้ครั้งนี้นางรอดตัวไปได้ วันหน้าก็คงไม่มีโอกาสได้อยู่ต่อ จักถูกผลกรรมตามคิดบัญชี
“จ้าวมรณา ข้าสงสัยว่าท่านผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับแดนบรรพโกลาหล และข้ายังสงสัยอีกว่าท่านผู้นั้นมาเพื่อสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนั้น!”
ชิ่งหลงเดินเข้ามา เอ่ยต่อจ้าวมรณาด้วยสีหน้าขึงขัง
จากนั้น เขาเล่าสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าได้กล่าวกับเขาก่อนหน้าให้ทุกคนในแดนมรณาฟัง
ก่อนนี้หลี่จิ่วเต้ากล่าวไว้ ห้ามมิให้โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ห้ามมิให้มีจิตสังหารรุนแรงเช่นนี้ ครานั้น เขาก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเตือนเขา เตือนมิให้พวกเขาทำตามอำเภอใจกับสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้น!
จ้าวมรณามิได้เอ่ยวาจา เขาหรี่ตาลง
ท่านผู้นั้นบอกเขาก่อนหน้านี้เหมือนกัน ห้ามมิให้รบราฆ่าฟันกันเช่นนี้ ประกอบกับสิ่งที่ชิ่งหลงบอกเล่า อีกฝ่ายอาจมาเพื่อสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้นจริง ๆ!
เมื่อลองไตร่ตรองดูดี ๆ หากหลี่จิ่วเต้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับภพเซียน เป็นไปได้สูงว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับแดนบรรพโกลาหล!
ถึงอย่างไร มีเพียงดินแดนสูงส่งมหัศจรรย์อย่างแดนบรรพโกลาหลเท่านั้น ถึงช่วยให้เขากลายเป็นบรรพจารย์เซียนได้!
แดนบรรพโกลาหลอยู่ที่ใด?
แน่นอนว่าอยู่ในอาณาจักรนั้น!
เป็นไปได้สูงว่าหลี่จิ่วเต้าสงสารสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้น ถึงมาเยือนแดนมรณาของพวกเขา
“เจ้า…ไปเสียเถิด!”
คิดมาถึงนี่ จ้าวมรณากล่าวกับจักรพรรดินี มิกล้าทำอะไรจักรพรรดินีอีก
จักรพรรดินีมาเพื่อสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนั้นเช่นกัน มีเป้าหมายเดียวกับหลี่จิ่วเต้า ต่อให้จักรพรรดินีไม่มีความเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้นจริง ลำพังเรื่องที่มีเป้าหมายเดียวกัน เขาก็มิกล้าลงมือกับจักรพรรดินีอีก
หากฆ่าจักรพรรดินีไปจริง ๆ จนเป็นเหตุให้หลี่จิ่วเต้ามาเยือนอีกครั้ง ต้องแย่แน่ ๆ ทั้งแดนมรณาของพวกเขาอาจต้องล่มสลายเพราะการนี้!
เขามิกล้าล้อเล่นกับความปลอดภัยของทั้งแดนมรณา!