ในเวลานั้นเขาอยากฆ่าพวกมันทุกคน
ฆ่าทุกคนที่เข้ามาใกล้นาง!
ดูเหมือนเด็กชายจากตระกูลขุนนางคนนั้นจะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทันใดนั้นสายลมแห่งหายนะอันไร้ที่มาก็พลันพัดพาฝุ่นและหิมะที่อยู่บนพื้นขึ้นมากระแทกใส่ใบหน้าของคุณชายคนนั้น ทำให้เขาแทบจะไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เด็กชายอันธพาลแซ่หลี่ตะโกนลั่น เขายกมือขึ้นปิดตาตัวเอง เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ควรจะอยู่บนพื้นก็กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเขากลับแดงก่ำด้วยเส้นเลือด
หลี่ป้าอ๋อง[1]มองเขาด้วยใบหน้าซีดเผือด “ยะ อย่าเข้ามาใกล้ข้า! ถ้ากล้าก้าวเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียวละก็ ขะ ข้าจะ…” หลี่ป้าอ๋องหันซ้ายแลขวา แล้วก้มลงหยิบอิฐขึ้นมาก้อนหนึ่ง
แต่ในช่วงเวลาที่เขาคาดไม่ถึงนั้น เด็กชายที่อยู่ตรงหน้ากลับแสยะยิ้มออกมาราวกับว่าต่อให้เขาจะพยายามดิ้นรนเพียงใด เขาก็เป็นเพียงแค่เหยื่อที่ไม่มีวันรอดพ้นจากเงื้อมมือของเด็กชายไปได้
หลี่ป้าอ๋องหวาดกลัว แต่เด็กคนอื่นๆ กลับมองไม่เห็นอารมณ์ที่อยู่ในดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
เมื่อเห็นคนตรงหน้าสาวเท้าเข้ามาหาตัวเองทีละก้าว เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเล็งไปที่หางตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แล้วขว้างมันออกไป!
ปั้ก!
เสียงอิฐกระทบเป้าหมาย
สายลมหยุดพัด
เลือดหยดจากใบหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยลงมาที่เสื้อคลุม มันเป็นภาพที่ดูน่าตกใจอย่างมาก แต่ดวงตาของเขากลับไม่เคยสว่างสดใสเช่นนี้มาก่อน มันสว่างมากเสียจนทำให้รู้สึกหนาวไปทั้งสันหลัง
หลี่ป้าอ๋องเป็นคนที่ทำร้ายเขา แต่เขากลับแสดงท่าทางราวกับว่าตัวเองเป็นเหยื่อ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ทะ ท่าน…” เขาควรจะหลบการโจมตีนั้น! ทำไมเขาถึงรับอิฐก้อนนั้นเข้าเต็มๆ ล่ะ?!
“เกิดอะไรขึ้น!?”
เสียงโวยวายนั้นย่อมทำให้เกิดความโกลาหล
ยิ่งกว่านั้นองค์ชายใหญ่ก็ยังพาฮ่องเต้มาที่นี่ด้วย
ทันทีที่องค์ชายใหญ่ได้ยินเสียงร้อง เขาก็คิดว่าแผนการของตัวเองสำเร็จแล้ว เขารีบแสร้งทำเป็นร้อนใจ แล้วเอ่ยว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือหลี่อวี้ เสด็จพ่อ พวกเรารีบไปดูกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ไม่ได้รีบร้อนเลยแม้แต่นิดเดียว
คนที่ร้อนใจจริงๆ กลับเป็นแม่ทัพหลี่ ทันทีที่ได้ยินว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับบุตรชายของตัวเอง เขาก็รีบร้อนมายังที่เกิดเหตุทันที
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยืนหันหลังให้กับคนเหล่านั้น องค์ชายใหญ่เห็นท่าทางของเขาจากระยะไกลจึงตะโกนขึ้นว่า “เจ้าสาม เจ้าทำตัวเกเรอีกแล้วหรือ เจ้ายังเด็กอยู่แท้ๆ ทำไมถึงโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้! ข้าไม่ได้ว่าอะไรตอนที่เจ้าทำร้ายขันทีของข้า แต่ตอนนี้ เจ้ากลับกล้ารังแกหลี่อวี้เชียว!”
แม่ทัพหลี่ได้ยินเช่นนี้ก็เดือดดาลขึ้นมาทันที “องค์ชายสาม หลี่อวี้ของข้าไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเพราะยังเด็ก แต่เขาไม่เคยทำอะไรผิดพ่ะย่ะค่ะ ทำไมท่านถึงได้ยืนขวางเขาเอาไว้เช่นนี้ล่ะ ท่านควรจะมีคำ…”
คำว่า ‘คำอธิบาย’ ติดอยู่ในลำคอของแม่ทัพหลี่ทันทีที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหันหน้ากลับมา
ฉากนั้นน่าสยดสยองยิ่งนัก ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาโชกไปด้วยเลือด ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งนั้นยังคงดูเย็นชาและห่างเหิน ทุกพื้นที่บนเสื้อคลุมของเขาล้วนแต่ยับย่น ไม่มีรอยเรียบแม้แต่จุดเดียว
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าใครกันแน่ที่รังแกใคร!
ทุกคนตกตะลึง โดยเฉพาะบรรดานางกำนัลและขันทีที่ติดตามมาด้วย บาดแผลบนหน้าของเด็กชายเลวร้ายเกินกว่าจะมอง ต้องถูกทุบตีแรงขนาดไหนถึงได้มีเลือดออกมากถึงเพียงนี้?
องค์ชายสามไม่น่ารักเหมือนเด็กๆ แม้ใบหน้านั้นจะอาบไปด้วยเลือดของตัวเอง แต่เขาก็ไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว เขาเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับยมราชที่พร้อมพรากชีวิตของผู้คน
บรรดาข้ารับใช้ต่างก็ไม่สามารถทนมองภาพตรงหน้าได้ แต่ในเวลาเดียวกันนั้นพวกเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
องค์ชายใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสับสน เกิดอะไรขึ้น ข้าบอกให้คนพวกนั้นลงโทษเขาเล็กน้อย ไม่ได้ให้ทำถึงขั้นทำร้ายร่างกายมิใช่หรือ
หรือต่อให้มีใครได้รับบาดเจ็บ มันก็ควรเป็นคนฝั่งเขา
ทำไมเจ้าเด็กเหลือขออย่างองค์ชายสามถึงได้เป็นคนที่หัวแตกได้ล่ะ!
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วหนา แล้วถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ท่านพ่อ!” หลี่ป้าอ๋องรีบวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของแม่ทัพหลี่ เขาตั้งใจจะบีบน้ำตาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟัง
แต่เสียงอีกเสียงหนึ่งกลับดังขึ้นขัดจังหวะความวุ่นวายนั้น
ใครคนหนึ่งคุกเข่าลงกับพื้น เสียงนั้นดังลั่นจนได้ยินอย่างชัดเจน
คนคนนั้นคือเฮ่อเหลียนเวยเวยนั่นเอง
ในเวลานี้นางมีเพียงความคิดเดียวอยู่ในหัว
ไม่มีใครหนีไปได้อย่างไร้รอยขีดข่วนหลังจากทำร้ายไป๋หลี่เจียเจวี๋ย!
เจ้าเด็กแซ่หลี่นี่ทำเขาหัวแตก
นางจะเอาชีวิตคนตระกูลเขาเป็นการเอาคืน!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็หลับตาลง แต่คำพูดของนางกลับสะเทือนไปถึงหัวใจของพวกเขาทุกคน “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ทราบแม้แต่น้อยเลยเพคะว่าหลี่ป้าอ๋องมีความเข้าใจผิดอันใดกับองค์ชาย ทันทีที่องค์ชายมาถึงลาน หลี่ป้าอ๋องก็พาคุณชายท่านอื่นๆ เข้ามา และบังคับให้องค์ชายกินไส้เดือนที่อยู่ในมือเขา หลี่ป้าอ๋องกล่าวว่ามันเป็นการแก้แค้นให้กับขันทีจั่วซึ่งเป็นขันทีขององค์ชายใหญ่ องค์ชายใหญ่ย่อมรู้ว่าองค์ชายสามไม่ใช่คนเข้าสังคมเก่งนัก ดังนั้นจริงอยู่ที่เขาอาจจะมีเรื่องขัดแย้งกับขันทีจั่ว อีกทั้งยังเป็นเรื่องเข้าใจได้ที่คนอื่นๆ จะสงสัยในตัวเขา แต่แม้พวกเขาจะรู้สึกคลางแคลงใจในเรื่องนี้ แต่ผู้ที่ควรทำการสืบสวนก็คือฝ่าบาทเพคะ หลี่ป้าอ๋องคงรู้สึกโกรธมาก ดังนั้นเขาถึงได้ต้องการที่จะลงโทษองค์ชายสาม หม่อมฉันตกใจยิ่งนักเพคะที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ขุนนางที่มิใช่เชื้อพระวงศ์เช่นนี้กล้าดีอย่างไรถึงได้มารังแกองค์ชายหรือ พวกเขาต้องโอหังถึงเพียงใด ถึงได้ไม่เคารพยำเกรงองค์ชาย ตอนที่หม่อมฉันคิดที่จะเข้าไปห้ามเขา หม่อมฉันก็ได้ยินเขาพูดว่า…”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหยุดพูด นางชำเลืองมองหลี่อวี้อย่างลังเล…
“พูดว่าอะไร!” ดวงตาของฮ่องเต้ดำทะมึน ใบหน้าของเขาปราศจากอารมณ์
องค์ชายใหญ่ที่อยู่ข้างฮ่องเต้รู้ว่าผู้เป็นบิดากำลังเดือดดาล เขาจ้องเฮ่อเหลียนเวยเวยเขม็ง
เขาก่นด่าอยู่ในใจ!
บัดซบ!
ข้ารับใช้คนนี้มาจากไหน! ช่างปากมากเสียไม่มี!
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกได้ถึงสายตาขององค์ชายใหญ่ นางตัวสั่นราวกับถูกเขาคุกคาม
ฮ่องเต้หันกลับไปมององค์ชายใหญ่ด้วยสีหน้าเย็นชา
แค่มองเพียงครั้งเดียว องค์ชายใหญ่ก็แข็งทื่อไปทั้งตัว “เสด็จพ่อ ยะ อย่าฟังที่นางกำนัลผู้นี้พูดเลยพ่ะย่ะค่ะ ไร้สาระทั้งเพ นางอยู่ข้างกายเจ้าสามเสมอ ดังนั้นแน่นอนอยู่แล้วว่านางจะต้องเข้าข้างเขา…”
“หุบปาก!” ฮ่องเต้คำราม จากนั้นจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ และมองไปยังบุตรชายคนที่เขาหวาดระแวงที่สุด “เจ้าสาม บอกข้ามาสิว่าเมื่อครู่นี้หลี่อวี้พูดว่าอะไร”
เด็กชายเงยหน้าขึ้น ที่ปลายหางตาของเขายังคงมีเลือดไหลออกมาและทำให้ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดง “เขาพูดว่าเขามาที่นี่เพื่อล้างแค้นข้าแทนเสด็จพี่ เขายังบอกอีกว่าข้าควรจะเชื่อฟังคำพูดของเขาให้ดี เพราะท่านพ่อของเขามีกองทัพที่แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังหวาดกลัว องค์ชายที่ไม่มีใครรักอย่างข้าจะต้องถูกลงโทษแน่หากข้าแตะต้องเขา”
น้ำเสียงของเด็กชายตัวน้อยราบเรียบไร้อารมณ์ แต่เขากลับเสริมประโยคที่ว่า ‘มาที่นี่เพื่อล้างแค้นข้าแทนเสด็จพี่’ ได้อย่างมีทักษะ
คำพูดเหล่านี้คือสิ่งที่ฮ่องเต้ทรงสนพระทัยที่สุด!
เขาไม่ได้กลัวว่าแม่ทัพของตัวเองจะมีผลงานมากกว่าเขา หรือจะมีผู้ติดตามนับไม่ถ้วน ตราบใดที่แม่ทัพเหล่านั้นขึ้นตรงกับเขา มันย่อมไม่ก่อให้เกิดปัญหาอันใด
แต่เวลานี้ เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลี่ได้ออกนอกลู่นอกทางเสียแล้ว…
ฮ่องเต้เหยียดยิ้มเย้ยหยัน เขาไม่ได้มองไปที่ตระกูลหลี่ แต่กลับมองไปยังบุตรชายคนโตที่อยู่ข้างกาย เขาคิดว่าตอนนี้ตัวเองโตพอจะต่อสู้เพื่ออำนาจบนบัลลังก์กับเขาแล้วหรือ
“สะ-เสด็จพ่อ…” เหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาจากหน้าผากขององค์ชายใหญ่ทันทีที่เขาเห็นสายตาของผู้เป็นบิดาที่จ้องมองมา
[1] ชื่อตำแหน่งที่ได้รับพระราชทาน