ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 629 เติบโต (ปลาย)

ตอนที่ 629 เติบโต (ปลาย)

​จิ​่น​เกอ​กลับมา​ที่​เรือน​ ​สือ​อี​เหนียง​เห็น​เขา​เหงื่อ​ออก​เต็มตัว​ ​นาง​รีบ​เช็ดตัว​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ให้​เขา​ ​จากนั้น​ก็​ถาม​เขา​ ​“​อาจารย์​ผัง​ใจดี​หรือไม่​?​”

​“​ใจดี​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​พูดเสี​ยง​ดัง​ ​สายตา​ของ​เขา​เป็นประกาย​ ​“​ลูกธนู​ของ​เขา​ ​ยิง​ทะลุ​รู​เหรียญ​ไป​ที่​ต้นไม้​ใหญ่​ ​แล้วยัง​ต่อย​อิฐ​ที่​ทับ​ซ้อน​กัน​สาม​ชั้น​แตก​ ​เขา​เก่ง​มาก​เลย​ขอรับ​!​”

ความ​น่านับถือ​ ​คือ​สิ่ง​ที่​อาจารย์​พึงมี​ที่สุด

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​หอม​แก้ม​บุตรชาย​ ​“​รู้สึก​ไม่สบาย​ตรงไหน​หรือไม่​”

​จิ​่น​เกอ​ส่าย​หัว​ ​เขา​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ย่อเข่า​ได้​นาน​ตั้ง​สาม​ก้านธูป​ ​ส่วน​น้อง​เจ็ด​ย่อเข่า​ได้​นาน​แค่​สอง​ก้านธูป​เอง​ขอรับ​”​ ​พูด​ด้วย​ท่าทาง​ภาคภูมิใจ​ ​แต่กลับ​ไม่​พูดว่า​ฉั​งอาน​ ​หวง​เสี่ยว​เหมา​และ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​ย่อเข่า​ได้​นาน​เพียงใด

​สือ​อี​เหนียง​หัวเราะ

​นึก​ขึ้น​มา​ได้​ว่า​ตอนที่​ตน​ไป​แอบดู​เขา​ ​พวกเขา​กำลัง​พักผ่อน​ ​การย่อ​เข่า​ของ​จิ​่น​เกอ​น่าจะ​แบ่ง​เป็น​สาม​ครั้ง​

ดูเหมือนว่า​ ​อาจารย์​ผัง​ใช้​วิธี​ก้าวหน้า​ไป​ตามลำดับ

​สือ​อี​เหนียง​เกิด​ความรู้สึก​ประทับใจ​ใน​ตัว​ของ​อาจารย์​ผัง

​นาง​ชื่นชม​บุตรชาย​อย่างเหมาะสม​ ​“​จิ​่น​เกอ​เก่ง​มาก​เลย​!​”​ ​แล้ว​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​เซิน​เกอ​อายุ​น้อยกว่า​เจ้า​ ​แน่นอน​ว่า​เขา​ย่อม​ย่อเข่า​นาน​เท่า​เจ้า​ไม่ได้​!​”​ ​พูด​พลาง​พา​เขา​ไป​นั่ง​บน​เตียง​เตา​ใน​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​ ​จากนั้น​ก็​ปอก​ส้ม​ให้​เขา​ทาน

​จิ​่น​เกอ​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​รู้สึก​หดหู่​ ​แต่​เมื่อ​เห็น​มารดา​ป้อน​ส้ม​ให้​เขา​ ​จึง​ร่าเริง​ขึ้น​มา​อีกครั้ง​ ​“​ท่าน​แม่​ ​อาจารย์​ผัง​บอกว่า​ ​ให้​เรา​ทำ​ธนู​ของ​ตัวเอง​ด้วย​ขอรับ​ ​ต่อไป​อาจารย์​จะ​สอน​เรา​ยิง​ธนู​ ​แล้วยัง​ต้อง​ทำ​เสื้อ​ต่วน​เฮ่อ​ ​เวลา​ฝึก​มวย​ ​ฝึก​ย่อเข่า​จะ​ได้​สะดวก​ ​แล้ว​เขา​ยัง​บอก​ให้​คน​ทำ​เสา​ดอก​เหมย​[1]​ไว้​ใน​ลาน​ตั้ง​สอง​ที่​อีกด้วย​”​ ​พูด​ด้วย​ท่าทาง​กระตือรือร้น​ ​“​สูง​กว่า​ข้า​เสียอีก​ ​วาง​ไว้​ใกล้​ๆ​ ​กัน​ ​บอกว่า​หาก​เรา​ย่อเข่า​ชำนาญ​แล้ว​ ​ก็​จะ​ได้​ไป​เดิน​เสา​ดอก​เหมย​ขอรับ​…​”

​ในขณะที่​เขา​กำลัง​พูด​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​กลับมา​พอดี

​“​ทำไม​กลับมา​เร็ว​เช่นนี้​เล่า​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​แปลกใจ

​จิ​่น​เกอ​วิ่ง​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ท่าน​พ่อ​!​ ​วันนี้​ข้า​ย่อเข่า​ ​ย่อเข่า​ได้​นาน​ตั้ง​สาม​ก้านธูป​ ​อาจารย์​บอกว่า​ข้า​ย่อเข่า​เก่ง​กว่า​เซิน​เกอ​ด้วย​ขอรับ​”

​วันนี้​เป็นครั้งแรก​ที่​จิ​่น​เกอ​เรียน​ศิลปะ​การต่อสู้​ ​ถึงแม้ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ไม่​พูด​อะไร​ ​แต่​เขา​จำได้​ ​เห็น​ว่า​จิ​่น​เกอ​ดีอกดีใจ​เช่นนี้​ ​สีหน้า​ของ​เขา​ก็ดี​ขึ้น​ไม่น้อย​ ​

​“​ไม่เลว​ ​ไม่เลว​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ไป​บน​เตียง​เตา​ ​“​เจ้า​ต้อง​ตั้งใจ​เรียน​กับ​อาจารย์​ผัง​ ​หาก​เจ้า​เดิน​เสา​ดอก​เหมย​ได้​แล้ว​…​”​ ​เขา​พูด​ ​“​ท่าน​พ่อ​จะ​มอบ​ดาบ​ให้​เจ้า​เป็น​รางวัล​!​”

​“​ไม่ได้​นะ​เจ้า​คะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รับ​ถ้วย​จาก​สาวใช้​มา​วางหน้า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​นาง​พูด​อย่าง​เคร่งขรึม​ ​“​ให้รางวัล​อะไร​ไม่​ให้​ ​แต่กลับ​จะ​ให้​ดาบ​!​”

​“​ได้​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​ตื่นเต้น​ ​เขา​ไม่สน​ใจคำ​คัดค้าน​ของ​มารดา​ ​รอยยิ้ม​เจ้าเล่ห์​ราวกับ​จิ้งจอก​ตัว​น้อย​ ​“​ข้า​อยากได้​กระบี่​กายสิทธิ์​ที่อยู่​ใน​ห้อง​หนังสือ​ของ​ท่าน​พ่อ​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตกใจ​ ​จากนั้น​เขา​ก็​หัวเราะ

​“​เจ้า​พูด​เอง​นะ​!​”​ ​เขามอ​งดู​บุตรชาย​ด้วย​สายตา​ที่​เป็นประกาย​ ​จากนั้น​ก็​พูดว่า​ ​“​ตราบใดที่​เจ้า​สามารถ​เดิน​เสา​ดอก​เหมย​ได้​ ​ข้า​จะ​มอบ​กระบี่​กายสิทธิ์​ให้​เจ้า​”

​สัญชาตญาณ​ของ​จิ​่น​เกอ​บอกว่า​มีบา​งอย​่าง​ผิดปกติ​ ​“​ข้า​…​ข้า​…​”​ ​เขา​ขมวดคิ้ว​แล้ว​มอง​ไป​ที่มา​รดา​ ​จากนั้น​ก็​มองดู​บิดา​ที่​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข​ ​ท่าทาง​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​ก่อน​จะ​ทำ​สีหน้า​แน่วแน่​ ​“​ท่าน​แม่​บอกว่า​ ​ไม่​ให้ท่า​นพ​่​อม​อบ​กระบี่​กายสิทธิ์​ให้​ข้า​ ​ข้า​…​ข้า​ไม่​อยากได้​กระบี่​กายสิทธิ์​แล้ว​ขอรับ​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​สอง​สามีภรรยา​พลัน​ตกใจ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ ​“​เหตุใด​ถึง​เปลี่ยนใจ​ ​เช่นนั้น​เจ้า​อยากได้​อะไร​”

​“​เพราะ​ท่าน​พ่อ​ทำท่า​ที​หัวเราะเยาะ​ข้า​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ข้า​ไม่มีทาง​โดน​หลอก​หรอก​ขอรับ​!​”​ ​พูด​จบ​ ​เขา​ก็​เอียง​หัว​ครุ่นคิด​ ​“​ข้า​…​ข้า​อยากได้​ธนู​ ​ธนู​สวย​ๆ​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​ ​เขา​หันมา​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​บุตรชาย​ของ​เรา​ช่าง​ฉลาด​เสีย​จริง​ ​รู้จัก​สังเกต​สีหน้า​คน​แล้ว​”​ ​จากนั้น​เขา​ก็​ยิ้ม​แล้ว​ถาม​บุตรชาย​ ​“​แล้ว​เพราะเหตุใด​เจ้า​ถึง​อยากได้​กระบี่​กายสิทธิ์​ของ​ข้า​”

​“​เพราะ​มัน​สวย​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​พูด​โดย​ไม่​คิด​ ​“​ฝัก​ดาบ​คือ​หยก​จิน​เซียง​ ​แล้วยัง​ประดับ​ด้วย​ทับทิม​สาม​เม็ด​ ​ใหญ่​กว่า​ปิ่นปักผม​ของ​ท่าน​แม่​เสียอีก​!​”

​รอยยิ้ม​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ค่อยๆ​ ​จาง​ลง​ ​เขา​ยืดตัว​ตรง​แล้ว​เรียก​สาวใช้​นำ​กระบี่​กายสิทธิ์​เข้ามา

​สือ​อี​เหนียง​มองดู​สีหน้า​ที่​เคร่งขรึม​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​นาง​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา​

​สาวใช้​นำ​กระบี่​กายสิทธิ์​เข้ามา​อย่างรวดเร็ว

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยื่น​กระบี่​กายสิทธิ์​ให้​จิ​่น​เกอ​ ​“​ดึง​ออกมา​!​”

​จิ​่น​เกอ​รับ​กระบี่​กายสิทธิ์​มาด​้วย​ความสงสัย​ ​เขา​จับ​ฝัก​ดาบ​ ​ออกแรง​ดึง​ดาบ​ออกมา

​ดาบ​ที่​แวววาว

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ชี้​ไป​ที่​โต๊ะ​เตียง​เตา​ ​“​ลองดู​สิ​!​”

มัน​คือ​โต๊ะ​ของ​ท่าน​แม่

​จิ​่น​เกอ​มอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​นั่ง​อยู่​ตรงนั้น​ด้วย​สีหน้า​ให้กำลังใจ​เขา

​จิ​่น​เกอ​ไม่​ลังเล​อีกต่อไป​ ​เขา​จับ​ด้าม​ดาบส​อง​มือ​แล้ว​ฟัน​ไป​ที่​โต๊ะ​เตียง​เตา​เต็มแรง

​โต๊ะ​เตียง​เตา​กลับ​ไม่มี​ร่องรอย​แม้แต่น้อย

​เขามอ​งดู​บิดา​ด้วย​ความ​งุนงง

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ลูบ​หัว​บุตรชาย​อย่างเบามือ​ ​“​สิ่งของ​ที่​สวยงาม​ ​ไม่ใช่​สิ่งของ​ที่​ดีเสมอ​ไป​!​”

​จิ​่น​เกอ​ครุ่นคิด

​สวี​ลิ่ง​อี๋​หันหน้า​ไป​ยิ้ม​ให้​สือ​อี​เหนียง​ ​แต่​รอยยิ้ม​ของ​เขา​กลับ​เต็มไปด้วย​ความ​ชื่นมื่น

เฝ้าดู​ลูก​เติบโต​ขึ้น​ใน​แต่ละวัน​ ​ทำให้​เขา​มีความรู้สึก​ประสบความสำเร็จ​ที่​ไม่มี​อะไร​มา​เทียบ​ได้

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ ​นาง​กอด​บุตรชาย​ตัวเอง​เอาไว้​ใน​อ้อมแขน​อย่าง​อ่อนโยน

​จิ​่น​เกอ​ยิ้ม​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​อย่าง​กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

​“​เอาล่ะ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​บอก​ให้​สาวใช้​นำ​กระบี่​กายสิทธิ์​กลับ​ไป​ไว้​ใน​ห้อง​หนังสือ​ด้วย​ท่าที​เรียบ​เฉย​ ​เขา​ยิ้ม​แล้ว​พูด​กับ​จิ​่น​เกอ​ ​“​เช่นนั้น​เรา​ตกลง​กัน​แล้ว​ ​หาก​เจ้า​เดิน​เสา​ดอก​เหมย​ได้​แล้ว​ ​พ่อ​จะ​มอบ​ธนู​ให้​เจ้า​”

​“​ท่าน​พ่อ​รอดู​ได้​เลย​ขอรับ​ ​ข้า​ต้อง​เดิน​เสา​ดอก​เหมย​ได้​ในไม่ช้า​แน่นอน​”​ ​จิ​่น​เกอ​พูด​พลาง​ยืด​อกผาย​ไหล่​ผึ่ง

​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​พากัน​หัวเราะ

​จิ​่น​เกอ​พูดถึง​อาจารย์​ผัง​ ​บอกว่า​เขา​เก่ง​แค่ไหน​ ​สอน​ตัวเอง​ย่อเข่า​อย่างไร​ ​แล้วยัง​ลง​ไป​ทำท่า​ทาง​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ดู​ ​ลาก​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​มาทำ​ตาม​ ​สือ​อี​เหนียง​เล่น​กับ​จิ​่น​เกอ​ ​นาง​ย่อเข่า​ตาม​เขา​ ​ท่าทาง​ย่อเข่า​ของ​นาง​แปลก​ ​ทำเอา​สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ลาก​สวี​ลิ่ง​อี๋​มาทำ​ด้วย​ ​จิ​่น​เกอ​เห็น​เช่นนี้​ก็​บอกว่า​ ​“​ท่าน​พ่อ​ย่อเข่า​สวย​กว่า​อาจารย์​ผัง​เสียอีก​ขอรับ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​หัวเราะ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ขมวดคิ้ว​ ​“​อย่า​เอาแต่​บอกว่า​สวย​ ​แต่​ต้อง​ใช้งาน​ได้​จริง​”​ ​ทันทีที่​พูด​จบ​ ​ก็​หัวเราะ​ออกมา​…​บรรยากาศ​ใน​ห้อง​เต็มไปด้วย​เสียงหัวเราะ​ ​คึกคัก​กว่า​ขึ้นปีใหม่​เสียอีก​ ​บรรยากาศ​เช่นนี้​ดำเนิน​ไป​จนถึง​ตอน​ทานข้าว​เสร็จ​ ​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี้ยมา​คารวะ​สือ​อี​เหนียง​และ​สวี​ลิ่ง​อี๋​

​เพราะ​พวกเขา​ไม่รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ ​ความสุข​ที่ซ่อน​เอาไว้​ไม่อยู่​บน​ใบหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ทำให้​พวกเขา​หันมา​มองหน้า​กัน

​จิ​่น​เกอ​เล่าเรื่อง​ราว​ที่เกิด​ขึ้น​เมื่อ​ครู่​ให้​พวกเขา​สอง​คนฟัง​

​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ตกใจ​ ​เมื่อ​ตาม​สือ​อี​เหนียง​และ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​พวกเขา​สอง​คน​ก็​เดิน​ออกมา​จาก​ลาน​ข้างใน​

​คืน​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​ไม่​ค่อย​มีแสง​สว่าง​ของ​ดวงจันทร์​และ​ดวงดาว​ ​ลม​ที่​พัดผ่าน​มา​ไม่​ค่อย​เย็น​สัก​เท่าไร​ ​ต้น​หลิว​ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​ตรงนั้น​อย่าง​โอนอ่อน​ ​พลอย​ทำให้​บรรยากาศ​บางเบา​ไป​ด้วย

​ภาพ​ที่​จิ​่น​เกอ​ออดอ้อน​อยู่​ใน​อ้อมแขน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ตอนที่​เขา​เข้าไป​ใน​ห้อง​โผล่​ขึ้น​มา​ใน​หัว​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย

สายตา​ของ​ท่าน​แม่​มอง​ไป​ที่​น้อง​หก​ ​ท่าน​แม่​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา​และ​อ่อนโยน​ ​ราวกับ​แสง​พระจันทร์​อัน​เจิดจ้า​…​คนที​่​ให้กำเนิด​ตน​จะ​เคย​อุ้ม​ตน​เช่นนี้​หรือไม่

​ความคิด​นี้​ผุด​ขึ้น​มา​ ​ราวกับ​เรื่องราว​ที่​คาดเดา​ไม่ได้​ ​เขา​เงยหน้า​ขึ้น​ด้วย​ความไม่สบายใจ​ ​แต่กลับ​เห็น​สายตา​เป็นห่วง​ของ​สวี​ซื่อ​จุน

​“​เป็น​อะไร​หรือ​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ยิ้ม​ ​“​หน้าซีด​เช่นนี้​”​ ​พูด​จบ​ ​เขา​ก็​ทำ​สีหน้า​หยอกล้อ​ ​“​หรือว่า​ ​เจ้า​เห็น​ผี​!​”​ ​พูด​จบ​เขา​ก็​ทำ​หน้า​ผี​

​เมื่อวาน​นี้​พวกเขา​ไป​ชมดวง​จันทร์​ใน​ลาน​ ​แล้วก็​เล่าเรื่อง​ผีกั​บสาว​ใช้

​“​ไม่ใช่​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยพูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ราวกับ​กำลัง​แก้ตัว​ ​เขา​พูด​ด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​ ​ไม่เพียงแต่​ไม่มี​ความสุขุม​ ​แล้วยัง​ดูร​้อ​นรน​ไม่น้อย​ ​“​ข้า​ไม่ได้​คิด​อะไร​!​”

​สวี​ซื่อ​จุน​หยุด​เดิน​แล้ว​มองดู​เขา​ด้วย​ความ​สับสน​ ​“​เจ้า​ ​…​ ​“

ตน​เป็น​อะไร​ไป

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​หายใจเข้า​ลึก​ๆ​ ​พยายาม​สงบสติอารมณ์​ของ​ตัวเอง​ ​แต่กลับ​ไม่รู้​ว่า​ท่าทาง​ของ​เขา​ยิ่ง​ทำให้​สวี​ซื่อ​จุน​คิด​ว่า​เขา​กำลัง​ปิดบัง​อะไร​บางอย่าง​

​“​ถ้าอย่างนั้น​เจ้า​เป็น​อะไร​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​มอง​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยด​้ว​ยสี​หน้าที่​เป็นห่วง

​เมื่อ​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​พี่ชาย​ที่​สนิทสนม​กัน​ราวกับ​สหาย​ของ​ตัวเอง​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​โกหก​เขา​ไม่ได้​ ​มุม​ปากของ​เขา​กระตุก​ ​แต่กลับ​ไม่​พูด​อะไร​อยู่นาน​

​คนที​่​ถือ​โคมไฟ​คือ​เอ๋อร​์​หรุ​่ย​ ​สาวใช้​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​ ​นาง​เป็น​คน​ร่าเริง​ ​เห็น​เช่นนี้​นาง​จึง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​คุณชาย​น้อย​สี่​ ​ท่าน​อย่า​บังคับ​คุณชาย​น้อย​ห้า​เลย​เจ้าค่ะ​ ​หรือว่า​คุณชาย​น้อย​ห้า​กลัว​ก็​ยัง​ต้อง​เล่า​ให้ท่าน​ฟัง​อีก​หรือ​”

ก็​จริง​!

​สวี​ซื่อ​จุน​หัวเราะ​เจื่อน

​ลม​ฤดูใบไม้ผลิ​พัดผ่าน​มา​ ​มัน​นุ่มนวล​ราวกับ​มือ​ของ​ท่าน​แม่

​ท่าที​ที่​รู้สึก​ผิด​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​ทำให้​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รู้สึก​อับอาย

​“​ไม่ใช่​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยป​ฏิ​เสธ​ ​“​ข้า​คิด​ว่า​เมื่อ​ครู่​ท่าน​แม่​กอด​น้อง​หก​ ​ท่าที​รักใคร่​เอ็นดู​เขา​ขนาด​นั้น​…​ข้า​คิด​ว่า​ ​ตอนที่​ข้า​ยัง​เด็ก​ ​ท่าน​แม่​ก็​คงจะ​กอด​ข้า​เช่นนี้​กระมัง​…​”​ ​เขา​พรั่งพรู​คำพูด​ใน​ใจ​ของ​ตัวเอง​ออกมา​ราวกับ​ถูก​ผีเข้า​ก็​ไม่​ปาน

​ทันใดนั้น​ ​เขา​ก็​รู้สึก​อับอาย​ขาย​ขี้​หน้า​

​สวี​ซื่อ​จุน​ตกใจ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​ทันใดนั้น​เขา​ก็​หัวเราะ​ขึ้น​มา​ ​“​ที่แท้​น้อง​ห้า​ก็​อิจฉา​น้อง​หก​นี่เอง​!​”​ ​เขา​กอด​แขน​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​ตอนที่​เจ้า​เด็ก​ๆ​ ​ท่าน​แม่​ก็​กอด​เจ้า​เช่นนี้​เหมือนกัน​!​”​ ​เขา​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​ตอนนั้น​ข้า​ก็​อิจฉา​เจ้า​เหมือนกัน​!​”​ ​เขา​หัวเราะ​ ​“​แต่ว่า​เจ้า​อายุ​น้อยกว่า​ข้า​ ​ข้า​จึง​ยอม​เจ้า​”​ ​ยิ้ม​แล้ว​เกลี้ยกล่อม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​น้อง​หก​อายุ​น้อยกว่า​เรา​ ​เรา​ก็​ต้อง​ยอม​เขา​!​”

​“​เข้าใจ​แล้ว​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไม่ได้​ฟัง​ที่​สวี​ซื่อ​จุน​พูด​ ​เขา​แค่​อยาก​ออก​ไป​จาก​ที่นี่​ให้​เร็ว​ที่สุด​ ​ราวกับว่า​ ​หาก​เขา​ออก​ไป​จาก​ที่นี่​เร็ว​เท่าไร​ ​ก็​ยิ่ง​สามารถ​ทิ้ง​ความคิด​ที่อยู่​ใน​หัว​เมื่อ​ครู่​ไว้​ตรงนี้​ได้​ ​“​เรา​รีบ​กลับกัน​เถิด​!​ ​พรุ่งนี้​เช้า​อาจารย์​ยัง​จะ​ทดสอบ​พวกเรา​อีก​!​”

​“​ไอ​๊​หยา​!​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ตื่นตระหนก​ ​“​หาก​เจ้า​ไม่​พูด​ข้า​คง​ลืม​ไป​แล้ว​!​”​ ​เขา​จับ​แขน​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​รีบ​กลับกัน​เถิด​!​”

​ดวงจันทร์​รูปทรง​ราวกับ​จาน​สีเงิน​ที่​ห้อย​อยู่​บน​ท้องฟ้า​กำลัง​จ้องมอง​ลงมา​ที่​พวกเขา​สอง​คน​ก็​ไม่​ปาน

​*****

​ความสุข​ของ​จิ​่น​เกอ​อยู่​ได้​แค่​สอง​วัน​ ​ยามเช้า​ของ​วันที่​สาม​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​พึ่ง​จะ​ตื่นนอน​ ​อาจิน​ก็​วิ่ง​เข้ามา​ด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​ ​“​ท่าน​โหว​ ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​พวก​ท่าน​รีบ​ไปดู​เถิด​เจ้า​คะ​ ​คุณชาย​น้อย​หก​ ​คุณชาย​น้อย​หก​ลุก​ไม่​ขึ้น​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

​สีหน้า​ของ​สอง​สามีภรรยา​เปลี่ยนไป

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​วิ่ง​ไป​ที่​เรือน​ปีก​ทาง​ทิศตะวันตก​ทันที

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​บุรุษ​ ​จึง​มีสติ​มากกว่า​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​ถาม​อาจิน​ด้วย​สีหน้า​ที่​เคร่งขรึม​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​”

​อาจิน​น้ำตา​คลอ​เบ้า​ ​“​บ่าว​ก็​ไม่รู้​เจ้าค่ะ​…​เมื่อคืน​ยังดี​ๆ​ ​อยู่​เลย​…​บ่าว​รับใช้​คุณชาย​น้อย​หก​แต่งตัว​…​คุณชาย​น้อย​หก​ก็​ร้อง​ขึ้น​มา​ ​กอด​ขา​แล้ว​ล้ม​ลง​บน​เตียง​ร้องไห้​…​”​ ​นาง​สะอึกสะอื้น

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​สุขุม​มาโดยตลอด​พลัน​มีสี​หน้าที่​ตื่นตระหนก

​เขา​เดิน​ออก​ไป​จาก​เรือน​หลัก​อย่างรวดเร็ว​

​ ​[1]เสา​ดอก​เหมย ​เป็น​เสา​ไม้​ที่​ใช้​สำหรับ​ฝึกฝน​ศิลปะ​การต่อสู้​ของ​ชาวจีน​มากมาย​หลาย​แขนง​ ​ใช้​ฝึกฝน​วิธีการ​ก้าว​เท้า​เพื่อ​สร้าง​ความ​สมดุลย์​ของ​ร่างกาย​และ​การทรงตัว​ ​บ้าง​ก็​ใช้​ฝึก​เตะ​ต่อย​เพื่อ​ฝึก​ความทนทาน​ของ​ร่างกาย​และ​ทักษะ​ใน​การต่อสู้

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท