ตอนที่ 626 ชีวิตของหวังหรงในฮ่องกง
หากเราไม่หาเรื่องใส่ตัวก็จะไม่มีอันตรายใดมาสู่เราได้
อันธพาลคนหนึ่งที่แต่งตัวอย่างหนุ่มเจ้าสำราญพบหลินม่ายโดยบังเอิญ จึงเอ่ยขึ้นกับเพื่อน ๆ ของเขา “ผู้หญิงคนนั้นสวยมากเลย!”
สมุนหลายคนหันศีรษะไปมอง แล้วก็เห็นว่ามีสาวงามชวนตะลึงคนหนึ่งยืนหลบในเงามืด
พวกอันธพาลเหล่านั้นจึงเดินไปหาหลินม่าย
หลินม่ายสังเกตเห็นนานแล้ว แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและเดินไปยังร้านเล็ก ๆ ตามปกติ
อันธพาลพวกนั้นต่างเข้ามารุมล้อมเธอโดยไม่คาดคิด
ในขณะนี้ หลินม่ายก็เห็นชายสองคนในชุดเครื่องแบบตำรวจ
เธอโบกมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มทันที “สวัสดีค่ะคุณตำรวจ!”
เมื่อเห็นหญิงงามกล่าวทักทาย ตำรวจทั้งสองจึงตอบรับอย่างกระตือรือร้น
หลินม่ายผละตัวออกจากวงล้อมของอันธพาลเหล่านั้นในขณะที่พวกเขากำลังงุนงง แล้ววิ่งไปตรงหน้าตำรวจสองคนนั้น ก่อนแอบยัดธนบัตรสองสามใบใส่มือตำรวจคนหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณตำรวจคะ คนพวกนี้พยายามมาก่อกวนฉัน ฉันกลัวมากเลยค่ะ”
ตำรวจฮ่องกงในยุคนี้ ตราบใดที่มีเงินให้พวกเขา พวกเขาก็จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้โดยไม่มีข้อกังขา
ตำรวจมองธนบัตรในมือของเขา และพบว่าเป็นเงินห้าร้อยหยวน ซึ่งเรียกได้ว่ามีมูลค่าไม่น้อย
เขาชี้กระบองในมือไปยังชายอันธพาลกลุ่มนั้นพลางกล่าวขึ้น “ผู้หญิงคนนี้เป็นญาติของฉันจากจีนแผ่นดินใหญ่ ใครก็ตามที่คิดร้ายกับหล่อนจะต้องมีปัญหากับฉัน!”
เหล่าอันธพาลได้ยินเช่นนั้นก็กระจัดกระจายไปเหมือนนกแตกรัง
ทางด้านสองพี่น้องซื้ออาหารทะเลเสร็จและลงจากเรือพอดี แต่เมื่อเห็นว่าหลินม่ายหายไป ฟางจั๋วหรานก็ตื่นตระหนกทันที
ขณะนั้นเอง มือเล็ก ๆ อันนุ่มนิ่มราวกับไม่มีกระดูกก็จับมือใหญ่ของเขาไว้
ฟางจั๋วหรานมองตามและพบว่าเป็นหลินม่าย หัวใจที่เคยตื่นตระหนกของเขาจึงผ่อนคลายในที่สุด อดไม่ได้ที่จะต่อว่าเธอ “เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้คุณรออยู่ที่นี่? แล้วคุณหายไปไหนมา?”
หลินม่ายบอกพวกเขาว่ามีพวกอันธพาลสองสามคนมาคุกคามเธอ แต่เธอก็แก้ปัญหาได้ด้วยไหวพริบ
ฟางจั๋วหรานรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น และวางแผนที่จะไม่พาเธอออกไปไหนในตอนกลางคืนอีก
ปัจจัยด้านความปลอดภัยของฮ่องกงในตอนกลางวันสูงกว่าตอนกลางคืนมาก
ทั้งสามนำอาหารทะเลที่สองพี่น้องซื้อมายังแผงขายและแปรรูปอาหารทะเล
อาหารที่ทำจากอาหารทะเลสดช่างเลิศรสนัก และทั้งสามคนก็กินกันอย่างหนำใจ
หลังกินอาหารทะเลเสร็จก็กลับที่พักทันที
สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลินม่ายทำให้พวกเขาหวาดกลัว
เมื่อกลับมาที่โรงแรม หลินม่ายก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์
เนื่องจากตอนนี้ยังไม่ดึกนัก หลังจากอาบน้ำเสร็จ หลินม่ายก็นั่งบนเตียง ดูทีวี และกินผลไม้ที่ฟางจั๋วหรานซื้อให้ระหว่างทาง รู้สึกสบายตัวมาก
ขณะเดียวกันนี้เอง หวังหรงก็กำลังนอนอยู่บนเตียงที่ค่อนข้างสบาย ดวงตาทั้งสองมองเหม่อไปยังเพดาน
หล่อนไม่เคยคิดเลยว่าการแต่งงานของหล่อนกับกวนหย่งหัวจะเป็นเพียงการหลอกลวง
ทั้งสองจัดงานแต่งงานในเจียงเฉิงเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมปีที่แล้ว และกวนหย่งหัวก็พาหล่อนมายังฮ่องกงทางเครื่องบินทันทีในวันรุ่งขึ้น
ระหว่างทางหล่อนรู้สึกมีความสุขมาก
แต่เมื่อมาถึงฮ่องกง หล่อนก็รับรู้ว่ากวนหย่งหัวมีภรรยาและลูกสาวอยู่แล้ว
หล่อนร่ำไห้ด้วยควาทเสียใจและต้องการกลับไปที่เจียงเฉิง
ในความเป็นจริงหล่อนไม่ได้คิดจะกลับไปยังเจียงเฉิง แต่เพียงต้องการบังคับให้กวนหย่งหัวหย่ากับภรรยาของเขาและแต่งงานกับหล่อนเท่านั้น
กวนหย่งหัวไม่เพียงไม่ทำตามความปรารถนาของหล่อนเท่านั้น แต่ยังตบตีหล่อนอีกหลายครั้ง
เขาข่มขู่และขับไล่หล่อน ลั่นวาจาว่าหล่อนสามารถจากที่นี่ไปได้ทุกเมื่อตามต้องการ แต่ต้องปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวให้ลูกสาวของเขาก่อน
หวังหรงตระหนักได้ทันทีว่าทำไมกวนหย่งหัวถึงหลอกให้หล่อนแต่งงานกับเขา เป็นเพราะหล่อนช่วยชีวิตลูกสาวของเขาได้นี่เอง
หล่อนจึงปฏิเสธที่จะโดนหลอกใช้โดยเปล่าประโยชน์
ในที่สุดก็เจรจาข้อตกลงกับกวนหย่งหัว ว่าหลังจากที่หล่อนช่วยชีวิตลูกสาวของเขาแล้ว เขาจะต้องหย่าร้างกับภรรยาและอยู่กินร่วมกับหล่อน หรือไม่ก็มอบเงินก้อนโตให้กับหล่อนเพื่อให้ได้มีชีวิตที่ดีในฮ่องกง
เป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะกลับไปที่เจียงเฉิง เพราะหล่อนจะต้องถูกหัวเราะเยาะจากญาติมิตรทั้งหลายแน่ๆ
แต่กวนหย่งหัวกลับทรมานหล่อนให้อดอาหารสามวันสามคืน ทำให้หล่อนไม่กล้าร้องขอเงื่อนไขใด และยอมรับการปลูกถ่ายไขกระดูกให้ลูกสาวของเขาอย่างเชื่อฟัง
โชคดีที่กวนหย่งหัวดูแลหล่อนอย่างดีหลังการปลูกถ่ายไขกระดูกเสร็จ
หล่อนได้นอนห้องแยกและร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัวทั้งสามคน และเขามักจะจัดให้คนขับรถและสาวใช้ของครอบครัวพาหวังหรงไปตรวจสุขภาพ
หวังหรงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้หล่อนกำลังตั้งท้องลูกของกวนหย่งหัวอยู่
เพื่อเห็นแก่ลูกในท้อง กวนหย่งหัวจึงไม่ได้ใจร้ายกับหล่อนนัก
ผ่านไปไม่นาน ลูกของหวังหรงก็ได้ลืมตาดูโลก
ครั้งแรกที่หวังหรงให้กำเนิดลูก หล่อนก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดเจียนตายและขอรับการผ่าคลอด แต่กวนหย่งหัวกลับปฏิเสธอย่างหนักแน่น
แม้ว่าทารกจะคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่หวังหรงก็หมดสติจากความเจ็บปวด
เมื่อหล่อนฟื้นขึ้นมา ลูกของหล่อนก็หายไปแล้ว
หล่อนจึงเอ่ยถามกวนหย่งหัว และได้รู้ว่าทารกที่หล่อนเพิ่งให้กำเนิดมาเสียชีวิตแล้ว
เป็นไปได้อย่างไร!
หล่อนไปตรวจสุขภาพก่อนคลอดเป็นประจำ และหมอก็บอกว่าลูกในท้องของหล่อนสมบูรณ์และแข็งแรงดีทุกประการ
ต่อให้หล่อนจะสลบไสลไปเพราะความเจ็บปวดหลังคลอด แต่หูก็ได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของทารกอย่างชัดเจนก่อนจะหมดสติ ซึ่งบ่งชี้ว่าทารกยังมีชีวิตอยู่และแข็งแรงดี
หล่อนร้องไห้อาละวาดกับกวนหย่งหัว ขอให้เขาคืนลูกให้กับหล่อน แต่หล่อนกลับถูกเขาทุบตีอย่างรุนแรง
ต่อมานางพยาบาลที่ดูแลหล่อนอยู่ก็รู้สึกสงสารจึงบอกความจริงให้หล่อนได้รู้
ทันทีที่ลูกของหล่อนเกิด เขาก็ได้มอบเลือดจากสายสะดือแก่เด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวหลายคน
หลังทำการมอบเซลล์ต้นกำเนิดจากสายสะดือแล้ว กวนหย่งหัวก็ขายเด็กให้กับคู่สามีภรรยาที่เป็นหมันคู่หนึ่ง
ทันใดนั้นหวังหรงก็เข้าใจทันที ไม่น่าแปลกใจที่กวนหย่งหัวมีท่าทางกังวลและดูแลหล่อนขณะตั้งครรภ์เป็นอย่างดี เหตุผลก็คือเขาต้องการขายสายสะดือให้กับเด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเพื่อปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด
หล่อนเสียใจมากจนร้องไห้อย่างขมขื่น
ต่อให้กวนหย่งหัวจะไม่มีความรู้สึกใดๆ กับหล่อน แต่เด็กคนนั้นก็เป็นลูกของเขาเอง เขาปฏิบัติแบบนี้กับเด็กคนนั้นได้อย่างไร!
คำตอบของกวนหย่งหัวกลับทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
กวนหย่งหัวกล่าวว่า เขาไม่ต้องการที่จะมีลูกกับหญิงแพศยาอย่างหล่อนตลอดทั้งชีวิตนี้
หวังหรงรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่เรื่องโกหก ไม่ผิดที่เขาจะไม่ใช่คนดี แต่เขามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกหล่อนว่าชั่วร้าย?
กวนหย่งหัวไม่เพียงขายสายสะดือของลูกให้กับเด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่ยังขายลูกของหล่อนด้วย นี่คือการกระทำที่ชั่วช้าที่สุด
ทว่าหล่อนไม่คาดคิดเลยว่าจะมีสิ่งเลวร้ายมากกว่านั้นรอหล่อนอยู่
หลังจากที่หวังหรงออกจากโรงพยาบาล กวนหย่งหัวก็ขายหล่อนให้กับผู้ซื้อขายอวัยวะมนุษย์ใต้ดิน
แม้ว่าคนเหล่านั้นจะให้อาหารและเครื่องดื่มที่ดีแก่หล่อน แต่หล่อนก็รู้ว่าพวกเขาต้องการรักษาสุขภาพของหล่อนให้ดีเพื่อให้อวัยวะของหล่อนถูกขายได้ในราคาดีเท่านั้น
ภายในครึ่งเดือนหลังจากที่หวังหรงมาอยู่กับพวกค้าอวัยวะมนุษย์ใต้ดินแห่งนี้ หล่อนก็ได้พบเห็นผู้ร่วมชะตากรรมมากมายถูกผ่าชำแหละหัวใจไปขายและสิ้นชีวิตลง
ว่ากันว่าพวกเขาจะทำการชำแหละขายไตก่อน จากนั้นจึงชำแหละขายตับบางส่วน ก่อนที่จะเริ่มชำแหละหัวใจและไตที่เหลืออีกข้างในคราวเดียวกัน
มีเพียงแหล่งซื้อขายอวัยวะใต้ดินเท่านั้นที่สามารถทำกำไรได้สูงสุดจากคนเพียงคนเดียวเช่นนี้
ทันทีที่หวังหรงคิดว่าตนจะต้องถูกชำแหละอวัยวะไปขายทีละส่วนจนกว่าจะตาย หล่อนก็หวาดกลัวตลอดทั้งวันและอยากจะหนีไป
แต่หนังสือเดินทางและเอกสารประจำตัวอื่น ๆ ของหล่อนตกอยู่ในมือของนายหน้าค้าอวัยวะมนุษย์ใต้ดิน การออกจากฮ่องกงจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
ถึงอย่างนั้นหล่อนก็หาโอกาสหลบหนีได้ จากนั้นจึงไปที่สถานีตำรวจด้วยความหวังว่าตำรวจจะช่วยส่งตนกลับจีนแผ่นดินใหญ่ได้
หวังหรงอาศัยอยู่ในฮ่องกงมานานกว่าครึ่งปี จนรู้ว่าตำรวจในฮ่องกงทุจริตมากขนาดไหน
เพื่อให้ตำรวจช่วยเหลือตน หล่อนก็จงใจติดสินบนตำรวจด้วยสร้อยข้อมือเพชรจากชุดเครื่องเพชรที่กวนหย่งหัวซื้อให้หล่อน
แต่หล่อนกลับไม่คาดคิดว่าชุดเครื่องเพชรที่กวนหย่งหัวซื้อให้ตนนั้นจะเป็นของปลอมยกชุด
ตำรวจโกรธมากเมื่อได้รับสร้อยข้อมือเพชรปลอม และเข้าใจไปว่าหวังหรงกำลังเล่นตลกกับเขา
เขาไม่เพียงแต่ไม่ช่วยเหลือหล่อน แต่ยังส่งหล่อนกลับไปหานายหน้าค้าอวัยวะมนุษย์คนนั้นอีกด้วย
แม้นายหน้าค้าอวัยวะจะไม่ได้ทุบตีหรือต่อว่าหล่อน แต่เขากลับจับหล่อนขึ้นเตียงผ่าตัดทันที หลังได้ลงจากเตียง หล่อนก็ตระหนักว่าไตข้างหนึ่งของตนหายไปแล้ว
และคืนนี้หล่อนจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเถื่อนเพื่อชำแหละหัวใจและไตอีกข้างที่เหลืออยู่
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือวันนี้เป็นวันตายของหล่อน และหล่อนก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอความตาย
น้ำตาพลันรินไหลออกมาจากหางตาหล่อนทีละหยด
ทันใดนั้น ประตูที่ล็อกจากด้านนอกก็เปิดออก พร้อมกับชายร่างใหญ่ในชุดดำหลายคนกรูเข้ามาข้างใน
เมื่อเห็นพวกเขา หวังหรงก็ร้องไห้โฮ พยายามอ้อนวอนขอความเมตตาจากเหล่าชายชุดดำโดยหวังว่าพวกเขาจะปล่อยหล่อนไป
ชายร่างใหญ่ในชุดดำคนหนึ่งปักเข็มฉีดยาสลบใส่หล่อนในปริมาณที่พอเหมาะด้วยสีหน้าเฉยเมย จนหวังหรงถึงกับเดินโซเซพูดไม่ออก ปล่อยให้ชายร่างกำยำในชุดดำตะครุบตัวหล่อนไว้และนำส่งโรงพยาบาลเถื่อนเพื่อชำแหละอวัยวะทันที
เมื่อไฟในห้องผ่าตัดฉายจ้าเหนือศีรษะ หวังหรงก็รู้สึกหวาดกลัว
สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดสั่งให้หล่อนออกแรงดิ้นรนทันที
แต่ยาสลบในร่างกายเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ทำให้สติของหล่อนเริ่มเลอะเลือนไปในไม่ช้า
ก่อนจะตกสู่ภวังค์แห่งความมืดมิด หัวใจของหล่อนก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ความเกลียดชังปรากฏชัดในหัวใจหล่อน หากไม่ใช่เพราะหลินม่าย หล่อนกับฟางจั๋วหรานก็คงได้แต่งงานกันไปแล้ว แล้วก็คงไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้!
หากกลับชาติมาเกิดได้จริง หล่อนต้องฆ่านังแพศยาหลินม่ายนั่นให้ได้!
แต่น่าเสียดาย ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลับมาเกิดใหม่ได้อย่างที่คาดหวัง
……………………………………………
สารจากผู้แปล
ฉากการตายของยัยหรงนี่ทั้งหดหู่และสยดสยองมากเลยค่ะ แถมไม่ได้โควตากลับชาติมาเกิดด้วย ยัยหลินเพ่ยกับยัยไป๋ซวงเตรียมตัวเลย ไม่รู้ว่าอาจารย์ผู้เขียนจะเขียนฉากการตายของพวกหล่อนให้ตายศพไม่สวยแบบนี้หรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)