ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 637 ต่างฝ่ายต่างยืนกราน (กลาง)

ตอนที่ 637 ต่างฝ่ายต่างยืนกราน (กลาง)

จิ​่น​เกอ​จ้องมอง​มารดา​ด้วย​สีหน้า​ที่​ดื้อรั้น​ ​“​อาจารย์​ผัง​รู้​ว่า​ข้า​ถูก​ลงโทษ​ไป​แล้ว​ ​ย่อม​ต้อง​รู้​ว่า​ข้า​ยอมรับผิด​แล้ว​ ​ข้า​ไม่​ไป​!​”

“​เจ้า​ถูก​ลงโทษ​ ​อาจารย์​ผัง​ย่อม​รู้อยู่​แล้ว​ว่า​เจ้า​สำนึกผิด​ ​แต่​การ​ที่​เจ้า​ไป​แสดง​ความรู้สึกผิด​กับ​อาจารย์​ผัง​ด้วยตัวเอง​ ​ไม่​ดู​จริงใจ​กว่า​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​โกรธจัด​ ​แต่​ก็​พยายาม​ข่ม​น้ำเสียง​ให้​อ่อนโยน​ที่สุด​ ​“​กล้า​ถอนขน​นกยูง​คือ​ความกล้าหาญ​ ​กล้า​ไป​เด็ด​ผล​ส้ม​ที่​หน้าผา​สูงชัน​คือ​ความกล้าหาญ​ ​ฝึก​ย่อเข่า​ได้ดี​กว่า​คนอื่น​คือ​ความกล้าหาญ​ ​หากว่า​เรา​กระทำความผิด​ ​แต่​ไม่​ปิดบัง​หรือ​หลบเลี่ยง​ ​ออก​ไป​ยอมรับ​ความผิด​ด้วยตัวเอง​ ​ก็​ถือเป็น​ความกล้าหาญ​อย่างหนึ่ง​ ​และ​ยัง​เป็นความ​กล้าหาญ​ที่แท้​จริง​อีกด้วย​…​”

“​ข้า​ไม่​ไป​ ​ข้า​ไม่​ไป​…​”​ ​จิ​่น​เกอ​ยังคง​ปฏิเสธ​ด้วย​ความดื้อ​รั้น​ ​เขา​ปิด​หู​ทั้งสอง​ข้าง​ไว้​ ​ไม่ยอมรับ​ฟัง​แม้แต่​นิดเดียว​ ​จากนั้น​ก็​วิ่ง​ออกจาก​เรือน​ไป​ทันที

สือ​อี​เหนียง​ตะลึงงัน

ถึงแม้ว่า​บุตรชาย​ของ​นาง​จะ​เห็นแก่​เล่น​ ​และ​ใน​บางครั้ง​ก็​อาจจะ​ไร้เหตุผล​ ​แต่​เขา​ก็​รับฟัง​นาง​ทุกครั้ง​…​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​ครั้งนี้​เขา​จะ​ไม่ยอม​ฟัง​แม้แต่​คำพูด​ของ​นาง​ ​เหล่า​บรรดา​บ่าว​รับใช้​ต่าง​ก็​ไม่มีใคร​กล้า​ขัดใจ​เขา​แม้แต่​คนเดียว​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​ไท่ฮู​หยิน​เห็น​ความดื้อ​รั้น​ของ​เขา​เป็นความ​ฉลาด​ ​หาก​ปล่อย​ให้​เป็น​อย่างนี้​ต่อไป​ ​ไม่ว่า​ใคร​ก็​คงจะ​ไม่​สามารถ​จัดการ​เขา​ได้​!

นาง​ไม่​สามารถ​ข่ม​ไฟ​ที่​ลุกโชน​ใน​อก​ได้​อีกต่อไป

สือ​อี​เหนียง​รีบ​สวม​รองเท้า​แล้ว​วิ่ง​ตาม​เขา​ไป​ทันที

“​หยุด​เดี๋ยวนี้​นะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ตะโกน​เสียงดัง​ลั่น

เป็นครั้งแรก​ที่​คนใน​เรือน​ได้ยิน​สือ​อี​เหนียง​ใช้​น้ำเสียง​ที่​เดือดดาล​เช่นนี้​ ​ต่าง​ก็​หันหน้า​มาสบ​ตากัน​ด้วย​ความตกใจ​ ​พากัน​ถอย​ไป​ยืน​อยู่​มุม​ห้อง​ด้วย​ความกลัว

“​ทำผิด​แล้ว​ไม่ยอมรับ​ความผิด​ ​ยัง​คิด​จะ​หนี​อีก​!​”​ ​ใน​การ​ใช้ชีวิต​ไม่ว่า​จะ​ยากลำบาก​แค่ไหน​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่เคย​เลย​สักครั้ง​ที่จะ​หลีกหนี​ปัญหา​ ​นาง​เชื่อมั่น​เสมอ​ว่า​หาก​ใช้​สติปัญญา​และ​มี​ความซื่อสัตย์​จริงใจ​ ​กล้า​ที่จะ​รับ​ผล​ที่​ตามมา​ ​ก็​จะ​สามารถ​ผ่านพ้น​ได้​ทุก​อุปสรรค​ ​ด้วยเหตุนี้​จึง​เกลียด​คนที​่​ชอบ​หนีปัญหา​เป็น​ที่สุด​ ​นึกถึง​ความตั้งใจ​ที่​ตน​บ่ม​เพาะเลี้ยง​ดู​บุตรชาย​ด้วย​ความ​ทุ่มเท​และ​จริงใจ​ ​แต่​บุตรชาย​กลับมา​เป็น​เช่นนี้​ ​หลักการ​และ​เหตุผล​ของ​นาง​ก็​พังทลาย​หาย​ไป​ ​ประหนึ่ง​เขื่อน​ใหญ่​ที่​แตก​สะบั้น​ ​“​เจ้า​หนี​ไป​แล้ว​ ​เรื่อง​ที่​เคย​ทำ​จะ​หาย​ไป​หรือ​ ​เจ้า​หนี​ไป​แล้ว​ ​ก็​ไม่ต้อง​ไป​กล่าว​ขอโทษ​กับ​อาจารย์​ผัง​แล้ว​อย่างนั้น​หรือ​ ​สวี​ซื่อ​จิ​่น​ ​หาก​ครั้งนี้​เจ้า​ไป​กล่าว​ขอโทษ​กับ​อาจารย์​ผัง​ ​ข้า​จะ​ปล่อย​เรื่อง​นี้​ไป​ ​มิเช่นนั้น​ ​หลัง​กักบริเวณ​สาม​วัน​แล้ว​ ​ข้า​จะ​ให้​เจ้า​ไป​คุกเข่า​ต่อหน้า​ศาล​บรรพชน​ต่อ​ ​สำนึก​ได้​เมื่อไร​ก็​ค่อย​กลับ​ไป​เรียน​ที่​เรือน​ซิ่ว​มู่​!​”

นาง​เลี้ยงดู​เขา​ด้วยตัวเอง​ ​ที่ผ่านมา​นาง​อ่อนโยน​กับ​เขา​มาโดยตลอด​ ​อย่า​ว่าแต่​ลงโทษ​ให้​ไป​คุกเข่า​หน้า​ศาล​บรรพชน​เลย​ ​แม้แต่​ตะคอก​เขา​ก็​ไม่เคย​เลย​สักครั้ง

จิ​่น​เกอ​ยืน​ตัว​แข็งทื่อ​อยู่​ที่​เดิม

ท่าน​แม่​ตำหนิ​เขา​เพียง​เพราะ​เรื่อง​ของ​อาจารย์​ผัง​อย่างนั้น​หรือ

“​คนที​่​ใส่ยา​ระบาย​ลง​ไป​ใน​ถ้วย​น้ำชา​ของ​อาจารย์​ผัง​ไม่ใช่​ข้า​คนเดียว​เสียหน่อย​ ​เหตุใด​ถึง​กักบริเวณ​ข้า​แค่​คนเดียว​ ​แถม​ยัง​ต้อง​ไป​กล่าว​ขอโทษ​อีก​…​”​ ​เขา​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความโกรธแค้น​ ​แฝง​ไป​ด้วย​ความน้อย​เนื้อ​ต่ำ​ใจ

“​หุบปาก​ประเดี๋ยวนี้​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​จ้องมอง​ใบหน้า​เต็มไปด้วย​ความไม่พอใจ​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​นาง​โมโห​จน​ใบหน้า​แดงก่ำ​ไป​หมด​ ​ตะโกน​เสียงดัง​กลบ​เสียง​ของ​เขา​ไป​ ​“​เจ้า​ทำความ​ผิด​ ​ยัง​จะ​กล้า​โยนความผิด​ไป​ให้​คนอื่น​”​ ​สือ​อี​เหนียง​นึกในใจ​ ​ว่านาง​ทะนุถนอม​เขา​มาโดยตลอด​ ​เหตุใด​บุตรชาย​ถึง​ได้​กลายเป็น​คน​เช่นนี้​ไป​ได้​ ​“​เจ้า​เป็น​พี่ชาย​ ​เซิน​เกอ​เป็น​น้อง​ ​เจ้า​ไม่​ห้ามปราม​น้อง​ ​แล้วยัง​จะ​ไป​เปรียบเทียบ​กับ​น้อง​อีก​ ​อย่า​ว่าแต่​เขา​อายุ​น้อยกว่า​เจ้า​และ​ไป​ทำ​เรื่อง​เหล่านี้​ตาม​เจ้า​เลย​ ​แม้ว่า​เขา​จะ​ไป​ทำความ​ผิด​เอง​ ​ไม่ได้​ไป​ทำตาม​เจ้า​ ​แต่​เจ้า​เป็น​ถึง​พี่ชาย​กลับ​ไม่​ห้ามปราม​น้อง​ ​ก็​ถือเป็น​ความ​บกพร่อง​ใน​หน้าที่​ของ​เจ้า​!​ ​แต่​เจ้า​กลับ​พูดจา​เช่นนี้​ออกมา​ได้​อย่างไร​กัน​ ​เจ้า​ยัง​หลงเหลือ​ความ​เป็น​พี่ชาย​อยู่​หรือไม่​ ​แม่​สอน​เจ้า​ให้​ทำตัว​เช่นนี้​หรือ​ ​เจ้า​มัน​…​”​ ​สือ​อี​เหนียง​โมโห​จน​ไม่รู้​ว่า​จะ​พูด​อะไร​ดี

เสียง​ฟ้าร้อง​ที่​ขอบฟ้า​ค่อยๆ​ ​ดัง​ขึ้น​ ​ท้องฟ้า​ที่​สว่าง​สดใส​ค่อยๆ​ ​มืดครึ้ม​ลง

น้ำตา​ของ​จิ​่น​เกอ​ค่อยๆ​ ​คลอ​เบ้า​ขึ้น​มา​ ​ใบหน้า​มารดา​ของ​เขา​ก็​ค่อยๆ​ ​เลือนราง​ไม่ชัด​เจน

“​ข้า​ไม่​ไป​ ​ข้า​ไม่​ไป​…​”​ ​เขา​พยายาม​เชิดหน้า​ขึ้น​ ​“​ไม่ว่า​อย่างไร​ข้า​ก็​ไม่​ไป​!​ ​และ​ข้า​ก็​ไม่ได้​ชักชวน​ผู้อื่น​ด้วย​…​”

นี่​ยัง​ไม่​ถือว่า​ชักชวน​ผู้อื่น​อีก​หรือ

“​ไม่​ไป​หรือ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ฉุนเฉียว​มากกว่า​เดิม​ ​“​หาก​ไม่​ไป​ก็​ยืน​อยู่​ตรงนี้​ไม่ต้อง​ไป​ไหน​ ​คิด​ไตร่ตรอง​ให้​ดี​ว่า​เหตุใด​แม่​ถึง​ให้​เจ้า​ไป​กล่าว​ขอโทษ​กับ​อาจารย์​ผัง​ ​เจ้า​คิดได้​เมื่อไร​ก็​ค่อย​มา​เจอ​ข้า​เมื่อนั้น​ ​แล้ว​ข้า​ค่อย​ไป​กล่าว​ขอโทษ​อาจารย์​ผัง​พร้อม​เจ้า​!​ ​หากว่า​เจ้า​คิด​ไม่ได้​ ​ก็​ไม่จำเป็น​ต้อง​ไป​กล่าว​ขอโทษ​กับ​อาจารย์​ผัง​ ​แล้วก็​ไม่จำเป็น​ต้อง​มา​เจอ​หน้า​ข้า​ด้วย​เช่นกัน​!​”

จิ​่น​เกอ​ได้ยิน​แล้วก็​หันหน้า​ไป​ทาง​อื่น​ ​แสดง​สีหน้า​ไม่พอใจ

ต่อหน้า​บิดา​มารดา​ยัง​กำเริบเสิบสาน​เช่นนี้​ ​ต่อหน้า​ผู้อื่น​จะ​ขนาด​ไหน​!

สือ​อี​เหนียง​โมโห​เป็นอย่างมาก​ ​นาง​หมุนตัว​เดิน​เข้าไป​ใน​เรือน​พลาง​สั่ง​กับ​หู่​พั่ว​ว่า​ ​“​ปิดประตู​ ​คุณชาย​น้อย​หก​คิดได้​เมื่อไร​ ​ค่อย​เปิด​ประตู​ให้​เขา​ก็แล้วกัน​”

คุณชาย​น้อย​หก​ที่​เป็น​เด็กดี​มาโดยตลอด​ ​จู่ๆ​ ​ก็​ดื้อรั้น​ขึ้น​มา​ ฮู​หยิน​ที่​เป็น​คน​ใจเย็น​มาโดยตลอด​ ​จู่ๆ​ ​ก็​เผด็จการ​เช่นนี้​ ​หู่​พั่ว​นึกไม่ถึง​ว่า​เรื่อง​จะ​กลายเป็น​เช่นนี้​ไป​ได้​ ​นาง​ไม่กล้า​พูด​อะไร​ต่อ​ ​รีบ​ขานรับ​ด้วย​ความ​นอบน้อม​ ​พลาง​หันไป​ส่งสายตา​ให้​กับ​ชิว​อวี​่​ ​เพื่อให้​นาง​ไป​เรียน​เรื่อง​นี้​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​จากนั้น​ก็​เดินตาม​หลัง​สือ​อี​เหนียง​พร้อมกับ​ปิดประตู​ห้องโถง​ของ​เรือน​หลัก​ลง

ชิว​อวี​่​วิ่ง​ออกจาก​ลาน​สวน​ไป​ตาม​ทางเดิน​เล็ก​ด้วย​ความเร่ง​รีบ

ส่วน​คนอื่นๆ​ ​ที่อยู่​ใน​เรือน​ต่าง​ก็​พากัน​เงียบ​ ​ไม่กล้า​แม้แต่​จะ​หายใจ​แรง​ ​เพราะ​กลัว​ว่า​จะ​ไป​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​มี​โทสะ​หรือ​จิ​่น​เกอ​ที่​อาจจะ​โดน​พาล​ไป​ด้วย

เวลา​นั้น​เอง​ ​บรรยากาศ​ใน​เรือน​ก็​เงียบสนิท​ ​ได้ยิน​เพียง​เสียง​ลม​ที่​กระทบ​กับ​ใบไม้​ดัง​ ​ซู่ๆ​ ​พลอย​ทำให้​บรรยากาศ​ยิ่ง​กดดัน​เข้าไป​ใหญ่

จิ​่น​เกอ​จ้องมอง​บานประตู​เก๋อ​ซ่าน​กระจก​สลักลาย​ผลึก​น้ำแข็ง​สีเขียว​ที่​ถูก​ปิด​ลง​พลาง​เม้ม​ริมฝีปาก​แน่น​ ​จากนั้น​ก็​เหลือบมอง​เหล่า​บรรดา​สาวใช้​ที่​ยืน​ชิด​มุม​ห้อง​ตัว​แข็งทื่อ

*****

หู่​พั่ว​ประคอง​สือ​อี​เหนียง​เข้าไป​นั่ง​ที่​เตียง​เตา​ใหญ่​ริม​หน้าต่าง​ของ​ห้อง​ชั้นใน

สาวใช้​น้อย​ยก​น้ำชา​เข้ามา​ด้วยมือ​ที่​สั่นเทา

หู่​พั่ว​รับ​ถ้วย​น้ำชา​มา​ ​จากนั้น​ก็​ส่งสายตา​ให้​สาวใช้​น้อย​ออก​ไป​ก่อน​ ​แล้วจึง​ยก​ถ้วย​น้ำชา​มา​วาง​ไว้​บน​โต๊ะ​ตรงหน้า​สือ​อี​เหนียง​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​รอบข้าง​ไม่มีใคร​อยู่​แล้ว​ ​ก็​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​จิบ​ชา​ให้​ชุ่ม​คอ​เสียหน่อย​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”

เวลานี้​ ​สือ​อี​เหนียง​ดื่ม​ลง​เสียที​่​ไหน​กัน​ ​นาง​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​มา​พลาง​หยิบ​ฝาน​้ำ​ชา​เกลี่ย​ใบชา​ที่​ลอย​อยู่​บน​ผิวน้ำ​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​วาง​ถ้วย​น้ำชา​ลง​บน​โต๊ะ​อีกครั้ง

“ฮู​หยิน​!​”​ ​หู่​พั่ว​สังเกต​สีหน้า​ท่าที​ของ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความระมัดระวัง​ ​“​เพียง​ชั่วพริบตา​ ​เวลา​ก็​ล่วงเลย​ผ่าน​ไป​หลาย​ปี​ขนาด​นี้​แล้ว​ ​นึกถึง​ตอนนั้น​ ​ตอนที่​บ่าว​เพิ่ง​ติดตามฮู​หยิน​เป็นครั้งแรก​ ​ทำ​อะไร​ไม่​เป็น​สัก​อย่าง​ ฮู​หยิน​จึง​คอย​จับมือ​สอน​ทุกสิ่งทุกอย่าง​ ​ทุกวันนี้​ ​บ่าว​จึง​สามารถ​ทำ​ทุกอย่าง​ได้​ด้วยตัวเอง​ ​เวลา​ผู้อื่น​เอ่ยถึง​บ่าว​ ​ก็​ล้วนแล้วแต่​เชยชม​ว่า​บ่าว​นั้น​มี​ความสามารถ​ ​ทุกครั้งที่​ได้ยิน​บ่าว​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​ประหม่า​ ​บ่าว​คอย​นึกคิด​อยู่​เสมอ​ว่า​หาก​ไม่ใช่​เพราะฮู​หยิน​คอย​ค้ำจุน​อบรม​สอนสั่ง​ ​บ่าว​จะ​มี​วันนี้​ได้​อย่างไร​กัน​…​”

สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​เจตนา​ของ​หู่​พั่ว​ ​จึง​โบกมือ​ให้​นาง​เบา​ๆ

“​เขา​โตมา​ขนาด​นี้​ ​เจ้า​เคย​เห็น​ข้า​โกรธ​เขา​สักครั้ง​หรือไม่​ ​เป็น​เพราะ​ที่ผ่านมา​ข้า​ไม่เคย​โมโห​เขา​เลย​สักครั้ง​หรือ​อย่างไร​กัน​”​ ​ขณะที่​พูด​อยู่​นั้น​ ​นาง​ก็​นึกถึง​สีหน้า​ที่​ไม่พอใจ​ของ​จิ​่น​เกอ​ขึ้น​มา​ ​อารมณ์​จิตใจ​ที่​เพิ่ง​สงบ​ไป​เมื่อ​ครู่​ก็​เริ่ม​เดือด​ขึ้น​มา​อีกครั้ง​ ​น้ำเสียง​ค่อยๆ​ ​เปลี่ยนเป็น​ฉุนเฉียว​ขึ้น​มา​ ​“​ข้า​คิด​เสมอ​ว่า​เขา​อายุ​ยังน้อย​ ​หาก​ข้า​ค่อยๆ​ ​บ่ม​เพาะ​อบรม​สอนสั่ง​ ​ไม่ว่า​เขา​จะ​ดื้อรั้น​แค่ไหน​ ​ข้า​ก็​จะ​คิด​ในแง่​ดีเสมอ​ ​เวลา​ที่​มี​อารมณ์​โกรธ​ ​ก็​พยายาม​ข่มอารมณ์​โกรธ​ไว้​ ​คิด​ว่า​หาก​เขา​โต​ขึ้น​อีก​สักหน่อย​ก็​จะ​ดีขึ้น​ ​แต่​เจ้า​ดู​วันนี้​สิ​…​”​

“ฮู​หยิน​!​”​ ​หู่​พั่ว​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​เริ่ม​โมโห​ขึ้น​มา​ ​จึง​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ในเมื่อ​ท่าน​รู้​ว่า​…​”

“​พอ​เถิด​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ลด​เสียง​ลง​ ​จากนั้น​ก็​เอน​ตัว​นอนลง​บน​หมอนอิง​สีแดง​สด​ที่​ปัก​ด้วย​ลาย​ต้น​ไผ่​สีเขียว​เข้ม​ ​“​เจ้า​เอง​ก็​ไป​พักผ่อน​เถิด​ ​เรื่อง​นี้​ข้า​จะ​เป็น​คน​ตัดสินใจ​เอง​”​ ​สีหน้า​ท่าที​ของ​นาง​หนักแน่น​เป็นอย่างมาก

หู่​พั่ว​ไม่กล้า​พูด​อะไร​ต่อ​ ​ได้​แต่​ขานรับ​พร้อมกับ​ถอย​ออกจาก​ห้อง​ชั้นใน​ไป

ใน​เรือน​เงียบสงัด​ ​ได้ยิน​เพียง​เสียง​เดิน​เข็ม​ของ​นาฬิกา​ตั้ง​พื้นที่​ตั้งอยู่​ใน​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก

อารมณ์​จิตใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ค่อยๆ​ ​สงบ​ลง​อย่าง​ช้าๆ

เมื่อครู่นี้​นาง​เอาแต่​โมโห​ ​จึง​ไม่ได้​สังเกตว่า​มีบ​่า​วรับ​ใช้​ไปรา​ยงาน​เรื่อง​นี้​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​ไท่ฮู​หยิน​หรือไม่​ ​และ​ถึงแม้ว่า​จะ​ได้​สังเกต​ ​แต่​ภายใต้​สถานการณ์​เช่นนั้น​ ​นาง​ก็​ไม่​สามารถ​ยับยั้ง​ได้​อยู่ดี​ ​มิเช่นนั้น​ ​จิ​่น​เกอ​ที่​ฉลาด​หัวไว​จะ​คิด​ว่านา​งก​ลัว​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ไม่แน่​บางที​เขา​อาจจะ​หนี​ไป​อ้อน​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​เป็นได้​…​เกิดเรื่อง​เช่นนี้​ใน​เรือน​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​หรือ​ไท่ฮู​หยิน​ ​หาก​ทราบ​ข่าว​แล้วก็​คงจะ​รีบรุด​มาทัน​ที​กระมัง​…

เมื่อ​นึกถึง​ตรงนี้​ ​นาง​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​มองออก​ไป​ยัง​นอก​หน้าต่าง

ใน​ลาน​สวน​ ​ดอก​กล้วยไม้​หยก​สีขาว​สะอาด​ประดุจ​หยก​ ​ดอก​ทับทิม​สีแดง​ประดุจ​เปลวไฟ​ ​ดอก​พุทธรักษา​หลากหลาย​สีสัน

จิ​่น​เกอ​ยืน​นิ่ง​อยู่​ที่​เดิม​ไม่กล้า​ขยับ​แม้แต่​นิดเดียว​ ​เงา​ของ​ร่างกาย​ที่​เปราะบาง​พลอย​ทำให้​เขา​ดูดื​้​อรั​้น​และ​อ่อนแอ​ในเวลาเดียวกัน

จู่ๆ​ ​ก็​รู้สึก​ใจอ่อน​ขึ้น​มา​อย่าง​บอก​ไม่​ถูก

ใน​หัว​ของ​นาง​เต็มไปด้วย​ภาพรอย​ยิ้ม​ของ​บุตรชาย​ที่​เดิน​เตาะแตะ​มาทัด​ดอกไม้​ให้​นาง​ ​ใช้​มือ​น้อย​ๆ​ ​ที่​ขาว​เนียน​และ​อวบอ้วน​พยายาม​จะ​ป้อน​ขนม​เถา​ซู​เข้า​ปาก​นาง​ให้​ได้​ ​ภาพ​ที่​เขา​ล้อมรอบ​ตัวนาง​พูดคุย​เจี๊ยวจ๊าว​ไม่​หยุด​…​จู่ๆ​ ​นาง​ก็​รู้สึก​กังวลใจ​ขึ้น​มา

เด็ก​คน​นี้​ ​ตั้งแต่​เล็ก​จน​โต​ ​เขา​ได้​ทุกสิ่งทุกอย่าง​ตามใจ​ต้องการ​มาโดยตลอด​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ไม่ยอม​ก้มหัว​ง่ายๆ​ ​อย่างแน่นอน​!

สือ​อี​เหนียง​เริ่ม​นั่ง​ไม่​ติด​ขึ้น​มา

นาง​พยายาม​ข่มใจ​ไว้​ ​เดิน​วน​ไปมา​ใน​ห้อง​อยู่​หลาย​รอบ​ ​และ​คอย​หันกลับ​ไป​มอง​ที่​นอก​หน้าต่าง​อยู่​หลายครั้ง​ ​ก็​เห็น​จิ​่น​เกอ​ที่​ยังคง​ยืน​อยู่​ที่​เดิม​ ​เพียงแต่ว่า​เขา​เชิดหน้า​ขึ้น​สูง​กว่า​เดิม​ ​เพื่อ​แสดงให้เห็น​ว่า​เขา​นั้น​เข้มแข็ง

สือ​อี​เหนียง​ค่อยๆ​ ​ถอนหายใจ​ออกมา​อย่าง​ช้าๆ

เรื่อง​มาถึง​ขนาด​นี้​ ​คง​ต้อง​มี​ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง​เป็น​คน​ยอม

นาง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​นำ​สะดึง​ผ้า​ปัก​ออกมา​ปัก​ ​พยายาม​ข่มใจ​ตัวเอง​ให้​สงบ​ ​ไม่​ให้​นึกถึง​คนที​่​กำลัง​ยืน​อยู่​กลาง​ลาน​สวน

กว่า​จะ​แบ่ง​เส้นด้าย​มา​ ​ร้อย​ด้าย​เข้ากับ​รู​เข็ม​ ​ปัก​ใบไม้​ได้​เพียง​ครึ่ง​ใบ​ ​ทันใดนั้น​เอง​ก็​มีเสียง​ฟ้าผ่า​ดัง​ขึ้น

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ​เป็นอย่างมาก​ ​นาง​รีบ​ชะโงกหน้า​มองออก​ไป​ที่​นอก​หน้าต่าง​ทันที

ด้านนอก​ลม​พัด​โหมกระหน่ำ​ ​กิ่งไม้​โยกคลอน​ ​เมฆ​ดำทะมึน

จิ​่น​เกอ​ที่​ยืน​อยู่​กลาง​ลาน​สวน​ก็​หันกลับ​ไปดู​พลาง​ยก​แขน​ขึ้น​มาบัง​ลม​ที่​พัด​เข้ามา

“​หู่​พั่ว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รีบ​ลง​จาก​เตียง​เตา​มาสว​มร​อง​เท้า

หู่​พั่ว​ที่​ยืน​เฝ้า​อยู่​หลัง​ม่าน​มาโดยตลอด​ ​เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ความเคลื่อนไหว​ ​นาง​ก็​รีบ​เปิดม่าน​เข้าไป​ทันที

“​รีบ​ไปดู​คุณชาย​น้อย​หก​…​”​ ​นาง​พึ่ง​จะ​พูด​ออก​ไป​ ​จู่ๆ​ ​สีหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​ก็​เปลี่ยนไป​ในทันที

หากว่า​ต้อง​ยกเลิก​การตัดสินใจ​เมื่อครู่นี้​เพียง​เพราะ​สาเหตุ​ภายนอก​ ​ต่อไป​ภายภาคหน้า​จิ​่น​เกอ​ยัง​จะ​เชื่อฟัง​คำสอน​และ​คำ​ว่ากล่าว​ตักเตือน​ของ​นาง​หรือ

สือ​อี​เหนียง​จึง​ค่อยๆ​ ​ยืน​ตัวตรง​ ​จากนั้น​ก็​ตะโกนเรียก​หู่​พั่ว​ที่​กำลังจะ​วิ่ง​ออก​ไป​ด้านนอก​ด้วย​สีหน้า​ที่​แปลกใจ​และ​ดีใจ​ในเวลาเดียวกัน​ ​“​…​ไม่ต้อง​แล้ว​!​”

“ฮู​หยิน​!​”​ ​หู่​พั่ว​จ้องมอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความ​งุนงง​ ​“​ด้านนอก​มี​ฟ้าผ่า​และ​ลม​พัด​แรง​ ​เกรง​ว่า​ฝน​กำลังจะ​ตก​เจ้าค่ะ​…​”

จริง​สิ​!

ถึงแม้ว่า​ยังอยู่​ใน​ฤดูร้อน​ ​แต่​หาก​โดน​ฝน​ก็​จะ​รู้สึก​หนาว​ได้​ ​และ​หากว่า​เขา​ป่วย​ขึ้น​มา​ ​คนที​่​เสียใจ​ที่สุด​ก็​คือ​นาง

แต่ทว่า​ ​เขา​ดันทุรัง​เช่นนี้​ ​เหล่า​บรรดา​บ่าว​รับใช้​ที่​เห็น​ก็​คงจะ​ไม่​ปล่อย​เขา​ทิ้ง​ไว้​โดยที่​ไม่สน​ใจ​ ​ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​คงจะ​ต้อง​มี​คน​ทำ​ใน​สิ่ง​ที่​ควร​ทำ​อย่างแน่นอน

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​เจื่อน

บางที​นี่​ก็​คงจะ​เป็นสาเหตุ​ที่​ทำให้​จิ​่น​เกอ​กลายเป็น​คน​ดื้อรั้น​กระมัง​!

เมื่อ​ความคิด​นี้​แล่น​ผ่าน​ใน​หัว​…​ด้านนอก​ก็​มีเสียง​ฟ้าร้อง​ดัง​ขึ้น​ ​เปรี้ยงปร้าง​ ​ฟ้าแลบ​บวก​กับ​ก้อน​เมฆ​ที่​ดำมืด​มากขึ้น​กว่า​เดิม​ ​เวลา​นั้น​เอง​ ​ฝน​ก็​ตกลง​มา

สือ​อี​เหนียง​เดิน​กลับ​เข้า​ห้อง​ชั้นใน​ ​จากนั้น​นาง​ก็​รีบ​ขึ้นไป​นั่ง​บน​เตียง​เตา​ ​ชะโงกหน้า​มองออก​ไป​ยัง​นอก​หน้าต่าง

ฝน​เม็ด​ใหญ่​กำลัง​ร่วงหล่น​จาก​ฟากฟ้า​กระทบ​ลง​บน​หิน​กรวด​ ​แตกตัว​ราวกับ​ดอกไม้​ดอก​เล็ก​ๆ

จิ​่น​เกอ​ก้าว​ไป​ข้างหน้า​สอง​ก้าว​ ​แต่​แล้ว​เขา​ก็​หยุด​ฝีเท้า​ลง​ ​ราวกับว่า​นึก​อะไร​ขึ้น​มา​ได้​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​มอง​มาที​่​หน้าต่าง​ของ​ห้อง​ชั้นใน

สือ​อี​เหนียง​รีบ​หลบ​เข้ามา​อย่างรวดเร็ว​ ​กลัว​ว่า​หาก​เขา​เห็น​ว่านาง​เป็นห่วง​ ​ทุกอย่าง​ที่​ทำ​ไป​ก็​จะ​สูญเปล่า

ฟ้าแลบ​ติดต่อกัน​ไม่ขาดสาย​ ​เสียง​ฟ้าร้อง​ดัง​ขึ้น​ไม่​หยุด​ ​ฝนตก​หนัก​ขึ้น​เรื่อยๆ

หัวใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​บีบ​แน่น​ยิ่งขึ้น​กว่า​เดิม​ ​นาง​แอบมอง​เขา​อยู่​หลัง​ฉลุ​บานหน้าต่าง

จู๋​เซียง​รีบ​กางร่ม​พร้อมกับ​วิ่ง​ออก​ไปหา​เขา​ ​ดูเหมือนว่า​นาง​กำลัง​พูด​อะไร​บางอย่าง​กับ​จิ​่น​เกอ

สายตา​ของ​จิ​่น​เกอ​ยังคง​จับจ้อง​มาที​่​หน้าต่าง​ของ​ห้อง​ชั้นใน​ ​เขา​เม้ม​ริมฝีปาก​แน่น​พลาง​ส่ายหน้า​ปฏิเสธ​ทันควัน

จู๋​เซียง​โน้มน้าว​อยู่นาน​ ​แต่​จิ​่น​เกอ​ก็​ยังคง​ยืน​อยู่​ที่​เดิม​ไม่ยอม​ขยับ​ไป​ไหน​แม้แต่​ก้าว​เดียว

จู๋​เซียง​จึง​ทำได้​เพียง​ยืน​กางร่ม​ให้​กับ​จิ​่น​เกอ​อยู่​ที่​เดิม

แต่​จิ​่น​เกอ​กลับ​แย่ง​ร่ม​มาจาก​นาง​ ​จากนั้น​ก็​โยน​ร่ม​ทิ้ง​ลง​กับ​พื้น

จู๋​เซียง​ตกอกตกใจ​ ​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​ทำ​อย่างไร​ดี​ ​นาง​จึง​ทำได้​เพียง​ปล่อย​ให้​ฝน​สาด​กระหน่ำ​ลง​บน​ตัว​ของ​นาง

“​เจ้า​ไป​บอก​กับ​จู๋​เซียง​ ​ไม่​สิ​ ​เจ้า​ไป​บอก​กับ​เหล่า​บรรดา​บ่าว​รับใช้​ทุกคน​”​ ​สือ​อี​เหนียง​สั่ง​กับ​หู่​พั่ว​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​ ​“​ไม่ว่า​ใคร​ก็​ห้าม​สนใจ​คุณชาย​น้อย​หก​ ​มิเช่นนั้น​ ​ก็​จะ​ถูก​ส่งตัว​ไป​ให้​พ่อบ้าน​ไป๋​จัดการ​”

หู่​พั่ว​ตกตะลึง​ ​นาง​ไม่กล้า​ชักช้า​ ​รีบ​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​ถอย​ออกจาก​ห้อง​ชั้นใน​ทันที

ด้านนอก​มีเสียง​โครมคราม​ดัง​ขึ้น

สือ​อี​เหนียง​จึง​มองผ่าน​กระจก​ของ​บานหน้าต่าง​อีกครั้ง​ ​ก็​เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​เดิน​ฝ่า​ฝน​เข้ามา​ด้วย​ความรีบร้อน

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท