ตอนที่ 637 เยี่ยมเยียนหลินเพ่ย
หลังจากเขียนรายการของแล้ว ฟางจั๋วหรานก็ตัดสินใจไปช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งเจียงเฉิง
หลินม่ายรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ผู้อาวุโสอวี๋ได้ช่วยเธอออกแบบพิมพ์เขียวสำหรับที่ดิน 2 ผืนในฮ่องกงแล้ว ดังนั้นเธอจึงคิดจะเดินทางไปยังฮ่องกงในวันพรุ่งนี้และเตรียมเริ่มก่อสร้างอาคารทั้งสองหลังพร้อมกัน
ฟางจั๋วหรานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ทำไมคุณไม่บอกผมก่อน? ผมจะได้ขอลางานเพื่อไปฮ่องกงกับคุณและหาซื้ออุปกรณ์จัดงานแต่งงานที่นั่นด้วย”
หลินม่ายโบกมือ “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปแค่ไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว”
“แต่ผมก็อดห่วงคุณไม่ได้” ฟางจั๋วหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าคุณเลื่อนวันเวลาเดินทางออกไปได้ ผมจะขอลางานในตอนบ่ายและเดินทางไปฮ่องกงพร้อมกับคุณพร้อมหาซื้อของจัดงานแต่งงานที่ฮ่องกงระหว่างทาง”
คุณปู่และคุณย่าฟางต่างก็แสดงการสนับสนุนพวกเขา โต้วโต้วก็อยากไปฮ่องกงเช่นกัน แต่กลับถูกคุณปู่และคุณย่าฟางเกลี้ยกล่อมไว้
ฟางจั๋วหรานและหลินม่ายมีหลายสิ่งที่ต้องทำเมื่อไปฮ่องกง และไม่สะดวกที่จะพาลูกไปด้วย
หลินม่ายกล่าวอย่างลังเล “แต่ครั้งสุดท้ายที่คุณไปฮ่องกงกับฉัน คุณก็ขอลางานนานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วนะคะ ถ้าครั้งนี้คุณขอลางานอีก เจ้านายจะอนุญาตเหรอคะ?”
ฟางจั๋วหรานกล่าว “การแต่งงานเป็นงานใหญ่ ไม่มีเหตุผลใดที่หัวหน้าจะไม่อนุมัติหรอก”
หลินม่ายพยักหน้าเห็นด้วย
เช้าวันต่อมา ขณะที่หลินม่ายยังหลับอยู่ โทรศัพท์ข้างเตียงก็ดังขึ้น
หลินม่ายกดรับอย่างง่วงงุนก่อนจะแนบโทรศัพท์มือถือใส่หู
เสียงตื่นเต้นของไป๋ลู่ดังอัดแก้วหูของเธอ “ม่ายจื่อ ฉันเพิ่งอ่านหนังสือพิมพ์และเห็นว่าเธอคือผู้ทำคะแนนสูงสุดในวิชาวิทยาศาสตร์ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้! เธอเก่งมากเลยนะ ปู่ย่าตายายและทุกคนในครอบครัวเราต่างก็ดีใจกันถ้วนหน้า พวกเขาโทรหาเราแต่เช้าและต้องการให้เธอมาที่นี่โดยเร็วที่สุดเพราะอยากจัดงานเลี้ยงฉลองให้เธอน่ะ”
หลินม่ายปฏิเสธ “ไม่ได้หรอก ฉันต้องไปฮ่องกงกับจั๋วหรานเพื่อซื้ออุปกรณ์จัดงานแต่งงาน และคงไปเมืองหลวงไม่ทันงานแน่ๆ พี่ก็รู้นี่คะว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้า ฝากขอโทษต่อปู่ย่าตายายและทุก ๆ คนด้วยนะคะ”
ไป๋ลู่พูดไม่ออกชั่ววินาที จากนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง “ไม่เป็นไร เธอกับศาสตราจารย์ฟางใช้เวลาเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงานดีกว่า ไว้หลังจากที่เธอเดินทางมาถึงเมืองหลวง เราจะทำการเลี้ยงฉลองให้”
หลินม่ายถามเกี่ยวกับหัวข้อที่ยังพูดคุยไม่จบ “เรื่องที่พี่เคยบอกว่าชะตาชีวิตไป๋ซวงแย่กว่าฉันในตอนนั้น เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? หากตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบตัวและพี่สะดวก ช่วยเล่าให้ฉันฟังได้ไหม?”
เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดอยู่รอบๆ ไป๋ลู่จึงบอกกล่าวต่อหลินม่ายว่า หลินเพ่ยนำกลุ่มชายฉกรรจ์มากมายมากมารุมโทรมไป๋ซวง
ไม่มีใครในตระกูลไป๋พูดเรื่องนี้กับหลินม่าย
เพราะแม่ไป๋ไม่อยากให้ใครรู้
ยิ่งมีคนรู้มากเท่าใด ข่าวก็ยิ่งรั่วไหลได้ง่ายเท่านั้น และโอกาสที่ไป๋ซวงจะถูกทำลายก็ยิ่งมากขึ้น
“แม่รู้สึกเสียใจและสงสารไป๋ซวงมาก เพราะหล่อนต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องนั้น”
ไป๋ลู่รู้สึกสงสารไป๋ซวงเพราะเหตุการณ์นี้
แต่ไม่ว่าหล่อนจะรู้สึกสงสารไป๋ซวงมากเพียงใด หล่อนก็รับไม่ได้ที่ไป๋ซวงวางแผนต่อต้านหลินม่ายครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อเทียบกับไป๋ซวงแล้ว หล่อนชอบหลินม่ายซึ่งมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับหล่อนและมีจิตใจดีมากกว่า
หลินม่ายเสี่ยงที่จะช่วยหล่อนโดยไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน
หากเป็นไป๋ซวง แม้หล่อนจะรู้ว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์นั้น ซึ่งไป๋ลู่รู้ถึงเรื่องนี้ดี
หลินม่ายถามอย่างสงสัย “เพราะไป๋ซวงต้องการช่วยพ่อค้นหาลูกสาวที่แท้จริงของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ไป๋ซวงจึงถูกหลินเพ่ยหลอกและต้องทนทุกข์ทรมานกับอาชญากรรมครั้งใหญ่นั้นใช่ไหม?”
“อืม นั่นแหละ!” ไป๋ลู่ตอบกลับ
หลินม่ายขมวดคิ้ว “ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมวันนั้นไป๋ซวงถึงพยายามโกหก หล่อนกลัวว่าฉันจะจำหล่อนได้จึงพยายามกีดกันไม่ให้ฉันกับพี่เจอกัน ไม่อย่างนั้นหล่อนจะถูกหลินเพ่ยซ้อนแผนตลบหลังแบบนั้นได้ยังไง จะต้องมีบางอย่างไม่ปกติ”
ไป๋ลู่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ใช่แล้ว มีบางอย่างผิดปกติในเรื่องนี้ ไป๋ซวงกำลังหลอกลวงเราทุกคน ฉันต้องบอกให้พ่อกับแม่ได้รู้!”
หลินม่ายรีบกล่าวทันที “พี่จะบอกพ่อกับแม่พี่ก็ได้ แต่ต้องขอให้พ่อกับแม่ถามหลินเพ่ยก่อนว่าหล่อนมีแผนการอะไรที่ทำให้ไป๋ซวงเชื่อฟังถึงขนาดนี้”
ไป๋ลู่ตอบรับและวางสายโทรศัพท์ จากนั้นก็ไปยังห้องนอนของพ่อและแม่ไป๋พร้อมบอกพวกเขาถึงการคาดเดาของหลินม่าย
พ่อไป๋ดูจริงจังมากและพยักหน้า “งั้นไปถามหลินเพ่ยกันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น”
แม้แม่ไป๋จะไม่ได้พูด แต่เพียงสังเกตจากการแสดงออกก็รับรู้ได้ว่าหล่อนต้องการรู้ความจริง
แน่นอนว่าไม่มีใครอดทนได้เมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักถูกรังแก
ไป๋ลู่เปิดประตูห้องและกำลังจะไปยังคุกพร้อมพ่อและแม่ไป๋เพื่อถามความจริงจากหลินเพ่ย แต่ก็เห็นไป๋เซียยืนอยู่ข้างนอก
ไป๋เซี่ยไม่พอใจอย่างมาก “ทั้งสามคนกำลังคุยอะไรลับหลังผม? ผมไม่ใช่สมาชิกของครอบครัวนี้เหรอ? ทำไมมีอะไรถึงไม่บอกผม?”
ไป๋ลู่คว้าแขนของเขา “ไม่ใช่ไม่มีใครบอก แต่นี่เป็นเรื่องด่วน ฉันเลยไม่มีเวลาบอกพี่ ออกไปกับเราเดี๋ยวนี้ แล้วพี่จะรู้ว่าฉันกับพ่อแม่กำลังคุยกันเรื่องอะไรบ้าง”
ก่อนที่ทั้งสี่คนจะไปถึงประตูลานบ้าน ไป๋ซวงก็เรียกแม่ไป๋จากด้านหลัง “แม่คะ จะไปไหนกันเหรอคะ?”
ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ได้รับการช่วยเหลือจากการฆ่าตัวตาย ไป๋ซวงก็เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของตัวเอง
หล่อนแสร้งทำเป็นอ่อนแอจนทำให้ทุกคนสมเพช
นอกจากแม่ไป๋ก็ไม่มีใครชื่นชอบหล่อน
แต่ตอนนี้เมื่อแม่ไป๋รู้ว่าไป๋ซวงอาจวางแผนร่วมกับหลินเพ่ยและมีความลับอื่น ๆ ซ่อนอยู่อีกมากมาย ในใจหล่อนก็พลันเย็นชา และทัศนคติของหล่อนที่มีต่อไป๋ซวงก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน
หล่อนพูดอย่างเย็นชา “อย่าถาม!”
หลังกล่าวจบ หล่อนก็จากไปพร้อมกับพ่อไป๋และคนอื่น ๆ ทันที
พ่อไป๋พูดกับไป๋ซวง “ถ้าอยากรู้มากว่าเรากำลังจะไปที่ไหนก็ตามเรามาสิ”
ไป๋ซวงแอบมองพ่อไป๋
เนื่องจากนิสัยที่แท้จริงของหล่อนถูกเปิดเผยแล้ว ต่อให้พ่อไป๋จะไม่ส่งหล่อนกลับไปยังตระกูลหลินเนื่องจากคำคัดค้านของแม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่ได้ชอบหล่อนมากเท่าเมื่อก่อนอีกต่อไป
เมื่อพ่อไป๋ขอให้หล่อนออกไปกับพวกเขา ไป๋ซวงก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก และชั่งใจว่าหล่อนควรจะออกไปกับพวกเขาหรือไม่
หลังจากครุ่นคิดอยู่ในใจแล้ว เธอก็คิดว่าตามพวกเขาไปดีกว่า
คงเป็นเรื่องดีกว่าหากสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ตลอดเวลา เพื่อจะตอบสนองได้ทันท่วงที
ทั้งครอบครัวนั่งรถมาถึงประตูเรือนจำ
ไป๋ซวงตกตะลึงและถามแม่ไป๋ทันที “แม่ เรามาทำอะไรที่นี่คะ?”
พ่อไป๋รีบเดินนำหน้าและกล่าว “ไม่ต้องถาม หลังเข้าไปในนั้นเธอจะรู้ทุกอย่างเอง”
เมื่อเข้าไปในเรือนจำ พ่อไป๋ก็ขอพบหลินเพ่ย ไป๋ซวงสงสัยมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็ตกใจเล็กน้อย ด้วยอยากรู้ว่าทำไมพ่อไป๋ถึงต้องการพบหลินเพ่ย
เมื่อผู้คุมเรือนจำไปนำตัวหลินเพ่ยมา หล่อนก็สงสัยอย่างมากว่า ญาติและเพื่อนคนไหนที่มาหาหล่อน?
คงไม่ใช่พ่อแม่ของหล่อนหรอกใช่ไหม?
หรือจะเป็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยน?
เขายังอยู่ในคุกไม่ใช่เหรอ?
หรือเขาออกจากคุกก่อนกำหนด?
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ หลินเพ่ยก็เร่งความเร็วอย่างตื่นเต้น
ในโลกนี้มีเพียงอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเท่านั้นที่ซื่อสัตย์และรักหล่อนที่สุด
ในชีวิตที่แล้ว หล่อนสวมเขาให้เขานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังคงรักหล่อน
ในชีวิตนี้เขาก็ยังคงปฏิบัติต่อหล่อนอย่างดีเช่นเคย
เมื่อออกจากคุก แน่นอนว่าคนแรกที่เขาต้องการพบคือหล่อน!
หลินเพ่ยนึกถึงเรื่องนี้ด้วยความพึงพอใจ แต่หล่อนไม่คิดเลยว่าตอนนี้หล่อนกำลังรับโทษอยู่ในเมืองหลวง อู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่อยู่ห่างไกลในเจียงเฉิงจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!
หล่อนมายังห้องเยี่ยมผู้ต้องขังด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อเห็นว่าผู้ที่มาเยี่ยมเยียนคือครอบครัวไป๋ หลินเพ่ยก็รู้สึกผิดหวังในใจเป็นอย่างมาก
หล่อนจ้องมองครอบครัวไป๋ด้วยความงุนงงพลางเอ่ยถาม “พวกคุณมาพบฉันเหรอ?”
พ่อไป๋พยักหน้า
หลินเพ่ยนั่งลงตรงหน้าพวกเขาอย่างลังเล “ทำไมพวกคุณถึงต้องการพบฉัน?”
พ่อไป๋เอ่ยถามหลินเพ่ยต่อหน้าไป๋ซวงทันทีว่า ไป๋ซวงตกหลุมพรางของหล่อนได้อย่างไร
แม้ว่าไป๋ซวงและหลินเพ่ยจะเป็นพี่น้องกัน แต่หลินเพ่ยก็อาจอิจฉาไป๋ซวง
หล่อนอาศัยอยู่ในชนบทบนภูเขาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะกิน ดื่ม หรือสวมใส่อะไรก็ต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ได้มันมา ไม่โชคดีเท่าไป๋ซวงที่ถูกคนร่ำรวยนำไปเลี้ยงดูตั้งแต่เกิด เธอเป็นที่รักและมีชีวิตที่ดี อีกทั้งยังถูกเลี้ยงดูมาในอ้อมแขนของพ่อแม่บุญธรรม
ดังนั้นหล่อนจึงจัดการหาฝูงชายฉกรรจ์มาทำลายความบริสุทธิ์ของไป๋ซวง หล่อนไม่เคยพยายามปกป้อง แต่กลับเอาแต่สร้างปัญหาให้ไป๋ซวง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หล่อนมีจุดจบแบบนี้
หากหล่อนไม่คิดทำร้ายไป๋ซวงโดยการชักจูงเหล่าชายฉกรรจ์มาล่วงละเมิดอีกฝ่าย อีกทั้งยังทำการถ่ายภาพอนาจารของหล่อนไว้ พ่อไป๋ก็คงไม่ส่งหลินเพ่ยเข้าคุกแบบนี้
ไป๋ซวงเองก็ไม่ใช่คนดี แน่นอนว่าหลินเพ่ยก็ชั่วร้ายไม่ต่างกัน นี่คือสิ่งที่ถ่ายทอดผ่านทางสายเลือด
เมื่อเห็นว่าพ่อไป๋ถามเกี่ยวกับไป๋ซวง หล่อนก็เยาะเย้ย “ฉันไม่เคยคิดที่จะหาผู้ชายมาจัดการกับลูกสาวสุดที่รักของคุณเลย ลูกสาวของคุณเป็นคนเชิญฉันไปกินอาหารเย็นและพยายามวางยาฉัน ดังนั้นฉันจึงจำต้องซ้อนแผน นั่นคือตลบหลังกำจัดหล่อนซะ”
พ่อไป๋จำได้ชัดเจนว่าไป๋ซวงบอกเขาก่อนหน้านี้ ว่าหลินเพ่ยต้องการเชิญหล่อนไปกินอาหารเย็น
แต่ตอนนี้หลินเพ่ยกลับบอกว่าเป็นไป๋ซวงเป็นคนเชิญหล่อนไปทานอาหารเย็น แสดงว่ามีความลับซ่อนอยู่ในนั้น
ไป๋ซวงตื่นตระหนก จ้องมองหลินเพ่ยและกรีดร้อง “พูดอะไรไร้สาระ ฉันไม่เคยเชิญเธอไปกินอาหารเย็น! เธอต่างหากเป็นคนเชิญฉัน!”
หลินเพ่ยยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ฉันติดคุกแล้ว มีอะไรต้องโกหกด้วยเหรอ?”
“มีสิ!” ไป๋ซวงพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “เธอเห็นว่าฉันมีชีวิตที่ดี เธอจึงพยายามทุกอย่างเพราะต้องการให้ฉันมีชีวิตที่น่าสังเวชเหมือนเธอ ดังนั้นเธอจึงโกหก!”
“หุบปาก!” พ่อไป๋ตะโกน
ไป๋ซวงตะโกนรบกวนความคิดของพ่อไป๋ และเขายังถามไม่จบ
แม้ว่าไป๋ซวงจะไม่ต้องการปิดปาก แต่หล่อนก็หวั่นเกรงต่อพ่อไป๋ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเงียบงัน
พ่อไป๋ถามหลินเพ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง “ทำไมไป๋ซวงถึงพยายามวางยาเธอ?”
หลินเพ่ยเย้ยหยัน “คุณคิดว่าลูกสาวสุดที่รักของคุณไร้เดียงสาและจิตใจบริสุทธิ์จริง ๆ เหรอ? ขอบอกเลยว่าหล่อนน่ะชั่วร้ายกว่าใครเสียอีก!”
จากนั้นหล่อนก็บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อไป๋ฟัง และบอกเกี่ยวกับคำสัญญาระหว่างหล่อนกับไป๋ซวงที่จะปลอมตัวเป็นหลินม่าย
เพื่อปลอมแปลงเป็นหลินม่าย หลินเพ่ยจึงทำศัลยกรรมพลาสติก
ไป๋ซวงไม่อาจทำศัลยกรรมได้ ดังนั้นหล่อนจึงวางแผนกำจัดอีกฝ่าย แต่หลินเพ่ยก็รู้ทันและซ้อนแผนกำจัดหล่อนได้
ในที่สุดหลินเพ่ยได้รับเงินสามพันหยวนสำหรับการทำศัลยกรรมพลาสติก
หลินเพ่ยถามพ่อและแม่ไม่อย่างประชดประชัน “คุณรู้ไหมว่าทำไมไป๋ซวงถึงถูกฉันจูงจมูก? เพราะหล่อนไม่ต้องการให้ลูกสาวแท้ ๆ ของคุณกลับไปที่ตระกูลไป๋เลย หล่อนเป็นนังงูพิษ แต่พวกคุณกลับยังเห็นหล่อนเป็นสมบัติล้ำค่า สมควรแล้วที่ถูกหล่อนปั่นหัว!”
ไป๋ซวงถูกหลินเพ่ยเปิดโปง ซึ่งอันที่จริงพ่อไป๋และคนอื่น ๆ ก็พอจะคาดเดาเรื่องราวทั้งหมดได้
ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางไปหาหลินเพ่ยเพื่อซักถามและยืนยันสมมติฐานในใจของพวกเขา
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนชั่วมันต้องโดนคนชั่วด้วยกันนี่แหละแฉ ทีนี้จะแถยังไงต่อล่ะนังงูพิษไป๋ซวง
ไหหม่า(海馬)