ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 647 ใกล้ชิดและห่างเหิน (ปลาย)

ตอนที่ 647 ใกล้ชิดและห่างเหิน (ปลาย)

“​ไป​ที่​เรือน​คุณชาย​ห้า​…​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พึมพำ​ ​“​กลับ​ไป​ถึง​เรือน​ต้านปั​๋ว​ไจ​ ​พวกเขา​สอง​คน​ก็​ทะเลาะ​กัน​?​”

“​คนที​่​เรือน​ต้านปั​๋ว​ไจ​พูด​เช่นนี้​เจ้าค่ะ​!​”​ ​หู่​พั่ว​พูดเสี​ยง​เบา

สือ​อี​เหนียง​จับ​หน้าผาก​ตัวเอง

ถึงแม้​สวี​ลิ่ง​อี๋​บอกว่า​เขา​จะ​จัดการ​เรื่อง​ที่​ตามมา​ให้​เรียบร้อย​ ​แต่​ดูเหมือนว่า​ ​พวกเขา​จะ​รู้เบาะแส​อะไร​บางอย่าง​ ​ไม่เช่นนั้น​คงจะ​ไม่มี​การเคลื่อนไหว​ใหญ่​ขนาด​นี้

นาง​ลุกขึ้น​ยืน​ ​“​ไป​เรือน​ต้านปั​๋ว​ไจ​!​”

*****

พระอาทิตย์​ยาม​บ่าย​ช่วง​ฤดูใบไม้ร่วง​ ​ส่องแสง​กระทบ​ต้น​การบูร​ที่อยู่​ข้าง​บันได​ของ​เรือน​ต้านปั​๋ว​ไจ​ ​บน​ตั่ง​เหม่ย​เห​ริน​สีแดง​มี​กระถาง​ดอก​เบญจมาศ​สีขาว​ที่​กำลัง​เบ่งบาน​วาง​อยู่

“ฮู​หยิน​สี่​!​”​ ​สีหน้า​ของ​ปี้​หลัว​ตื่นตระหนก​ ​“​ท่าน​มา​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​!​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​หันไป​บอก​สาวใช้​ที่​ยืน​นิ่ง​อยู่​ข้างๆ​ ​“​ยัง​ไม่​รีบ​ไปรา​ยงา​นคุณ​ชายน้อย​สี่​กับ​คุณชาย​น้อย​ห้า​อีก​!​ ​“

สาวใช้​คน​นั้น​ได้สติ​กลับมา​ ​ขานรับ​แล้ว​เดิน​เข้าไป​ข้างใน​อย่างรวดเร็ว

“​ข้า​แค่​มาดู​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​พลาง​กวาดตา​มอง​ไปร​อบ​ๆ​

ปี้​หลัว​และ​บรรดา​สาวใช้​ต่าง​ก็​ก้มหน้า​ลง​หลบสายตา​สือ​อี​เหนียง​

นาง​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา

สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เดิน​ออกมา​ต้อนรับ​นาง​

“​ท่าน​แม่​ขอรับ​!​”​ ​พวกเขา​สอง​คน​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​อย่างนอบน้อม

สือ​อี​เหนียง​มอง​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ตั้งแต่​หัว​จรด​เท้า​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ดู​สุขุม​ ​แต่​สีหน้า​กลับ​มี​ความไม่สบายใจ​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ตาแดง​ก่ำ​ ​ราวกับ​พึ่ง​ร้องไห้​มา​ ​สีหน้า​ก็​ดู​ไม่สบายใจ​เช่นกัน

พวกเขา​ต้อง​รู้​แล้ว​อย่างแน่นอน​ว่า​สวี​ลิ่ง​ควน​คือ​บิดา​ผู้ให้กำเนิด​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​ไม่รู้​ทั้งหมด​ ​แต่​คาด​ว่า​พวกเขา​คง​เดา​ออก​บ้าง​ ​ไม่เช่นนั้น​พวกเขา​คง​ไม่มีทาง​รู้สึก​ผิด​กับ​การ​มา​ของ​นางแบบ​นี้

นาง​ยิ้ม​แล้ว​เดินตาม​พวกเขา​สอง​คน​เข้าไป​ข้างใน​ ​นั่งลง​บน​เตียง​เตา​ข้างหน้า​ต่าง​ใน​ห้องรับแขก​ ​ปี้​หลัว​และ​อวี​่ฮ​วายก​น้ำชา​และ​ของว่าง​เข้ามา​ ​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยนั​่ง​ลง​บน​เก้าอี้​ข้าง​เตียง​เตา​

สือ​อี​เหนียง​เริ่ม​จิบ​ชา​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​มาที​่​นี่​ ​มีเรื่อง​อัน​ใด​หรือ​ขอรับ​”

“​ไม่มี​เรื่อง​อัน​ใด​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​วาง​ถ้วย​ชาลง​ ​หยิบ​ผ้าเช็ดหน้า​ขึ้น​มา​เช็ด​มุม​ปาก​ ​นาง​ยิ้ม​ ​“​ช่วงนี้​ข้า​เอาแต่​อยู่​กับ​น้อง​หก​ของ​พวก​เจ้า​ ​อยาก​ดัดนิสัย​ดื้อรั้น​ของ​เขา​ ​จึง​พูดคุย​กับ​เขา​ยาม​บ่าย​ทุกวัน​ ​วันนี้​วันหยุด​ ​อาจารย์​จ้าว​พา​เขา​ไป​อาราม​เมฆ​ขาว​ ​ข้า​เลย​มี​เวลา​ออกมา​เดินเล่น​”

วันนั้น​ท่าน​แม่​ยืน​มอง​เขา​อยู่​หน้า​ประตู​เงียบๆ​ ​ท่าที​ราวกับ​รอ​ให้​เขา​พูด​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​ท่าน​แม่​รู้​อะไร​บางอย่าง​ ​วันนี้​มี​การเคลื่อนไหว​แค่​เล็กน้อย​ ​ท่าน​แม่​ก็​รีบ​มาหา​เขา​…​ท่าน​แม่​จะ​เล่า​ความจริง​ให้​เขา​ฟัง​อย่างนั้น​หรือ​ ​ท่าน​แม่​รู้​หรือไม่​ว่า​เขา​คือ​บุตรชาย​ของ​ท่าน​อา​ห้า

ความคิด​นี้​ผุด​ขึ้น​มา​ ​สีหน้า​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​ปรากฏ​ความหวาดกลัว

แต่​สวี​ซื่อ​จุน​กลับ​เผย​รอยยิ้ม​บาง

เสียงดัง​เอะอะโวยวาย​หน้า​ประตู​ลาน​ ​อาจ​ปิดบัง​ท่าน​ย่า​ที่​อาศัย​อยู่​ลาน​หลัง​ได้​ ​แต่​จะ​ปิดบัง​ท่าน​แม่​ที่​เป็น​คนดู​แล​เรื่อ​ใน​จวน​ ​แล้วยัง​ให้ความสำคัญ​กับ​เรื่อง​ของ​พวกเขา​มาต​ลอด​ได้​อย่างไร​ ​ท่าน​แม่​เลือก​ที่จะ​มาหา​พวกเขา​ตอนนี้​ ​เกรง​ว่า​ท่าน​แม่​คงจะ​สังเกตเห็น​แล้ว​กระมัง

แต่​ไม่รู้​ว่า​ท่าน​แม่​รู้เรื่อง​ของ​พวกเขา​มาก​แค่ไหน

ตาม​หลัก​แล้ว​ ​เขา​ควร​เล่าเรื่อง​นี้​ให้ท่าน​แม่​ฟัง​อ้อม​ๆ​ ​แต่​เรื่อง​นี้​เกี่ยวข้อง​กับ​ศีลธรรม​ของ​ผู้ใหญ่​ใน​ตระกูล​ใน​ฐานะ​บุตรหลาน​อย่าง​เขา​ ​เขา​ไม่กล้า​พูด​ออกมา​จริงๆ​ ​อีกทั้ง​ยัง​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​พูด​อย่างไร​ดี

ยื้อ​เวลา​ไป​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​ดีกว่า​!

บางที​ตน​อาจ​คิดมาก​ไป​เอง​ก็ได้​!

สวี​ซื่อ​จุน​เก็บความ​คิด​ทั้งหมด​เอาไว้​ใน​ใจ​ ​แสร้งทำ​เป็น​ไม่เข้าใจ​ ​แล้ว​คล้อยตาม​คำพูด​ของ​ท่าน​แม่​ ​“​ช่วงนี้​น้อง​หก​รู้ความ​มาก​ขอรับ​ ​ตอนที่​อาจารย์​จ้าว​สอนหนังสือ​ ​ไม่เพียงแต่​ตั้งใจฟัง​ ​แล้วยัง​ขอให้​อาจารย์​จ้าว​สอน​สำนวน​อีกด้วย​ ​อาจารย์​จ้าว​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ ​มี​ครั้งหนึ่ง​ที่​อาจารย์​จ้าว​กำลัง​สอน​เขา​อย่าง​เพลิดเพลิน​ ​ถึงกับ​ย้าย​เวลาเรียน​ของ​น้อง​ห้า​ไป​ยาม​บ่าย​ ​แล้วยัง​ย้าย​เวลาเรียน​ของ​ข้า​ออก​ไป​ตั้ง​หนึ่ง​วัน​ ​“​ ​สวี​ซื่อ​จุน​แสร้งทำ​ท่าที​ช่วยไม่ได้​ ​“​สุดท้าย​แล้ว​บทเรียน​เรื่อง​หลักการ​ของ​สิ่ง​ต่างๆ​ ​ของ​ข้า​ ​จนถึง​ทุกวันนี้​ก็​ยัง​สอน​ไม่​จบ​เลย​ขอรับ​!​”​ ​เขา​พูด​ต่อ​อีก​ ​“​ในเมื่อ​วันนี้​น้อง​หก​ไม่อยู่​ที่​เรือน​ ​วันนี้​ท่าน​ย่า​ก็​งด​ทาน​เนื้อ​ ​ท่าน​แม่​อยู่​ทานอาหาร​เย็น​ที่นี่​เถิด​ ​ข้า​ยัง​เลี้ยง​ปลา​จาน​ที่​ท่าน​มอบให้​เมื่อ​สอง​วันก่อน​ไว้​ ​จะ​ได้​ให้​โรง​ครัว​นำ​ไป​ทำอาหาร​”

ถึงแม้ว่า​วันนี้​ท่าน​แม่​ไม่ต้อง​ไปรับ​ใช้​ท่าน​ย่า​ทานข้าว​ ​แต่​ท่าน​แม่​ก็​คงจะ​ไม่​ทิ้ง​ให้ท่า​นพ​่อ​ทานข้าว​คนเดียว​กระมัง​!​ ​เมื่อ​ท่าน​แม่​ออก​ไป​แล้ว​ ​ตน​ค่อย​เกลี้ยกล่อม​น้อง​ห้า​ ​ประเดี๋ยว​น้อง​ห้า​จะ​เผลอ​หลุด​พูด​อะไร​ออก​ไป​ ​ทุกคน​อาศัย​อยู่​ใต้​หลังคา​เดียวกัน​ ​ตอนนั้น​ที่​ท่าน​พ่อ​ต้องการ​ปิดบัง​เรื่อง​นี้​ ​ก็​คงมี​เหตุผล​ของ​เขา​ ​หาก​พวกเขา​เปิดเผย​เรื่อง​นี้​ตอนนี้​ ​อาจจะ​ทำให้​ท่าน​พ่อ​เสียหน้า​ ​และ​อาจ​ส่งผล​กระทบ​ในแง่​ร้าย​ต่อ​อนาคต​ของ​น้อง​ห้า​ด้วย​!

สวี​ซื่อ​จุน​วางแผน​เอาไว้​ใน​ใจ

แต่​ใคร​จะ​รู้​ว่า​สือ​อี​เหนียง​กลับ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ได้​สิ​ ​เช่นนั้น​วันนี้​ข้า​อยู่​ทานอาหาร​เย็น​ที่นี่​ดีกว่า​!​”

“​หา​!​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ยิ้ม​อย่าง​กลืนไม่เข้าคายไม่ออก​ ​“​เช่นนั้น​ ​เช่นนั้น​ข้า​จะ​บอก​ให้​โรง​ครัว​ทำปลา​จาน​…​ท่าน​แม่​ชอบ​ทาน​แบบ​ทอด​หรือว่า​แบบ​ต้ม​หรือ​ขอรับ​”

โยน​ก้อนหิน​ใส่​เท้า​ตัวเอง​จริงๆ

เขา​แอบ​กระทืบเท้า​เบา​ๆ​ ​พลาง​เหลือบมอง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​ส่งสายตา​เป็นนัย​ว่า​ ​ห้าม​พูด​อะไร​เหลวไหล

แต่​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยกำ​ลัง​จมอยู่กับ​ความกังวล​และ​ความหวาดกลัว​ของ​ตัวเอง​ ​เลย​ไม่ได้​สังเกตเห็น​สายตา​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​ ​เขา​กลั้นหายใจ​นั่ง​นิ่ง​อยู่​ตรงนั้น​ ​คิด​อยาก​ให้​เวลา​หยุด​เดิน​ ​ไม่ต้อง​เดิน​ต่อไป​ข้างหน้า​อีกแล้ว

“​ข้า​ทาน​อะไร​ก็ได้​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ส่ง​ยิ้ม​ให้​สวี​ซื่อ​จุน​ ​“​เจ้า​บอก​ให้​โรง​ครัว​ทำตาม​ที่​พวก​นาง​ถนัด​เถิด​”

สวี​ซื่อ​จุน​ไม่กล้า​สบตา​สือ​อี​เหนียง​ ​ขานรับ​ ​“​ขอรับ​”​ ​เบา​ๆ​ ​ลุกขึ้น​ไป​บอก​ปี้​หลัว​ที่​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ด้วยตัวเอง​ ​จากนั้น​ก็​กลับมา​นั่ง​พูดคุย​กับ​สือ​อี​เหนียง

“​ศิลปะ​การต่อสู้​ของ​น้อง​หก​เป็น​เช่นไร​แล้ว​ขอรับ​”​ ​เขา​หาเรื่อง​คุย​ ​“​ข้า​ได้ยิน​ว่า​อาจารย์​ผัง​เริ่ม​สอน​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายใน​ให้​น้อง​หก​แล้ว​?​ ​ได้ยิน​ว่า​เขา​เคย​เปิด​หอ​ศิลปะ​การต่อสู้​มาก​่อน​ ​คิดไม่ถึง​เลย​ว่า​เขา​ยัง​เชี่ยวชาญ​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายใน​อีกด้วย​ ​ข้า​คิด​ว่า​ ​ท่าน​แม่​ให้​น้อง​หก​เรียน​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายใน​เถิด​ ​เป็นการ​ฝึก​จาก​กำลังภายใน​ ​ไม่​เหมือน​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายนอก​ ​ฝึก​จน​มี​แต่​กล้าม​ ​ดูแล​้​วน​่า​กลัว​ขอรับ​”

ตั้งแต่​ครั้งก่อน​ที่​ไป​ขอโทษ​อาจารย์​ผัง​ ​มีสื​ออี​เหนียง​คอย​เฝ้าดู​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​ไม่กล้า​ขัดคำสั่ง​อาจารย์​ผัง​อีก​เลย​ ​อาจารย์​ผัง​เห็น​ว่า​เขา​ตั้งใจ​เรียนรู้​การ​ฝึก​ย่อเข่า​ได้​อย่างรวดเร็ว​ ​จึง​ไป​ปรึกษา​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​อยาก​สอน​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายใน​ให้​จิ​่น​เกอ

เรื่อง​นี้​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เอง​ก็​แปลกใจ

เรียน​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายใน​แล้ว​ ​ฝึกฝน​กำลังภายใน​ก่อน​ ​แล้ว​ค่อย​เรียน​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายนอก​ ​จะ​ได้​ไม่ต้อง​ใช้กำลัง​มาก​ ​เพราะ​เช่นนี้​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยัง​บอก​ให้​เซ่าจ​้ง​หราน​ซื้อ​ที่ดิน​ที่​ซัง​โจว​ให้​อาจารย์​ผัง​หนึ่งร้อย​หมู่​ ​มอบ​เรือน​ที่​มี​ประตู​ทางเข้า​ห้า​ประตู​เป็น​ของขวัญ​ให้​อาจารย์​ผัง​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​ว่า​อาจารย์​ผัง​ลำบากใจ​ ​เขา​เลย​อยาก​ให้​จิ​่น​เกอ​เรียน​ศิลปะ​การต่อสู้​ให้​ประสบความสำเร็จ​โดยเร็ว​ที่สุด​ ​ถือว่า​เป็น​ค่าตอบแทน​ของขวัญ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​แต่​นาง​สนใจ​แค่​ว่า​บุตรชาย​ของ​ตัวเอง​มีพรสวรรค์​ใน​การฝึกฝน​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายใน​และ​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายนอก​จริง​หรือไม่​ ​เพราะ​นาง​ไม่​อยาก​ฝืน​กฎเกณฑ์​ของ​ธรรมชาติ

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​หัวเราะ​ ​‘​เขา​บอกว่า​จะ​สอน​ ​แต่​จิ​่น​เกอ​จะ​เรียน​ได้​หรือไม่​ ​ก็​ต้อง​รอดู​ว่า​จิ​่น​เกอ​มีพรสวรรค์​หรือไม่​’

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ได้ยิน​มา​ว่า​ใช่​ว่า​ทุกคน​จะ​ฝึก​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายใน​ได้​ ​ไม่รู้​ว่าน​้​อง​หก​ของ​เจ้า​จะ​มีพรสวรรค์​หรือไม่​!​”

“​น้อง​หก​เป็น​คนฉลาด​ ​ไม่มีปัญหา​แน่นอน​ขอรับ​!​”​ ​นี่​คือ​คำพูด​ที่​ออกมา​จาก​ใจ​ของ​สวี​ซื่อ​จุน

พวกเขา​สอง​คนพูด​คุย​กัน​ ​สวี​ซื่อ​จุน​อยาก​ให้​ถึง​เวลาอาหาร​เย็น​เร็ว​ๆ​ ​เขา​จะ​ได้​ไม่ต้อง​พยายาม​หาเรื่อง​คุย​กับ​ท่าน​แม่​เช่นนี้​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​แอบ​หัวเราะ​ ​สวี​ซื่อ​จุน​เอาแต่​พูดถึง​เรื่อง​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​กำลัง​ดึง​ความสนใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​ไม่​ให้​นาง​สนใจ​เรื่อง​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​

นาง​ถอนหายใจ

ถึงแม้ว่า​จะ​ค่อยๆ​ ​เป็น​ค่อยๆ​ ​ไป​ ​แต่​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​เติบโต​ขึ้น​มา​ใน​แบบ​ของ​เขา​ ​ไม่เพียงแต่​เป็น​เด็ก​ที่​ใจกว้าง​ ​แต่​ยัง​มี​จิตใจ​ดี

เขา​เป็น​เช่นนี้​ ​ถือว่า​นาง​ทำตาม​คำขอ​ที่​หยวน​เหนียง​ขอ​ไว้​สำเร็จ​แล้ว​ใช่​หรือไม่

สือ​อี​เหนียง​ค่อยๆ​ ​ลุกขึ้น​ยืน​ ​“​ตอนที่​ข้ามา​ ​ข้า​เห็น​บน​ตั่ง​เหม่ย​เห​ริน​ของ​เจ้า​มี​กระถาง​ดอก​เบญจมาศ​สีขาว​วาง​อยู่​ ​ดอก​เบญจมาศ​ดอก​ใหญ่​ขนาด​นั้น​ ​ข้า​ไม่เคย​เห็น​มาก​่อน​ ​ไม่รู้​ว่า​มัน​คือ​สายพันธุ์​อะไร​หรือ​”

สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รีบ​ลุกขึ้น​ยืน​ ​พวกเขา​เดิน​ไป​ใต้​ชายคา​กับ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​อธิบาย​ว่า​ ​“​มัน​คือ​เสวี​่ย​ถว​นข​อรับ​ ​สะใภ้​จี้​ถิง​เป็น​คน​ปลูก​ ​ข้า​เห็น​ว่า​มัน​ดู​น่ารัก​ดี​ ​จึง​บอก​ให้​คน​ย้าย​เข้ามา​กระถาง​หนึ่ง​ ​ยัง​มี​อีก​สอง​กระถาง​วาง​อยู่​บน​โต๊ะ​ใน​ห้อง​หนังสือ​ ​หาก​ท่าน​แม่​ชอบ​ ​ข้า​จะ​บอก​ให้​ปี้​หลัว​นำ​ไป​ให้ท่าน​”

“​ได้​เลย​!​”​ ​คำพูด​ของ​สือ​อี​เหนียง​ทำให้​สวี​ซื่อ​จุน​ตกใจ​ ​“​เจ้า​พา​หู่​พั่ว​ไป​เลือก​ให้​ข้า​สัก​หนึ่ง​กระถาง​เถิด​!​”

ท่าน​แม่​มี​อะไร​จะ​พูด​กับ​น้อง​ห้า​สองต่อสอง​ใช่​หรือไม่​ ​ถึงแม้​ครั้งนี้​เขา​จะ​หา​ข้ออ้าง​ปฏิเสธ​อย่าง​อ้อมค้อม​ ​แต่​ท่าน​แม่​ก็​คงจะ​หา​โอกาส​ไล่​เขา​ออก​ไป​เป็น​ครั้ง​ที่สอง​กระมัง

สวี​ซื่อ​จุน​มอง​ไป​ที่​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยด​้ว​ยสาย​ตา​ที่​เห็นใจ​ ​ก่อน​จะ​ขานรับ​เสียง​เบา​ ​จากนั้น​ก็​พา​หู่​พั่ว​ไป​ที่​ห้อง​หนังสือ

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​จะ​สังเกตเห็น​ได้​อย่างไร

เขา​เอ่ย​เรียก​ ​“​ท่าน​แม่​”​ ​ด้วย​สีหน้า​ที่​ซีด​ขาว​ราวกับ​กระดาษ

สือ​อี​เหนียง​มองดู​ใบไม้​สีเขียว​ของ​ต้น​การบูร​ ​นาง​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ข้า​ยัง​จำได้​ว่า​ ​ตอนที่​ท่าน​โหว​อุ้ม​เจ้า​กลับมา​ ​มัน​คือ​ค่ำคืน​อัน​แสน​หนาวเหน็บ​ ​ข้า​ไม่​ค่อย​อยาก​…​”

“​ท่าน​แม่​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ตัวสั่น​เทา​ ​ราวกับ​ใบไม้​ที่​ปลิว​ไปมา​ตาม​สายลม​ก็​ไม่​ปาน

“​ทุกคน​ล้วนแต่​บอกว่า​เลือด​ย่อม​ข้น​กว่าน​้ำ​”​ ​ดูเหมือน​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​สังเกตเห็น​ความผิดปกติ​ของ​เขา​ ​นาง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​สุขุม​ฟัง​ดู​เคร่งขรึม​ ​“​การ​เลี้ยงลูก​คน​หนึ่ง​ ​ไม่เพียงแต่​ต้อง​ป้อน​ข้าว​ป้อน​น้ำ​เขา​ ​แล้วยัง​ต้อง​สั่งสอน​ให้​เป็น​คนดี​ ​สั่งสอน​การเอาตัวรอด​บน​โลก​ใบ​นี้​ให้​กับ​เขา​…​ข้า​เลี้ยงดู​เขา​มาด​้วย​ความยากลำบาก​ขนาด​นั้น​ ​หาก​เขา​โต​ขึ้น​แล้ว​อยาก​กลับ​ไปหา​บิดา​มารดา​ของ​เขา​ ​ข้า​จะ​ทำ​อย่างไรเล่า​”​ ​นาง​โน้มตัว​จ้องมอง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​หน้าแดง​ ​มุม​ปากของ​เขา​กระตุก​ ​แต่​เขา​กลับ​พูด​อะไร​ไม่​ออก

การ​ที่​เขา​ไป​ตามหา​มารดา​ผู้ให้กำเนิด​ของ​ตัวเอง​ ​ทำให้​ท่าน​แม่​เสียใจ​จริงๆ​ ​ด้วย​…

“​เจี​้ย​เกอ​ใน​ตอนนั้น​ ​เป็น​เด็ก​ที่​น่ารักน่าชัง​”​ ​เมื่อ​นึกถึง​วัน​เก่าๆ​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​เผย​รอยยิ้ม​ออกมา​ ​“​เขา​จะ​กระโดด​เข้ามา​ใน​อ้อมแขน​ของ​ข้า​แล้ว​เรียก​ข้าว​่า​ ​’​ท่าน​แม่​’​ ​เขา​นำ​ลูกกวาด​อร่อย​ๆ​ ​ที่​พี่ชาย​ของ​เขามอบ​ให้​มา​ให้​ข้า​ ​เขา​จะ​ยิ้ม​กว้าง​อย่าง​มีความสุข​ทุกครั้งที่​เห็น​หน้า​ข้า​…​หัวใจ​ของ​ข้า​ค่อยๆ​ ​ละลาย​ ​ข้า​เห็น​เขา​ราวกับ​เป็น​ลูก​แท้ๆ​ ​ของ​ข้า​ ​ข้า​ตั้งใจ​จะ​เลี้ยง​เขา​ให้​ดี​ ​ให้​เขา​ร่ำเรียน​หนังสือ​ ​ให้​เขา​ฝึก​เขียน​ตัวอักษร​ ​ให้​เขา​ไป​เล่น​กับ​พี่ชาย​ของ​เขา​ ​เติบโต​เป็นคุณ​ชาย​ที่​หน้าตา​หล่อเหลา​ ​มี​ภรรยา​มีลูก​ๆ​ ​ที่​น่ารัก​ ​ใช้ชีวิต​อย่าง​มีความสุข​…​”​ ​นาง​มอง​ไป​ยัง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​เจี​้ย​เกอ​!​”​ ​แต่​สีหน้า​ของ​นาง​กลับ​เคร่งขรึม​อย่างที่​ไม่เคย​เห็น​มาก​่อน​ ​“​เจ้า​คือ​บุตรชาย​ของ​ข้า​ ​ไม่ว่า​เจ้า​จะ​รู้​อะไร​มา​ ​แต่​ข้า​เป็น​คนเลี้ยง​เจ้า​มาตั​้ง​แต่​เล็ก​ ​เจ้า​คือ​คุณชาย​น้อย​ห้า​ของ​ครอบครัว​คุณชาย​สี่​ ​ข้า​ไม่มีทาง​ให้​ใคร​พราก​เจ้า​ไป​จาก​ข้า​!​”

“​ท่าน​แม่​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยพุ​่ง​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​สือ​อี​เหนียง​อย่าง​สะอึกสะอื้น​

ความกังวล​ ​ความกลัว​ ​ความไม่สบายใจ​และ​ความ​ตื่นตระหนก​ของ​สอง​สาม​วันที่​ผ่าน​มา​ ​ตอนนี้​กลาย​สภาพ​เป็น​หยาดน้ำ​ตา​ ​แล้ว​ค่อยๆ​ ​มลาย​หาย​ไป​ทีละเล็กทีละน้อย

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท