ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 653 ร่วงหล่น (ปลาย)

ตอนที่ 653 ร่วงหล่น (ปลาย)

หลังจาก​เสร็จสิ้น​พิธี​แห่​ขบวน​ศพ​ของ​สือ​เหนียง​ ​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​โศกเศร้า​อยู่​ระยะ​หนึ่ง​

นาง​นึกถึง​วัน​เก่าๆ​ ​ที่​ทุกคน​เคย​อยู่​ด้วยกัน​ใน​หอ​ลู่จ​วิน​ ​นึกถึง​ความไม่สบายใจ​ตอนที่​มา​เมืองหลวง​ ​นึกถึง​ตอนที่​เจอ​หน้า​กันที่​ประตู​ฉุยฮ​วาที​่​สวยงาม​ของ​จวน​สกุล​สวี​ใน​เทศกาล​ซาน​เย​่ว​์​ซาน​ ​นึกถึง​บรรยากาศ​ที่​ได้​ฟัง​บทเพลง​ ​‘​ลำนำ​พิณ​ผี​ผา​’​ ​เป็นครั้งแรก​…​ดูเหมือน​ทุกอย่าง​จะ​ค่อยๆ​ ​มลาย​หาย​ไป​จาก​นาง​ ​เคลื่อน​ไกล​ออก​ไป​ตาม​สือ​เหนียง​

อารมณ์​ของ​สือ​อี​เหนียง​มีอิทธิพล​ต่อ​ทุกคน​ที่อยู่​รอบตัว​นาง​ ​จิ​่น​เกอ​มักจะ​เงยหน้า​ขึ้น​มาม​อง​มารดา​ของ​ตัวเอง​ด้วย​สายตา​ที่​สดใส​ตอนที่​เขา​ฝึก​เขียน​ตัวหนังสือ​ ​ทุกครั้งที่​เขา​เห็น​มารดา​ถือ​เข็ม​กับ​ด้าย​อยู่​ใน​มือ​แต่กลับ​นั่ง​เหม่อลอย​ ​สีหน้า​ของ​เขา​ก็​มักจะ​มี​ความ​เป็นกังวล​ที่​ไม่​สอดคล้อง​กับ​อายุ​ของ​เขา​ ​ทำ​อะไร​อย่าง​เบาไม้เบามือ​มากขึ้น​ ​ครั้งหนึ่ง​เขา​ยัง​เคย​พูด​กับ​ฉั​งอา​นว​่า​ ​“​ท่าน​ป้า​สิบ​ของ​ข้า​ไม่อยู่​แล้ว​ ​ท่าน​แม่​ของ​ข้า​เลย​เสียใจ​ ​เรา​อย่า​ไปร​บก​วน​ท่าน​แม่​เลย​”

ตอนแรก​จิ​่น​เกอ​ไม่​ค่อย​สนใจ​ฉั​งอาน​ ​แต่​ทุกคน​ฝึก​ศิลปะ​การต่อสู้​ด้วยกัน​ที่​เรือน​ซวงฝู​ ​ความตั้งใจ​และ​ความ​ขยันหมั่นเพียร​ใน​การฝึกฝน​ศิลปะ​การต่อสู้​ของ​ฉั​งอาน​ ​ใน​บรรดา​เด็ก​ๆ​ ​มี​เพียง​ฉั​งอา​นคน​เดียว​ที่​ตาม​จิ​่น​เกอ​ทัน​ ​จิ​่น​เกอ​จึง​มอง​ฉั​งอาน​เปลี่ยนไป​ ​ไม่เพียงแต่​เป็น​คน​เริ่ม​ทักทาย​ฉั​งอา​นก​่อน​ ​บางครั้ง​ยัง​พูดคุย​เรื่อง​ทั่วไป​กับ​เขา​อีกด้วย​

ฉั​งอา​นคิด​ว่านี​่​ไม่ใช่​เรื่อง​ที่​ตัวเอง​ควร​ออกความเห็น​ ​เลย​ไม่​ปริปาก​พูด​อะไร​ ​เพียง​ส่ง​ยิ้ม​ให้​จิ​่น​เกอ

จิ​่น​เกอ​คิด​ว่า​เขา​ทำตัว​น่าเบื่อ​เกินไป​ ​จึง​ถือ​ลูก​หนัง​ไป​เล่น​กับ​ฉัง​ซุ่น

ฉัง​ซุ่น​เตะ​ลูก​หนัง​ไปมา​ ​ประเดี๋ยว​ก็​เตะ​ไป​บน​ทางเดิน​ ​ประเดี๋ยว​ก็​เตะ​ลง​ตะกร้า​ ​ประเดี๋ยว​ก็​เตะ​ไป​ข้างหลัง​บ่อ​ปลา​ ​สาวใช้​น้อย​พากัน​หา​ลูก​หนัง​จน​เหงื่อ​ออก​ท่วม​ตัว​ ​เขา​หัวเราะ​คิกคัก​ ​เล่น​สนุก​ยิ่งกว่า​เดิม​ ​คิด​หาวิ​ธี​เตะ​ลูก​หนัง​เข้าไป​ใน​มุม​กำแพง​ ​ซุกซน​เป็นอย่างมาก​

จิ​่น​เกอ​หัวเราะ​แล้ว​เล่น​กับ​เขา​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​พอ​เงยหน้า​ขึ้น​มาก​็​เห็น​ฉั​งอา​นที​่​กำลัง​ตั้งใจ​ฝึก​แกว่ง​แขน​ตามที่​อาจารย์​ผัง​สอนอ​ยู่​ข้างต้น​ไม้​ใหญ่​ ​เขา​ก็​เริ่ม​คิด​ว่า​มัน​น่าเบื่อ​ ​จึง​ลูบ​หัว​ฉัง​ซุ่น​เบา​ๆ​ ​“​เจ้า​ไป​เล่น​เอง​เถิด​!​”​ ​จากนั้น​ก็​นั่งลง​บน​ตั่ง​เหม่ย​เห​ริน​ข้างๆ

อาจิน​รีบ​ยก​น้ำอุ่น​เข้ามา​ ​“​คุณชาย​น้อย​อยาก​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ใหม่​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

“​ไม่เป็นไร​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​ดื่ม​น้ำ​จน​หมด​ ​“​ท่าน​แม่​ยัง​ไม่​กลับมา​อีก​หรือ​”

หวงฮู​หยิน​สกุล​หย่ง​ชัง​โหว​ไม่สบาย​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ไป​เยี​่​ยน​นาง​พร้อมกับ​ไท่ฮู​หยิน​

“​ยัง​เลย​เจ้าค่ะ​!​”​ ​อาจิน​ตอบ​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​ให้​บ่าว​ส่ง​คน​ไป​เฝ้า​ที่​ประตู​ฉุยฮ​วาห​รือ​ไม่​เจ้า​คะ​ ​พอฮู​หยิน​สี่​กลับมา​แล้ว​ ​เรา​จะ​ได้​รู้ทัน​ที​!​”

“​ช่างมัน​เถิด​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​ล้ม​ตัว​นอนลง​บน​ตั่ง​เหม่ย​เห​ริน​ ​แกว่ง​ขา​สอง​ข้าง​ไปมา​ด้วย​ความเบื่อหน่าย​ ​“​ข้า​รอท่าน​แม่​อยู่​ที่นี่​ดีกว่า​!​”

อาจิน​ยิ้ม​แล้ว​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​หรือว่า​ให้​บ่าว​ล้าง​ลูก​บ๊วย​กับ​ผล​ซิ่ง​มา​ให้ท่าน​?​”

“​ไม่ต้อง​หรอก​!​”​ ​แสงอาทิตย์​ยาม​ฤดูใบไม้ผลิ​สาดส่อง​กะ​ทบ​ลงมา​บน​ตัว​ของ​เขา​ ​พลอย​ทำให้​จิ​่น​เกอ​ดู​มีท​่า​ที​เกียจคร้าน​ ​“​ครั้งก่อน​ฉั​งอาน​ทาน​ไป​ชาม​หนึ่ง​ ​ยามดึก​กลับ​ท้องเสีย​ ​เรา​แทบจะ​ไม่ได้​นอน​ทั้งคืน​”

ในขณะที่​เขา​กำลัง​พูด​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เดิน​เข้ามา​พอดี

“​ทำไม​มานอ​นอยู​่​ที่นี่​”​ ​เขา​ถาม​ ​“​ท่าน​แม่​ของ​เจ้า​เล่า​”

“​ท่าน​พ่อ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​กระโดด​ลง​จาก​ตั่ง​เหม่ย​เห​ริน​ ​แล้ว​โค้ง​คำนับ​สวี​ลิ่ง​อี๋

ฉั​งอาน​และ​ฉัง​ซุ่น​เห็น​ดังนั้น​ก็​รีบ​เดิน​เข้ามา​โค้ง​คำนับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​ความเคารพ

“​ท่าน​แม่​ยัง​ไม่​กลับมา​เลย​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​พูด​ต่อไป​อีก​ ​“​ท่าน​พ่อ​ทานอาหาร​เที่ยง​แล้ว​หรือยัง​ขอรับ​”​ ​เขา​ถาม​ด้วย​ท่าที​ราวกับ​เป็นผู้ใหญ่

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​แล้วก็​หัวเราะ​ ​“​ข้า​ทาน​แล้ว​”​ ​รู้สึก​ว่า​ท่าที​ของ​บุตรชาย​ช่าง​น่า​ตลก​ ​เขา​ถาม​กลับ​ ​“​เจ้า​ทาน​แล้ว​หรือยัง​”

“​ข้า​ก็​ทาน​แล้ว​เช่นกัน​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​แล้ว​ข้า​ก็​นอน​กลางวัน​แล้วด้วย​”​

“​แล้ว​เจ้า​ทำการบ้าน​หรือยัง​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​ถาม​เขา

“​ทำ​เสร็จ​แล้ว​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​เอียง​หัว​มอง​บิดา​ ​“​ไม่เพียงแต่​ทำการบ้าน​เสร็จ​แล้ว​ ​ยัง​อ่านหนังสือ​ที่​ท่าน​แม่​บอก​ให้​ข้า​อ่าน​จบ​แล้ว​ ​ฝึก​ย่อเข่า​ครู่หนึ่ง​ ​แล้วก็​เตะ​ลูก​หนัง​กับ​ฉัง​ซุ่น​…​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​ท่าที​ที่​ไม่มี​อะไร​ทำ

สวี​ลิ่ง​อี๋​ถาม​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​ถ้าอย่างนั้น​เจ้า​อยาก​ไป​ขี่ม้า​กับ​พ่อ​หรือไม่​”

“​อยาก​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​ดีใจ​กระโดดโลดเต้น​ทันที​ ​“​ข้า​อยาก​ไป​ขี่ม้า​กับ​ท่าน​พ่อ​!​”​ ​สายตา​ของ​เขา​เป็นประกาย

“​ได้​เลย​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ดังนั้น​ก็​อารมณ์ดี​ขึ้น​ไม่น้อย​ ​“​เจ้า​ไป​เปลี่ยนเป็น​เสื้อ​ต่วน​เฮ่อ​ ​เรา​ไป​ขี่ม้า​กัน​!​”

จิ​่น​เกอ​รีบ​วิ่ง​กลับ​เข้าไป​ใน​ห้อง​

*****

ตอนที่​สือ​อี​เหนียง​กลับมา​ ​จิ​่น​เกอ​พึ่ง​อาบน้ำ​เสร็จ​ ​เขา​หน้าแดง​ก่ำ​ ​นั่ง​พูดคุย​กับ​หง​เหวิน​และ​อาจิน​ที่​กำลัง​เช็ด​ผม​ให้​เขา​บน​เก้าอี้​ ​“​…​นั่ง​บน​หลัง​ม้า​ ​สามารถ​มองเห็น​ที่​ไกลๆ​ ​บรรดา​บ่าว​รับใช้​และ​คน​ขี่ม้า​อยู่​ข้างล่าง​ข้า​ ​แค่​ยื่นมือ​ขึ้นไป​ก็​เด็ด​ใบไม้​ที่อยู่​บน​หัว​ได้​…​ตอนที่​ม้า​วิ่ง​ขึ้น​ๆ​ ​ลง​ๆ​ ​ไม่สบาย​ตัวอย่าง​มาก​ ​แต่​เมื่อ​ลม​พัดผ่าน​ก็​ทำให้​เสื้อผ้า​เกิด​เสียง​ ​ต้นไม้​และ​เรือน​ค่อยๆ​ ​ถูก​ทิ้ง​เอาไว้​เบื้องหลัง​ ​สนุก​ยิ่งนัก​!​”​ ​เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ก็​หันมา​มอง​ ​พอ​เห็น​ว่า​เป็น​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​ก็​รีบ​พุ่งตัว​เข้าไป​ ​“​ท่าน​แม่​!​ ​วันนี้​ยาม​บ่าย​ท่าน​พ่อ​พา​ข้า​ไป​ขี่ม้า​ด้วย​ขอรับ​!​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​ท่าที​ที่​ตื่นเต้น​ ​“​แล้วยัง​มีพี​่​สี่​กับ​พี่​ห้า​ ​พี่​สี่​ชม​ว่า​ข้า​กล้าหาญ​อีกด้วย​!​ ​“

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ

บอกว่า​จะ​เริ่ม​เรียน​ขี่ม้า​เมื่อ​อายุ​สิบ​ปี​ไม่ใช่​หรือ

นาง​เงยหน้า​ขึ้น​มา​

สวี​ลิ่ง​อี๋​เดิน​ออกมา​จาก​ห้อง​ข้างใน

“​วันนี้​ตอนบ่าย​พา​จุน​เกอ​กับ​เจี​้ย​เกอ​ไป​สนามม้า​”​ ​เขา​พูด​ขึ้น​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​เห็น​จิ​่น​เกอ​อยู่​ที่​เรือน​คนเดียว​ ​ข้า​จึง​พา​จิ​่น​เกอ​ไป​ด้วย​!​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​อีกว่า​ ​“​อาการ​ของ​หวงฮู​หยิน​เป็น​เช่นไร​บ้าง​ ​เจ้า​กลับมา​ดึก​แบบนี้​ ​นาง​ป่วยหนัก​อย่างนั้น​หรือ​”

“​แค่​เป็นหวัด​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ต่อ​อีก​ ​“​ท่าน​แม่​กับ​หวงฮู​หยิน​ไม่ได้​พบกัน​บ่อยๆ​ ​จึง​อยู่​พูดคุย​กัน​นาน​หน่อย​ ​ก็​เลย​กลับมา​ดึก​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความเป็นห่วง​ ​“​ขี่ม้า​อันตราย​ ​จิ​่น​เกอ​ยัง​เด็ก​…​”

นาง​เคย​เห็น​เด็ก​ที่​ได้รับบาดเจ็บ​จาก​การขี่​ม้า

“​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​คิด​ว่า​สือ​อี​เหนียง​เป็นห่วง​จิ​่น​เกอ​เกินไป​ ​“​พวกเขา​ขี่ม้า​ที่​ได้รับ​การฝึกฝน​มา​แล้ว​ ​แล้วยัง​มี​อาจารย์​ผู้เชี่ยวชาญ​ใน​การขี่​ม้า​คอย​ดูแล​อยู่​ข้าง​กาย​ ​ตอนแรก​แค่​ให้​เขา​นั่ง​บน​หลัง​ม้า​แล้ว​ให้​อาจารย์​ถือ​ม้า​เดิน​วน​ไปร​อบ​ๆ​ ​สอง​สาม​รอบ​ ​หรือไม่ก็​ให้​ม้า​วิ่งเหยาะๆ​ ​ไม่​อันตราย​!​”

“​แต่​ระวัง​เอาไว้​ย่อม​ดีกว่า​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่เห็นด้วย​กับ​เรื่อง​นี้​ ​“​จิ​่น​เกอ​ยัง​เด็ก​ ​แม้แต่​แรง​ดึง​บังเหียน​ก็​ยัง​ไม่มี​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​ขี่ม้า​นั้น​อันตราย​ ​ข้า​คิด​ว่า​รอ​ให้​เขา​อายุ​ครบ​สิบ​ปีก่อน​แล้ว​ค่อย​เรียน​ขี่ม้า​เถิด​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​เอง​ก็​ไม่ได้​อยาก​ให้​จิ​่น​เกอ​เรียน​ขี่ม้า​เร็ว​เช่นนี้​ ​แต่​เขา​คิด​ว่า​เด็กผู้ชาย​ทุกคน​ล้วน​ชอบ​ขี่ม้า​จึง​พา​เขา​ไป​เล่น​ ​เขา​ตอบ​เพียง​ ​“​อืม​”​ ​แล้ว​พูดถึง​เรื่อง​นายท่าน​สอง​และ​นายท่าน​สาม​สกุล​หลัว​กับ​สือ​อี​เหนียง​แทน​ ​“​นับวัน​ดูแล​้ว​ ​อีก​สอง​วัน​ก็​น่าจะ​มาถึง​เมืองหลวง​แล้ว​กระมัง​ ​เจ้า​ก็​เตรียมตัว​เถิด​ ​ถึง​ตอนนั้น​เรา​พาลูก​ๆ​ ​ไป​คารวะ​ท่าน​อา​ทั้งสอง​ท่าน​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​ก่อน​จะ​พูด​เบา​ๆ​ ​“​เรื่อง​ของ​ท่าน​อา​ทั้งสอง​ท่าน​…​มี​ความคืบหน้า​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

ถึงแม้ว่า​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​จะ​เป็น​คน​ช่วย​จัดการ​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ไปหา​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​ ​สมุห​ราช​เลขาธิการ​กระทรวง​ขุนนาง​อยู่​บ่อยๆ​

“​ถึง​ตอนนั้น​ค่อย​ว่า​กัน​เถิด​!​”​ ​เขา​พูด​อย่าง​คลุมเครือ​ ​“​ยึด​หนังสือ​ของ​กระทรวง​ขุนนาง​เป็นหลัก​”

เรื่อง​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่​มั่นใจ​ ​เขา​ไม่มีทาง​ให้​คำสัญญา

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​ ​จิ​่น​เกอ​ที่​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​ถูก​ทิ้ง​เลย​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​มารดา​ ​“​ท่าน​แม่​ ​วันนี้​ข้า​แข่ง​ขี่ม้า​กับ​พี่​ห้า​ด้วย​ขอรับ​”

“​อ้อ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เหลือบมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​บอกว่า​แค่นั​่​งบน​หลัง​ม้า​เดิน​วนรอบ​ๆ​ ​สอง​สาม​รอบ​ไม่ใช่​หรือ​ ​เหตุใด​ถึง​มี​แข่ง​ม้า​ด้วย​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​มอง​สือ​อี​เหนียง

จิ​่น​เกอ​พูด​ด้วย​ใบหน้า​ที่​แดงก่ำ​ ​“​เรา​นั่ง​ข้างหลัง​อาจารย์​แล้ว​แข่ง​ม้า​ขอรับ​!​”

“​จริง​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​โอบกอด​เขา​ ​“​ยัง​ไม่​ไป​เช็ด​ผม​ให้​แห้ง​อีก​ ​ระวัง​จะ​เป็นหวัด​เอา​ได้​”​ ​นาง​พูด​พร้อมกับ​เดิน​เข้าไป​ข้างใน​

สวี​ลิ่ง​อี๋​เดินตาม​ไป​ ​เขา​ฉวยโอกาส​หยิก​เอว​สือ​อี​เหนียง​ ​“​คิด​ว่า​ข้า​โกหก​เจ้า​อย่างนั้น​หรือ​!​”​

สือ​อี​เหนียง​ร้อง​ขึ้น​มา​เบา​ๆ​

“​ท่าน​แม่​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​รีบ​ถาม​นาง​ ​“​ท่าน​เป็น​อะไร​หรือ​”​ ​ถาม​ด้วย​ท่าที​แปลกใจ

“​ไม่มี​อะไร​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ฝืนยิ้ม​ ​“​แค่​ถูก​ตัว​เรือด​กัด​เข้า​!​”

จิ​่น​เกอ​ไม่เข้าใจ​ ​“​ตัว​เรือด​?​ ​ตัว​เรือด​แค่​ผายลม​เหม็น​ไม่ใช่​หรือ​ขอรับ​ ​เหตุใด​มัน​ถึง​กัด​คน​ด้วย​”

สือ​อี​เหนียง​หลุด​หัวเราะ​กับ​ความเข้าใจผิด​นี้​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​นาง​เหลือบมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​พลาง​มองดู​พวกเขา​สอง​แม่​ลูก​ด้วย​สายตา​ที่​เอือมระอา

สือ​อี​เหนียง​หัวเราะ​เสียงดัง​กว่า​เดิม

อารมณ์​ที่​หดหู่​ของ​นาง​ดีขึ้น​ไม่น้อย​

*****

นายท่าน​สอง​รับ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​มาต​ลอด​ ​แต่​หลังจาก​ไป​ถึง​ซาน​ตง​กลับกลาย​เป็น​คน​ไม่มี​อำนาจ​ ​เขา​รู้สึก​เหมือน​ตอน​อยู่​ที่​เยี​่​ยน​จิง​ที่​ถูก​ควบคุม​อยู่​ตลอดเวลา​ ​ไม่ได้ผล​ประโยชน์​อะไร​มาก​นัก​ ​แล้วยัง​ต้อง​จ่าย​ค่า​เสบียงอาหาร​ ​ลำบาก​กว่า​เมื่อก่อน​เสียอีก​ ​จึง​คิด​อยาก​กลับ​ไป​หก​กรม​ ​แต่​สุดท้าย​ก็ได้​รับ​ตำแหน่ง​กรมการ​ทูต​ภายใน​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​เป็น​ตำแหน่ง​ธรรมดา​เหมือนเดิม​ ​แต่​มีหน้า​ที่​ตรวจ​ฎีกา​ทุกวัน​ ​ต้อง​ไปมาหาสู่​กับ​หก​กรม​ ​ทำให้​เขา​ดู​สูงส่ง​ ​สำหรับ​นายท่าน​สอง​สกุล​หลัว​ที่​ก่อนหน้านี้​นั้น​รู้สึก​เบื่อหน่าย​เลย​พอใจ​อยู่​ไม่น้อย​ ​แต่​นายท่าน​สาม​สกุล​หลัว​ไม่​เหมือนกัน​ ​หนึ่ง​คือ​เขา​ยัง​อายุ​น้อย​ ​สอง​คือ​บุตรชาย​ทั้งสอง​คน​ของ​ตัวเอง​ยัง​เด็ก​ ​หาก​ได้รับ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ระดับ​สาม​ ​บุตรชาย​ก็​สามารถ​สืบทอด​ตำแหน่ง​ได้​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​พยายาม​หา​ตำแหน่ง​ข้าหลวง​ที่​จี่​หนาน​ให้​เขา​

ทุกคน​ล้วนแต่​พึงพอใจ

หลังจาก​พบปะ​กันที่​เยี​่​ยน​จิง​แล้ว​ ​ครอบครัว​นายท่าน​สาม​สกุล​หลัว​ไปรับ​ตำแหน่ง​ ​นายท่าน​สอง​สกุล​หลัว​กับ​นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​อาศัย​อยู่​ที่​ตรอก​เหล่าจ​วิน​ถัง​ ​หลังจาก​ผ่านพ้น​วันเกิด​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ไป​ ​นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​ก็​บอก​ให้​ซื่อ​เหนียง​เชิญ​สือ​อี​เหนียง​มาทา​นอา​หาร​และ​ฟัง​งิ้ว​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง

สือ​อี​เหนียง​พาลูก​ๆ​ ​ไป​ด้วย

ซื่อ​เหนียง​ถามถึง​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​“​…​ปีนี​้​จะ​ร่วม​เข้า​สอบ​การ​สอบ​เซียง​ซื่อ​ ​หรือไม่​”

“​สอบ​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ตอบ​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​เขา​เขียนจดหมาย​กลับมา​ช่วง​ปีใหม่​ ​บอกว่า​จะ​มาถึง​เยี​่​ยน​จิง​เดือน​หก​ ​ข้า​กำลัง​เตรียม​ต้อนรับ​เขา​กลับมา​!​”

ซื่อ​เหนียง​พยักหน้า​แล้ว​ไม่​พูด​อะไร​ต่อ​อีก

แต่​สายตา​ของ​นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​กลับ​จับจ้อง​ไป​ที่​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่อยู่​ข้าง​กาย​สือ​อี​เหนียง​ตลอดเวลา​ ​“​ปีนี​้​เจี​้ย​เกอ​อายุ​สิบสอง​ปี​แล้ว​ใช่​หรือไม่​ ​จะ​ลงสนาม​สอบ​ด้วย​หรือไม่​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​หน้าแดง​ด้วย​ความ​เขินอาย

“​ที่จริง​เขา​เอง​ก็​อยาก​ลองดู​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่​อยาก​ทำให้​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยลำ​บาก​ใจ​ ​จึง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​แทน​เขา​ ​“​แต่​ข้า​คิด​ว่า​เขา​ยัง​เด็ก​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​รีบร้อน​ ​ตั้งใจ​เล่าเรียน​อีก​สัก​สอง​ปี​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​ดีกว่า​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​ปีนี​้​อวี​้​เกอ​จะ​สอบ​เซียง​ซื่อ​ ​ปีหน้า​จุน​เกอ​ก็​จะ​แต่งงาน​แล้ว​ ​หาก​เขา​เข้ามา​แทรก​ตรงกลาง​ ​ข้า​คงจะ​ดูแล​ไม่​ทั่วถึง​!​”

นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​ขยับ​ปาก​ราวกับ​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ ​แต่​ซื่อ​เหนียง​กลับ​กระแอม​ไอ​ขึ้น​มา​เบา​ๆ​ ​แล้ว​พูดว่า​ ​“​น้อง​หญิง​สิบเอ็ด​ได้รับ​จดหมาย​ของ​น้อง​หญิง​เจ็ด​แล้ว​หรือยัง​ ​นาง​ตั้งครรภ์​อีกแล้ว​”

“​ได้รับ​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​มอง​ซื่อ​เหนียง​ ​ก่อน​จะ​หันไป​ถาม​นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​ ​“​นาง​สบายดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

“​สบายดี​”​ ​นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​พูดถึง​บุตรสาว​ของ​ตัวเอง​ ​ใบหน้า​ของ​นาง​พลัน​เต็มไปด้วย​ความสุข​ ​“​ตอนนี้​แม่​สามี​ของ​นาง​เห็น​นาง​เป็น​ดั่ง​สมบัติ​ล้ำค่า​ก็​ไม่​ปาน​ ​ขอให้​นาง​มีลูก​เพิ่ม​อีก​สัก​สอง​สาม​คน​ ​แตก​กิ่งก้านสาขา​ให้​สกุล​จู​!​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​แต่​เรื่อง​ของ​ชี​เหนียง​ ​ไม่พูดถึง​เรื่อง​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอีก​เลย

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา​ ​นั่ง​ฟัง​เงียบๆ​ ​พลาง​ลอบ​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท