ผู้ชมกล่าวถึงหลานหลิงอ๋องอย่างคึกคักเช่นนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะความตกตะลึงที่หลานหลิงอ๋องร้องเพลงเสียงผู้หญิงและเสียงผู้ชายหรอก ยังเป็นเพราะหลานหลิงอ๋องมุมนอกเวทีด้วย
จุดเด่นประการแรก
เขามีคุณสมบัติของความเป็นหลุมดำรายการบันเทิง
สไตล์ของเขาน่าสนใจมาก นักร้องคนอื่นสนทนากับผู้จัดการอย่างสนุกสนาน เมื่อมาถึงห้องรับรองของเขา กลับมีเพียงเสียงลมพัดหวิวๆ ถงถงซึ่งคอยติดตามเขานั้นช่างน่าสงสาร
นอกจากนั้นเขายังนิ่งมากจริงๆ
นักร้องคนอื่นจะรู้สึกตื่นเต้นบ้างไม่มากก็น้อย ต่อให้เป็นหงส์ขาว ก่อนขึ้นเวทียังสูดลมหายใจเข้าลึกตั้งหลายครั้ง หลานหลิงอ๋องกลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดๆ
จุดเด่นประการที่สอง
คำวิจารณ์ที่กล้าหาญและเฉียบแหลมของเขา
เมื่อคณะกรรมการตัดสินและหงส์ขาวตำหนิหยวนซี นักร้องคนอื่นต่างสงบปากสงบคำทว่าหลานหลิงอ๋องกลับเปิดฉากโจมตี เพียงประโยคเดียวก็ล่วงเกินราชินีเพลงถึงสองคน!
แฟนคลับของหยวนซีต่างลุกฮือ
นักร้องทั่วไป มีหรือจะกล้าพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้
ใครๆ ก็กลัวล่วงเกินเพื่อนร่วมอาชีพกันทั้งนั้น!
นับประสาอะไรกับหลานหลิงอ๋องที่ดูแล้วไม่ยักเหมือนราชาเพลงด้วยซ้ำไป เป็นไปได้มากว่าจะเป็นนักร้องแถวหน้าหรือแถวสองซึ่งมีพรสวรรค์ด้านเสียง แต่กลับกล้าพูดเช่นนี้
จุดเด่นประการที่สาม
เขาคาดเดาไปในทิศทางเดียวกับหยางจงหมิง
ทุกคนคิดว่าหุ่นยนต์เป็นนักร้องแถวหน้า มีเพียงหลานหลิงอ๋องและหยางจงหมิงที่คิดว่าหุ่นยนต์คือราชาเพลง!
ปรากฏว่าเมื่อถึงช่วงประกาศอันดับ คำพูดของหุ่นยนต์ที่ว่า ‘คิดว่าจะพลาดท่าซะแล้ว’ บอกเป็นนัยว่าเขาคือราชาเพลงจริงๆ!
นั่นหมายความว่าหลานหลิงอ๋องพูดถูก!
ผู้ชมหลายคนยอมรับในสายตาอันเฉียบขาดของเขา!
จุดเด่นเหล่านี้ บวกกับการแสดงอันน่าประทับใจในการควบคุมเสียงผู้หญิงและผู้ชายในเพลงเดียวกัน ทำให้เขากลายเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดานักร้องลึกลับทันที
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้แชมป์ในสัปดาห์ที่หนึ่งด้วย!
คงจะยากหากไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้!
ในความเป็นจริง ในรายการบันเทิง มักจะมีคนที่มีบุคลิกโดดเด่นอยู่เสมอ
ถ้าทุกคนล้วนธรรมดาเหมือนกันหมด รายการคงจะ ‘เหน็บหนาว’ ของจริง
ตัวตนของหลานหลิงอ๋อง กลายเป็นเครื่องจักรสร้างประเด็นให้กับรายการ!
รายการน่าตื่นเต้นอยู่แต่เดิม เมื่อรวมกับจุดเด่นของเขา ซึ่งมีบุคลิกเป็นเอกลักษณ์ มีหรือจะไม่กลายเป็นที่สนใจ
“ฮู้ว!”
กู้ตงซึ่งดูรายการจบก็สูดลมหายใจเข้าลึกเช่นกัน
ต่อให้เธอซึ่งรู้จักหลินเยวียนเป็นอย่างดี ในตอนนี้ยังรู้สึกตกตะลึงอยู่เช่นกัน
นึกไม่ถึงว่าตัวแทนหลินจะร้องเพลงได้ดีถึงขนาดนี้ แถมยังร้องเสียงผู้หญิงได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก…
อย่างไรก็ตาม แฟนคลับของหยวนซีคล้ายกับจะทำเกินไปหน่อย พวกเขารู้หรือเปล่าว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับใคร?
กู้ตงไม่ชอบใจเอาซะเลย
แฟนคลับแค่ไม่กี่คน เรียกทัวร์มาลงได้หลายคันรถ!
รอให้ตัวแทนหลินถอดหน้ากากก่อนเถอะ ฉันจะรอดูว่าเจ้านายของพวกคุณจะขอโทษยังไง!
เมื่อถึงตอนนั้นพวกคุณจะรู้เอง ว่าตัวแทนหลินมีคุณสมบัติชี้ขาดเรื่องนี้ได้!
กล้าบอกว่าเซี่ยนอวี๋ไม่ใช่พ่อเพลงไหมล่ะ
ขอร้อง นี่มันยุคไหนแล้ว
คงไม่มีคนที่ยังคิดว่าเซี่ยนอวี๋ไม่ใช่ ‘พ่อเพลง’ อีกล่ะมั้ง?
พ่อเพลงมาจากรางวัล แต่บางครั้งก็มาจากความคิดเห็นของสาธารณชน
ในใจของชาวฉิน ฉี ฉู่ และเยี่ยน เซี่ยนอวี๋คือพ่อเพลงคนหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่ไร้ข้อกังขา
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยนอวี๋ก็เคยล้มพ่อเพลงมาน้อยซะที่ไหน?
แชมป์มหาสงครามเทพเซียนติดต่อกันสองครั้ง ยังไม่มากพออีกหรือ?
ในคอมเมนต์กระสุนไม่มีใครยอมรับ แต่ถ้าเซี่ยนอวี๋ไปนั่งเป็นกรรมการตัดสิน เขาก็ควรเป็นประธานกรรมการตัดสินเช่นเดียวกับพ่อเพลงหยางใช่หรือไม่?
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องทีเดิมทีรายการนี้วางแผนจะเชิญอาจารย์เซี่ยนอวี๋มาเป็นกรรมการตัดสินอยู่แล้ว เพียงแต่อาจารย์เซี่ยนอวี๋ปฏิเสธก็เท่านั้น
……
หลังจากรู้ว่าตนมีเสียงแหบแล้ว ช่วงเวลาหลายวันต่อจากนั้น หลินเยวียนก็ฝึกฝนเสียงแหบของตนอย่างขยันขันแข็ง
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อถึงเวลาที่รายการออกอากาศอย่างเป็นทางการ เขาก็ติดตามสถานการณ์บนโลกออนไลน์เช่นกัน
ถึงอย่างไรเขาย่อมให้ความสนใจกับรายการที่ตนเข้าร่วม และถือโอกาสดูคำวิจารณ์ที่ชาวเน็ตมีต่อเขาไปพร้อมกัน
หลินเยวียนพบว่าคนที่ตำหนิตนนั้นมีไม่มาก
แต่คนที่ชื่นชมตนกลับมีมากกว่า
หลายคนกลายเป็นแฟนเพลงของตนด้วยซ้ำ
หลินเยวียนรู้สึกดีใจขึ้นมา “เห็นทีความกังวลของถงถงจะไม่เกิดขึ้นจริง บนโลกนี้ยังอนุญาตให้ยกความจริงมาพูดกันได้”
บอกตามตรง
หลินเยวียนไม่ได้มีเจตนาโจมตีหยวนซี เขาเพียงแต่พูดความคิดเห็นของตนออกไปก็เท่านั้น
ถ้าหากหยวนซีราชินีเพลงจากฉีโจวมาขอเพลงจากหลินเยวียน เขาก็จะพูดเช่นนี้ต่อหน้าเธอเช่นกัน
ลองย้อนกลับไปคิดดูให้ดี
หลินเยวียนเคยร่วมงานกับนักร้องหลายคน พวกเขาล้วนอ่อนโยน
ไม่ต้องบอกว่าราชาราชินีเพลงนั้นไม่เหมือนกัน
ตอนนั้นหลานเหยียนซึ่งเป็นราชาเพลงมาอัดเพลงตะวันฉาย กระบวนการทั้งหมดล้วนเป็นไปอย่างราบรื่น
แต่เมื่อหลานเหยียนมีข้อบกพร่อง หลินเยวียนก็ชี้แนะไปตามความจริงโดยไม่ปิดบัง เขาคิดว่านี่เป็นผลดีต่อตัวนักร้องเอง
ไม่เห็นหลานเหยียนจะไม่พอใจเลยนี่นา
เห็นได้ชัดว่าราชาราชินีเพลงก็เหมือนกับนักร้องแถวหน้าหรือแถวสอง พวกเขาใจกว้างมากพอ
ส่วนทักษะในการร้องเพลงของหลินเยวียนเอง…
ทักษะในการร้องเพลงของหลินเยวียนสู้ราชาราชินีเพลงไม่ได้ก็จริง
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าหลินเยวียนไม่มีคุณสมบัติในการประเมินนักร้องซึ่งเก่งกาจกว่าตน
ความรู้ความเข้าใจที่หลินเยวียนมีต่อดนตรีนั้นชัดเจน
ก็เหมือนกับโค้ชในวงการกีฬา
ฝีมือของพวกเขาอาจสู้นักกีฬาในความดูแลไม่ได้
ทว่าการฝึกซ้อมของนักกีฬา ยังจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากโค้ช ถ้าไม่มีคำแนะนำจากโค้ช ก็เล่นไม่ได้
เพราะโค้ชไม่ได้อาศัยทักษะ แต่อาศัยภาพรวมของสถานการณ์
คิดเช่นนี้อาจฟังดูทะนงตนอยู่บ้าง ราวกับกำลังยกยอปอปั้นตัวเอง
แต่หลินเยวียนมีการ์ดตัวละครของหยางจงหมิง เขาจึงมีข้อมูลอ้างอิง
อันที่จริงมีหลายครั้งที่ความคิดเห็นของหลินเยวียนที่เกี่ยวกับดนตรีนั้นสอดคล้องกับความคิดเห็นของหยางจงหมิง
นอกจากการอ่านความคิดเห็นออนไลน์ หลินเยวียนยังให้ความสนใจกับโพสต์วิเคราะห์บางส่วนด้วย
มีบทวิเคราะห์หนึ่งในนั้นที่หลินเยวียนเห็นด้วย
ชาวเน็ตซึ่งใช้ไอดีชื่อว่า [หั่วอู่ชื่อเฟิ่ง] สรุปไว้
‘ในด้านความสามารถ ส่วนตัวคิดว่าหงส์ขาวแข็งแกร่งที่สุด หุ่นยนต์ยังบอกไม่ได้ เพราะซ่อนความสามารถที่แท้จริงไว้ จากนั้นก็เป็นหลานหลิงอ๋องที่ทุกคนพูดถึง นักร้องคนนี้เหนือมนุษย์’
‘คนเราไม่สามารถมีสองเสียงได้ นี่คือสามัญสำนึกที่เรารับรู้ พ่อเพลงหยางก็กล่าวไว้เช่นนั้น’
‘ถ้ามีคนทำให้คุณรู้สึกเช่นนี้ นั่นหมายความว่าคนคนนี้เชี่ยวชาญทั้งสองเสียงแล้ว เพราะฉะนั้นหากเทียบกันด้านฟอลเซตโต หลานหลิงอ๋องควรเป็นอันดับต้นๆ หรือไม่ก็อันดับหนึ่งของบลูสตาร์!’
‘แต่จุดบกพร่องของหลานหลิงอ๋องก็ชัดเจน ทักษะในการร้องเพลงของเขาคงเทียบกับราชาราชินีเพลงไม่ได้’
‘ไม่สามารถระบุรายละเอียดจำเพาะเจาะจงได้ เพราะเพลงเหน็บหนาวไม่ได้สะท้อนทักษะการร้องมากนัก’
‘ดังนั้นฉันเดาเรื่องนี้ได้ ว่าถ้าหลังจากนี้หลานหลิงอ๋องยังคงใช้รูปแบบเดิมต่อไป และไม่สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ใหม่ๆ ได้ เขาอาจผ่านเข้ารอบการแข่งขันได้หลายครั้ง แต่จะไม่มีทางเดินไปถึงจุดสิ้นสุดได้’
‘…’
คนคนนี้ยืนยันจุดแข็งของหลินเยวียน แต่ก็ชี้จุดอ่อนของหลินเยวียนเช่นกัน
นั่นกลายเป็นน้ำเย็นกะละมังใหญ่ ซึ่งสาดใส่ใครหลายคนที่ยกย่องหลานหลิงอ๋องอย่างฉับพลัน ทำให้พวกเขาเปลี่ยนจากตกตะลึง และเข้าสู่สภาวะนิ่งสงบ
พูดได้มีเหตุมีผลมาก
หลินเยวียนกดไลก์ให้อีกฝ่าย
แต่น่าเสียดาย ที่ตนยังมีของเล่นใหม่อีก
ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าถ้าหากเขาสามารถฝึกฝนมิกซ์วอยซ์ของเสียงทั้งสามได้ดี การแข่งขันในรอบต่อไปย่อมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ลำพังหลินเยวียนฝึกฝนอย่างจริงจัง และสามารถใช้เสียงแหบอย่างชำนาญ ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะเข้าไปฟาดฟันในรายการราชาหน้ากากนักร้องต่อไป
“ควรคิดเรื่องเพลงในรอบต่อไปได้แล้ว…”
………………………………………………………….