เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยอ้าปากขึ้นเพราะต้องการพูดอะไรบางอย่าง ริมฝีปากบางของนางก็ถูกปิดเอาไว้เสียก่อน เขาพลิกตัวขึ้นแล้วกดร่างของนางลงกับผ้าห่มขนสัตว์ สัมผัสเย็นๆ จากร่างกายของชายหนุ่มพุ่งเข้าใส่นางอย่างรวดเร็ว นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอร่อยของเขาที่อยู่บนปลายลิ้นของนาง ทั้งยังได้ยินเสียงหายใจหนักๆ ของเขาอีกด้วย
เฮ่อเหลียนเวยเวยเบิกตากว้างทันทีที่เขากระแทกตัวเข้ามาในร่างนาง นางเผลอกำนิ้วแน่น โซ่ขยับเมื่อนางทำเช่นนั้น
เสียงโซ่ที่ถูกดึงและปล่อยดังก้องไปทั่วห้อง
นางพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ขยับตัว แต่ก็ไม่สามารถทำได้
หางตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยแดงระเรื่อทุกครั้งที่เขาโถมร่างเข้าใส่นาง แต่เขากลับไม่คิดที่จะลดความรุนแรงลงแต่อย่างใด
“เอาล่ะ ทำตัวดีๆ” สุดท้ายเขาก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือข้างซ้ายของเขาคว้าเข้าที่เอวของนาง การกระทำนั้นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่คิดที่จะหยุดในเร็วๆ นี้
จากมุมที่นางอยู่ เฮ่อเหลียนเวยเวยสามารถเห็นใบหน้าเยือกเย็นของเขาได้อย่างชัดเจน ทุกครั้งที่เขากระแทกเข้ามา เหงื่อบนหน้าผากนั้นจะหยดลงมาที่ปลายคาง ผมสีดำขลับเป็นประกายของเขาและใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจทำให้ใครต่อใครแทบจะเป็นลมเมื่อได้มอง ยิ่งกว่านั้นสายตารักใคร่ที่เขาใช้มองนางตอนที่โถมกายเข้ามาอย่างรุนแรงนั้นก็ยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์และชวนลุ่มหลงขึ้นไปอีก
ผิวหนังของนางร้อนระอุไปเสียทุกส่วน ผมดำยาวถึงเอวของเฮ่อเหลียนเวยเวยสยายอยู่บนพนักเก้าอี้ขณะที่นางถูกบังคับให้รับความรุนแรงจากเขา สุดท้ายนางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางจึงร้องขอความเมตตาจากเขา แต่แล้วนางก็ต้องประหลาดใจที่การเคลื่อนไหวของเขากลับรุนแรงขึ้นอีก เสียงของเขาทุ้มลึก และเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ”พูดออกมาสิว่าเจ้าต้องการข้า แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”
“ข้า อืม ต้องการท่าน…” นางไม่มีโอกาสได้พูดจนจบประโยคด้วยซ้ำ
เมื่อเขาเห็นสีหน้าของนาง เขาก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีก เขาเพิ่มแรงขึ้นอีกครั้งราวกับต้องการให้ตัวเองไปอยู่ในวิญญาณของนาง
ดวงตาดอกท้อของเฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำตาขณะที่นางถูกเขาเสือกกายเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า นางทำอะไรไม่ได้นอกจากส่งเสียงครางออกมา
นาคิดว่ามันน่าจะทำให้เขาพอใจได้ แต่เขากลับพลิกร่างของนางให้ขึ้นมานั่งอยู่บนตัวเขา มือของนางถูกดึงไปไว้ที่เอวของเขา
เขายืดลำตัวท่อนบนขึ้น แล้วขยับหน้าผากของตัวเองเข้าหานาง เขามองนางและหัวเราะออกมา แม้กระทั่งตอนที่เขาพูด ลมหายใจของเขาก็ยังร้อนราวกับไฟ ในน้ำเสียงของเขามีเสียงหัวเราะปนอยู่ ”เจ้าชอบจับส่วนนี้บนร่างข้าไม่ใช่หรือ มาสิ จับได้ตามใจชอบเลย”
ระหว่างที่พูด เขาก็วางมือของตัวเองลงบนหลังของนาง แล้วดึงร่างนางลงมาหาเขา ทันทีที่ร่างของนางกระแทกลงบนตัวเขา นางก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันยากจะอธิบายได้ที่สะโพก มันแทบทำให้นางเสียสติเลยทีเดียว
“นี่ นี่มัน… อื้อ.. อ๊ะ… เป็นกรณีพิเศษตรงไหนกัน!” นางถูกหลอกอีกแล้ว!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาคลึงจุดอ่อนไหวบนหน้าอกของนาง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย แล้วจูบมัน ”ข้าบอกแล้วว่าเป็นกรณีพิเศษ!”
เขากระแทกร่างเข้าหานางอีกครั้ง เฮ่อเหลียนเวยเวยทำได้แค่ขยับตัวตามจังหวะการชักนำของเขา และปล่อยตัวปล่อยใจไปกับมัน นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนางทำกิจกรรมนี้ไปทั้งสิ้นกี่ครั้ง
นางยังอยู่ในอาการเหม่อลอยตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาหยุดเคลื่อนไหวแล้ว แต่ส่วนนั้นของเขายังอยู่ในตัวนาง มันร้อนและเติมเต็มร่างของนางจนเต็ม
เฮ่อเหลียนเวยเวยกัดริมฝีปาก แล้วผลักเขาออก ”ออกไปจากตัวข้า”
“ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรในเมื่อเจ้ายังจับเอวข้าไม่พอใจเลยด้วยซ้ำ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดช้าๆ คำพูดของเขาดูมีเหตุผลยิ่งนัก
เฮ่อเหลียนเวยเวย : ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าการเชื่อใจคนผิดนั้นเป็นอย่างไร นี่มันรางวัลประเภทไหนกัน มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่จะรังแกข้าชัดๆ!
ช่างหน้าไม่อายเอาเสียเลย! เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกต่อไป อย่างไรเขาก็ชนะนางอยู่วันยังค่ำ สุดท้ายนางก็ทนไม่ไหว นางผลักเขาออกแล้วพูดงัวเงียว่า ”ข้าหิว”
“ข้าก็ป้อนเจ้าอยู่มิใช่หรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น นิ้วเรียวของเขาบีบเคล้นไปทั่วร่างนาง ดูเหมือนว่าเขาจะปฏิเสธที่จะปล่อยนางไป
มือของเฮ่อเหลียนเวยเวยยังถูกโซ่มัดอยู่ ต่อให้เขาพยายามระวัง แต่มันก็ยากที่โซ่เส้นนั้นจะไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนข้อมือนางในขณะที่เขากระแทกตัวเข้าใส่นางอย่างไม่ยั้ง เขาแทบจะสงบจิตใจลงไม่ได้เมื่อนางดูเหมือนกับตุ๊กตาที่นอนอยู่บนผ้าห่มสีแดงผืนใหญ่…
ลมหายใจของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเริ่มหนักอึ้งอีกครั้ง เขาเริ่มจูบไปตามลำคอของนาง…
สีสันราวกับดอกกุหลาบเหล่านั้นยังคงไม่เลือนหายไปจากผิวของเฮ่อเหลียนเวยเวย เวลานี้นางอ่อนไหวต่อทุกการสัมผัสยิ่งนัก
“อย่า อย่าเพิ่งขยับ” ดวงตาเปื้อนน้ำตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเบิกกว้าง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่หยุด เขาเปลี่ยนท่าให้นางหันหลังให้กับเขา ก่อนจะแนบตัวลงทาบทับนาง เขาเริ่มพรมจูบลงไปตามแนวกระดูกสันหลังบนแผ่นหลังเนียนนุ่มราวกำมะหยี่ของนาง
เฮ่อเลียนเวยเวยสัมผัสได้ว่าร่างของนางกำลังสั่นไปทั้งตัว จิตใจของนางเหม่อลอยไปชั่วขณะ
เขาเอ่ยเบาๆ ข้างหูนางด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า ”ตอนแรกข้าก็คิดจะปล่อยเจ้าไปเหมือนกัน แต่ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้ ดังนั้นทำตัวดีๆ อย่าขยับ แล้วให้ข้าเป็นคนจัดการ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยได้ยินคำพูดของเขาไม่ชัดเจนนัก เมื่ออยู่ในท่านี้ สิ่งเดียวที่นางรู้สึกได้มีเพียงความสุขอย่างรุนแรงและเสียงหอบหายใจอันหนักหน่วงของตัวเองเท่านั้น
นางสงสัยว่าคนที่อยู่ข้างนอกจะได้ยินสิ่งที่พวกนางกำลังทำอยู่หรือเปล่า เพราะสำหรับนางแล้ว นางได้ยินมันอย่างชัดเจนทีเดียว
เสียงโซ่กระทบกัน เสียงของเก้าอี้กุ้ยเฟยที่ขยับตามน้ำหนักของพวกนาง และเสียงอื่นที่เกิดขึ้นทำให้คนที่ได้ยินคิดอะไรไม่ออก
เขายังกระแทกร่างเข้ามาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มีหลายครั้งที่เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกเหมือนนางจะเป็นลมจากจังหวะและความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นนั้น
“เวยเวย เวยเวย…” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเรียกชื่อนางเบาๆ ข้างหูพร้อมกับขยับตัวต่อไป
“อืม… อือ…” เสียงตอบรับของเวยเวยฟังดูคล้ายกับเสียงคราง
เขาเอ่ยเสียงเบาปลอบนางอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะปล่อยนาง เขารู้สึกสุขใจและพอใจยิ่งนัก
เฮ่อเหลียนเวยเวยแทบสลบ เปลือกตาของนางปรือลง ขณะที่แผ่นหลังของนางพิงอยู่กับอกของเขา นางรู้สึกตัวตอนที่เขาอุ้มนางขึ้น และคิดว่าเขายังไม่เสร็จภารกิจกับนาง
“ไม่ ข้าไม่อยากทำแล้ว…” เฮ่อเหลียนเวยเวยขัดขืนโดยสัญชาตญาณ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปัดปอยผมสีดำที่บังใบหน้าของนางออก จากนั้นจึงก้มลงมองนางแล้วจูบเข้าที่ริมฝีปากของนาง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่แสดงสิ่งใด จะมีก็แต่เพียงความรักใคร่เอ็นดูที่เขามีให้ต่อนางเท่านั้น ”ข้าจะพาเจ้าไปอาบน้ำ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกขัดขืนเมื่อนางได้ยินเช่นนี้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน เขาอุ้มนางอย่างอ่อนโยนและระมัดระวังราวกับกำลังอุ้มสัตว์เลี้ยงล้ำค่า มือของเขาประคองแผ่นหลังของนางไว้ แล้วปล่อยให้นางเอนกายเข้าหาเขาขณะที่เขาเดินตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำ น้ำร้อนจนเป็นไอถูกเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า ที่นั่นมีอ่างไม้ขนาดใหญ่พอสำหรับสี่คนตั้งอยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้…
เฮ่อเหลียนเวยเวยหลับตาอย่างพอใจทันทีที่ร่างของนางสัมผัสกับน้ำอุ่น แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่นางก็ได้ยินเขาบอกให้นางยกมือขึ้น
องค์ชายสามไม่ใช่คนที่จะรับใช้ใคร แม้เขาจะไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ แต่ทุกคนก็ยังต้องรับใช้เขา ในฐานะองค์ชายแล้ว เขาย่อมไม่เคยทำงานบ้านหรือรับใช้ใครมาก่อน แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับเป็นข้อยกเว้นสำหรับเขา นางเหมือนกับลูกแมวเชื่องๆ ที่ปล่อยให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอาบน้ำให้
พออาบน้ำเสร็จ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็อุ้มนางออกไป เฮ่อเหลียนเวยเวยผล็อยหลับไป ขนตายาวของนางทิ้งเงาเอาไว้บนแก้ม นางดูเหนื่อยอย่างมาก แต่ก็ดูเชื่อฟังยิ่งนัก
นางดูสงบเสงี่ยมในระหว่างที่หลับ ริมฝีปากของนางเผยอขึ้นเล็กน้อย ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยห้ามตัวเองไม่ให้จูบนางซ้ำๆ ไม่ได้ คราวนี้เขาจะไม่ปล่อยให้นางจากไปไหนอีก นางจะต้องอยู่ข้างกายเขาตลอดไป…