บทที่ 626 จิ้งจอกสีแดงเพลิงตัวน้อย และจิ้งจอกขาวผู้เย็นชา!
ทุกอย่างนิ่งงันด้วยความมืดมิด สีดำกลายเป็นสีหลัก ไม่เหลือสีอื่นใดอีก
ทันใดนั้น สีขาวปรากฏ
สีขาวนั้นดูแยงตาเป็นพิเศษท่ามกลางความมืดมิด มิใช่สีขาวบริสุทธิ์ทั่วไป หากแต่เป็นสีขาวซีดเหมือนคนตาย ดูพิศวงน่าขนลุกอย่างยิ่งยวด
สีขาวปรากฏออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งสีสันอื่น ๆ ก็เริ่มโผล่ออกมา นั่นคือกระโปรงสีขาวของสตรี มีโลหิตชนิดต่าง ๆ เปรอะอยู่ ทั้งโลหิตสีดำ โลหิตสีทอง โลหิตสีแดงสด รวมถึงโลหิตสีเขียวชอุ่ม…
กระโปรงสีขาวซีดเหมือนคนตายเต็มไปด้วยเลือดตัวนี้ พลิ้วไสวอยู่ท่ามกลางความมืดมิด สยดสยองเกินพรรณา!
ขนจิ้งจอกของนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหลายตั้งชันไปทั้งตัว กลัวจนใจแทบขาด
สรรพสิ่งดับสูญ ความมืดมิดกลืนกินทุกอย่าง สุดท้ายกลับมีกระโปรงสีขาวซีดเหมือนคนตายอันน่าพรั่นพรึงตัวนี้ลอยออกมา ลมหายใจพวกมันแทบหยุดนิ่ง!
ยังดี ภาพเช่นนี้หายไปโดยมิได้ดำรงอยู่นาน
หลี่จิ่วเต้าซึ่งกำลังวิ่งอยู่ได้หยุดตัวเองลง ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดมลายจนสิ้น!
พวกมันถึงหายใจได้คล่อง ขนจิ้งจอกบนตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น หยดเหงื่อไหลลงมาไม่หยุด พวกมันเพิ่งได้ลิ้มรสความตายเมื่อครู่!
หากนานกว่านี้อีกหน่อย นานกว่านี้เพียงเสี้ยวพริบตา พวกมันคงต้องสติเตลิด ก่อนนี้พวกมันก็ใกล้สติเตลิดอยู่รอมร่ออยู่แล้ว
“สนุกมาก!”
หลี่จิ่วเต้าหนำใจเป็นที่สุด เขาไม่ได้ขยับแข้งขาออกกำลังกายอย่างจริงจังเช่นนี้มานานแล้ว หลังจากวิ่งอย่างเต็มที่ เขารู้สึกเหมือนกลายเป็นคนใหม่เสียอย่างนั้น
หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ได้ออกคำสั่งไว้แต่แรกว่า ห้ามมิให้จำแลงกายเป็นมนุษย์ และห้ามมิให้เป็นฝ่ายเข้าใกล้คุณชาย คุณชายเลือกผู้ใด ย่อมต้องเป็นไปตามนั้น
ขณะเดียวกัน ห้ามใช้พลังอาคมใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชาย พวกมันเป็นได้เพียงจิ้งจอกธรรมดาเท่านั้น
หลี่จิ่วเต้าเคลื่อนไหวในพงไพรอีกครั้ง เขามีประสบการณ์การเป็นนายพรานอยู่มาก ค้นพบจิ้งจอกตัวแล้วตัวเล่าผ่านกลิ่นและร่องรอย
ทว่าเขามิสู้จะพอใจในตัวจิ้งจอกเหล่านี้เท่าใด หลังจับจิ้งจอกเหล่านั้นมา จากนั้นเขาก็ปล่อยกลับไป
“ฮือ ๆๆ…วาสนาสูงสุดคลาดกับข้าเสียแล้ว!”
“ผู้น่าเวทนาเช่นข้า ผู้น่าเวทนาเช่นข้า!”
บรรดาจิ้งจอกที่ถูกปล่อยตัวไป ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดกันเป็นหนักหนา พวกมันรู้ดีว่า หลังได้รับเลือกโดยคุณชายแล้วจะได้รับวาสนาสะท้านโลกันตร์เพียงใด และจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกมันไปเพียงใด
แต่น่าเสียดาย พวกมันไม่เข้าตาคุณชาย
“ตัวนี้!”
หลี่จิ่วเต้าทะลุผ่านต้นไม้มากมาย ในที่สุดก็ได้พบจิ้งจอกตัวที่เขาถูกชะตายิ่ง
นี่คือจิ้งจอกที่มีขนาดตัวค่อนข้างเล็ก ขนทั้งตัวเป็นสีแดงเพลิง ดวงตาสองข้างสุกสกาวผ่องใสดุจอำพัน
เขาเพิ่มความเร็วในการวิ่ง ไล่ตามจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงทันอย่างง่ายดาย จับจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนี้มาไว้ในมือ
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาคือ จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนี้เชื่อฟังมาก หลังถูกเขาจับตัวไว้ ก็มิได้ขัดขืนแม้แต่น้อย เห็นทีเป็นตามที่โบราณว่า เหล่าจิ้งจอกนั้นฉลาดเฉลียวกัน มีสติปัญญาสูงส่ง
“เจ้าเต็มใจไปกับข้าหรือไม่”
หลี่จิ่วเต้าลูบหัวจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนั้นแล้วเอ่ยถาม
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงร้องอยู่สองเสียง ถูไถฝ่ามือหลี่จิ่วเต้าไปมาด้วยความชิดเชื้อ ความหมายนั้นชัดเจนมากว่าเต็มใจไปกับหลี่จิ่วเต้า
“น่ารักจัง”
หลี่จิ่วเต้าใจละลายไปกับจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนี้ เขาตัดสินใจเลือกจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนี้
‘ซีก็ชอบสัตว์ตัวน้อยเช่นนี้มาก!’
หลี่จิ่วเต้านึกถึงซีขึ้นมา เขามิได้ตรงกลับไป แต่จับจิ้งจอกมาอีกตัว
ตัวนี้เป็นจิ้งจอกขาวค่อนข้างเย็นชา มีสีหน้าเรียบนิ่งอยู่ตลอด หลังถูกหลี่จิ่วเต้าจับได้ ก็มิได้มีท่าทีตื่นเต้นดีใจแต่อย่างใด แต่ก็มิได้แสดงท่าทีต่อต้าน
หลี่จิ่วเต้าปล่อยตัวจิ้งจอกขาวเย็นชาตัวนั้น “เจ้าไม่เต็มใจมากับข้าหรือ หากไม่เต็มใจ เจ้าไปได้แล้ว”
จิ้งจอกขาวเย็นชามิได้ขยับเขยื้อน สีหน้ายังคงราบเรียบ
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงดูร้อนใจเป็นพิเศษ มันวิ่งไปอยู่ข้างกายจิ้งจอกขาวเย็นชา ถูไถร่างกายจิ้งจอกขาวเย็นชาด้วยศีรษะเล็ก ๆ ไปมาไม่หยุด ราวกับต้องการบอกว่า มาด้วยกันเถิด
ท้ายที่สุด จิ้งจอกขาวเย็นชาก็เริ่มเคลื่อนไหว เดินไปอยู่ข้างกายหลี่จิ่วเต้า
‘จิ้งจอกรู้สำนึกจริง ๆ…’
หลี่จิ่วเต้าคิดในใจอย่างอดมิได้
ไม่ว่าจะเป็นจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิง หรือว่าจิ้งจอกขาวเย็นชา ล้วนปราดเปรื่องกว่าสัตว์ชนิดอื่นยิ่งนัก ทุกอากัปกิริยาล้วนเปี่ยมไปด้วยความรู้สำนึก
“ไปเถิด”
หลี่จิ่วเต้ายื่นฝ่ามือออกไป จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงรีบคลานตามมือเขาขึ้นไป เขาอุ้มจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงไว้ ก่อนจะเดินไปทางรถลาก
จิ้งจอกขาวเย็นชาเสมือนก้อนน้ำแข็ง สีหน้าเยียบเย็นขณะตามหลังหลี่จิ่วเต้าไป
“คุณชายเลือกหูจิ่วหรือนี่!”
หัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ปรากฏตัว มองจิ้งจอกขาวเย็นชาด้านหลังหลี่จิ่วเต้าด้วยสีหน้าหลายความรู้สึก
“เฮ้อ…ที่หูจิ่วได้ติดตามคุณชาย ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดี หรือเรื่องร้าย!”
มันถอนหายใจเฮือกใหญ่
หูจิ่วมีภูมิหลังน่าสงสาร ถูกผู้ฝึกตนมนุษย์ลักพาตัวไปตั้งแต่เด็ก ผู้ที่ถูกลักพาตัวไปด้วยยังมีมารดาของหูจิ่ว และพี่หญิงน้องหญิงทั้งหลาย
หลังสมาชิกเผ่าจิ้งจอกนารีสวรรค์ของพวกมันถูกผู้ฝึกตนมนุษย์ลักพาตัวไปได้ มักมีจุดจบอย่างอนาถ ต้องถูกผู้ฝึกตนมนุษย์ทรมาน และสอนสั่งอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต
ครานั้น หูจิ่วเพิ่งมีอายุไม่กี่เดือน ยังไม่รู้ประสานักกับโลกใบนี้ เมื่อต้องประสบกับความพลิกผันเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่ามีผลกระทบต่อหัวใจดวงน้อยของหูจิ่วขนาดไหน
พวกมันต่างอยู่ในสภาวะประคองชีวิตให้รอดไปวัน ๆ ไม่มีความสามารถพอจะให้ช่วยเหลือนารีจิ้งจอกสวรรค์ผู้ถูกลักพาตัวไป และโดยทั่วไปแล้ว นารีจิ้งจอกสวรรค์ผู้ถูกลักพาตัวไม่มีวันได้กลับมาอีก
ทว่าหูจิ่วเป็นข้อยกเว้น
หลังหูจิ่วถูกลักพาตัวไปไม่กี่วัน มันก็กลับมาได้เสียอย่างนั้น!
ขนจิ้งจอกขาวผ่องของมันถูกโลหิตย้อมจนเป็นสีแดงเถือก บาดแผลเต็มตัว ทว่าสายตาของมันนั้นแน่วแน่ แน่วแน่ยิ่งกว่านารีจิ้งจอกสวรรค์โตเต็มวัยเสียอีก!
มันคาบศีรษะผู้ฝึกตนมนุษย์ที่ลักพาตัวพวกมันไปไว้ในปาก เดินกลับดินแดนเผ่าทีละก้าว ต่อให้มันเหลือลมหายใจเพียงอึดเดียว ก็ยังกัดฟันทนไว้ มิได้ล้มลงไปเพราะเหตุนี้
ครานั้น พวกมันตะลึงงันกันหมด อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าหูจิ่วจะรอดกลับมา และยิ่งคิดไม่ถึงว่าหูจิ่วจะคาบศีรษะผู้ฝึกตนมนุษย์ผู้นั้นกลับมาด้วย
พวกมันไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ หูจิ่วมิได้เล่าประสบการณ์ครานั้นให้ฟัง และมิได้เอ่ยถึงสถานการณ์ของมารดาหูจิ่วและพี่น้องคนอื่น ๆ
กระนั้นพวกมันตระหนักดีว่า มารดาหูจิ่วและพี่น้องตนอื่น ๆ คงประสบเคราะห์ร้ายไปแล้ว
นับแต่นั้นมา หูจิ่วมิเคยปริปากออกมาอีก เมื่อพบเจอเหตุการณ์ผู้ฝึกตนมนุษย์ลักพาตัวพวกมันอีกครั้ง หูจิ่วก็พุ่งออกไปอยู่แนวหน้าสุดโดยไม่คิดชีวิต เข้าห้ำหั่นกับผู้ฝึกตนมนุษย์อย่างเอาเป็นเอาตาย
วันนี้ คุณชายกลับเลือกหูจิ่ว หัวหน้าเผ่าไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย มันกลัวว่าหูจิ่วจะทำให้คุณชายไม่พอใจ ทำผิดข้อห้ามคุณชาย
แม้หูจิ่วจะไม่เคยเอ่ยว่าชิงชังผู้ฝึกตนมนุษย์ กระนั้นมันยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหูจิ่วนั้นเคียดแค้นผู้ฝึกตนมนุษย์
“ข้าคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่ คุณชายเก่งกาจปานใด มีเรื่องใดไม่อยู่ในการรับรู้ของคุณชายบ้าง อาจเพราะเหตุนี้ คุณชายถึงได้เลือกหูจิ่ว!”
หัวหน้าเผ่าสั่นศีรษะ ไม่ต้องคิดไปมากกว่าานี้
…
ณ เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
“แย่ยิ่งนัก พวกเราถูกทิ้งไว้เสียแล้ว!”
“อ๊าก ๆๆ อยากออกไปข้างนอกพร้อมคุณชายเหลือเกิน!”
เสียงโหยหวนร่ำร้องดังระงมอยู่ในลานเล็ก เหล่าของวิเศษที่ถูกทิ้งไว้โศกเศร้าเสียใจเป็นที่สุด
“อะไรนะ! มีกองกำลังนิรนามรุกรานอาณาจักรอวี้ซวี บัดนี้ อาณาจักรอวี้ซวีพ่ายแพ้ไปกว่าครึ่งแล้วหรือ!?”
ภายในบ่อน้ำ มัจฉาสัตมายาร้องเสียงหลง มันได้รับข้อความที่ท่านพ่อของมันส่งมาให้
เมื่อครั้งกลับอาณาจักรอวี้ซวีคราวก่อน มันได้ทิ้งศาสตราสื่อสารไว้ให้ท่านพ่อของมัน เพื่อให้สะดวกต่อการติดต่อมันได้ทุกเมื่อ
“ท่านพ่ออย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้!”
มัจฉาสัตมายารีบบอก มันต้องกลับไปช่วยท่านพ่อของมัน!
“ไอ้ระยำที่ไหนบังอาจอาละวาดไม่เลือกที่!?”
“เสี่ยวชีไม่ต้องร้อนใจ พวกเราจะช่วยเจ้าเอง!”
“พวกเราทั้งหมดขอตามไปด้วย ขอดูหน่อยเถิดว่ากองกำลังใดริอ่านทำตามอำเภอใจเช่นนี้!”
ของวิเศษในลานพากันลอยมาอยู่ตรงหน้ามัจฉาสัตมายา
พวกมันต่างชื่นชอบมัจฉาสัตมายากันมาก ประกอบกับการอยู่แต่ในลานสร้างความเบื่อหน่ายแก่พวกเขาอย่างยิ่งยวด จึงพากันเอ่ยว่าต้องการเดินทางไปอาณาจักรอวี้ซวีกับมัจฉาสัตมายาด้วย!
…
ณ อาณาจักรอวี้ซวี
“เปราะบางนัก ต้านทานมิได้แม้แต่การโจมตีเดียว ช่างไม่มีความกดดันเอาเสียเลย!”
เจ้าหลวงตระหง่านอยู่กลางอากาศ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม สีหน้าผ่อนคลายสบาย
พวกมันเข้ามาถึง ก็ยึดครองอาณาจักรอวี้ซวีไปได้กว่าครึ่ง ประดุจสายลมสารทฤดูที่พัดโชยใบไม้จนปลิดปลิว
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกเพียงไม่นานพวกมันก็จะยึดครองอาณาจักรอวี้ซวีไว้ได้ทั้งหมด
อาณาจักรอวี้ซวีจักกลายเป็นนครพิศวงของมัน!