บทที่ 628 มัจฉาสัตมายา ‘ไม่ต้องไว้หน้าข้าเลยหรืออย่างไร!’
ก้านหลิวก้านหนึ่งทะลวงผ่านอวกาศ ไม่ถูกจำกัดด้วยปริภูมิ ไม่ถูกจำกัดด้วยระยะห่าง เจิดจ้าแยงตา กฎระเบียบสูงส่งอย่างหามิได้โลดแล่นอยู่รอบ ๆ ภาพที่ปรากฏน่าพรั่นพรึงเหลือคณา!
…
ภายในอาณาจักรอวี้ซวี
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงลงมืออย่างดุดัน เดิมพวกมันมีกำลังรบระดับเซียนอยู่แล้ว เมื่อยืมพลังพิศวงมาด้วย ยิ่งทวีความแข็งแกร่งจนทัดเทียมระดับเซียนสมบูรณ์
เจ้าพวกตาเฒ่าในอาณาจักรอวี้ซวีแม้จะไม่ธรรมดากันทั้งหมด มิใช่ตัวตนดาษดื่น มีอาวุธโบราณและวิชาโบราณในมือมากมาย กระนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังแกร่งกล้าอย่างแท้จริง ทั้งหมดที่กล่าวมาก็เปล่าประโยชน์
เพียงครู่เดียว พวกเขาก็ถูกสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงกำราบลงทั้งหมด
“พวกเรายอมแพ้ พวกเรายอมเข้าโอบกอดความพิศวง!”
“พวกเราเต็มใจเป็นผู้ติดตาม!”
ตาเฒ่าเหล่านี้รู้จักความพิศวงลางร้าย ไม่รอให้เจ้าหลวงได้เอ่ยวาจา พวกเขาก็พากันยอมแพ้ ยินดีโอบกอดความพิศวง
การเข้าโอบกอดความพิศวงด้วยตนเอง และการถูกความพิศวงกลืนกินนั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พวกเขาตระหนักถึงเรื่องนี้ดี พวกเขาไม่ต้องการสูญเสียสติสัมปชัญญะทั้งหมด จนกลายเป็น ‘ซากศพ’ อย่างสมบูรณ์ พวกเขาต้องการโอบกอดความพิศวงด้วยตนเอง เหลือจิตสำนึกไว้ได้เพียงเสี้ยวหนึ่ง
สำหรับพวกเขา ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรีหรือคุณธรรม ตราบใดที่พวกเขายังมีชีวิตรอดต่อไปได้ พวกเขายินดีทำทุกอย่าง
“ดี ผู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ในเมื่อพวกเจ้ารู้ความเช่นนี้ ข้าก็จะให้โอกาสพวกเจ้า”
เจ้าหลวงเอ่ยเสียงเรียบ
“ขอบคุณท่านมาก!”
เหล่าตาเฒ่าในอาณาจักรอวี้ซวีรีบคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเจ้าหลวง
เจ้าหลวงกล่าว “ประเดี๋ยวจะเริ่ม ‘พิธีบรรพชา’ ของพวกเจ้า”
จากนั้น เขาเยื้องกรายขึ้นไปอยู่ตรงท้องฟ้าเหนือกึ่งกลางอาณาจักรอวี้ซวี ประกาศเสียงดัง “มีผู้ใดในพวกเจ้ายินดีเข้ารับ ‘พิธีบรรพชา’ ด้วยตนเองอีกบ้าง ข้าให้สิทธิ์พวกเจ้าได้เลือก!”
การสร้างนครภูมิขึ้นใหม่ มีแต่ ‘ทาส’ ซากศพเพียงอย่างเดียวก็มิได้ มันต้องการผู้ช่วย
“ไม่! ข้าไม่มีทางเลือกร่วมมือทำความชั่วกับพวกเจ้า!”
เบื้องล่าง เสียงอ่อนแรงเสียงหนึ่งดังขึ้น สตรีวัยเยาว์นางหนึ่งซึ่งดูเล็กจ้อยไร้ความหมาย เมื่ออยู่เบื้องหน้าสิ่งมีชีวิตพิศวงอย่างพวกเจ้าหลวง
ลำพังสิ่งมีชีวิตขนขาวพิศวงตัวเดียวก็สามารถระเบิดร่างสตรีนางนี้ได้ง่ายดาย
ทว่าสตรีนางนี้ไม่นึกกลัวเกรง ทะยานขึ้นสู่นภา หมายจะต่อสู้กับเจ้าหลวง!
นางมีรูปโฉมงามเพริศพริ้ง แฝงไว้ด้วยความเฉลียว ทว่าตอนนี้ สายตาของนางเด็ดเดี่ยวเหลือแสน มิเคยยอมก้มหัวคุกเข่า มิเคยยอมจำนนด้วยความกลัวตาย!
“น่าสนใจ”
เจ้าหลวงยิ้มเย็น ชี้นิ้วออกไปจิ้มสตรีวัยเยาว์นางนั้น ทันใดนั้น พลังอันมองไม่เห็นก็พันธนาการร่างของสตรีวัยเยาว์ไว้
มันโบกมือขึ้นบน เด็กสาวถูกดึงขึ้นไปทันทีในสภาพกลับหัว ห้อยโตงเตงอยู่ตรงนั้น
“มีแต่พวกชั้นต่ำ ไม่เห็นเลือดคงไม่รู้จักกลัว ไม่เข้าใจว่าบัดนี้พวกเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร!”
สีหน้าเจ้าหลวงเย็นชา ตั้งใจเชือดเด็กสาวผู้นี้เป็นตัวอย่าง
สิ่งมีชีวิตพิศวงออกปราบปรามไปทั่ว ทว่ามิเคยเข่นฆ่าผู้ใด สิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วไม่อาจเป็น ‘ทาส’ ได้ ต้องยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
สตรีวัยเยาว์ผู้นี้กลับเสนอหน้าออกมาเอง พอดีเลย มันจะเชือดไก่ให้ลิงดู ให้สิ่งมีชีวิตอาณาจักรอวี้ซวีเหล่านี้ได้รู้จักความหวาดกลัว
“เจ้าฆ่าเลย! ฆ่าเท่าที่ต้องการ! ข้าชางเหยาไม่มีทางขมวดคิ้ว! รอให้ท่านพี่ชวนกลับมาก่อนเถิด ท่านพี่ชวนไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่ เขาต้องแก้แค้นให้ข้าแน่นอน!”
เด็กสาวผู้นี้คือชางเหยา ธิดาของจักรพรรดิชาง
“ท่านพี่ชวนกระไร เขาอยู่ที่ใด ริอ่านออกมา ข้าก็จะเชือดเขาเป็นคนแรก!”
เจ้าหลวงมีสีหน้าเย็นยะเยือก ยกมือเรียกแส้ยาวออกมาเส้นหนึ่ง เฆี่ยนตีเด็กสาวจนเนื้อปริแตก หมอกเลือดกระจายออกไป
นี่มิใช่แส้ยาวธรรมดา ยามเฆี่ยนตีร่างของเด็กสาว ได้กระทบบนดวงวิญญาณของเด็กสาวด้วย
ชางเหยาเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นโบราณชางเยว่ ได้รับการประคบประหงมเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก มิเคยพบเจอเรื่องร้ายแม้แต่น้อย การถูกแส้ยาวเฆี่ยนตีเนื้อตัวและวิญญาณของชางเหยาต้องเจ็บปวดถึงปานใด กระทั่งผู้ฝึกตนบุรุษโตเต็มวัยยังยากจะอดกลั้นไว้ได้
ทว่าชางเหยากัดฟันทานไว้ ไม่ยอมร้องออกมาสักกระผีก
“เจ้าเฆี่ยนมาเลย ยิ่งเจ้าทรมานข้าเพียงใด ภายหน้า จุดจบของเจ้าก็ยิ่งน่าสมเพช! ท่านพี่ชวนต้องเอาคืนเจ้าเป็นร้อยเท่าพันเท่า!”
นางเอ่ยออกไป มั่นใจในตัวท่านพี่ชวน หรือก็คือมัจฉาสัตมายาเป็นอย่างมาก
“ท่านพี่ชวนผู้นี้อีกแล้วหรือ ท่านพี่ชวนของเจ้าเป็นใคร จ้าวแห่งเซียนหรือไร น่าขัน ขอบอกเจ้าตามตรง ต่อให้ท่านพี่ชวนของเจ้าเป็นจ้าวแห่งเซียนก็เท่านั้น!”
เจ้าหลวงขำพรืด หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน
ชางเหยาฝากความหวังไว้กับท่านพี่ชวนที่ว่าขนาดนี้ เป็นเรื่องน่าขันอย่างที่สุดสำหรับมัน ดั่งเช่นที่มันว่า จ้าวแห่งเซียนมาก็เท่านั้น!
แน่นอนว่า ด้วยกำลังพลของมันในยามนี้ ยากจะกำราบจ้าวแห่งเซียนตนหนึ่งลงได้
แม้ว่าสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงทั้งหลายจะปะทุกำลังรบระดับเซียนสมบูรณ์ได้ กระนั้นหากต้องประจันหน้ากับจ้าวแห่งเซียนจริง ๆ ก็ไม่แน่ว่าจะต่อกรด้วยไหว
ทว่ามันเชื่อมต่อกับจ้าวตะเข้ ติดต่อได้ทุกเมื่อ เพื่อขอให้จ้าวตะเข้เข้ามาเป็นกำลังหนุนที่นี่!
จ้าวตะเข้อยู่ในขั้นเซียนสมบูรณ์ เมื่อยืมพลังพิศวงมาแล้ว ต่อสู้กับจ้าวแห่งเซียนได้ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ ในนครพิศวงของจ้าวตะเข้ยังมีกำลังรบระดับเดียวกับจ้าวตะเข้อยู่ ถึงมีจ้าวแห่งเซียนมาที่นี่จริง ๆ ก็ต้องถูกกำราบลงแน่นอน
แน่นอนว่า มันมิได้คิดว่าท่านพี่ชวนที่ชางเหยากล่าวถึงเป็นจ้าวแห่งเซียนจริง ๆ
กำลังรบเหนือเซียนขึ้นไปบรรลุได้ยากยิ่ง จำต้องมีสสารระดับสูงเข้าหนุน มิใช่เพียงบุกเบิกอีกเส้นทางหนึ่งแล้วจะทำได้ นอกจากภพเซียน ขอบเขตเซียนคงเป็นจุดสูงสุดของอาณาจักรซึ่งควรให้อาณาจักรเบื้องล่างสามารถแตะถึงได้
ส่วนท่านพี่ชวนที่ชางเหยากล่าวถึงนั้นมาจากภพเซียนหรือไม่ มันมิได้คำนึงถึงเลยสักนิด เจ้าพวกขี้ขลาดต่ำช้าในภพเซียนมิกล้าออกจากภพเซียนแน่นอน
“เจ้าหัวเราะไปเถิด ประเดี๋ยวถึงคราวเจ้าได้ร้องไห้แน่ ข้าเชื่อในตัวท่านพี่ชวน!”
ชางเหยาตะโกนลั่น ที่นางเชื่อใจท่านพี่ชวน แท้จริงแล้วเชื่อในความสามารถของพี่ลั่วสุ่ยซึ่งอยู่กับท่านพี่ชวน
นางเคยประจักษ์ถึงพลังของพี่ลั่วสุ่ย รู้ว่าพี่ลั่วสุ่ยแกร่งกล้าสูงส่งเพียงใด แอปเปิลลูกเดียวที่พี่ลั่วสุ่ยมอบให้เสด็จพ่อของนางโดยไม่คิดมากยังเป็นถึงโอสถเซียนชั้นสูง นางเชื่อว่าพี่ลั่วสุ่ยสยบความชั่วร้ายได้ทั้งปวง
ฉึก!
หมอกเลือดสาดกระจาย เจ้าหลวงหัวเราะอย่างดูถูก หวดแส้ยาวเฆี่ยนชางเหยาอีกครั้ง จนเลือดเนื้อของชางเหยาหลอมรวมกันเป็นร่างเดียว น่าสังเวชจนไม่อาจทนมองได้ตรง ๆ
“เจ้าพูดเหมือนว่าท่านพี่ชวนของเจ้าเก่งกาจเสียเต็มประดา เขาอยู่ไหน เขามาช่วยเจ้าได้หรือไร”
เจ้าหลวงหัวเราะร่วน “แน่จริงก็เรียกเขาออกมา ดูว่าเขาช่วยเจ้าได้หรือไม่!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เวลานั้นเอง มิติบิดเบี้ยว ประกายเจิดจ้ามากมายพวยพุ่ง มัจฉาสัตมายามาถึง มันจำแลงเป็นร่างมนุษย์เด็กหนุ่มหล่อเหลามีชีวิตชีวา
“ไอ้…บัดซบ พ่อแกมาแล้ว! ผู้ใดว่าข้าช่วยไม่ได้!”
มัจฉาสัตมายาตวาดเสียงเย็น ประจันหน้ากับเจ้าหลวงกลางอากาศ ประกายเจิดจรัสรายล้อมรอบตัว เจิดจ้าทั้งยังองอาจเป็นพิเศษ!
เขาเกรียงไกรทรงอำนาจหลือแสน หันเขี้ยวคมใส่เจ้าหลวง ความดุดันถาโถมออกไปปกคลุมทั้งปฐพี ประหนึ่งวีรชนผู้ยิ่งใหญ่!
“ท่านพี่ชวน!”
เนื้อตัวชางเหยาเต็มไปด้วยบาดแผล เจ็บปวดจนแทบทนมิไหว ทว่าทันทีที่ได้เห็นมัจฉาสัตมายา ความเจ็บปวดทั้งหมดของนางพลันมลาย รอยยิ้มอ่อนหวานปรากฏบนใบหน้า ดวงตาหวานหยดย้อยขึ้นมา
หล่อเกินไปแล้ว!
ท่านพี่ชวนเปรียบเสมือนผู้กอบกู้ที่จุติลงจากสวรรค์ พร้อมลงมือบดขยี้ความชั่วร้ายทั้งปวง!
“เจ้าน่ะหรือ ท่านพี่ชวนที่นางว่า”
เจ้าหลวงทอดมองมัจฉาสัตมายา สัมผัสขอบเขตพลังของมัจฉาสัตมายาได้ในอึดใจเดียว “เป็นแค่ขอบเขตมหาจักรพรรดิอันต่ำต้อย ยังกล้าบุกเข้ามาทำทีเป็นผู้กอบกู้อย่างนั้นหรือ”
มันก็นึกว่าท่านพี่ชวนที่ว่าเก่งกาจปานใด ที่แท้เป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อยขอบเขตมหาจักรพรรดิเท่านั้น นับเป็นเรื่องผิดหวังอย่างยิ่งสำหรับนาง เดิมยังคิดอยู่ว่าหากท่านพี่ชวนผู้นี้มีความสามารถจริง ๆ จะกำราบไว้เป็น ‘ทาส’ ของมัน
ใช่แล้ว
หลังจากฝึกฝนมาระยะหนึ่ง มัจฉาสัตมายาบรรลุสู่ขอบเขตมหาจักรพรรดิสำเร็จ
“ขอบเขตมหาจักรพรรดิแล้วอย่างไร มหาจักรพรรดิก็เล่นงานเจ้าจนฟันร่วงลงไปกองที่พื้นได้แล้วกัน! วันนี้ ข้าจะให้เจ้าได้ประจักษ์ถึงความแกร่งกล้าของขอบเขตมหาจักรพรรดิ!”
มัจฉาสัตมายาฮึกเหิม ไม่เห็นเจ้าหลวงอยู่ในสายตาสักนิด
ของวิเศษทั้งหลายล้วนเป็นกำลังหนุนของมัน แล้วมันยังต้องกลัวสิ่งใดอีก
“ข้ามีของวิเศษกองพะเนินอยู่เบื้องหลัง จะกำราบไอ้แก่อย่างเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”
มัจฉาสัตมายาตวาดลั่น อย่าให้เอ่ยเลยว่าทรงพลังเพียงใด
ซ่า!
ทว่าเวลานั้นเอง มิติเบื้องหลังมันบิดเบี้ยว ประกายมากมายกะพริบแวววับไม่หยุด ทั้งขวานเบิกสวรรค์ ค้อน ขันไม้ ถังไม้ ถ้วยกระเบื้อง แผ่นกระดานหินเขียว และของวิเศษอื่น ๆ อีกมากมายถล่มเข้ามาถ้วนหน้า จนมัจฉาสัตมายากระแทกพื้นลงไปทันที
“โอ๊ย!”
มัจฉาสัตมายาร้องลั่นด้วยความเจ็บ อเนจอนาถเหลือแสน กระแทกแรงจนพื้นเป็นหลุม
“เบียดกันอยู่ได้ ไม่เคยออกจากบ้านหรืออย่างไร!”
“เจ้าอย่าได้พูดไป พวกเราไม่เคยออกจากบ้านจริง ๆ!”
บรรดาของวิเศษส่งเสียงเจี๊ยวจ้าว โต้เถียงกันไม่หยุด
พวกมันต่างอยากโผล่ออกมาเป็นตนแรก ผลสุดท้ายคือกระแทกโครมเข้าด้วยกัน แล้วถล่มใส่ตัวมัจฉาสัตมายาทั้งหมด
ภายในหลุม มัจฉาสัตมายาอยากร่ำไห้เหลือเกิน
มันอยากบอกเหลือเกินว่า พี่ชายพี่สาวทั้งหลาย พวกท่านมาเป็นหน้าเป็นตาให้ข้า หรือมาหักหน้าข้ากันแน่!
มันหรืออุตส่าห์ออกโรงอย่างมีมาด องอาจเหลือคณา สาวน้อยใหญ่แทบจะหลงเสน่ห์มันทั้งหมด สุดท้ายกลับเกิดเรื่องเช่นนี้…
ไม่ไว้หน้ามัจฉาสัตมายาอย่างมันบ้างเลยหรือไร!