บทที่ 629 พี่หลิวคิดหนีหรือ? เลือกลงมือกับผู้ทรงพลังที่สุดโดยเฉพาะ!
น่าอนาถเหลือเกิน!
อุตส่าห์ได้โอกาสมาแล้ว ได้วางมาดยิ่งใหญ่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในอาณาจักรอวี้ซวีสักครั้ง สุดท้ายกลับล่มจมทั้งอย่างนี้!
มัจฉาสัตมายาอยากร่ำไห้นัก!
“ท่านพี่ชวน…!”
ชางเหยาหลังน้ำตาอย่างทนไม่ไหว นึกอึดอัดแทนมัจฉาสัตมายาอยู่พักใหญ่!
ออกโรงเสียยิ่งใหญ่ประดุจผู้กอบกู้แห่งใต้หล้า สุดท้ายกลับพังครืนลง เหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว ไม่ทันตั้งตัวเกินไปแล้ว!
“???”
“นี่มัน…”
สิ่งมีชีวิตคณานับในอาณาจักรอวี้ซวีได้เห็นภาพนี้กันหมด พวกเขาต่างกุมหน้าผากอย่างอดมิไหว อย่าให้เอ่ยเลยว่าสีหน้าประหลาดเพียงใด!
ให้ตายสิ มัจฉาสัตมายาออกโรงอย่างมีมาด ประกาศกร้าวด้วยความองอาจ พวกเขาพลันมีความหวังขึ้นมาอย่างมากเพราะมัจฉาสัตมายา คิดว่ามัจฉาสัตมายาจะช่วยปลดปล่อยพวกเขา
มิฉะนั้น มัจฉาสัตมายาคงไม่แข็งกร้าวเช่นนี้!
ทว่าพริบตาต่อมาพวกเขาก็ต้องตาค้าง ความหวังที่เพิ่งก่อเกิดขึ้นมาในใจทลายลงทันที
มัจฉาสัตมายาถูกเครื่องใช้ประจำวันของปุถุชนอย่างกะละมัง ขัน และสิ่งอื่น ๆ ล้มใส่จนกระแทกลงพื้น!
เครื่องใช้ประจำวันของปุถุชนอย่างกะละมัง ขัน และสิ่งอื่น ๆ เหล่านี้คงมิใช่ของวิเศษที่มัจฉาสัตมายากล่าวถึงกระมัง
หากเป็นเช่นนั้นจริง จะมิตลกไปหน่อยหรือ!
“บ้าเอ๊ย…!”
เจ้าหลวงหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง อยากกลั้นก็ยังกลั้นไม่อยู่!
“เจ้ามาช่วยคนหรือมาย้ายบ้านกันแน่ โต๊ะเก้าอี้ ขัน กะละมัง ค้อน ขวาน กระทั่งถังขยะยังไม่ยอมเปลี่ยนใหม่ ต้องย้ายมาด้วยอย่างนั้นหรือ?!”
มันขำจากใจจริง
มัจฉาสัตมายาผู้นี้มาช่วยที่ไหน ตั้งใจมาย้ายบ้านชัด ๆ ดูสัมภาระเหล่านั้นสิ ล้วนเป็นของใช้ประจำวันกันทั้งสิ้น!
“เจ้าย้ายให้เสร็จก่อนดีหรือไม่ เสร็จแล้วค่อยเริ่มสู้”
มันเอ่ยเย้ยหยัน
“ย้ายบ้านแกสิ!”
มัจฉาสัตมายาตะกายขึ้นจากหลุม กระโจนขึ้นไปอยู่บนนภาอีกครั้ง พร้อมตวาดออกไป “เจ้าตัวมีตาแต่หามีแววไม่ พี่ชายพี่สาวทั้งหลายเพียงมิได้เปล่งบารมีเท่านั้น หลังเปล่งบารมีแล้ว ตาแก่อย่างเจ้าได้กลัวจนหัวใจวายตายแน่!”
“กลัวโต๊ะ เก้าอี้ กะละมังเหล่านี้จนหัวใจวายตายน่ะหรือ”
เจ้าหลวงหัวเราะลั่น “เจ้าอยากให้ข้าขำจนตายหรืออย่างไร”
มันอยากจะบ้าตาย มัจฉาสัตมายาเอาความกล้าจากไหนมาเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้กัน ดูแล้ว อืม มัจฉาสัตมายาคงตั้งใจทำให้มันขำจนตายจริง ๆ กระมัง!
ทว่าหนนี้ของวิเศษในลานมิได้ปล่อยให้มัจฉาสัตมายาเสียหน้า
ก่อนหน้านี้พวกมันเก็บงำพลัง มิได้แสดงความไม่ธรรมดาออกไป หลังสิ้นเสียงมัจฉาสัตมายา พวกมันต่างเปล่งบารมี สำแดงความวิเศษของพวกตนออกไปอย่างเต็มที่!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
พวกมันพากันกระโจนตัวขึ้นไปอยู่ในระนาบเดียวกับมัจฉาสัตมายา แต่ละชิ้นล้วนเปล่งประกายเจิดจ้าเหลือแสน แสงเซียนสว่างไสว จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียนออกมา สะท้านไปทั้งห้วงมิติ!
พวกมันเพิ่งเคยออกจากบ้านเป็นครั้งแรก ก่อนเผชิญหน้าศัตรูมิต้องการเผยตัวตนมากนัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะโดนดูถูกเหยียดหยามถึงเพียงนี้!
พวกมันทนมิได้ แต่ละชิ้นล้วนมีจิตสังหารพลุ่งพล่าน!
เวลานั้นเอง ห้วงมิติบิดเบี้ยว ไม้ประดับกลุ่มสุดท้ายมาถึง พร้อมพุ่งตัวออกมา พวกมันทุกต้นล้วนสว่างไสว มีแสงเซียนห้อมล้อม ลวดลายบนใบไม้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากได้พิจารณาอย่างละเอียด จะต้องตกใจที่พบว่าทุกลวดลายล้วนเปี่ยมไปด้วยรอยเต๋า เจือไว้ซึ่งจังหวะแห่งเซียน!
“วางใจ สู้ได้เลย มีพวกเราอยู่ พวกเจ้าไม่มีวันตาย!”
“ใช่แล้ว! ต่อให้เครื่องใช้บุบสลาย ดวงวิญญาณสูญสิ้น พวกเราก็รับประกันได้ว่าพวกเจ้าจะไม่ตาย!”
เหล่าไม้ประดับปริปาก วาจาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
และพวกมันมั่นใจเช่นนี้ได้แน่ เพราะพวกมันทรงพลังพอ!
ก้านหลิวก้านหนึ่งพุ่งออกมา ปลิดปลิวตามลม ราวกับฝังรากลงไปในอวกาศ งอกเงยขึ้นจากอวกาศอย่างนั้น ดูมหัศจรรย์อย่างยิ่งยวด
มันคือต้นหลิว มันมิได้มาทั้งต้น เพราะยังต้องคอยพิทักษ์เมืองชิงซาน ป้องกันมิให้เกิดเรื่องไม่คาดคิด
ทว่าสำหรับมันแล้ว มาทั้งต้นหรือมาเพียงหนึ่งก้านก็แตกต่างไม่มากนัก
“อะไรกัน!”
“ของเหล่านี้เป็น…ของวิเศษอะไรกัน!”
หลังของวิเศษในลานสำแดงแสนยานุภาพ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรอวี้ซวีที่ได้เห็นภาพนี้ต่างตะลึงงัน หัวใจสะท้าน ไม่อาจสงบจิตสงบใจลงได้เลย!
จะให้สงบใจได้เช่นไร?!
ยอดศาสตราเหล่านี้ ไม่ว่าชิ้นใดล้วนมีจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งเกินหยั่งไหลเวียนอยู่ พลิกโฉมโลกทัศน์ของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง!
ขันไม้ตักน้ำ กระบองเขี่ยไฟ กะละมังล้างหน้า ตะเกียบไม้และถ้วยกระเบื้องที่ใช้ในการรับประทานอาหาร ตะเกียงซึ่งมีเทียนติดอยู่ แผ่นหินเขียวปูพื้น…
สวรรค์!
วัสดุของยอดศาสตราเหล่านี้ล้วนเหนือขั้นเซียนขึ้นไป มีพลังระดับเซียนแผ่ซ่านอยู่รอบ ๆ พวกเขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับใดถึงโหดร้ายผิดมนุษย์ได้ปานนี้ นำวัสดุระดับเซียนสูงส่งเช่นนี้ไปสรรค์สร้างเป็นเครื่องใช้ประจำวันเสียได้…!
ที่สำคัญ หากลำพังเพียงเท่านี้ยังดี ทว่าแม้แต่ถังขยะยังทำด้วยวัสดุเหนือระดับเซียนขึ้นไป!
นี่มันเรื่องอะไร! ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว!
“ท่านพี่ชวน สุดยอดไปเลย!”
ชางเหยาตะโกนลั่นด้วยความปีติ ดวงตากลับมาเป็นรูปหัวใจอีกครั้ง “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านพี่ชวนพึ่งพาได้ ที่มาคราวนี้ก็เพื่อบดขยี้พวกวายร้าย กอบกู้แผ่นดินอาณาจักรอวี้ซวี!”
อีกด้าน เจ้าหลวงนัยน์ตาสั่นไหวระริก คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่ามันจะมองผิดไป ก่อนนี้ดูไม่ออกเลยว่าเครื่องใช้ประจำวันเหล่านี้ไม่ธรรมดาเพียงใด!
“เจ้าเป็นใครกันแน่?!”
มันจ้องมัจฉาสัตมายาเขม็ง สีหน้าเคร่งเครียด ไม่เหลือความดูหมิ่นเหยียดหยามอีกต่อไป
คลื่นพลังที่แผ่ซ่านออกจากยอดศาสตราทุกชิ้นล้วนเป็นผลให้เขาอกสั่นขวัญแขวน มันไม่สงสัยเลยว่า แม้แต่ตะเกียบกินข้าวคู่นั้นมันยังสู้ไม่ไหว ห่างชั้นกันมากเกินไป
มาจากที่ใดกัน
จากภายในภพเซียนหรือ
มันนึกถึงภพเซียนทันที
ถึงอย่างไร นอกจากภพเซียนแล้ว แดนดินอื่นไม่มีทางมียอดศาสตราระดับเซียน และโอสถเซียนมากมายเพียงนี้แน่ เมื่อครั้งภพเซียนถอนกำลัง ก็แทบกวาดล้างของระดับเซียนไปด้วยทั้งหมด
ดูท่า สถานการณ์ในภพเซียนจะมิได้เป็นเช่นที่เขาคิด
เหมือนว่าภพเซียนมิได้ขี้ขลาดตาขาวอย่างเก่า กล้าออกมาเคลื่อนไหวข้างนอกแล้ว
แต่ไม่เป็นไร อย่างไรภพเซียนก็ไม่มีทางก่อการใหญ่ได้ เมื่อความพิศวงลางร้ายที่แท้จริงจุติ ภพเซียนย่อมต้องหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนสุนัขไร้เจ้าของดังเดิม
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด เห็นจะเป็นเมื่อครั้งความพิศวงลางร้ายปะทุคราแรก ภพเซียนเผ่นได้เร็วกว่าผู้ใด
“ข้าคือมู่ชวนแห่งเผ่ามัจฉาสัตมายาในทะเลเหนือ!”
มัจฉาสัตมายาแผดเสียง ประกาศชื่อเสียงเรียงนามภูมิหลังความเป็นมา
บัดนี้ สิ่งมีชีวิตทั้งปวงในอาณาจักรอวี้ซวีกำลังจับตาดูมันอยู่ นับเป็นช่วงเวลาเกรียงไกรได้หน้าที่สุด มันย่อมต้องทิ้งชื่อเอาไว้ มิฉะนั้นผู้ใดเล่าจะรู้ว่าเขาเป็นใคร
เจ้าหลวงหน้าดำคร่ำเครียด สีหน้าไม่สู้ดี มันถามถึงรากฐานปูมหลังที่แท้จริงของมัจฉาสัตมายา หาได้ถามข้อมูลพื้นฐานเช่นนี้ของมัจฉาสัตมายาไม่
เห็นได้ชัดว่ามัจฉาสัตมายาตะล่อมเขาไปเรื่อย
“เป็นเพียงข้าวของเครื่องใช้จำนวนหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าวัสดุนั้นทรงพลัง กระนั้นท้ายที่สุดก็เป็นเพียงของใช้เล็กน้อยประจำวัน มิใช่อาวุธเซียนสำหรับการฆ่าล้างจริง ๆ จะมีฤทธิ์เดชสักเท่าไหร่กัน!?”
เจ้าหลวงทอดมองมัจฉาสัตมายา ยิ้มเย็นพลางเอ่ย “ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าสิ่งใดอยู่เบื้องหลังเจ้ากันแน่!”
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงทั้งหลายแสยะยิ้มมุมปากเช่นกัน พร้อมพากันก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว เตรียมพร้อมลงมือ
พวกมันไม่รู้สึกเช่นกันว่าเครื่องใช้ประจำวันเหล่านี้จะมีฤทธิ์เดชเท่าไร!
“นี่เขากำลังเยาะเย้ยเราอยู่หรือ”
“ดี เยาะเย้ยได้สำเร็จแล้ว!”
จิตสังหารของวิเศษในลานทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
จริงอยู่ว่า พวกมันเป็นเพียงเครื่องใช้ประจำวัน
แต่ต้องดูด้วยว่าพวกมันรับใช้ผู้ใด!
ผู้ที่พวกมันรับใช้อยู่คือคุณชาย!
สายตาเจ้าหลวงคับแคบนัก
“พวกเจ้าเล่นกันไปเถิด ข้าจะไปเดินเล่นที่อื่นดูหน่อย…”
สงครามใกล้ปะทุเต็มที ต้นหลิวกลับไม่แยแสแม้แต่น้อย มันหาวอยู่หนึ่งที ก่อนเอ่ยว่าจะไปที่อื่น
สิ่งมีชีวิตพิศวงอย่างพวกเจ้าหลวงด้อยพลังเกินไป ไม่ควรค่าให้มันลงมือสักนิด ใบหลิวของมันร่วงโรยเพียงใบเดียวก็สามารถสังหารสิ่งมีชีวิตพิศวงอย่างพวกเจ้าหลวงได้ง่ายดาย
ช่างเถิด เก็บสิ่งมีชีวิตพิศวงอย่างพวกเจ้าหลวงไว้เล่นสนุกกับของวิเศษในลานไปแล้วกัน
“พวกเจ้าจะกลับแล้วเรียกข้าก็พอ…”
ต้นหลิวทำท่าจะไป
“คิดหนีรึ ง่ายปานนั้นที่ไหน!”
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงตัวหนึ่งหมายหัวต้นหลิว ตะคอกเสียงเย็น “หมูเสียบต้นหอมในจมูกแล้วอ้างตนว่าเป็นกุญชรอย่างนั้นหรือ เผยก้านหลิวมาท่อนเดียวแล้วทำวางมาดเสียยกใหญ่ เจ้าคิดว่าตนเป็นใครกัน?”
มันเอ่ยต่อ “เจ้าไปไม่ได้หรอก วันนี้ ข้าจะถอนรากถอนโคนของเจ้า ขอดูหน่อยเถิดว่าเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่!”
“!!!”
หลังมัจฉาสัตมายาได้ยินคำกล่าวของสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงตัวนี้ ก็เกือบเด้งตัวกระโดดขึ้น
สุดยอด!
ถากถางเพิ่มความขุ่นเคืองได้ถึงพริกถึงขิงยิ่งนัก!
ยุ่งกับผู้ใดไม่ยุ่ง ดันไปยุ่งกับพี่หลิว
มันมองจ้องสิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงตัวนั้นด้วยสายตาชอบกล
สิ่งมีชีวิตขนเทาพิศวงตัวนี้เก่งกาจยิ่ง สายตาดีมากด้วย ปราดเดียวก็เลือกถูกตัว ผู้ทรงพลังที่สุดในฝ่ายพวกเขา!
ไม่ให้นับถืออย่างไรไหว!