ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 664 ครึกครื้น (กลาง)

ตอนที่ 664 ครึกครื้น (กลาง)

สือ​อี​เหนียง​กอด​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ใบหน้า​ของ​นาง​แนบ​ลง​บน​แผ่น​หลัง​ของ​เขา

“​เป็น​อะไร​หรือ​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​งัวเงีย​เล็กน้อย​ ​“​ไม่สบาย​ตรงไหน​หรือ​”

“​เปล่า​เจ้าค่ะ​!​”​ ​น้ำเสียง​ของ​สือ​อี​เหนียง​เหนื่อยล้า​เล็กน้อย​ ​“​ข้า​แค่​อยาก​กอด​ท่าน​”

อย่างไร​เสีย​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​นอนไม่หลับ​แล้ว​ ​เขา​ลูบ​ใบหน้า​ของ​นาง

ผิวหน้า​นุ่ม​ลื่น​ ​ไร้​ร่องรอย​ของ​เม็ด​เหงื่อ

“​ร้อน​จะ​ตาย​อยู่​แล้ว​”​ ​เมื่อก่อน​สุขภาพ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ไม่​ค่อย​ดี​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​กลายเป็น​นก​ตื่น​ธนู​ ​ไม่กล้า​ปล่อย​ให้​นาง​ร้อน​หรือ​เย็น​จน​เกินไป​ ​ไม่กล้า​ใช้​น้ำแข็ง​ใน​ตอนกลางคืน​ช่วง​ฤดูร้อน​ ​ทำได้​เพียง​ใช้​ผ้า​บาง​ๆ​ ​มา​ใช้​แทน​ม่าน​ที่​หน้าต่าง​ ​แล้ว​เปลี่ยนเป็น​มุ้ง​เก๋​อปู​้​เพื่อ​รับลม​ธรรมชาติ​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​เป็น​อะไร​ ​เขา​จึง​ถอด​เสื้อคลุม​ออก​แล้ว​โยนทิ้ง​ที่​ปลาย​เตียง​ ​เอา​พัด​จาก​ใต้​หมอน​มา​โบก​พัด​ให้

“​ข้า​พัด​เอง​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ใช้​ศอก​พยุง​ตัว​ลุกขึ้น​มา​หยิบ​พัด​ไป​ ​ช่วย​พัด​ให้​เขา​ด้วย​จังหวะ​ที่​ไม่​ช้า​ไม่​เร็ว

“​ให้​ข้า​พัด​เถิด​ ​ให้​เจ้า​พัด​ก็​เหมือนกับ​ไม่ได้​พัด​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ประเดี๋ยว​อีก​สักหน่อย​ก็​จะ​บอกว่า​เมื่อย​แขน​อีก​”​ ​ตอนที่​แย่ง​พัด​กลับมา​ก็​อด​พูด​ไม่ได้​ว่า​ ​“​ข้า​บอก​ให้​สาวใช้​น้อย​คอย​พัด​อยู่​ข้างๆ​ ​เจ้า​ก็​ไม่​อนุญาต​…​แล้วก็​มา​แย่ง​กัน​พัด​ให้​!​”​ ​ขณะที่​พูด​ไหล่​ของ​เขา​ก็​ถูก​กัด​เบา​ๆ​

ใจ​ของ​เขา​พลัน​เต้น​ระส่ำ​ ​รู้สึก​ประหลาดใจ​เป็นอย่างมาก​ ​ทั้ง​กลัว​ว่า​ตัวเอง​จะเข้า​ใจ​ผิด​ไป​ ​เผลอ​กลั้นหายใจ​โดยไม่รู้ตัว

ริมฝีปาก​อุ่นๆ​ ​กด​ลง​จูบ​อย่าง​ดูดดื่ม​…

เขา​หลับตา​ลง​ ​เพลิดเพลิน​กับ​ความรู้สึก​ชั่วขณะหนึ่ง

“​มั่ว​เหยี​ยน​…​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เรียกชื่อ​นาง​ด้วย​ความประหลาดใจ

“​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ขานตอบ​เขา​ ​น้ำเสียง​เบา​สบาย​ราวกับ​สายลม​ที่​พัดผ่าน​หัวใจ​ของ​เขา

สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​เบา​ๆ​

นี่​เป็นครั้งแรก​…

เขา​ไม่ใช่​คนที​่​จะ​ต่อต้าน​ความโชคดี​ของ​ตัวเอง

เขา​หันมา​รวบตัว​สือ​อี​เหนียง​มา​ไว้​บน​ตัว​เขา

ใน​ตอนกลางคืน​ ​ดวงตา​ของ​เขา​ราวกับ​หิน​เนื้อ​แก้วสี​ดำ​ ​มีแสง​เปล่งประกาย​เป็นพักๆ​…

สือ​อี​เหนียง​กัด​ริมฝีปาก​ ​มุด​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​เขา

สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​เบา​ๆ​…

******

ขณะที่​กำลัง​นอนหลับ​สนิท​ท้องฟ้า​ก็​สว่าง​แล้ว​ ​มีเสียง​สาวใช้​เดินไปเดินมา​ดัง​มาจาก​ข้างนอก

นาง​หลับสนิท

ไม่ได้​ฝัน​เลย​ทั้งคืน​ ​ดูเหมือนว่า​จะ​ไม่​แม้แต่​พลิกตัว​ ​แขน​ซ้าย​ชา​ ​แต่กลับ​มีความรู้สึก​มั่นคง​และ​เงียบสงบ​ ​ ​ร่างกาย​เหมือนกับ​ต้นไม้​ที่​แผ่​กิ่งก้านสาขา​ใน​เดือน​สาม​ก็​ไม่​ปาน​ ​งดงาม​ตามธรรม​ชาติ

“​ตื่น​แล้ว​หรือ​!​”​ ​น้ำเสียง​ทุ้ม​ต่ำ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ดัง​อยู่​เหนือศีรษะ​ของ​นาง​ ​“​ข้า​คิด​ว่า​เจ้า​จะ​นอน​ตื่น​สาย​เสียอีก​”​ ​มีความรู้สึก​ขบขัน​แฝง​อยู่​ใน​น้ำเสียง​ ​“​เมื่อคืนนี้​ปลุก​อย่างไร​ก็​ไม่​ตื่น​…​ทำเอา​ข้า​ตกใจ​แทบ​แย่​…​”

สือ​อี​เหนียง​พลิกตัว​กลับมา​ ​ซุก​ใบหน้า​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ดูท่าทาง​โหยหา​เป็นอย่างมาก

“​เป็น​อะไร​ไป​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​เล็กน้อย​ ​ใช้​นิ้ว​เขี่ย​เส้น​ผม​ของ​นาง​ที่​กระจัดกระจาย​อยู่​บน​หมอน​สีแดง​ปัก​ลาย​เป็ด​น้ำ​มาด​มที​่​ปลายจมูก

กลิ่น​ดอกกุหลาบ​อ่อน​ๆ​ ​หอม​เย้ายวน​ชวน​ให้​อยาก​สูดดม

สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​นั่ง​ ​“​วันนี้​อากาศ​ดียิ่ง​นัก​!​”

อย่างนั้น​หรือ

สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​ไป​ยัง​มุ้ง​สีเหลือง​ที่​ไม่​เคลื่อนไหว​แม้แต่​นิดเดียว

ใน​เวลา​เช้าตรู่​ที่​ไม่มี​ลม​เลย​แม้แต่น้อย​ ​ถือว่า​อากาศ​ดี​อย่างนั้น​หรือ​!

เขา​เลิก​คิ้ว​ขึ้น​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ก้าว​ลง​จาก​เตียง​ ​บิดขี้เกียจ​ไปมา

แสงอรุณ​ใน​ยามเช้า​ ​เส้น​แสง​ละเอียดอ่อน​เปรียบเสมือน​กับ​กิ่งก้าน​ของ​ต้น​หลิว​ที่​ทอด​ยาว​ใน​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​นุ่มนวล​ ​แข็งแรง​ ​และ​มีสีสัน​งดงาม

“​วันนี้​มี​หลาย​สิ่ง​ที่​ต้อง​ทำ​”​ ​นาง​หันกลับ​มา​ ​ผิว​ของ​นาง​ขาวนวล​ราวกับ​หิมะ​ ​รอยยิ้ม​ของ​นาง​งดงาม​ดั่ง​บุปผา​ ​“​จะ​ต้อง​นำ​ไม้​พาย​และ​เรือ​ออกมา​ ​แล้วยัง​ต้องเต​รี​ยม​ผ้า​สักหลาด​ปูโต๊ะ​ ​โต๊ะ​ไม้​จื่อ​ถาน​ ​เครื่องลายคราม​หลาก​สี​ ​และ​ม่านบังแดด​…​สวน​หลัง​จวน​ที่​อวี​๋​หัง​ก็​มีทะ​เลสาบ​ ​แต่ว่า​เล็ก​มาก​ ​ไม่พอ​สำหรับ​การพาย​เรือ​ ​ที่นั่น​เลี้ยง​ปลา​ไว้​มากมาย​ ​บางครั้ง​อี๋​เหนียง​ก็​โยน​อาหาร​ปลา​อยู่​ข้าง​เก้าอี้​เหม่ย​เห​ริน​ ​ทำให้​ปลา​มา​แย่ง​อาหาร​กัน​ ​นาง​ก็​จะ​ยิ้ม​หน้าบาน​…​ครั้งนี้​พวกเรา​ไป​พาย​เรือ​ที่​ทะเลสาบ​ปี้​อี​ ​ท่าน​ว่า​ดี​หรือไม่​”​ ​นาง​นอน​หมอบ​แล้ว​ถาม​สวี​ลิ่ง​อี๋​อยู่​ตรง​ขอบ​เตียง

ยาก​นัก​ที่นาง​จะ​มีความสุข​ขนาด​นี้​

มี​หรือ​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ไม่เห็นด้วย

เขา​พูด​พึมพำ​สอง​สาม​ประโยค

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​ไม่ชัด​ ​อด​ถาม​ไม่ได้​ว่า​ ​“​อะไร​นะ​เจ้า​คะ​”

“​ข้า​บอกว่า​”​ ​เสียง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ดัง​ขึ้น​กว่า​เดิม​เล็กน้อย​ ​“​ถ้า​อี๋​เหนียง​มา​เยี​่​ยน​จิง​ปี​ละครั​้​งก​็​คงดี​ ​ครั้งนี้​มาตอ​นฤ​ดูร​้อน​ ​ข้าว​่า​ครั้ง​ต่อไป​ก็​มาตอ​นฤ​ดู​หนาว​…​”

เช่นนี้​เขา​ก็​จะ​ได้​โอบกอด​สือ​อี​เหนียง​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ต่อไป

ตอนแรก​สือ​อี​เหนียง​ไม่​ค่อย​เข้าใจ​ ​เมื่อ​เห็น​แววตา​ที่​มีเลศนัย​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ใบหน้า​ของ​นาง​ก็​เปลี่ยนเป็น​สีแดง​ราวกับ​ดวงอาทิตย์​ยาม​รุ่งอรุณ​ก็​ไม่​ปาน​ ​นาง​แค่น​เสียงใส​่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก่อน​จะ​เดิน​ไป​ที่​ฉาก​กั้น​เพื่อ​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า

สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​เสียงดัง​ลั่น​ ​รู้สึก​สบาย​ทั้ง​ร่างกาย​และ​จิตใจ​ ​มีความสุข​อย่างที่​ไม่เคย​มีมาก​่อน

เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​ไป​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ ​เขา​ก็​ลุกขึ้น​มา​ล้างหน้า​ด้วย​เช่นกัน​

เพียงแต่ว่า​สตรี​ไม่เคย​เร็ว​กว่า​ผู้ชาย​ใน​เรื่อง​นี้​

ตอนที่​เขา​เดิน​ออกมา​แล้ว​สือ​อี​เหนียง​กลับ​ยัง​ไม่​ออกมา

จิ​่น​เกอ​วิ่ง​เข้ามา

“​ท่าน​พ่อ​ ​เหตุใด​ท่าน​ถึง​เกียจคร้าน​ขนาด​นี้​ ​ยัง​ไม่​ลุก​จาก​เตียง​อีก​หรือ​!​”​ ​เขา​ล้างหน้า​เสร็จ​ตั้ง​นาน​แล้ว​ ​สวม​ชุด​ผ้าไหม​สีน้ำตาล​ ​ดวงตา​โต​เป็นประกาย​ระยิบระยับ​ ​ดู​มี​เรี่ยวแรง​แข็งขัน​ ​“​เมื่อวาน​ตอนที่​ข้ามา​ท่าน​ก็​อยู่​บน​เตียง​ ​เมื่อ​สอง​วันก่อน​ก็​เช่นกัน​…​”​ ​เขา​พูด​พลาง​เข้าไป​ดึง​บิดา​ ​“​วันนี้​ต้อง​ตื่น​เร็ว​ๆ​ ​หน่อย​นะ​ขอรับ​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​พลาง​อุ้ม​บุตรชาย​ขึ้น​มา​ ​เหลือบมอง​ฉาก​กั้น​ไม้​จื่อ​ถาน​ที่​แกะสลัก​งาช้าง​สีขาว​ลาย​เทพธิดา​โปรย​บุปผา​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​วันนี้​ตอนบ่าย​พวกเรา​ไป​ขี่ม้า​กัน​ดี​หรือไม่​”

“​ดี​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​กำลังจะ​ยก​แขน​ขึ้น​ตะโกน​ด้วย​ความดีใจ​ ​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​เมื่อ​ครู่​ท่าน​พ่อ​พูดเสี​ยง​เบา​ ​จึง​รีบ​ระงับ​ความตื่นเต้น​แล้ว​กระซิบ​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ห้าม​บอก​ท่าน​แม่​ใช่​หรือไม่​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง

จิ​่น​เกอ​ตา​เป็นประกาย​ ​“​ท่าน​พ่อ​ ​หาก​ท่าน​แม่​ถาม​ขึ้น​มาก​็​ย่อม​ต้อง​บอก​ ​หาก​ท่าน​แม่​ไม่​ถาม​ ​พรุ่งนี้​ท่าน​ยาย​ ​ท่าน​ป้า​ ​ท่าน​น้า​เล็ก​ ​ท่าน​น้า​หญิง​ ​พี่ชาย​ ​พี่​หญิง​ ​น้องชาย​ ​น้อง​หญิง​ต่าง​ก็​จะ​มา​เป็น​แขก​ที่​จวน​ ​ท่าน​แม่​ยุ่ง​เช่นนี้​ ​เรื่องเล็ก​แค่นี้​ ​พวกเรา​ก็​ไม่ต้อง​บอก​ท่าน​แม่​หรอก​กระมัง​!​”​ ​เขา​พูด​พลาง​ลอบ​เม้มปาก​ยิ้ม

“​เด็ก​เจ้าเล่ห์​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อด​หัวเราะ​ไม่ได้​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​ตำหนิ​เขา

รอยยิ้ม​ของ​จิ​่น​เกอ​แฝง​ไว้​ด้วย​ความภาคภูมิใจ

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ดังนั้น​ก็​ใจอ่อน​ ​อด​ลูบ​ศีรษะ​บุตรชาย​ไม่ได้​ ​ดูเหมือนว่า​จะ​ยัง​ไม่​เพียงพอ​จึง​หอม​แก้ม​บุตรชาย​อีก​หนึ่ง​ที

จิ​่น​เกอ​หัวเราะ​คิกคัก

รอยยิ้ม​นั้น​เผย​ให้​เห็น​เงา​ของ​สือ​อี​เหนียง​เล็กน้อย

เหมือน​มีบา​งอย​่าง​ชโลม​หัวใจ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋

เขา​จูงมือ​บุตรชาย​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ไป​กัน​เถิด​ ​พวกเรา​ไป​ขี่ม้า​กัน​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​รีบ​ตาม​ไป​ ​ซ้ำ​ยัง​ส่งสัญญาณ​บอก​คน​รอบข้าง​ว่า​อย่า​บอก​สือ​อี​เหนียง

แต่ว่า​ก็​ถูก​สือ​อี​เหนียง​รู้​เข้า​จนได้

“​ตอนบ่าย​เจ้า​ไป​ทำ​อะไร​มา​”​ ​หลังจากที่​ยุ่ง​มาทั​้ง​วัน​ ​นาง​ก็ได้​จัดการ​ทุกอย่าง​สำหรับ​งานเลี้ยง​ใน​วันพรุ่งนี้​ได้​อย่างเหมาะสม​แล้ว​ ​จากนั้น​ก็​นั่งลง​ดื่ม​ชา​ ​“​เจ้า​อย่า​บอกว่า​เจ้า​ไม่ได้​ไป​ไหน​ทั้งนั้น​หรือว่า​ซ้อม​ชก​หมัด​อยู่​ที่​เรือน​ซิ่ว​มู่​ ​รองเท้า​ของ​เจ้า​สกปรก​ ​หาก​อยู่​ใน​จวน​นั้น​เป็นไปไม่ได้​ที่จะ​สกปรก​ขนาด​นี้​!​”

“​ท่าน​แม่​รู้​ได้​อย่างไร​ว่า​รองเท้า​ข้า​สกปรก​…​”​ ​จิ​่น​เกอ​มอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความประหลาดใจ​ ​ไม่นาน​ก็​เข้าใจ​ทันที​ ​“​ข้า​รู้​แล้ว​ ​หง​เหวิน​เป็น​คน​บอก​ท่าน​แน่นอน​”​ ​เขา​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​มิเช่นนั้น​ก็​เป็น​อาจิน​”​ ​ท่าทาง​โกรธเคือง​เล็กน้อย​ ​แต่​เมื่อ​นึกถึง​ความเข้มงวด​ของ​มารดา​ ​แม้แต่​เขา​ก็​ไม่กล้า​พูดโกหก​ต่อหน้า​นาง​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​หง​เหวิ​นกั​บอา​จิน​ที่​เป็น​คน​โกหก​ไม่เก่ง​ ​“​ข้า​กับ​ท่าน​พ่อ​ไป​ด้วยกัน​ขอรับ​…​”​ ​พูดเสี​ยง​ลาก​ยาว​ ​สายตา​อัน​น่าสงสาร​ของ​เขามอง​ไป​ยัง​สวี​ลิ่ง​อี๋​

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ดังนั้น​ก็​รู้สึก​ขบขัน​ ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​พวกเรา​ไป​ขี่ม้า​กัน​มา​!​”​ ​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​วันนี้​จุน​เกอ​มี​เรียน​ขี่ม้า​และ​ยิง​ธนู​ ​ข้า​ก็​เลย​พา​เจี​้ย​เกอ​และ​จิ​่น​เกอ​ไป​ด้วย​ ​ให้​พวกเขา​ได้​ลอง​ฝึก​สักหน่อย​ ​เด็กผู้ชาย​วัน​ๆ​ ​จะ​เอาแต่​อยู่​ใน​เรือน​ได้​อย่างไร​!​”

ไม่ว่า​อย่างไร​สือ​อี​เหนียง​ก็​จะ​ไม่​หักหน้า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ต่อหน้า​เด็ก​ๆ​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ตอนบ่าย​ข้า​ไม่เห็น​จิ​่น​เกอ​ ​พอ​ไปหา​ที่​เรือน​กลับ​เห็น​เสื้อผ้า​และ​รองเท้า​สกปรก​ของ​เขา​…​ทำเอา​ข้า​ตกใจ​แทบ​แย่​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ตบ​ไหล่​นาง​เบา​ๆ​ ​“​ไม่เป็นไร​หรอก​ ​ข้า​เป็น​คนดู​แล​จิ​่น​เกอ​ด้วยตัวเอง​!​”

สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​ตื่นตระหนก​ไป​เอง

นาง​เป็นห่วง​ความปลอดภัย​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​แล้ว​คนที​่​เป็น​บิดา​อย่าง​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ไม่​เป็นห่วง​อย่างนั้น​หรือ

เมื่อ​คิดได้​ดังนั้น​นาง​ก็​อด​ยิ้ม​ขึ้น​ไม่ได้

จิ​่น​เกอ​พลัน​รู้สึก​โล่งอก​

อยู่​กับ​ท่าน​พ่อ​ดีกว่า​…​เวลา​อยู่​กับ​ท่าน​พ่อ​ ​แม้แต่​ท่าน​แม่​ก็​ยอม​โอนอ่อน​ให้​…

เขา​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​คราว​ที่แล้ว​เขา​อยาก​จะ​ทำคลอด​ให้​เจ้า​สาม​สุนัข​ของ​เขา​ ​แต่​ท่าน​ย่า​ไม่​อนุญาต​ ​สุดท้าย​พอท​่า​นพ​่​อพ​ยัก​หน้า​ ​ท่าน​ย่า​ก็​ไม่​พูด​อะไร​อีก​…​ไหน​จะ​ท่าน​อา​ห้า​อีก​ ​เขา​ชวน​เซิน​เกอ​ไป​ว่ายน้ำ​ ​แต่​ท่าน​อา​ห้า​ไม่ยอม​ตกลง​ ​สุดท้าย​พอท​่า​นพ​่​อบ​อก​มาคำ​เดียว​ว่า​ ​‘​อนุญาต​’​ ​ท่าน​อา​ห้า​ไม่เพียงแต่​เห็นด้วย​ ​ซ้ำ​ยัง​พา​พวกเขา​ไป​ที่​ทะเลสาบ​ปี้​อีกั​บท​่า​นพ​่​อด​้ว​ย.​..​จิ​่น​เกอ​อด​หันไป​มอง​ท่าน​พ่อ​กับ​ท่าน​แม่​ไม่ได้

ท่าน​แม่นั​่​งอยู​่​ที่​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​ ​ท่าน​พ่อ​ยืน​อยู่​ข้าง​กาย​ท่าน​แม่​ ​ท่าทาง​นุ่มนวล​เป็นอย่างมาก​ ​ก้ม​ศีรษะ​ลง​พูดคุย​กับ​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​แม่​ยิ้ม​พลาง​เงยหน้า​มอง​ท่าน​พ่อ​ ​สายตา​ของ​ท่าน​แม่​เปลี่ยนไป​มาก​ในทันที​…

เป็น​อย่างไร​กัน​แน่​ ​เขา​เอง​ก็​บอก​ไม่​ถูก​…​แต่​อย่างไร​เสีย​ก็​แตกต่าง​จาก​ปกติ​…

จิ​่น​เกอ​เกา​ศีรษะ

เห็น​ว่า​ท่าน​พ่อ​ยิ้ม​ตาม​ท่าน​แม่

รอยยิ้ม​นั้น​ซึมลึก​ไป​ถึง​ดวงตา​…​ใบหน้า​เต็มไปด้วย​ความสุข​ที่​อธิบาย​ไม่​ถูก​…

ทันใดนั้น​จิ​่น​เกอ​ก็​รู้สึก​อึดอัด​เล็กน้อย

เขา​วิ่ง​ไปหา​แล้ว​มุด​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​แม่​ ​ข้า​หิว​แล้ว​ขอรับ​”

“​เช่นนั้น​พวกเรา​ก็​ทานอาหาร​เย็น​ให้​เร็ว​หน่อย​”​ ​ท่าน​แม่​กอด​เขา​ ​น้ำเสียง​แฝง​ไว้​ด้วย​ความรัก​และ​เอ็นดู​ที่​ไม่​อาจ​สังเกตเห็น​ได้

เขา​รีบ​เงยหน้า​มอง​ท่าน​พ่อ

สายตา​ของ​ท่าน​พ่อ​จ้อง​มาที​่​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม

ไม่รู้​เพราะเหตุใด​ ​ทันใดนั้น​จิ​่น​เกอ​ก็​รู้สึก​พึงพอใจ

เขา​นอนแผ่​ลง​บน​เตียง​เตา

“​ข้า​อยาก​ทาน​หมูสับ​ทอด​ตุ๋น​ผักกาด​ขาว​ ​อยาก​ทาน​หมูสามชั้น​ ​อยาก​ทาน​ขา​หมู​ตุ๋น​ซีอิ๊ว​ ​อยาก​ทาน​หมู​เย็น​ ​แล้วก็​อยาก​ทาน​เนื้อ​แกะ​ต้ม​…​”​ ​พูดเสี​ยง​ดังลั่น

สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ

หลาย​คน​บอกว่า​เด็ก​ยิ่ง​โตก​็​ยิ่ง​น่าเบื่อ​ ​แต่​เด็ก​คน​นี้​ยิ่ง​โตก​็​ยิ่ง​น่าสนใจ​!

เมื่อ​คิดได้​เช่นนี้​เขา​ก็​อด​ลูบ​ศีรษะ​บุตรชาย​ไม่ได้​ ​สายตา​ของ​เขามอง​ไป​ยัง​สือ​อี​เหนียง​ ​พูด​อย่าง​อ่อนโยน​ว่า​ ​“​เจ้า​อยาก​ทาน​อะไร​หรือไม่​ ​จะ​ได้​ให้​คนครัว​ทำให้​ด้วย​ ​อย่า​เอาแต่​คิด​เรื่อง​อื่น​ ​เจ้า​เอง​ก็​ต้อง​ดูแลตัวเอง​ให้​ดี​”

เขา​ไม่ได้​อยู่​ที่​เรือน​ใน​ตลอดเวลา​ ​จึง​ไม่​อาจ​พูด​แทน​สือ​อี​เหนียง​ได้​ ​ประเดี๋ยว​คนอื่น​จะ​คิด​ว่า​สือ​อี​เหนียง​พึ่งพา​สามี​เพื่อให้​ได้​อำนาจ​ ​เข้าใจผิด​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ไม่มี​ความสามารถ​ที่จะ​เป็น​ผู้ดูแล​เรือน

ความเป็นห่วง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​นั้น​ไม่มี​เสียง​ ​นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​พูด​อย่างตรงไปตรงมา​ ​สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ ​แต่​หัวใจ​ของ​นาง​กลับ​รู้สึก​เต็มไปด้วย​ความหวาน

หรือ​เป็นเพราะว่า​เมื่อ​สามีภรรยา​อยู่​ด้วยกัน​ไป​นานๆ​ ​ก็​จะ​เป็น​เช่นนี้

หรือ​เพราะว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​เปลี่ยนไป

ใน​ใจ​สือ​อี​เหนียง​สับสนวุ่นวาย​เล็กน้อย​!

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท