ตอนที่ 657 แม่เฒ่าหลัวสั่งสอนลูกสาวตัวเอง
พ่อไป๋เปิดปากพูดประชดประชันทันที “ครอบครัวอัปลักษณ์! ฮึ ทั้งๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่กระทำมันน่าอับอายขนาดไหน! ต่อหน้าผม ยังกล้าแย่งจี้ทองคำที่ลูกสะใภ้คนโตมอบให้หลานสาวไปสวมให้กับหลานชาย นี่ไม่เคยเห็นหัวผมเลยสินะ?!”
ท้ายที่สุดพ่อไป๋ก็เป็นประธานของสาขา แม้ว่าจะเป็นแค่ประธานสาขา แต่ก็เป็นถึงประธานสาขาปักกิ่ง เป็นตำแหน่งระดับรองผู้อำนวยการที่มีหน้ามีตาของสังคม
เขามักจัดการกับอารมณ์ได้ดี อ่อนน้อมถ่อมตน แต่เมื่อถึงคราวระเบิดโทสะก็เรียกได้ว่าน่ากลัวมาก
แม่หยางเป็นหญิงวัยกลางคนธรรมดาที่ไม่มีงานทำด้วยซ้ำ ย่อมรู้สึกกลัวเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้
นางไม่กล้าแย่งจี้ทองคำของเถียนเถียนแล้ว รีบหุบปากฉับด้วยอาการหดหัวเหมือนเต่า
พ่อไป๋เห็นว่าแม่หยางยังมีความซื่อสัตย์อยู่บ้าง เขาจึงหยุดแค่นั้น
ท้ายที่สุดในฐานะผู้ชายและเจ้าหน้าที่ระดับสูง การดุด่าว่ากล่าวหญิงวัยกลางคนที่อ่านหนังสือไม่ออก รังแต่จะทำให้คนอื่นมองเขาในแง่ลบ
เขาหันไปพูดกับพ่อหยางด้วยสีหน้าเย็นชา “จากนี้ไปดูแลคนของคุณให้ดี อย่าคิดว่าตระกูลไป๋ของผมจะยอมให้ถูกกลั่นแกล้งโดยง่าย!”
พ่อหยางยอมรับผิด และเอาแต่ขอโทษขอโพย กระทั่งหันไปดุด่าแม่หยางอยู่เป็นครั้งคราว
พ่อไป๋มองหยางจิ้นลูกเขยของเขาอีกครั้ง “อย่ามากล่าวโทษว่าฉันไม่ไว้หน้าแม่ของนายในที่สาธารณะ เพราะแม่ของนายทำเกินไป! ถ้านายไม่พอใจเราในเรื่องนี้และทำตัวแย่กับเหยียนเหยียน งั้นก็หย่ากับเหยียนเหยียนซะ ฉันดูแลเลี้ยงดูลูกสาวและหลานสาวของตัวเองได้!”
หลินม่ายพูดเสริม “แล้วเมื่อพ่อของฉันแก่ตัวลง ฉันจะเป็นคนดูแลพี่สาวคนโตและเถียนเถียนเอง”
พี่น้องไป๋ลู่และไป๋เซี่ยรีบพูด “พวกเราจะช่วยกันดูแลพี่สาวและหลานสาวด้วยเหมือนกัน”
หยางจิ้นไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ผมไม่ได้โกรธคุณ นับประสาอะไรกับการทำตัวเลวร้ายกับพี่สาวของพวกคุณ คนอย่างผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ?”
ก่อนหน้านี้เขาเป็นเพียงคนงานธรรมดา บังเอิญได้พบกับไป๋เหยียนผู้อ่อนโยนและงดงามที่ทำงานในธนาคารแห่งหนึ่ง และได้รับมิตรภาพอย่างจริงใจแม้กับคนชนชั้นแรงงาน
เขาตกหลุมรักหล่อนตั้งแต่แรกเห็น
แต่ช่องว่างระหว่างพื้นฐานครอบครัวและเงื่อนไขส่วนตัวนั้นมีมากเกินไป หยางจิ้นรู้สึกว่าเขาดีไม่พอสำหรับไป๋เหยียน และไม่กล้าไล่ตามหล่อนต่อ
แต่เมื่อความรักก่อตัว เขาก็ไม่สามารถเก็บซ่อนมันได้ ในเมื่อซ่อนไม่ได้ เขาจึงไม่คิดทนเก็บมัน
ในที่สุดหยางจิ้นก็ไล่ตามไป๋เหยียนอย่างกล้าหาญ
ไป๋เหยียนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาในตอนแรก แต่ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละของอีกฝ่าย ในที่สุดหล่อนก็ยอมรับในตัวเขา
พ่อไป๋เป็นคนใจกว้าง ไม่เหมือนพ่อแม่คนอื่นๆ ที่ยืนยันจะหาคนที่เหมาะสมสำหรับทายาทตัวเอง
คำขอของเขาง่ายดายมาก ตราบใดที่หยางจิ้นสามารถเลี้ยงดูครอบครัวและดูแลลูกสาวเขาเป็นอย่างดี
ดังนั้นเมื่อหยางจิ้นมาสู่ขอลูกสาว พ่อไป๋จึงตอบตกลงทันที แม้ว่าแม่ไป๋จะยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย
พ่อไป๋ยังขอให้แม่ไป๋เตรียมสินเดิมสำหรับไป๋เหยียนอีกด้วย
หยางจิ้นเคารพพ่อตาของเขามาก แล้วจะให้เขาไม่พอใจอีกฝ่ายได้อย่างไร นับประสาอะไรกับไป๋เหยียน
เมื่อเห็นว่าหยางจิ้นเคารพพ่อไป๋และยังเข้าข้างพี่น้องหลินม่าย แม่หยางก็โกรธมากจนแทบระเบิดโทสะออกมา
แต่หยางจิ้นหันกลับไปพูดกับนางว่า “แม่ ใจเย็นลงก่อน ดื่มเสร็จแล้วก็กลับเถอะ หยุดทำตัวน่าอายได้แล้ว”
การถูกคนอื่นข่มเหงรังแกนั้น แตกต่างจากการถูกลูกชายตัวเองกระทำโดยสิ้นเชิง
แม่หยางแทบกระอักเลือดออกมาเต็มปากจนพุ่งกระฉูดสามพันฉื่อ
แขกทุกคนมาถึงแล้ว และงานเลี้ยงกำลังเริ่มขึ้น
พ่อไป๋พาหลินม่ายไปยังโต๊ะของงานเลี้ยง แล้วแนะนำเธอให้แก่ญาติและเพื่อนสนิทมิตรสหายทุกคนให้รู้จัก
ญาติและเพื่อนฝูงเหล่านี้ไม่เพียงยกย่องหลินม่ายถึงความรูปงาม แต่ยังรวมถึงผลการเรียนที่ดีด้วย พวกเขาไม่เคยเห็นเด็กคนไหนโดดเด่นขนาดนี้มาก่อน ช่างเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลจริงๆ
ไม่เพียงแค่พ่อไป๋เท่านั้น แม้แต่ปู่ไป๋และย่าไป๋ก็รู้สึกมีความสุขจนหุบยิ้มไม่หุบเมื่อได้ยินคำเชยชมดังกล่าว
ไป๋ซวงเห็นว่าหลินม่ายได้รับความนิยมชมชอบอย่างมาก จนได้รับซองแดงมากมายจากญาติและเพื่อนฝูง ดวงตาของหล่อนก็แดงก่ำด้วยความอิจฉา
หล่อนเคยเป็นที่โปรดปรานมาก่อน แต่เหล่าญาติและเพื่อนฝูงไม่เคยยกย่องหล่อนเหมือนกับที่ทำกับหลินม่าย!
ไป๋ซวงแอบสบถด่าแขกเหล่านี้อยู่ในใจว่าช่างเสแสร้งยิ่งนัก
เห็นพ่อไป๋กำลังชนแก้วกับโต๊ะใกล้ๆ แม่ไป๋ก็คิดว่าถึงเวลาที่จะทำให้เขาอับอายแล้ว
แม่ไป๋หันไปพูดกับแม่ตัวเองว่า “แม่ ดูสิ ปีนี้ซวงเอ๋อร์สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อันดับที่ไม่ดี แล้วยังสอบเข้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ฉันอยากจ่ายให้โรงเรียนเพื่อที่หล่อนจะได้เข้าเรียน แต่พ่อไป๋ยืนยันว่าจะให้เงินม่ายจื่อ โดยบอกว่ามันเป็นเงินที่ให้หล่อนไปซื้อจักรยาน ม่ายจื่อก็ซื้อจักรยานไปแล้ว ทำไมถึงให้เงินส่วนนี้ไม่ได้ล่ะ? เห็นได้ชัดว่าแค่ไม่อยากเสียเงินให้ซวงเอ๋อร์ได้เรียนหนังสือ แม่ แม่ก็เห็นซวงเอ๋อร์ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อของหล่อนไม่สนใจพวกฉันเลย ดังนั้นอย่าเพิกเฉยพวกฉันเลยนะ แม่ให้ฉันยืมเงินไปจ่ายให้ซวงเอ๋อร์เรียนได้ไหม?”
แม่เฒ่าหลัวหันมองลูกสาวตัวเองผู้ที่มีใบหน้างดงาม แต่กลับโง่เขลาเบาปัญญา ก่อนจะสวนกลับ “ดูที่ตัวเองพูดเข้า เด็กคนนั้นไม่ได้ผิดเลย ใครเขาจะอยากเห็นลูกคนอื่นได้ดีกว่าลูกตัวเอง! แค่คิดว่าม่ายจื่อถูกพ่อแม่บุญธรรมทรมาน ฉันก็รู้สึกแย่มากแล้ว แต่นี่ยังมีหน้ามาบอกว่าฉันเห็นไป๋ซวงตั้งแต่เล็กจนโต! พูดว่าสามีของเธอไม่สนใจไป๋ซวง เขาเลี้ยงดูไป๋ซวงมาตั้งสิบเก้าปี ไป๋ซวงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังจะต้องให้หมิงหยวนดูแลหล่อนต่อไปอีกเหรอ? หรือว่าต้องการให้เขาเหนื่อยตายไปเลย! ม่ายจื่อเป็นลูกสาวแท้ๆ ของหมิงหยวน มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอที่หมิงหยวนจะซื้อจักรยานให้หล่อน? ไป๋ซวงเป็นลูกบุญธรรมก็จริง แต่หล่อนก็ได้ขี่จักรยานรุ่นล่าสุดที่หมิงหยวนซื้อให้ พอหมิงหยวนให้เงินลูกสาวเขาไปซื้อจักรยานบ้าง เธอกลับไปตำหนิเขา เธอจะตำหนิเขาไปเพื่ออะไร?”
แม่ไป๋ตะลึงงัน
เดิมทีหล่อนแค่ต้องการบอกความรู้สึกไม่สบายใจต่อสามีในที่สาธารณะ ว่านอกจากลูกสาวแท้ๆ แล้ว เขาก็ไม่ต้องการดูแลลูกสาวบุญธรรมอีกต่อไป
จากนั้นหล่อนก็จงใจยืมเงินจากพ่อแม่ตัวเอง เพื่อแสดงให้พ่อไป๋เห็นว่า แม้จะไม่ให้เงินพวกหล่อน แม่และลูกสาวก็สามารถหยิบยืมเงินเพื่อส่งไป๋ซวงเข้ามหาวิทยาลัยได้
แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกแม่ของตัวเองดุด่าอย่างไม่ไว้หน้า ไม่เพียงช่วยรักษาหน้าของสามีหล่อน แต่ยังทำให้หล่อนอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
แม่ไป๋อยากกู้หน้าของตัวเองคืนมา หล่อนจึงบ่นไปว่า “แม่คะ ฉันแค่จะยืมเงินมาให้ซวงเอ๋อร์เรียนเท่านั้น ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”
แม่เฒ่าหลัวปฏิเสธเสียงเรียบ “ฉันคงให้คนที่ใส่ร้ายหลานสาวฉันยืมเงินไม่ได้หรอก แถมยังนำไปให้คนที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดด้วยซ้ำ เธอไปขอยืมคนอื่นเถอะ!”
แม่ไป๋ถึงกับพูดไม่ออก
พ่อเฒ่าหลัวเหลือบมองหล่อนและพูดว่า “คิดว่าคนอื่นเขาโง่เง่าเหมือนเธอหรือไง ที่จะหลงเชื่อคำพูดอสรพิษลิ้นสองแฉก!”
แม่ไป๋ทนนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป หล่อนต้องการพาไป๋ซวงออกจากที่นี่โดยเร็ว
เมื่อพวกหล่อนลุกขึ้น แม่เฒ่าหลัวก็พูดแดกดันทิ้งท้าย “มันจำเป็นนักหรือไงที่ต้องจ่ายเงินราคาแพงเพื่อมหาวิทยาลัยไก่ป่า(1)แบบนั้น!”
แม่ไป๋และไป๋ซวงต่างก็รู้สึกอับอายอย่างยิ่ง จนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียตอนนี้
แน่นอนว่าแม่ไป๋ไม่ได้ต้องการจ่ายเงินราคาแพงเพื่อให้ไป๋ซวงเรียนในมหาวิทยาลัยไก่ป่า
แต่เป็นเพราะผลการสอบเข้าของไป๋ซวงย่ำแย่มาก ยกเว้นเพียงมหาวิทยาลัยไก่ป่าแห่งนี้ที่เต็มใจรับหล่อน มหาวิทยาลัยทางการแห่งอื่นล้วนไม่ยอมรับหล่อนเข้าเรียน ไม่ว่าจะจ่ายเงินให้พวกเขามากเท่าใดก็ตาม
แขกบางคนในงานเลี้ยงเริ่มแสดงความคิดเห็น “ทายาทตระกูลไป๋ต่างก็ได้รับกรรมพันธุ์ดีเด่น พวกเขาทั้งหมดสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนเป็นนักศึกษา โดยเฉพาะคนเล็กยิ่งน่าทึ่ง สอบเข้าด้วยคะแนนสูงสุดในคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัย! ตระกูลไป๋ลงทุนกับการเล่าเรียนด้วยเงินจำนวนมาก แต่ไม้สนอย่างไรก็เป็นได้แค่ไม้สนเท่านั้นแหละ”
เมื่อไป๋ซวงได้ยินคำพูดเหล่านี้ หล่อนก็ทั้งละอายใจและขุ่นเคือง
หลินม่ายได้ยินการสนทนาทั้งหมดระหว่างแม่ไป๋กับคุณตาและคุณยาย
โดยคิดว่าคนเฒ่าทั้งสองช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ในบางครั้งเธอก็ไปเกลี้ยกล่อมให้ผู้เฒ่าทั้งสองกินอาหารให้มากขึ้น และแน่นอนว่าเธอไม่ละเลยปู๋ไป๋และย่าไป๋
งานเลี้ยงฉลองพิธีสมรสจบลงด้วยดี
หลังจากส่งแขกกลับแล้ว พ่อไป๋อยากไปนั่งเล่นในสวนของบ้านหลินม่าย
เขาไม่อยากกลับบ้าน เพราะรู้สึกอารมณ์เสียเมื่อเห็นหน้าแม่ไป๋และไป๋ซวง
ไป๋เซี่ยและไป๋ลู่เองก็อยากไปนั่งเล่นที่บ้านของหลินม่าย
หลินม่ายหยุดคิดเพียงครู่ จากนั้นจึงพาพวกเขาไปยังบ้านตัวเอง ปล่อยพวกเขาอยู่กันตามลำพัง ขณะที่เธอกำลังจะออกไปทำป้ายที่ร้านขนม
หลังพ่อไป๋และพี่น้องไป๋เซี่ยไป๋ลู่รู้ว่าเธอเปิดร้านขนาดเล็ก ทุกคนก็รู้สึกสนใจมาก
เมื่อตามไปดูพบว่าเป็นร้านซาลาเปาที่ได้รับความนิยม
พวกเขายังช่วยเธอติดตั้งป้ายของร้านอีกด้วย
พ่อไป๋สนับสนุนผู้ประกอบการเสมอ แต่เขากลัวว่าการที่หลินม่ายเปิดร้านและเรียนหนังสือในเวลาเดียวกัน อาจทำให้เธอทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างไม่เต็มที่
หลินม่ายส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันจ้างคนงานสองคนมาทำซาลาเปาและเป็นคนขาย ฉันแค่ต้องกำกับและสั่งการพวกเขาเท่านั้น”
ได้ยินแบบนั้นพ่อไป๋ก็โล่งใจ
หลังจากช่วยงานที่ร้านซาลาเปาจนเสร็จ สมาชิกครอบครัวทั้งสี่ไปซื้อต้นหอมและหมูสับกลับมาทำเกี๊ยวที่บ้านของหลินม่าย
ทุกคนกินเกี๊ยวเป็นอาหารเย็น เกี๊ยวที่หลินม่ายทำมีรสชาติอร่อยมาก พ่อไป๋และทุกคนกินจนอิ่มท้องก่อนขอตัวกลับบ้าน
ก่อนออกเดินทาง พ่อไป๋ขอสมุดทะเบียนบ้านของหลินม่าย เพื่อที่เธอจะได้ย้ายทะเบียนบ้านตัวเองไปยังบ้านตระกูลไป๋ในวันพรุ่งนี้
ขณะเดียวกันแม่ไป๋และไป๋ซวงที่อยู่บ้านมีสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ แม่บ้านหยุดงาน แม่ไป๋จึงต้องลงมือทำอาหารเอง
แต่หล่อนทำอาหารอย่างอื่นไม่เป็นเลยนอกจากปรุงบะหมี่
แม่ไป๋ทำอาหารไม่เก่ง ขณะที่ทำบะหมี่ หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของพ่อแม่ตัวเอง
เพราะความคิดฟุ้งซ่านชั่วขณะ ทำให้หล่อนต้มเส้นนานเกินไป เส้นบะหมี่จึงขึ้นอืดจนแน่นเต็มหม้อ
แน่นอนว่าบะหมี่ที่ปรุงนานเกินไปจะไม่อร่อย แต่แม่ไป๋และไป๋ซวงก็จำใจต้องกิน
พ่อไป๋เห็นดังนี้แล้วก็ไม่ได้รู้สึกสงสารเหมือนที่เคยเป็นแบบครั้งก่อน
ที่ชีวิตของแม่ไป๋เป็นแบบนี้ก็เพราะหล่อนทำตัวเองทั้งนั้น
………………………………………………………………………………………………………………………..
[1] มหาวิทยาลัยไก่ป่า มหาวิทยาลัยประเภทนี้อาจเทียบได้ในกับ ‘มหาวิทยาลัยตึกแถว’ ในภาษาไทย โดยมักเป็นสถาบันที่ไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย บางครั้งอาจไม่มีสถานที่ตั้งอยู่จริง ไม่มีการเรียนการสอน และปริญญาที่ได้ก็มักเป็นของปลอม
สารจากผู้แปล
โดนพ่อแม่ตัวเองด่าขนาดนี้แล้วมันต้องคิดได้แล้วไหม เป็นลูกของสองเฒ่าตระกูลหลัวจริงเปล่าเนี่ยยัยแม่ไป๋ ทำไมโง่ผิดจากพ่อแม่ขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)