บทที่ 633 ท่านพี่ชวน รอจนข้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ท่านจะหนีไปไหนมิได้อีก!
เจ้าหลวงจากไปด้วยความเปรมปรีดิ์
นำสมบัติและสิ่งมีชีวิตพิศวงมหาศาลปานนี้ไปขอสมัครเป็นพรรคพวกพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ต้องยอมรับมันแน่
“เป็นปรปักษ์กับความพิศวงลางร้ายของเรา พวกเจ้ามีกี่ชีวิตให้ตายกัน?!”
มันหัวเราะเย็น ๆ ไม่มีทางยอมปล่อยเหล่าของวิเศษไปง่าย ๆ
ความบาดหมางครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก มันไม่เพียงแต่ถูกทรมานโดยของวิเศษทั้งหลาย ซ้ำร้ายยังสูญเสียจ้าวตะเข้ผู้เป็นเสมือนพี่น้องของมัน จะยอมให้เรื่องราวทั้งหมดจบลงง่าย ๆ ได้อย่างไร
เป็นไปไม่ได้!
รอให้มันตั้งตัวกับพี่ใหญ่ได้ก่อน มันจะให้พี่ใหญ่ล้างแค้นให้มัน!
…
ขณะเดียวกัน ภายในอาณาจักรอวี้ซวี
ของวิเศษทั้งหลายเตรียมกลับ
“ท่านพี่ชวน ท่านจะไปไหนหรือ ครั้งนี้ช่วยพาข้าไปด้วยได้หรือไม่!”
ชางเหยาเกาะติดมัจฉาสัตมายา จ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาน่าสงสาร หมายจะติดตามพี่ชวนไปด้วย เพราะไม่ต้องการแยกจากเขา
“อย่าเลย!”
มัจฉาสัตมายาวิ่งหนี หนนี้มันถึงขั้นแหวกมิติหนีไป ชางเหยาไม่อาจไล่ตามเขาไปได้
“แย่ที่สุด แย่ที่สุด!”
ชางเหยาโกรธจนกระทืบเท้า เอ่ยเสียงเคียดแค้น “คราวหน้าหากข้าได้พบท่านอีก ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านหนีไปได้แน่!”
นางพลันนึกบางอย่างขึ้นได้ กลอกตาไปมา อ้อนวอนอย่างน่าสงสาร “พี่ชายพี่สาวทั้งหลาย พวกท่านพาข้าไปด้วยคนเถิด!”
“ไม่สะดวกแทรกแซง เราไม่สะดวกแทรกแซง!”
“ฮ่า ๆ ไปก่อนล่ะ!”
เหล่าของวิเศษมิกล้าพาชางเหยาไปยังลานเล็กคุณชายโดยพลการ แม้ว่าพวกมันอยากช่วยชางเหยามาก กระนั้นสุดท้ายพวกมันก็อดทนไว้ได้
หลังจากนั้น พวกมันแหวกมิติ ไปรวมตัวกับมัจฉาสัตมายา
พวกมันร้องเรียกต้นหลิว ต้นหลิวตอบกลับในทันใด ก้านหลิวก้านนั้นปรากฏตรงหน้าของวิเศษทั้งหลาย
“เสร็จเรื่องแล้วหรือ ได้ เรากลับกันเถิด”
ก้านหลิวสั่นไหว ทะลุทะลวงฝ่าอวกาศ พาของวิเศษทั้งหลายเดินทางกลับ
อีกด้าน ชางเหยาเบ้ปากน้อย ๆ ท่าทางโมโหอย่างยิ่ง “ขี้งก ๆ พาข้าไปด้วยหาได้เปลืองแรงไม่!”
ทว่าท่าทางโกรธเกรี้ยวเช่นนี้ของนางกลับดูน่ารักน่าเอ็นดู
“โอ๊ย ทำอย่างไรดี!”
นางกลัดกลุ้มสุดขีด ว้าวุ่นใจเหลือเกินว่านางต้องทำอย่างไรถึงจะได้ครองคู่กับท่านพี่ชวน
ก่อนหน้านี้ นางเอ่ยว่ารอจนนางได้พบท่านพี่ชวนอีกครั้ง นางจะไม่ปล่อยให้ท่านพี่ชวนหนีไปได้อีก ทว่านางจะทำได้จริงหรือ
เป็นไปไม่ได้เลย!
ขอบเขตพลังของท่านพี่ชวนในยามนี้ไม่รู้ว่าเหนือชั้นกว่านางตั้งกี่เท่า ซ้ำข้างกายท่านพี่ชวนยังมียอดศาสตรา และโอสถวิเศษอยู่อีกนับคณา ขอบเขตพลังของท่านพี่ชวนในวันหน้าย่อมต้องสูงส่งแกร่งกล้ากว่านี้เป็นแน่
เมื่อได้พบท่านพี่ชวนอีกครั้ง ไม่รู้ว่าท่านพี่ชวนจะบรรลุถึงขอบเขตไหนไปแล้ว!
นางอยากดันทุรังรั้งท่านพี่ชวนไว้ ไม่ยอมให้ท่านพี่ชวนหนีไปไหนได้อีก นับเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างแท้จริง ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!
“ไม่ได้การ ความสุขของเรา เราต้องไขว่คว้าด้วยตนเอง! ข้า…ไม่มีวันยอมแพ้!”
ชางเหยาเอ่ยด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว ตัดสินใจยกระดับขอบเขตของตนให้ได้โดยเร็วที่สุด
แต่เพียงไม่นาน นางก็ห่อเหี่ยวลง
คิดจะยกระดับพลังให้รวดเร็ว ทั้งยังต้องไล่ตาม หรืออาจต้องเหนือกว่าพี่ชวนขึ้นไป มิใช่เรื่องง่ายเลย แทบไม่มีหนทางด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น คล้ายว่านางนึกอะไรบางอย่างออก ดวงตาสุกสกาวขึ้นมา รอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้า “แดนบรรพโกลาหลอย่างไร! ขอเพียงข้าเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลได้ ข้าย่อมเหนือชั้นกว่าท่านพี่ชวนได้แน่ ถึงเวลานั้น ข้าย่อมรั้งท่านพี่ชวนให้อยู่กับข้าได้แน่!”
ตอนนี้ แดนบรรพโกลาหลมิใช่ความลับอันใดในอาณาจักรอวี้ซวีอีกต่อไป แม้จะยังมิได้รู้กันถ้วนหน้า แต่ก็ใกล้เคียงมากแล้ว
คิดมาถึงนี่ นางไม่ลังเลอีกต่อไป ไปหาเสด็จพ่อของนาง จักรพรรดิชางทันที
นางเอ่ยบอกจักรพรรดิชาง “เสด็จพ่อ หม่อมฉันต้องการเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลเพคะ!”
“เจ้าไปทำอันใด! อันตรายเกินไป!”
จักรพรรดิชางขมวดคิ้ว ไม่ต้องการให้ชางเหยาเข้าไปในแดนบรรพโกลาหล
“ไม่พบความอันตรายบ้าง ย่อมไม่มีทางได้เติบโต ครั้งนี้นับเป็นอุทาหรณ์ที่ดีเลยมิใช่หรือเพคะ หากว่าไร้ความสามารถ มีแต่ต้องเป็นเหยื่อของผู้อื่น!”
ชางเหยาเกลี้ยกล่อมเสด็จพ่อ
จักรพรรดิชางครุ่นคิด เห็นว่าสิ่งที่ชางเหยาได้กล่าวมานั้นไม่ผิด พวกเขาไม่อาจหวังพึ่งผู้อื่นทุกครั้ง โดยเฉพาะในภายภาคหน้าที่อาจเกิดเรื่องโกลาหลอลหม่านยิ่งกว่านี้
หนนี้ สิ่งมีชีวิตพิศวงอย่างพวกเจ้าหลวงรุกรานอาณาจักรอวี้ซวีอาจเป็นเพียงสัญญาณหนึ่ง
อาณาจักรอวี้ซวีมีต้นกำเนิดจากอาณาจักรแห่งนั้น เขารู้ว่าอาณาจักรนั้นเคยเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ และภัยพิบัติครั้งใหญ่นั้นก็ปะทุออกมาจากความพิศวง
อาณาจักรเก้าตอนบนของพวกเขาทยอยแยกจากอาณาจักรนั้นก็เพราะเหตุนี้
ท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนาน อาณาจักรเก้าตอนบนของพวกเขามิกล้าก้าวล้ำเข้าไปยังอาณาจักรนั้น ยำเกรงในอาณาจักรนั้นเป็นอย่างมาก
ทว่าครั้งนี้ กลับมิใช่เช่นนั้น
อาณาจักรอวี้ซวีมิได้ยำเกรงต่ออาณาจักรนั้นอีกต่อไป สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรต่าง ๆ ล้วนต้องการเข้าไปเสี่ยงในแดนบรรพโกลาหลดู
สาเหตุหลักเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรอวี้ซวีรับรู้ถึงภยันตราย รู้สึกได้ว่าอนาคตไม่สงบ จะเกิดความจลาจลครั้งใหญ่ เพราะเหตุนี้ ถึงได้ใส่ใจเรื่องราวของแดนบรรพโกลาหลเพียงนี้
“ได้!”
จักรพรรดิชางพยักหน้า ตัดสินใจส่งชางเหยาไปยังอาณาจักรนั้น
การเอาแต่ปกป้องลูกเดียวรั้งแต่จะเป็นผลเสียต่อชางเหยา เข้าไปในแดนบรรพโกลาหลได้ต่างหาก จึงจะมีความหวัง
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อเพคะ!”
ชางเหยายินดีปรีดาอยู่เต็มหัวใจ นางไม่รู้หรอกว่าท่านพี่ชวนที่นางถวิลหาอยู่ทุกคืนวันอยู่ที่อาณาจักรนั้น หากนางรู้ นางต้องปรีดากว่านี้เป็นแน่
“ข้าไปจัดแจงให้เจ้าได้ไปถึงอาณาจักรนั้นโดยด่วนที่สุด!”
จักรพรรดิชางกล่าว “ข้าจะเดินทางไปกับเจ้าด้วย รีบไป รีบเตรียมตัวให้พร้อม!”
พูดจบ เขาก็ไปจากที่ตรงนั้น
ชางเหยาตาเป็นประกาย เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ท่านพี่ชวน รอให้ข้าเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลได้เมื่อไหร่ จนเติบโตเต็มที่ในทุก ๆ ด้านแล้ว ข้าจะโอบกอดท่านไว้ในอ้อมอก!”
นางยินดีทุ่มเททุกอย่างเพื่อความรัก ต่อให้การเดินทางเข้าแดนบรรพโกลาหลนั้นเป็นเรื่องอันตราย นางก็ไม่มีทางถอดใจ!
…
ณ ดินแดนฝอ
บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวเดินอยู่เหนือเมฆ สวมชุดนักพรตสีเหลืองอมส้ม สงวนพลังปราณ กระนั้นยังให้ความรู้สึกบีบคั้นอย่างรุนแรง ดูก็รู้ว่ามิใช่คนธรรมดา
“ทะเลมีน้ำขึ้นน้ำลง ทุกเรื่องราวในอดีต ผ่านไปแล้วเฉกเช่นหมู่เมฆลอยหาย”
เขาทอดถอนใจเสียงเบา สถานการณ์ในอาณาจักรนี้ไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้สักนิด ต่างกันเกินไป
ทว่าหากได้ไตร่ตรองดี ๆ ไฉนเลยจะเป็นเหมือนกันได้
เขาจากไปเป็นเวลานมนานจนไม่อาจประเมินได้ ซ้ำอาณาจักรนี้ยังเคยเกิดความพลิกผันอีกคณานับ หากยังหวังให้เป็นเฉกเช่นครั้งเก่า นับว่าเพ้อเจ้อสิ้นดี
“ข้ามิกล้าคลี่แผ่ประสาทสัมผัสเซียนปกคลุมออกไปเต็มที่ มิฉะนั้น ไยต้องงอมืองอเท้า ปราศจากจุดหมายอยู่อย่างนี้!”
เขาถอนหายใจอีกครั้ง หนนี้ เขามาด้วยภาระหน้าที่ใหญ่หลวง จำเป็นต้องตามหาบางสิ่งจากอาณาจักรนี้ ทว่า ภารกิจนี้มิได้มีเพียงเขาที่ทำอยู่ แต่ยังมีผู้คนอีกมากมายทำอยู่เช่นกัน
และคนเหล่านี้ ล้วนเป็นศัตรูทั้งสิ้น!
ใช่แล้ว เขาคือผู้ที่มาจากภพเซียน มาเพื่อกล่องสี่เหลี่ยมนั้น
ตระกูลของเขาให้ความสำคัญกับกล่องสี่เหลี่ยมนี้มากเช่นกัน ส่งจ้าวแห่งเซียนออกมานับสิบ และเขาก็เป็นหนึ่งในจ้าวแห่งเซียน
ทว่าภพเซียนใช่ว่าออกมาได้ง่าย ๆ นอกจากเขา จ้าวแห่งเซียนนับสิบที่เหลือตายกันไปหมด เขาออกจากภพเซียนสำเร็จ และเข้ามาถึงอาณาจักรนี้
จากข่าวที่เขาทราบมา มหาตระกูลอื่น ๆ ในภพเซียนลงมือกับกล่องสี่เหลี่ยมนี้แล้วเช่นกัน เขาสัมผัสได้นานแล้วว่าในอาณาจักรแห่งนี้ มีพลังปราณของจ้าวแห่งเซียนตนอื่นอยู่ นั่นหมายความว่า เขามิใช่เพียงผู้เดียวที่สำเร็จ มหาตระกูลอื่นก็มีจ้าวแห่งเซียนที่ทำสำเร็จเช่นกัน
เพราะเหตุนี้ เขาจึงมิกล้าเผยตัว
ไม่เพียงแค่มิกล้าเผยตัว จ้าวแห่งเซียนตนอื่นมิกล้าเผยตัวเช่นกัน ทั้งหมดล้วนซุ่มอำพราง ปฏิบัติการค้นหาอย่างลับ ๆ
ถึงอย่างไร ทุกคนต่างมาเพื่อตามหากล่องสี่เหลี่ยมใบนั้น และมีสถานะเป็นคู่แข่ง ขืนเผยตัวไป เป็นไปได้ว่าจะถูกจ้าวแห่งเซียนตนอื่นโจมตี
สังหารไปได้หนึ่ง ย่อมมีคู่แข่งน้อยลงไปหนึ่ง โอกาสได้กล่องสี่เหลี่ยมมาครอบครองสำเร็จก็ยิ่งสูงขึ้น ทั้งหมดจึงมีฐานะเป็นศัตรูตัวฉกาจ
ส่งผลให้เขาคืบหน้าได้เชื่องช้า
หากมิใช่ว่าหวั่นเกรงในจ้าวแห่งเซียนตนอื่น เขาสามารถคลี่แผ่ประสาทสัมผัสเซียนออกไปเต็มที่ ปกคลุมทั่วทั้งอาณาจักร ล่วงรู้ทุกสิ่ง
“หือ หรือว่าจะมีบางสิ่งในดินแดนนี้!”
เขาเหยียดยิ้มมุมปาก ดีอกดีใจเป็นอย่างมาก