GGS:บทที่ 917 หนังเวทมนต์
ในที่สุดแล้วซูจิ้งก็ไม่ได้แสดงตัวออกมา เขายังคงยืนพิมคุยกับเธอในฐานะแฟนคลับขั้นเทพที่ประทับใจตัวเธอในช่องสตรีมของเย่หลินทางช่องแชท
และเขาก็ไม่แสดงความต้องการอะไรที่เป็นพิเศษแม้แต่น้อยทั้งที่จ่ายเงินไปมากมายขนาดนั้นแล้วก็ตาม
เมื่อซูจิ้งกลับถึงบ้านเขาได้ตรงเข้าไปในสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาและอวกาศของเขาในทันที สิ่งแรกที่เขาทำคือการดูค่าการใช้ประโยชน์ขยะห้วงเวลาฯ
อย่างที่เขาคิดไว้ ในตอนที่เขาเข้าร่วมเสวนาทางพุทธศาสนากับวัดซาช่าและการที่เขาเข้าไปยึดสาขาของกลุ่มธุรกิจเครือข่ายMLM ได้นำพามาซึ่งค่าการใช้ประโยชน์มากกว่าเดิมสองเท่าโดยที่เขาแทบไม่ได้ลงแรงอะไรเลยสักนิด
หลังจากปลาบปลื้มในค่าการใช้ประโยชน์อยู่พักหนึ่ง ซูจิ้งก็ได้ไปหาเสี่ยวไป๋เพื่อดูผลงานการซ่อมที่เขาได้สั่งไว้ให้ซ่อมแซมเศษหนังสีขาวทั้งสามชิ้น เมื่อไปถึงเขาว่าเจ้าหนูได้ซ่อมหนังชิ้นหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกชึ้นน่าจะได้ประมาณ 77% และ 88% โดยประมาณ อีกไม่นานก็น่าจะเสร็จ
ซูจิ้งได้ทำการหยิบหนังสีขาวที่ซ่อมเสร็จแล้วขึ้นมา หลังจากเขามั่นใจว่าไม่มีอันตรายและซ่อมเสร็จแล้วจริงๆ แถมยังขาววิ้งสะอาดเอี่ยมอีกด้วย
ตอนที่เขาสัมผัสมันนั้นเขารู้สึกได้ถึงความนุ่มเนียนละมุนติดปลายนิ้วราวกับผิวของผู้หญิงก็ไม่ปานจนยากจะลืมได้ลง
แต่ไม่ว่าเขาจะลองดูยังไงก็ยังไม่พบความพิเศษของเจ้าหนังนี่อยู่ดีนอกจากพลังงานที่มันปล่อยออกมา แต่ยังไงซะเขาก็มั่นใจว่าของที่ซ่อมแซมได้อย่างยิ่งขนาดนี้จะไปเป็นของธรรมดาได้อย่างไร
ในระหว่างซูจิ้งได้ลองหมุนเจ้าแผ่นหนังนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งเขาได้ลองหยิบไปทาบกับส่วนต่างๆของร่างกาย อยู่ๆเจ้าแผ่นหนังสีขาวนี่ก็ได้ไปติดอยู่กับแขนของเขา
ซูจิ้งพยายามนำมันออกมาแต่เขาจับต้องมันไม่ได้อีกต่อไปราวกับมันนั้นได้เข้าแทนที่ผิวหนังของเขาไปที่เรียบร้อยแล้ว นี่เองก็ทำให้ซูจิ้งประหลาดใจไม่น้อยเหมือนกัน
แต่เขานั้นไม่อยากให้เจ้าหนังสีขาวนี่ติดตัวตอนไปไหนมาไหนแบบนี้ แต่เขาเองก็ไม่รู้จะเอามันออกมาได้ยังไงเหมือนกัน
“เดี๋ยวนะ ไอ้เจ้านี่มัน… ฉันว่าฉันคุ้นๆอยู่นะ” ซูจิ้งพลันได้นึกถึงใบหน้าแปลงโฉมที่อยู่ในห้วงเวลาฯจักรพรรดิ์แห่งดวงดาว
ใบหน้าที่ว่าสามารถเขาแนบกับผิวได้แบบนี้เช่นเดียวกัน แต่นั่นเองก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นหนึ่ง ดูเหมือนว่าขยะห้วงเวลาฯกองนี้จะมาจากที่นั่นแหะ ว่าแต่ถ้าแผ่นนี้ยังติดได้ทั่วทั้งแขนแล้วเจ้าแผ่นใหญ่ที่ยังซ่อมอยู่นั่นไม่ใช่ว่าจะติดได้ทั้งตัวหรอกเหรอ
ซูจิ้งได้ลองหาวิธีในการเอาแผ่นหนังออกจากแขนอยู่สักพัก จนใจที่สุดเขาก็ได้ลองปล่องพลังภายในออกมาเล็กน้อยและนั่นดูเหมือนจะทำให้เขานั้นสามารถควบคุมแผ่นหนังนี้ได้
แน่นอนว่าเขาได้ลองสั่งมันให้ไปติดที่ลำตัวของเขาในทันที และก็เป็นดังที่คาด เจ้าแผ่นหนังสีขาวนี่สามารถแผ่ไปติดแนบชิดราวกับทดแทนผิวหนังของซูจิ้งในช่วงลำตัว
แถมเจ้าแผ่นนี่ยังไม่ต้องใช้พลังภายในควบคุมมากมายอะไร แต่เมื่อตัดพลังภายในไม่ให้ส่งไปยังแผ่นหนังนี่ก็จะทำให้มันหลุดออกมาเท่านั้นเอง ราวกับว่ามันเป็นหนังกำพร้าของหนังกำพร้าอีกที
หลังจากที่ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าเจ้าหนังสีขาวนี่ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ซูจิ้งนิ่งคิดไปสักพักแล้วได้ทำการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกในทันที
หลังจากนั้นเขาได้ขับเคลื่อนกำลังภายในฉาบตัวเองไว้ทั่วร่างกายและได้ลองนำแผ่นหนังมาทาบเอาไว้ที่อกของเขา ทันใดนั้นก็ได้เกิดฉากที่น่าอัศจรรย์ออกมา
แผ่นหนังสีขาวได้ห่อหุ้มร่างกายของซูจิ้งไปทั่วทั้งตัวราวกับว่าในตอนนี้มีชั้นผิวหนังเพิ่มขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง
แต่เมื่อเขามองลงมายังร่างกายนั้นอดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไปในทันที นั่นก็เพราะเขามีก้อนเนื้อใหญ่ๆที่น่าอกสองก้อนทีมันดูเด้งดึ๋งและนุ่มนิ่มและกระเพื่อมตามแรงเขยื่อนของร่างกาย
เขาได้นำกระจกออกมาดูก็ถึงกับตกในในทันที นั่นก็เพราะว่าเขาในตอนนี้ได้กลายร่างเป็นสาวสวยแบบสุดๆที่มีผิวขาวเนียนน่ามอง น่าค้นหา น่าคว้าเอาไว้ครอบครองเป็นที่เรียบร้อย และไม่ว่าจะจับตรงไหนก็ดูเป็นของจริงไปซะหมดทุกส่วนเลยทีเดียว
“โว้ว… เจ้านี่มีไว้แปลงโฉมแหะ สุดยอดเลยนะเนี่ย” ซูจิ้งถึงกับอุทานออกมาในทันที พลางนึกถึงการแปลงโฉมในห้วงเวลาฯเรื่องเล่าแปลกๆจากเลี่ยวไฉ
เจ้าแผ่นหนังนี่ดีกว่ามากนักชนิดที่ว่าหน้ากากแปลงโฉมที่เขาได้มาก่อนหน้านี้เทียบไม่ติด
ในขณะที่เขากำลังลองอะไรหลายๆอย่างกับแผ่นหนังนี่ เสี่ยวไป๋ก็ได้ซ่อมแผ่นหนังแผ่นที่สองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูจิ้งจึงได้ลองแผ่นหนังชิ้นที่สองนี่ทันที และเจ้าแผ่นนี้เองก็ทำให้เขากลายเป็นชายหนุ่มผิวขาวรูปงามในทันที
“แผ่นหนังทั้งสองนี่วิเศษจริงๆ แต่ฉันจะเอาไปทำอะไรล่ะเนี่ย” ซูจิ้งบ่นออกมา ต่อให้แผ่นหนังอันที่สองนี้จะทำให้เขาดูเป็นหนุ่มรูปงามชนิดที่เดินไปทางไหนก็คงมีแต่กรี๊ดกันไปหมดก็ตาม
แต่ยังไงซะก็ไม่ใช่ตัวเขาอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาใส่เจ้าหนังนี่ไปหาฉือชิง ครับครัวของเขา หรือแม้แต่เพื่อน พวกนั้นก็คงจะจำเขาไม่ได้อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะเจ้าแผ่นหนังแปลงโฉมเป็นสาวงามนี่ยิ่งแล้วใหญ่ แค่คิดว่าต้องเปลี่ยนร่างกลายเป็นผู้หญิงนี่ก็ไม่อยากอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
แต่พอมาคิดๆดูแล้วก็คงดีกว่าเขาไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยเจ้านี่แม้จะทำประโยชน์ได้ไม่มากและเขาเองก็มีหน้ากากแปลงโฉมแล้วก็ตาม
แต่ก็คงมีเหตุการณ์ที่พอจะใช้ประโยชน์ได้บ้างล่ะนะ เอาจริงๆถ้าถึงเวลาที่เขาต้องใช้ แค่หน้ากากแปลงโฉมกับหนังสีขาวนี่จะพอรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย
ประโยชน์จากเจ้าหนังสีขาวนี่เพียงอย่างเดียวที่เขาคิดออกก็คือการใช้สร้างแรงดึงดูดอย่างมหาศาล ความคิดนี้พลันทำให้เขาคิดถึงค่าการใช้ประโยชน์ที่เขาอยากได้มากที่สุดตอนนี้ในทันที
นอกจากนั้นเขายังลองคิดวิธีหาประโยชน์จากการแปลงโฉมอย่างอื่นเช่นการหาเงินว่าจะใช้เจ้านี่ทำยังไงได้บ้าง
“จริงด้วย” ซูจิ้งเหมือนนึกอะไรได้บางอย่าง
เขาได้รีบหาเบอร์คนที่เขารู้จักในธุรกิจสตรีมทันที เขาคิดว่าการสตรีมนี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว ถึงแม้มันจะมีโอกาสน้อยต่อยังไงก็ต้องลองก่อนถึงจะรู้ ต่อให้มันไม่ได้ตามที่หวังอย่างมากก็ล้มเลิกไปโดยไม่มีอะไรที่เขาต้องเสียอยู่แล้ว
เมื่อเจอเบอร์โทรศัพท์เขาได้โทรหากวงหยวน กวงหยวนเองก็รีบรับสายอย่างสุขใจในทันที
ซูจิ้งได้บอกกวงหยวนไปว่าเขานั้นอยากจะเป็นผู้สนับสนุนให้สตรีมเมอร์สักสองคนบนเว็บไซต์ชาร์คทีวีของเขา นี่ทำให้กวงหยวนดีใจจนน้ำตาแทบจะไหลและตอบรับคำขอในทันที
ซูจิ้งได้ขับรถตรงไปยังเขตใจกลางเมืองในทันที ไม่นานเขาก็มาอยู่ที่สำนักงานของชาร์คทีวี กวงหยวนเองก็ได้รออยู่ก่อนแล้ว เขาได้ต้อนรับซูจิ้งอย่างอบอุ่น เลขาของกวงหยวนเองที่เห็นท่าทางของหัวหน้าของเธอก็ได้รีบหาชามารับรองเขาในทันที
“คุณซูครับ คุณหาสตรีมเมอร์แบบไหนหรือครับ ผมจะได้ติดต่อได้ถูก” กวงหยวนถามออกมา
“ชายหนึ่งคนและหญิงหนึ่งคนน่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ประสบความสำเร็จหรอก แต่ขอให้คนๆนั้นน่ารัก คุยเก่ง และสามารถร้องเพลงได้ก็ดี ถ้าจะให้ดีที่สุดล่ะก็ขอเป็นสตรีมเมอร์ที่อยู่นอกสายตาและไม่เคยมีประวัติได้ยิ่งดี” ซูจิ้งพูดออกมา
“หืม ก็จริงที่ว่าสตรีมเมอร์ที่ดีคือคนที่อินเตอร์เทนผู้ชมได้เก่ง แต่หากพวกเขาหน้าไม่ดีก็อยากจะดึงดูดผู้ชมนี่ครับ ในทางกลับกันหากเป็นสตรีมเมอร์ที่หน้าตาดีต่อให้นิสัยแย่ยังไงก็สามารถดึงดูดผู้ชมมากกว่าอยู่ดี หากไม่นับพวกสตรีมเมอร์ที่เป็นเกมเมอร์ล่ะก็ผมว่าอย่างหลังดีกว่านะครับ แถมไม่ต้องไปสร้างฐานผู้ชมใหม่อีกด้วย” กวงหยวนถามออกมาเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
“ไม่ตั้งไปสนใจเรื่องหน้าตากับฐานแฟนคลับหรอก รีบๆไปหาสตรีมเมอร์ที่ตรงตามของฉันมาก็พอ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ทราบแล้วครับ” กวงหยวนให้เลขาฯของเขาไปค้นหาสตรีมเมอร์ตามความต้องการของซูจิ้งในทันที เมื่อเวลาผ่านไปสักพักเขาได้มอบข้อมูลมาให้ซูจิ้ง และแน่นอนว่าไม่ใช้ข้อมูลของคนเพียงคนเดียวแต่เป็นของสตรีมเมอร์หลายคน
นั่นก็เพราะว่าถึงซูจิ้งจะบอกความต้องการของเขามาแบบนั้นแต่ตัวเขาเองก็ยังเป็นกังวลว่าซูจิ้งจะสนับสนุนสตรีมเมอร์ได้ไม่สำเร็จจึงได้เลือกคนที่พอจะมีความสามารถนิดหน่อยแต่ดูดีมากๆมาด้วย ด้วยการที่มีเวลาเพียงน้อยนิดทำให้สตรีมเมอร์ที่เขาคัดมาให้ไม่มีใครเลยที่เป็นสตรีมเมอร์ที่ได้รับความนิยมเลยสักคนเดียว
ซูจิ้งได้เปิดอ่านข้อมูลทั้งหมดดู และนั่นกวงหยวนและเลขาฯของเขาก็พบว่าซูจิ้งนั้นสนใจแต่คนที่มีความสามารถเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และเขาเปิดผ่านคนที่หน้าตาดีแทบจะในทันทีที่เขาเปิดเจอ ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจเฉพาะคนที่มีความสามารถจริงๆโดยไม่สนคนที่หน้าตาดีและพอมีฐานผู้ชมแม้แต่น้อย
หลังจากอ่านข้อมูลไปพักหนึ่งซูจิ้งก็ได้เลือกคนมาทั้งหมดสองคน
คนหนึ่งนั้นเป็นผู้หญิงที่แสนจะธรรมดาแต่เสียงของเธอนั้นดีมาก เพลงของเธอที่ร้องออกมานั้นแม้แต่กวงหยวนเองก็ยังต้องยอมรับ
นอกจากนี้เธอสามารถเล่นเปียโนไฟฟ้าได้ดีแถมยังคุยเก่งและนิสัยดีอีกด้วย เธอทำได้แม้กระทั่งเล่าเรื่องตลกได้อย่างออกรสออกชาติเลยทีเดียว
สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอนั้นแม้จะมีหน้าตาที่ไม่ดีแต่ก็ถือว่าความนิยมของเธอใช้ได้ทีเดียว ถึงแม้จะไม่ได้ดังเปรี้ยงป้างแต่เธอก็หาเงินได้จากการสตรีมระดับหนึ่ง
อีกหนึ่งเป็นเป็นผู้ชายที่แถบจะไม่ได้รับความนิยมเลยแม้แต่น้อย เขาอ้วนและมีใบหน้าที่ใหญ่มาก ฐานผู้ชมของเขาเองนั้นก็เรียกได้ว่าน้อยสุดกู่เลยทีเดียว หากเทียบกับคนอื่นในเว็บไซต์ของเขาล่ะก็คนๆนี้ก็เปรียบได้ดั่งจุดเล็กๆจุดหนึ่งเท่านั้น
เขามีดีที่ดีดกีตาร์ และสามารถร้องเพลงได้ด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง ก้องกังวาล จนทำให้ผู้ชมตื่นตะลึงได้ แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เขาได้รับความนิยมสักเท่าไหร่นัก
เอาจริงๆก็คือสตรีมเมอร์ส่วนใหญ่นั้นเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และต่อให้เธอเหล่านั้นหน้าตาไม่ดีและมีทักษะไม่ดีก็ตามแต่ก็ยังได้รับความนิยมจากผู้ชมมากกว่าสตรีมเมอร์ผู้ชายอยู่ดี
หลังจากที่กวงหยวนและเลขาของเขาได้เห็นคนที่ซูจิ้งเลือกต่างก็ตกใจในทันที นั่นก็เพราะทั้งสองได้หาคนที่มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมและหน้าตาที่ดีมาให้ตั้งมากมาย ต่อให้เวลาที่หามีน้อยแต่ทั้งคู่ก็ยังคัดเลือกมาอย่างดี
แต่กับทั้งสองคนที่ซูจิ้งเลือกนั้นกลับไม่ได้อยู่ในความคิดของทั้งสองแม้แต่น้อยจะไม่ให้ทั้งสองตกใจได้ยังไงกัน
ทั้งสองพลันคิดไปว่านี่ซูจิ้งจะเลือกสองคนนี้จริงๆเหรอ ต่อให้พาทั้งสองคนนี้ไปทำศัลยกรรมแบบยกเครื่องใหม่ก็ไม่น่าจะดึงดูดสายตาใครไม่ได้มากนักอย่างแน่นอน