ตอนที่ 669 วันแต่งงานใกล้เข้ามาแล้ว
หลังจากที่พ่อไป๋รับสายของหลินม่าย เขาก็รับประทานอาหารกลางวันอย่างรวดเร็วที่หน่วยงานก่อนจะไปที่บ้านของพ่อตาและแม่ยาย
ตาหลัวและยายหลัวเพิ่งรับประทานอาหารกลางวันเสร็จในเวลานั้นและกำลังจะงีบหลับ
เนื่งจากพวกเขาแก่มากแล้ว แต่ยังคงต้องแปลงานและวรรณกรรม หากไม่งีบหลับในตอนกลางวัน ความเร็วของการแปลในช่วงบ่ายจะไม่เพียงช้าเท่านั้น แต่ยังเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายอีกด้วย
เมื่อเห็นลูกเขยมาเยี่ยมอย่างกระทันหัน คู่สามีภรรยาชราก็แปลกใจเล็กน้อย
ขณะที่พ่อไป๋เดินเข้าไปในบ้าน ทั้งสองก็เอ่ยถามเขามากินข้าวมาแล้วหรือยัง? หากเขายังไม่ได้กินอะไรมา พวกเขาก็จะสั่งให้สาวใช้ทำบะหมี่มาให้
พ่อไป๋โบกมือ “ไม่เป็นไรครับ ผมกินมาแล้ว”
หลังจากนั้นเขาก็บอกกล่าวต่อพ่อตาและแม่ยายว่า แม่ไป๋ไปยังมหาวิทยาลับของหลินม่ายและสร้างเรื่องจนทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง
แม้ว่าสามีและภรรยาตระกูลหลัวจะอายุมากแล้ว แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ
อย่างไรก็ตาม หากต่อจากนี้ต้องการปราบปรามแม่ไป๋ไม่ให้หล่อนไปรังควาญหลินม่ายที่มหาวิทยาลัย ก็จำเป็นต้องพึ่งพาสามีภรรยาตระกูลหลัวแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่พ่อไป๋เดินทางมาหาพวกเขา
คู่สามีภรรยาสูงอายุโกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ลูกสาวของพวกเขาเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร หล่อนไปมหาวิทยาลัยเพื่อพยายามทำให้ชื่อเสียงของลูกสาวตัวเองเสื่อมเสีย
แม่ทำกับลูกสาวตัวเองแบบนี้ไดอย่างไร!
ขนาดเรื่องนี้ยังทำได้ลง แล้วจะมีอะไรที่ทำไม่ได้อีก
คู่สามีภรรยาวัยชรารีบตามพ่อไป๋ไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อพูดคุยกับแม่ไป๋
หากหล่อนกล้าไปยังมหาวิทยาลัยชิงหวาเพื่อก่อกวนหลินม่ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พวกเขาจะถือว่าหล่อนเป็นลูกสาวที่พิการทางสมอง
แม่ไป๋ไม่เคยคาดคิดว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของตนจะไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อวิจารณ์ตนในเรื่องหลินม่าย
ทำให้หล่อนดูน่าสมเพชในมหาวิทยาลัย
ตอนนี้ทุกคนในมหาวิทยาลัยรู้ชัดแล้วว่าการหย่าร้างของหล่อนเป็นเพราะไป๋ซวง ลูกสาวบุญธรรมของหล่อน แต่หลินม่ายลูกสาวแท้ๆ ของหล่อนกลับต้องถูกตำหนิ
เพื่อนร่วมงานหลายคนชี้ไปยังหล่อนจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้
แม้ว่าในใจจะเกลียดชังหลินม่ายมาก แต่แม่ไป๋ก็ไม่กล้าที่จะทำลายเธออีกต่อไป
หล่อนกลัวว่าพ่อแม่ของตนจะไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นพยานให้กับหลินม่าย ดังนั้นหล่อนจึงไม่กล้าไปที่มหาวิทยาลัยของหลินม่ายอีกต่อไป
เดิมทีแม่ไป๋ไม่ต้องการให้พ่อไป๋หย่ากับหล่อน
วิทยาลัยของไป๋ซวงกำลังจะเปิดภาคเรียน หล่อนต้องเร่งรีบไปลงทะเบียนเรียนให้กับลูกสาว
หลังผ่านเดือนกันยายนไปแล้ว ไม่ว่าจะต้องใช้เงินเท่าใด หล่อนก็จะทำทุกอย่างให้ไป๋ซวงได้เรียนหนังสือ
แม่ไป๋เป็นกังวลอย่างมาก หล่อนขอให้ไป๋เซี่ยและไป๋ลู่ช่วยร้องขอพ่อไป๋ แต่ก็ถูกสองพี่น้องไป๋ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
แม้พวกเขาจะไม่ต้องการให้พ่อแม่ต้องหย่าร้าง แต่หากพ่อแม่ของพวกเขาไม่หย่าร้าง ไป๋ซวงจะต้องพึ่งพาตระกูลไป๋ของพวกเขาไปตลอดชีวิต นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจทนได้ จึงต้องปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี
แม่ไป๋สิ้นหวังและจำต้องหย่ากับพ่อไป๋ หล่อนมีเงินไม่กี่พันหยวนที่เก็บไว้จ่ายค่าเล่าเรียนให้กับไป๋ซวง เพื่อให้หล่อนได้เรียนในวิทยาลัยได้รับใบประกาศระดับอนุปริญญา
ตอนที่พ่อไป๋หย่าขาดจากหล่อน เขายังเยาะเย้ยหล่อนที่เลือกอยู่เคียงข้างไป๋ซวงพร้อมแนะนำให้หล่อนไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาภาวะสมองกระทบกระเทือน
แต่แม่ไป๋ตำหนิเขา โดยบอกว่าพ่อไป๋ใช้ประโยชน์จากความผิดของคนอื่นเพื่อบังคับให้หล่อนหย่า
เขารู้ว่าหล่อนต้องการเงินเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนของไป๋ซวง จึงบังคับให้หล่อนหย่าขาดจากเขาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้
พ่อไป๋เห็นว่าหล่อนไม่มีเหตุผลจึงไม่ยุ่งกับหล่อน ทั้งสองไปยังสำนักทะเบียนเพื่อเซ็นใบหย่า
นับจากนี้ไป ต่างฝ่ายต่างมีความสุขกันถ้วนหน้า
เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสำคัญของหลินม่าย
นับตั้งแต่คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางมาถึงเมืองหลวง พวกเขาก็ได้ไปเยี่ยมเยียนอดีตสหายร่วมรบและผู้ใต้บังคับบัญชา
สองสามีภรรยาเชื้อเชิญผู้คนมากมายมาร่วมงานมงคลในบ้านของพวกเขา
นอกจากแขกผู้มีเกียรติเหล่านี้แล้ว ยังมีพี่น้องของฟางเว่ยกั๋ว ตลอดจนเพื่อนของหลินม่ายและฟางจั๋วหราน
มีแขกจำนวนมากในงานนี้
หลินม่ายใช้ร้านที่ซื้อไว้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน เธอได้แต่งงานในบ้านที่เธอให้พ่อไป๋อาศัยอยู่
พ่อไป๋ดีใจมาก จึงขอตัวไปจัดแจงเรือนสี่ประสานให้พร้อมสำหรับจัดงาน
ส่วนห้องที่ใช้ทำพิธีหลักเป็นหน้าที่ตกแต่งของหลินม่ายและไป๋เหยียนพร้อมเถียนเถียน
ฟางจั๋วหรานเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เขาช่วยเหลือทั้งหลินม่ายและพ่อไป๋ในการจัดเตรียมงานทั้งหมด
พวกเขาใช้อุปกรณ์จัดงานแต่งงานที่ซื้อจากฮ่องกง ภาพงานแต่งงานถูกแขวนไว้ข้างฝา ห้องจัดงานแต่งงานได้รับการตกแต่ง ทั้งบ้านเรือนประดับประดาด้วยสีแดงสดอย่างงดงาม
ทุกอย่งถูกเตรียมพร้อมแล้ว เหลือเพียงการเข้าพิธีเท่านั้น
ผู้คนต่างมีกำลังใจที่ดีในโอกาสแห่งความสุข ฟางจั๋วหรานเดินมาด้วยความดีใจเมื่อเขาคิดว่าจะได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ในอีกไม่กี่วัน
เช้านี้เขาเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัดใหญ่ และเมื่อกลับมายังห้องทำงาน โทรศัพท์บนโต๊ะของเขาก็ดังขึ้น
เขาหยิบขึ้นมาและกดรับสาย ไร้ซึ่งเสียงใดนอกจากความเงียบงีน และขณะที่ฟางจั๋วหรานกำลังจะวางสาย เสียงของกู้ม่านซือก็ดังขึ้น “จั๋ว… หราน... ฉันกลืนยานอนหลับไปเยอะมาก รู้ไหมทำไมฉันถึงกินยานอนหลับ? เพราะอยากทำให้คุณรู้สึกผิดและเสียใจ”
ฟางจั๋วหรานขมวดคิ้วและถามด้วยเสียงทุ้ม “คุณอยู่ที่ไหน?”
สายโทรศัพท์ถูกตัดไปในทันที
ฟางจั๋วหรานนึกรำคาญกู้ม่านซืออย่างมาก
นับตั้งแต่เขาถูกย้ายไปยังโรงพยาบาลโหย่วเหอแห่งปักกิ่ง กู้ม่านซือก็ตามรังควานและก่อกวนเขาไม่รู้จบ
เขารายงานหัวหน้าโดยบอกว่าหล่อนส่งผลกระทบต่อการทำงานของเขา
ฟางจั๋วหรานเป็นศัลยแพทย์ หากมีสิ่งใดที่ส่งผลกระทบต่องานของเขา ผลที่ตามมาคือหายนะ
โรงพยาบาลต้องจัดการเรื่องอย่างจริงจัง เมื่อกู้ม่านซ์อมายังโรงพยาบาลเพื่อก่อกวนเขาอีกครั้ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลก็นำตัวหล่อนไปยังสถานีตำรวจ หล่อนถึงได้สงบลง
ฟางจั๋วหรานคิดว่ากู้ม่านซือได้เรียนรู้บทเรียนและล้มเลิกความคิดที่จะก่อกวนเขาแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่าหล่อนจะเปลี่ยนวิธี
แม้เขาจะต้องการให้กู้ม่านชือตาย แต่ด้วยมนุษยธรรม ฟางจั๋วหรานก็ไม่ลังเลและโทรหาตำรวจทันที
เขาบอกตำรวจถึงที่อยู่โรงแรมที่กู้ม่านซืออาศัยอยู่ แต่ไม่มีการยืนยันว่าหล่อนจะฆ่าตัวตายในโรงแรมแห่งนี้หรือไม่
ภายในหนึ่งชั่วโมง ตำรวจโทรมาบอกฟางจั๋วหรานว่ากู้ม่านซือได้รับการช่วยชีวิตแล้ว และหล่อนต้องการพบเขา
ฟางจั๋วหรานปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมเขาทางโทรศัพท์ โดยบอกว่าหากเขาไม่ยอมมาพบกับกู้ม่านซือ หล่อนอาจฆ่าตัวตายอีกครั้ง
ฟางจั๋วหรานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตกลงที่จะพบกู้ม่านซือหลังจากเลิกงาน
เมื่อตำรวจบอกข่าวดีต่อกู้ม่านซือ หล่อนก็เผยยิ้มอย่างมีเลศนัย
หล่อนไม่มีทางยอมให้เขาทิ้งหล่อนเพื่อไปแต่งงานกับหญิงอื่น!
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลที่กู้ม่านซือรักษาตัวอยู่ คำพูดแรกของฟางจั๋วหรานไม่ใช่การถามถึงสุขภาพของหล่อน
กลับเป็นการกล่าวว่า “คุณทิ้งผมโดยไม่บอกลาและหนีไปกับชาวต่างชาติ ความสัมพันธ์ของเรานับว่าจบลงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ดังนั้นอย่าขู่ผมด้วยการฆ่าตัวตายอีก ผมโทรหาตำรวจไม่ใช่เพราะรักคุณ แต่เพราะกลัวว่าผมจะต้องรับผิดชอบทางกฎหมายหากคุณตาย ดังนั้นครั้งต่อไปที่คุณพยายามฆ่าตัวตาย ผมก็จะยังโทรหาตำรวจ ส่วนตำรวจจะตามหาตัวและช่วยคุณทันเวลาเหมือนครั้งนี้หรือไม่ ผมก็คงไม่สามารถรับรองได้ อย่าใช้การฆ่าตัวตายมาขู่ผมอีก เพราะหากคราวหน้าไม่มีใครเข้าไปช่วยคุณได้ทัน คุณอาจจะต้องตายจริง”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังและจากไปภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสอง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนก็เข้าใจจุดประสงค์ในการฆ่าตัวตายของกู้ม่านซือทันทั พวกเขาจึงวิพากษ์วิจารณ์และปรับทัศนคติหล่อนก่อนจะจากไป
หากหล่อนยังคิดไม่ได้ ตำรวจจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อคลายปมในใจของหล่อน
แต่การที่หล่อนใช้วิธีการนี้เพื่อทำให้ฟางจั๋วหรานกลับมาคบกับตนและต้องรบกวนการทำงานของตำรวจทุกครั้งเช่นนี้ เหล่าตำรวจไม่สามารถยอมรับได้
กู้ม่านซือที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลกัดฟันกล่าวทีละคำ “ฟางจั๋วหราน คุณทำให้ฉันไม่มีความสุข คุณเองก็ต้องไม่มีความสุข!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยัยแฟนเก่าประสาทเปล่า เลิกแล้วก็แยกย้ายสิ มาก่อกวนพี่หมอทำไม?
เธอไม่ได้รักเขาหรอก เธอรักฐานะของเขาต่างหาก
ไหหม่า(海馬)