สืออีเหนียงพึ่งตื่นนอน กำลังนั่งดื่มนมแพะบนเตียงเตา เมื่อได้ยินว่าเจียงซื่อมาหาก็ตกใจ “เช้าขนาดนี้!”
หู่พั่วยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านบอกให้คุณนายน้อยสี่มาเช้าหน่อยไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
แค่ไม่อยากให้นางมาสาย
สืออีเหนียงพึมพำในใจ บอกให้หู่พั่วเชิญเจียงซื่อเข้ามา จากนั้นก็บอกให้ชิวอวี่นำนมแพะมาให้เจียงซื่อ
“ข้าจะไปโถงบุปผายามซื่อ” นางพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามาหาข้ายามนั้นก็ได้”
เจียงซื่อขานรับ “เจ้าค่ะ” อย่างนอบน้อม
สาวใช้เปิดหน้าต่าง ชิวอวี่นำดอกเทียเกิ่งไห่ปินเข้ามาปักในแจกันดอกไม้ข้างหน้าต่าง พลอยทำให้บรรยากาศในห้องสดชื่นและมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
เหวินอี๋เหนียงและเฉียวเหลียนฝังมาคารวะสืออีเหนียง
เฉียวเหลียนฝังพยักหน้าให้เจียงซื่อเบาๆ แต่เหวินอี๋เหนียงกลับยิ้มแล้วย่อเข่าคำนับเจียงซื่อ “คุณนายน้อยสี่ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือเจ้าคะ!”
เจียงซื่อตระหนักขึ้นมาได้ว่าเหวินอี๋เหนียงคือคนที่คัดลอกสมุดบัญชีให้นาง นางไม่กล้าเมินเฉย ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยเรียก “เหวินอี๋เหนียง”
สืออีเหนียงถามถึงเรื่องบัญชีของเหวินอี๋เหนียง
เหวินอี๋เหนียงเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่งๆ ตั้งแต่คืนเงินให้สกุลเหวินไปแล้ว นางก็เรียนเย็บปักถักร้อยอยู่ที่เรือนสองสามวัน จากนั้นก็เริ่มเดินเตร่ไปรอบจวน ช่วยป้ารับใช้ที่มีหน้ามีตาในจวนนำสินค้าจากทางตอนเหนือและตอนใต้มาทำมาหากิน ต่อมาก็สนใจดอกกุ้ยฮวาและเกาลัดที่ปลูกในจวน ยุยงให้บรรดาป้ารับใช้นำออกไปขายข้างนอก สืออีเหนียงเห็นนางแย่งกำไรกับบรรดาป้ารับใช้ จึงให้นางเป็นคนดูแลสมุดบัญชีแทนผู้ดูแลหญิง นางถึงได้สงบเสงี่ยมลง
“ตรวจบัญชีช่วงปีใหม่กับฝ่ายบันทึกข้อมูลลานนอกเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” เหวินอี๋เหนียงพูดด้วยรอยยิ้ม “ค่าใช้จ่ายปีนี้ของลานในข้าก็คำนวณหมดแล้ว อีกสองวันไปตรวจกับผู้ดูแลฝ่ายบันทึกข้อมูล เงินของครึ่งปีแรกก็นำออกมาได้แล้ว”
สืออีเหนียงพยักหน้าเบาๆ นางพูดกับเหวินอี๋เหนียง “เจ้าอย่าลืมตรวจบัญชีกับหู่พั่วก่อนแล้วค่อยนำไปที่ฝ่ายบันทึกข้อมูล ปีนี้วันเกิดครบรอบแปดสิบปีของเจิ้งไท่จวิน วันเกิดครบรอบห้าสิบปีของนายท่านที่หนานจิง นอกจากต้องให้ฝ่ายรายงานส่งของขวัญไปแล้ว เราเองก็ต้องเตรียมของขวัญด้วย…”
ระหว่างที่พวกนางสองคนพูดคุยกัน เฉียวเหลียนฝังกลับนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
สองปีที่ผ่านมาจวนเฉิงกั๋วกงอำนาจน้อยลงเรื่อยๆ วันเกิดไท่ฮูหยินปีก่อน เฉียวฮูหยินส่งแจกันเครื่องเคลือบดินเผามาให้ มางานเลี้ยงแล้วก็รีบกลับไป เมื่อนำของขวัญวันเกิดของไท่ฮูหยินเก็บเข้าห้องเก็บของ ผู้ดูแลห้องเก็บของถือแจกันเครื่องเคลือบดินเผาใบนั้นแล้วบ่นว่า ‘เหตุใดถึงเหมือนสิ่งของในจวนของเรา’ จากนั้นก็เรียกป้าตู้ไปตรวจสอบดู
ป้าตู้สวมแว่นตาดูอยู่ตั้งนาน จากนั้นก็ชี้ตรงฐานของแจกันเครื่องเคลือบดินเผาแล้วพูดว่า ‘ของเราจริงๆ ด้วย มันคือของขวัญที่เราเคยส่งไปให้เฉียวฮูหยินเมื่อวันเกิดของเฉียวฮูหยิน มีชุดน้ำชาอีกชุดหนึ่ง แล้วยังมีเครื่องสำริดทรงสี่เหลียม’ พูดจบก็วางแจกันเครื่องเคลือบดินเผาลงแล้วพูดกับผู้ดูแลห้องเก็บของ ‘โชคดีที่เจ้าจำได้ ข้าคิดว่ามันคงเป็นของเก่าแก่ สกุลเฉียวอาจคิดว่าของสิ่งนี้เป็นของไท่ฮูหยินสกุลตัวเอง แล้วเผลอเก็บมันไว้ในห้องเก็บของ หรือไม่ก็ตรวจบัญชีไม่เรียบร้อย แม้แต่พวกเขาเองก็จำไม่ได้’
ผู้ดูแลห้องเก็บของได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะ ‘ดูเหมือนว่าแจกันเครื่องเคลือบดินเผาของเรากลายเป็นของดีที่เก็บไว้ใต้หีบไปเสียแล้ว’
ไม่รู้ว่าข่าวลือนี้แพร่ออกไปได้อย่างไร
เฉียวเหลียนฝังราวกับเป็นตะคริว จู่ๆ ก็ไร้ชีวิตชีวา ไม่ยอมออกไปไหนเลย
สืออีเหนียงพูดคุยกับเหวินอี๋เหนียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหวินอี๋เหนียงไม่รอให้สืออีเหนียงยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ ก็รีบลุกขึ้นเอ่ยขอตัวลาอย่างมีไหวพริบ “รอให้ข้าตรวจสอบบัญชีกับสะใภ้ก่วนชิงเสร็จแล้ว ค่อยนำมาให้ท่านดู”
“ได้!” สืออีเหนียงยิ้มแล้วพยักหน้า เฉียวเหลียนฝังเดินตามเหวินอี๋เหนียงออกไป
สวีซื่อเจี้ยและอิงเหนียงมาคารวะสืออีเหนียง
“เหตุใดพวกเจ้าถึงมาด้วยกัน” สืออีเหนียงยิ้มแล้วบอกให้สาวใช้ยกเก้าอี้มาให้พวกเขานั่ง
อิงเหนียงเหลือบมองสวีซื่อเจี้ย สวีซื่อเจี้ยก็มองอิงเหนียง บอกให้นางนั่งก่อน ตั้งแต่อิงเหนียงมา ท่านแม่ก็เริ่มทำเสื้อผ้า ทำเครื่องประดับ แล้วยังสอนอิงเหนียงแต่งหน้าแต่งตัวดูมีความสุขเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาต้องยอมให้อิงเหนียง อิงเหนียงเห็นเขาบอกให้ตัวเองนั่งก่อนก็ยิ้มแล้วพูดอย่างไม่เกรงใจ “ข้าตื่นสาย ออกมาก็บังเอิญเจอกับพี่ห้าพอดีเจ้าค่ะ”
“เมื่อคืนไปทำอะไรมา” สืออีเหนียงชอบความร่าเริงของอิงเหนียง มันทำให้นางดูมีความมั่นใจ “เหตุใดถึงตื่นสายเล่า”
“ถักเชือกเจ้าค่ะ!” อิงเหนียงยิ้มแล้วอธิบายต่อ “เมื่อวานท่านมอบกระจกที่มีด้ามจับให้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ ข้าอยากตกแต่งตรงด้ามจับ สะใภ้ก่วนชิงบอกว่าใช้เชือกดอกเหมยฮวาดีกว่า…” นางพูดด้วยท่าทีเขินอาย “แต่ข้าถักช้า จึงใช้เวลานานหน่อย”
สืออีเหนียงพยักหน้าเบาๆ แล้วยิ้มอย่างเอ็นดู
สาวใช้และป้ารับใช้ในห้องต่างพากันปิดปากหัวเราะ บรรยากาศในห้องคึกคักขึ้นไม่น้อย
“เจ้าทานอาหารเช้าแล้วหรือยัง” สืออีเหนียงถามสวีซื่อเจี้ย
“ทานแล้วขอรับ” สวีซื่อเจี้ยยิ้ม “มาคารวะท่านแม่แล้วข้าจะไปเรือนทิงเทา”
สืออีเหนียงพยักหน้า ชวนอิงเหนียงและเจียงซื่อทานอาหารเช้าด้วยกัน จากนั้นก็ไปหาไท่ฮูหยินกับเจียงซื่อ
ไท่ฮูหยินไม่ได้ดูรายชื่อแขกที่จะมางานเลี้ยง นางพูดกับเจียงซื่อ “ให้ท่านแม่ของเจ้าดูเถิด!” พูดด้วยท่าทีเชื่อใจ
เจียงซื่อยิ้มแล้วขานรับ “เจ้าค่ะ” พลางยื่นรายชื่อให้หู่พั่ว ใช่ว่าใครก็ตามที่ถือป้ายคู่มาสั่งการฝ่ายรายงาน แล้วฝ่ายรายงานจะทำตามคำสั่งโดยไม่ถามอะไร เมื่อก่อนคนที่ดูแลเรื่องลานนอกและลานในคือป้าตู้ แต่ตอนนี้คือสะใภ้ก่วนชิง
ไท่ฮูหยินถามว่าเทศกาลซานเย่ว์ซานจะฉลองอย่างไร
สืออีเหนียงยิ้มแล้วมองไปที่เจียงซื่อ บอกให้นางแสดงความสามารถต่อหน้าไท่ฮูหยิน
หลังจากพูดจบ ไท่ฮูหยินก็ถูกอกถูกใจเป็นอย่างมาก นางพูดกับสืออีเหนียง “ภรรยาของจุนเกอไม่เลวเลยทีเดียว!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันเจ้าค่ะ” สืออีเหนียงยิ้ม “ข้าจึงอยากให้นางทำความคุ้นเคยเรื่องในจวนกับข้า”
ไท่ฮูหยินพูดเพียง “อืม” จากนั้นก็ถามถึงองค์หญิงใหญ่ฝูเฉิง “…ยังไม่ดีขึ้นอีกหรือ สกุลโจวว่าอย่างไรบ้าง”
ในเมื่อให้สืออีเหนียงเป็นคนจัดการเรื่องในจวน ไท่ฮูหยินย่อมไม่มีทางสงสัยในการตัดสินใจของนาง และยิ่งไม่มีทางถามอะไรมาก
“บอกว่ากระดูกต้นขาหัก ต้องนอนรักษาตัวบนเตียง” สืออีเหนียงพูดเสียงเบา “ตอนที่ข้าไปเยี่ยมนาง นางพูดคุยกับข้าสองสามประโยค สีหน้ายังดีอยู่เจ้าค่ะ”
อายุมากแล้ว มักจะนึกถึงคนในวัยเดียวกัน ถึงแม้จะไม่สนิทสนมกันสักเท่าไร แต่เรื่องที่องค์หญิงใหญ่ฝูเฉิงลื่นล้มจนทำให้กระดูกต้นขาหักเมื่อสองวันก่อน ทำให้ไท่ฮูหยินไม่สบายใจไม่น้อย
“ให้นางพักผ่อนเถิด…” ไท่ฮูหยินพูด “อายุมากแล้วต้องใช้เวลารักษาตัว” พูดจบ นางก็พูดกับสืออีเหนียงต่อ “เจ้าส่งคนนำเทียบไปให้ที่จวนองค์หญิง เราไปเยี่ยมนางกันเถิด”
สืออีเหนียงขานรับ ส่งเทียบไปที่จวนองค์หญิง เตรียมของขวัญ จากนั้นก็ไปจวนองค์หญิงกับไท่ฮูหยิน
อาการขององค์หญิงใหญ่ฝูเฉิงรุนแรงกว่าที่ไท่ฮูหยินคิดเอาไว้ เพราะบาดเจ็บที่ขา ทำให้นางปวดจนนอนไม่หลับ ทานอะไรก็ไม่ลง หมอหลวงต้องใช้ยาสงบสติอารมณ์ ในห้องยังจุดเครื่ื่องหอมกล่อมนอน องค์หญิงใหญ่ฝูเฉิงไม่ค่อยตื่น แต่จะนอนมากกว่า ใบหน้าแจ่มใสในเดิมทีของนางนั้นซีดเซียวลงไม่น้อย
ไท่ฮูหยินเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ กลับไปก็บอกให้ป้าตู้นับทรัพย์สินส่วนตัวของตัวเอง
“หากเป็นเหมือนฝูเฉิง ก็คงไม่ได้ฝากฝังอะไร!”
บรรยากาศในห้องพลันหดหู่
สืออีเหนียงมาพูดคุยกับไท่ฮูหยินบ่อยๆ
ไท่ฮูหยินคิดถึงแค่สวีลิ่งอี๋ อยากให้เขากลับมาเร็วๆ นางมักจะจับมือสืออีเหนียงแล้วเล่าเรื่องราววัยเด็กของสวีลิ่งอี๋ บางครั้งก็เล่าทั้งวัน จนบางครั้งนางก็เผลอหลับบนตั่งกุ้ยเฟยหน้าเตียงไท่ฮูหยิน
เมื่อถึงเทศกาลซานเย่ว์ซาน ในจวนเต็มไปด้วยแขกเหรื่อ เสียงหัวเราะดังไปทั่ว ไท่ฮูหยินถึงได้อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
วันนั้นทุกคนไปนั่งบนเรือ บรรดาป้ารับใช้ตกปลาขึ้นมาจากทะเลสาบปี้อีแล้วนำมาให้ทุกคนดู จากนั้นก็นำไปทำอาหารที่โรงครัว บางคนตกได้ปลาตัวใหญ่ ปลาตัวเดียวทำอาหารได้ถึงสามอย่าง บางคนตกได้ปลาตัวเล็กสองสามตัว ทำได้แค่ปลาทอด บางคนดีใจ บางคนก็บ่น ล้วนแต่ไม่ใช่คนจากตระกูลที่ขาดแคลนอาหารและเสื้อผ้า พวกนางเลยรู้สึกสนุกสนาน หัวเราะกันอย่างครึกครื้น จากนั้นก็มีแต่คนชื่นชมว่าเป็นความคิดที่ดี สืออีเหนียงถือโอกาสนี้แนะนำเจียงซื่อ “ล้วนแต่เป็นความคิดของคุณนายน้อยสี่”
เจียงซื่อเลยมีชื่อเสียงในบรรดาสกุลขุนนางในเยี่ยนจิง ตระกูลไหนมีงานเลี้ยงอะไร ผู้ดูแลมักจะลอบมองเจียงซื่อที่อยู่ข้างหลังสืออีเหนียงก่อนจะเอ่ยถามเสมอว่า “นั่นคือคุณนายน้อยสี่ที่เป็นคนจัดงานเลี้ยงเทศกาลซานเย่ว์ซานใช่หรือไม่” สืออีเหนียงยิ้มแล้วแนะนำเจียงซื่อให้ผู้ดูแลรู้จัก งานสังสรรค์เล็กๆ น้อยๆ ก็ให้เจียงซื่อเป็นคนจัดการ ส่วนนางก็หาเวลาไปดูตัวคุณชายลู่กับฮูหยินห้า
เดิมทีฮูหยินห้าก็พอใจอยู่แล้ว แต่เมื่อเจอตัวจริงที่หน้าตาหล่อเหลา นางยิ่งถูกใจมากกว่าเดิม จึงกำหนดเรื่องงานแต่งครั้งนี้อย่างรวดเร็ว
แค่ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยจนมาถึงปลายเดือนสาม เฉาเอ๋อร์พาเหวินเกอ บุตรชายของนางมาที่เยี่ยนจิง
หลานถิงไปรับพี่หญิงของตัวเองที่ถงโจวด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปจวนจงฉินปั๋ว แต่กลับตรงดิ่งไปที่ตรอกซื่อเอ๋อร์ทันที
ข้าวของถูกเก็บเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว มีสะใภ้หลิวไท่ผิงคอยช่วยดูแล เฉาเอ๋อร์เห็นเช่นนี้ก็พอใจเป็นอย่างมาก
“ล้วนแต่เป็นน้ำใจของสืออีเหนียง” หลานถิงลูบหัวเหวินเกอด้วยความรักและเอ็นดู “หวังว่าเหวินเกอจะไม่ทำให้พี่หญิงสามผิดหวัง”
เฉาเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็เม้มริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไร
เหวินเกอวัยเก้าขวบหน้าตาเหมือนบิดาของเขา แต่ท่าทีกลับเหมือนเฉาเอ๋อร์ที่มีสีหน้าตึงเครียด เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ท่านแม่ ท่านน้าหญิง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะตั้งใจเล่าเรียนหนังสือขอรับ”
“ต้องตั้งใจเรียนหนังสือ” หลานถิงถอนหายใจ “แต่ก็ต้องเรียนรู้การเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดี”
เหวินเกอพยักหน้า
สะใภ้หลิวไท่ผิงรีบวิ่งเข้ามา “นายหญิงเจี่ยงเจ้าคะ ฮูหยินมาเจ้าค่ะ!”
พวกนางสองคนต่างก็แปลกใจ
หลานถิงยิ้มแล้วพูดว่า “สืออีเหนียงช่างมีน้ำใจ”
ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเฉาเอ๋อร์เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม “หากไม่มีน้ำใจ ตอนนั้นนางคงไม่ส่งผ้าแพรหังโจวสีแดงไปให้ข้า”
พวกนางสองคนสนิทสนมกับสืออีเหนียง เดินออกไปต้อนรับนางพร้อมกัน
*****
กลับมาจากตรอกซื่อเอ๋อร์ก็พลบค่ำแล้ว
สืออีเหนียงถามหู่พั่ว “คุณหนูใหญ่กำลังทำอะไรอยู่”
อิงเหนียงพึ่งมาถึงสองสามวัน แรกๆ สืออีเหนียงไปไหนก็มักจะพานางไปด้วย พวกนางสองคนสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก แต่ช่วงนี้สืออีเหนียงกลับไม่สนใจอิงเหนียง ปล่อยให้นางอยู่ในลานคนเดียว ซ้ำยังไม่บอกบรรดาผู้ดูแลหญิง ทุกคนไม่รู้ว่าควรปฏิบัติต่ออิงเหนียงเช่นไร อิงเหนียงเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปไหนได้บ้าง ไปไหนไม่ได้บ้าง
ที่จริงแล้วหู่พั่วนั้นไม่เข้าใจ แต่เมื่อสืออีเหนียงถามนาง นางก็ตอบกลับอย่างนอบน้อมว่า “ช่วงนี้คุณหนูใหญ่เอาแต่เฝ้าดอกไม้ต้นไม้ในลานให้ท่านเจ้าค่ะ ไม่มีอะไรทำก็เย็บปักถักร้อย”
“นางอยู่อย่างสบายใจหรือไม่”
หู่พั่วแปลกใจ นางพูด “สองวันแรกยังไม่คุ้นเคย ต่อมาคุณชายน้อยห้าย้ายดอกพุดซ้อนเข้ามา คุณหนูใหญ่เลยมีเรื่องให้ทำ ดูสบายใจขึ้นไม่น้อยเจ้าค่ะ”