ทันทีที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดจบ ผู้ที่มีหน้าที่ควบคุมวิญญาณร้ายก็คลายเชือกตรึงวิญญาณออก
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายที่ถูกสิงกลับนิ่งเงียบ เขาก้มหน้าลงต่ำ และไม่ได้พุ่งตัวเข้าใส่พวกเขาเหมือนที่สหายของเขาทำก่อนหน้านี้
เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้ายากจะอ่านออก รอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันไม่เป็นมิตร
ฝูงชนที่อยู่รอบนอกต่างมองหน้ากัน
“เกิดอะไรขึ้น”
“ทำไมมันถึงเงียบเช่นนี้ล่ะ”
“วิญญาณร้ายตนนี้ดูว่าง่ายดีทีเดียว”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้หรอก! ว่าง่ายที่ไหนกัน ดูที่มือของเขาสิ!”
นอกจากเล็บสีดำน่ากลัวของเขาแล้ว มือของเขาก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ อีกด้วย!
“เขา… เขากำลังจะเปลี่ยนร่างเป็นวิญญาณร้ายระดับสูงสุด!”
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายแทบทุกคนรู้ดีว่าคนที่ถูกสิงจะยิ่งน่ากลัวเมื่อเขาหรือนางเปลี่ยนร่างเป็นวิญญาณร้ายระดับสูงสุด
แต่เพราะผู้ขับไล่วิญญาณร้ายที่ถูกสิงคนนี้เอาแต่ก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา จึงไม่มีใครสังเกตเห็นอาการของเขา
ทันทีที่เชือกตรึงวิญญาณคลายออก บรรยากาศอันมืดมนก็ทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดผู้ขับไล่วิญญาณร้ายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้น ปราณหยินกระจายอยู่ทั่วใบหน้าของเขา แต่เขากลับไม่ขยับเขยื้อน และทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นทีละน้อยราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่เท่านั้น
“เขากำลังทำอะไรอยู่”
“เขากำลังดูดซับแสงจันทร์ แย่แล้ว! วิญญาณร้ายตนนี้กลายร่างเป็นระดับสูงสุดแล้ว องค์ชายสามกับพระชายาสามย่อมไม่สามารถกำจัดมันได้แน่! พวกเราต้องรีบหาทางหยุดมันให้ได้!”
“แล้วองค์รัชทายาทเหวินเหรินล่ะ เขาคอยสังเกตการณ์การประลองนี้อยู่นี่นา ข้าว่าวิญญาณตนนั้นไม่น่าจะก่อความวุ่นวายให้กับเราได้”
“ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดสามารถปราบวิญญาณร้ายระดับสูงสุดได้สำเร็จมาก่อน และนั่นก็รวมถึงองค์รัชทายาทเหวินเหรินด้วย”
“เจ้าหมายความว่าแม้กระทั่งองค์รัชทายาทเหวินเหรินก็อาจจะปราบเขาไม่ได้หรือ”
“ใช่”
“เช่นนั้น พระชายาสาม..”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเริ่มรู้สึกกระวนกระวายและไม่สบายใจขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นที่นอกท้องพระโรงก็พลันเกิดปรากฏการณ์ฟ้าร้องฟ้าผ่าอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ทราบสาเหตุ
วิญญาณร้ายลดสายตาลง แล้วมองไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวย ริมฝีปากของมันเผยอขึ้น ก่อนที่ปราณแห่งความเคียดแค้นจะทะลักออกมาจากปากของมัน
ตอนนี้เองทุกคนจึงสังเกตเห็นฟันของมันได้ในที่สุด ฟันเหล่านั้นดูไม่เหมือนฟันของมนุษย์ปกติเลยแม้แต่นิดเดียว ฟันที่โผล่ออกมาเหนือริมฝีปากล่างของเขาดูเหมือนกับเขี้ยวของผีดิบไม่มีผิด
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาและยกมือขึ้นข้างหนึ่ง พลังวิญญาณของนางพุ่งขึ้นฟ้าในทันที
นางไม่ได้พกยันต์ผ้าเหลืองติดตัวมาแม้แต่แผ่นเดียว แต่ยันต์ผ้าเหลืองทุกแผ่นที่อยู่ในที่แห่งนั้นกลับตอบสนองต่อคำสั่งของเฮ่อเหลียนเวยเวย
ฟุ่บ! ยันต์เหล่านั้นลอยอยู่บนอากาศในแนวตั้ง ยันต์ทั้งสิบแปดแผ่นเรียงต่อกันกลายเป็นเขตอาคมอันสว่างไสวไปด้วยพลังแห่งพระธรรม!
“นั่น… นั่นมัน…” ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายพากันลุกขึ้นอย่างร้อนรนพร้อมกับจ้องมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างไม่อยากเชื่อ สายตาของพวกเขาไหววูบด้วยความสับสน ”ผนึกอรหันต์ของตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้าย!”
“เป็นไปไม่ได้!” ซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์ปฏิเสธคำพูดนั้นอย่างสิ้นหวัง แต่นางก็ไม่สามารถปฏิเสธลำแสงแห่งพระธรรมทั้งสิบแปดสายนั้นได้
มันเป็นไปได้อย่างไร
นางจะเป็นหนึ่งในคนของตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้ายได้อย่างไร
ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ!
นางเคยเจอเฮ่อเหลียนเวยเวยมาก่อน แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เคยพูดอะไรถึงตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่นางจะอธิบายเรื่องผนึกสิบแปดอรหันต์ที่ปรากฏขึ้นได้อย่างไร
ผู้อาวุโสซวีอู๋มีสีหน้าเคร่งเครียดทันทีที่เห็นภาพนี้!
เขารู้ดีกว่าใครว่าคุณชายเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้าย
แต่เขาตกใจยิ่งนักที่เวลานี้กลับมีคนที่สามารถสร้างผนึกสิบแปดอรหันต์ได้ปรากฏตัวขึ้น!
เขากับองค์รัชทายาทจะเอาชนะอีกฝ่ายในสถานการณ์เช่นนี้ได้จริงหรือ
ดูเหมือนซงเจิ้งเหวินเหรินจะอ่านใจผู้อาวุโสซวีอู๋ออก ดวงตาของเขาลึกล้ำขึ้น จากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหม่าว่า ”การประลองยังไม่จบ แม้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะมีฝีมือที่เหนือความคาดหมายของเราก็จริง แต่พวกเขาก็มีจุดอ่อนสำคัญอยู่จุดหนึ่ง และนั่นก็คือ… องค์ชายสามของจักรวรรดิจ้านหลง!”
ซงเจิ้งเหวินเหรินก็ปรายตามองไปทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขณะพูด แล้วจึงกล่าวต่อด้วยความมั่นใจว่า ”ในเวลานี้ ผนึกสิบแปดอรหันต์ที่ปรากฏขึ้นช่วยปิดบังจุดอ่อนของพวกเขาเอาไว้ แต่วิญญาณร้ายที่กลายเป็นระดับสูงสุดนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถกำจัดได้ง่ายๆ ทันทีที่มันสังเกตเห็นจุดอ่อนในกลุ่มของพวกเขา มันจะต้องตรงเข้าจู่โจมจุดนั้นอย่างไม่คิดชีวิตแน่ หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้เฮ่อเหลียนเวยเวยจะแข็งแกร่งเพียงใด นางก็คงไม่อาจช่วยไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้”
วิญญาณร้ายมองยันต์ผ้าเหลืองทั้งสิบแปดแผ่นที่ลอยอยู่เหนือศีรษะราวกับกำลังพิสูจน์คำพูดของซงเจิ้งเหวินเหริน แต่มันก็ฉลาดพอที่จะไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว มันเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับใช้จมูกสูดอะไรเข้าไป แล้วหายใจเอาปราณแห่งความเคียดแค้นออกมาทางเขี้ยวและปากของมัน
“พี่ใหญ่ มันกำลังทำอะไรอยู่หรือขอรับ” ยมทูตที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมองไปที่กลางท้องพระโรง
ยมทูตอีกตนหนึ่งหันกลับมา ใบหน้าของมันซีดจนไร้สี แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วกลับเห็นได้ชัดว่ามันดูพอใจกับความโชคร้ายที่คนอื่นกำลังเผชิญยิ่งนัก ”วิญญาณร้ายกำลังหมายตาราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่อยู่!”
บรรดายมทูตที่เหลือต่างพูดไม่ออก เพราะพวกเขารู้ดีว่าเรื่องนี้จะจบลงเช่นใด!
เราต่างก็ตายกันหมดแล้ว มันจะหาเรื่องตายอีกรอบไปทำไม
แต่สีหน้ายินดีที่พี่ใหญ่พยายามแสดงออกมาผ่านใบหน้าไร้อารมณ์นั้นช่างไม่เหมาะกับเขาเอาเสียเลย
“เจ้าสี่ แจ้งผู้พิพากษาวิญญาณว่าห้ามให้พวกเขาปรากฏตัวขึ้น บอกให้พวกเขาทำเป็นเฉยแม้จะมีคนอัญเชิญพวกเขาออกไปก็ตาม ราชาปีศาจซ่อนกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้ และถ้าพวกเขาออกไป พวกเขาจะต้องทำให้วิญญาณร้ายตกใจกลัวแน่!”
เจ้าสี่เอ่ยตะกุกตะกักว่า ”ข้า… ข้าไม่กล้าออกไปหรอก ราชาปีศาจคงเห็นข้าแน่”
“ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาสนใจเจ้าหรอก รีบไปได้แล้ว!” ผู้เป็นพี่ใหญ่กล่าวเร่ง พร้อมกับรีบผลักเจ้าสี่ไปข้างหน้า
ตอนนั้นเองที่วิญญาณร้ายตนนั้นเหมือนจะได้กลิ่นอะไรบางอย่างเข้า ดวงตาของมันหม่นแสงลงพร้อมกับคำรามออกมาเสียงเบาว่า ”กลิ่นหอมยิ่งนัก มนุษย์ผู้นี้กลิ่นหอมจริงๆ…”
มันพุ่งเข้าใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทันทีที่พูดจบ ดวงตาของมันกลอกไปมาอย่างน่าขนลุกจนเหลือแต่ตาขาว ”อยู่นั่นเอง! รูปร่างดีเสียด้วย! หลังจากกลืนวิญญาณเขาลงไปแล้วข้าจะเอาร่างกายนั้นไปใช้ให้เป็นประโยชน์เอง!”
วิญญาณร้ายหันหน้าไปมองพร้อมกับพูดออกมาเช่นนั้น ก่อนที่มันจะหยุดเคลื่อนไหว แล้วพุ่งเข้าใส่มนุษย์ที่มันเห็นว่าเป็นจุดอ่อนโดยไม่สนใจพลังจากยันต์ทั้งสิบแปดใบของเฮ่อเหลียนเวยเวย!
หอมมาก!
กลิ่นนั้นมาจากมนุษย์ผู้นี้
มนุษย์ผู้นี้ต้องไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน
ข้าสัมผัสได้ถึงปราณแห่งความเคียดแค้นที่อยู่รอบตัวเขา
มันทั้งหนาแน่นและบริสุทธิ์มาก
กลิ่นหอมหวานจากความมืดนั้นทำให้วิญญาณร้ายอยากกลืนเขาลงไปทั้งตัวเสียเดี๋ยวนี้!
ร่างของชายหนุ่มดียิ่งกว่าร่างของผู้ขับไล่วิญญาณร้ายที่มีพลังวิญญาณที่มันสิงอยู่ตอนนี้เสียอีก โชคดีเหนือความคาดหมายนี้ทำให้มันประหลาดใจอย่างมาก
ตราบใดที่มันสามารถเข้าสิงร่างของผู้ชายคนนี้ได้ก่อนที่ผู้พิพากษาวิญญาณจะมาถึง ก็จะไม่มีใครในแผ่นดินนี้ที่จะสามารถขวางทางมันได้อีก!
วิญญาณร้ายคิดกับตัวเอง ผู้ชายคนนี้อ่อนแอมาก และมีโอกาสที่จะถูกสิงได้ง่ายอีกด้วย ร่างของเขาเหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาเป็นภาชนะให้กับภูตผีวิญญาณโดยเฉพาะ!
มันเพิ่มความเร็วขึ้น ในสมองเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ภายในเวลาเพียงชั่วพริบตา มันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋หลี่เจียเจวี๋ย!
“องค์ชาย!” หลิวอวี้อุทานออกมาด้วยความหวาดกลัว!
ทันทีที่วิญญาณร้ายสัมผัสตัวมนุษย์ เขาหรือนางจะถูกมันเข้าสิงทันที องค์ชายกำลังตกอยู่ในอันตราย!
“องค์ชาย รีบหนีไปพ่ะย่ะค่ะ!”
แต่คำแนะนำที่ออกมาจากปากเขาสายเกินไป เพราะวิญญาณร้ายมาถึงหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเสียแล้ว ทั้งสองอยู่ใกล้กันเพียงแค่เอื้อมมือ…