บทที่ 654 มิได้โกหก แข็งแกร่งปานนี้แหละ!
มั่นใจเกินไปแล้ว จักรพรรดินีไม่รู้เลยว่าควรเอื้อนเอ่ยคำใดอีก นางยังเริ่มไขว้เขว หรือว่าหยวนอีเก่งกาจปานนั้นจริง ๆ
ถึงอย่างไร หยวนอีก็ดูไม่เหมือนพวกสติฟั่นเฟือน
“ท่านจักรพรรดินี หลังจบเรื่องที่นี่แล้ว ข้าจะพาท่านจักรพรรดินีไปพบคุณชายท่านหนึ่ง!”
หยวนอีกบอกกับจักรพรรดินี
จักรพรรดินีขมวดคิ้ว “คุณชายหรือ”
“อืม”
หยวนอีพยักหน้า “ตอนนี้ข้าไม่สะดวกอธิบายมากกว่านี้ ถึงเวลา ข้าค่อยเล่าให้ท่านจักรพรรดินีฟังอย่างละเอียด”
นางนั่งลงข้างจักรพรรดินี สนทนาสัพเพเหระกับนาง รอคอยการมาของบรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุด
จักรพรรดินีมีสีหน้าประหลาด หยวนอีสงบเหลือเกิน ยิ่งนานนางยิ่งรู้สึกว่าหยวนอีถือไพ่ตายทรงพลังบางอย่างในมือ ถึงไม่รู้สึกเกรงกลัวจ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านั้นจริง ๆ
พวกนางสนทนากันเป็นเวลาเนิ่นนาน ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง ระหว่างนั้น จักรพรรดินีเล่าชีวิตของตนให้ฟังหลายเรื่อง เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าบรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุดแข็งแกร่งปานใด ให้หยวนอีได้รู้จักบรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุดมากขึ้น
และหยวนอียังคงมิมีท่าทีกังวลใจแต่อย่างใด
“ความจริงของภพเซียนเป็นเช่นนี้เองหรือ!”
หลังหยวนอีได้รับรู้สถานการณ์ในภพเซียน ก็เอ่ยอย่างเดือดดาล “ผู้ฝึกตนพยายามบำเพ็ญ ทลายขีดจำกัดต่าง ๆ ลำบากแทบล้มประดาตายกว่าจะเข้าไปในภพเซียนได้ สุดท้ายกลับไม่มีแม้แต่อิสรภาพ ต้องถูกควบคุมไปตลอดชีวิต ภพเซียนเช่นนี้ ไม่เห็นจำเป็นต้องเข้าไป!”
นางกล่าวต่อ “ท่านจักรพรรดินี ภพเซียนเช่นนี้อย่ากลับไปอีกเลย ผนึกของตระกูลเซียวมิได้น่าเป็นห่วงสักนิด”
จักรพรรดินีตาโตอ้าปากค้าง นางคิดว่าหยวนอีมิได้สติฟั่นเฟือน แล้วเหตุไฉนถึงพูดจาเพี้ยนขึ้นเรื่อย ๆ
ผนึกจากตระกูลเซียวจัดการได้ง่าย ๆ ที่ไหน นี่คือหัวใจในการควบคุมยอดฝีมือของตระกูลเซียว สืบสานมาแต่โบราณ คลายได้ยากยิ่ง หากฝืนจะคลายให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องถึงขั้นจักรพรรดิเซียนเสียก่อน
“ตระกูลเซียว หนึ่งในเก้ามหาตระกูลแห่งภพเซียน เดี๋ยวสิ…นี่คือตระกูลของเซียวฮุ่ยมิใช่หรือ มิน่าล่ะ ตระกูลเซียวนี่ระยำยิ่งนัก!”
หยวนอีเอ่ยเสียงเคียดแค้น นึกถึงวาจาในอดีตของเซียวฮุ่ย
เซียวฮุ่ยกล่าวว่า ตระกูลเซียวที่นางอยู่คือหนึ่งในเก้ามหาตระกูลแห่งภพเซียน เหมือนกับตระกูลเซียวที่จักรพรรดินีกล่าวถึงทุกประการ
“เจ้ารู้จักเซียวฮุ่ยหรือ?!”
จักรพรรดินีตาโต คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหยวนอีเคยข้องแวะกับเซียวฮุ่ย
“ต้องรู้จักอยู่แล้ว คนที่ข้าเล่าว่าถูกข้าอัดจนหนีหัวซุกหัวซุนก็คือเซียวฮุ่ยผู้นี้”
หยวนอีสบถ “เซียวฮุ่ยผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก หากมิใช่ว่าคราวก่อนปล่อยให้นางหนีไปได้ ข้าต้องฆ่านางได้แน่”
จักรพรรดินีสะท้านอารมณ์ เดิมนางคิดว่าหยวนอีคุยโวเสียส่วนใหญ่ บัดนี้ดูแล้ว สิ่งที่หยวนอีว่ามาเหมือนจะเป็นเรื่องจริงทั้งหมด
สภาพเซียวฮุ่ยในยามนี้อนาถามากยิ่ง กระทั่งกำลังรบระดับเซียนยังไม่ถึง
นางยังอยากถามต่ออีกหน่อย ทว่าตอนนั้นเอง มิติบิดเบี้ยว จ้าวแห่งเซียนสูงสุดทั้งหลายกลับมาถึง
พวกเขาต่างมีบาดแผลตามตัว เห็นได้ชัดว่าศึกนอกอาณาจักรอเนจอนาถอย่างยิ่งยวด หลังหยวนอีได้เห็นจ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านี้ ก็ลุกพรวดขึ้นทันที
“พวกเจ้าคือผู้ที่ลงมือกับท่านจักรพรรดินีใช่หรือไม่”
นางทอดสายตามองบรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุดแล้วปริปากถาม
“ปลาซิวปลาสร้อยจากแห่งหนใดกัน!”
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดตนหนึ่งขมวดคิ้ว สีหน้าเจือแววไม่พอใจ บ้าไปแล้วหรือ ผู้ที่ยังมิได้เป็นมหาจักรพรรดิด้วยซ้ำกลับพูดจาเช่นนี้กับพวกเขา
เขามีธงใหญ่ด้ามหนึ่งในมือ เป็นผู้มีชัยชนะสูงสุด ด้วยอสูรพิฆาตเซียนจวินทั้งสิบสองตัวที่ถูกสะกดไว้ในธงนี้ เขาเอาชนะจ้าวแห่งเซียนสูงสุดตนอื่นได้
“ข้ารอพวกเจ้าอยู่นานมากแล้ว คลายผนึกในตัวท่านจักรพรรดินีของพวกเจ้าเสีย” หยวนอีกล่าว
“เจ้าเอ่ยว่าคลายก็ต้องคลายให้หรือ”
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดผู้มีธงในมือแค่นเสียงเย็น จิตสังหารพลุ่งพล่านอยู่ในตัว “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร มดปลวกรนหาที่ตาย อยากตายก็ไม่เห็นต้องทำถึงขั้นนี้!”
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดตนอื่นหัวเราะ จ้าวแห่งเซียนสูงสุดตนหนึ่งหันมองจักรพรรดินี เอ่ยอย่างอดมิได้ “เจวี๋ยเนี่ยน นี่คงมิใช่ผู้ที่เจ้าเรียกมาช่วยเจ้าหรอกกระมัง เจ้าคงมิได้ตลกเพียงนั้นใช่หรือไม่”
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เวลานั้นเอง หยวนอีลงมือทันที เรียกสี่กระบี่ประหารเซียนออกมาอย่างรวดเร็ว ค่ายกลคลี่แผ่ออกไปบนกระบี่ทั้งสี่ ปกคลุมพื้นที่แถบนี้เอาไว้
นางได้บทเรียนจากประสบการณ์ประมือกับเซียวฮุ่ยครั้งก่อน ผนึกพื้นที่นี้ไว้ก่อนด้วยสี่กระบี่ประหารเซียน ป้องกันมิให้จ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านี้หนีไปได้
ถึงอย่างไร นางยังต้องให้จ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านี้คลายผนึกให้จักรพรรดินี
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับจ้าวแห่งเซียนสูงสุดทั้งหลายคิดไม่ถึงว่าหยวนอีมีฝีมือขนาดนี้ พวกเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกภาพค่ายกลปกคลุมไว้ภายใน
สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก จ้าวแห่งเซียนสูงสุดที่เมื่อครู่ยังหัวเราะร่วน บัดนี้รอยยิ้มแข็งค้างอยู่อย่างนั้น จิตใจคร่ำเครียดขึ้นมา
นี่มิใช่กระบี่สี่เล่มธรรมดา พวกเขารับรู้สึกอันตรายใหญ่หลวง อกสั่นขวัญผวา หยวนอียังมิใช่มหาจักรพรรดิด้วยซ้ำ เหตุใดถึงมีกระบี่น่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างสี่เล่มนี้ในครอบครอง ซ้ำยังเปล่งพลานุภาพได้กล้าแกร่งน่ากลัวถึงปานนี้
โลกทัศน์เดิมของพวกเขาพังทลาย!
สีหน้าจักรพรรดินีเปลี่ยนไปเช่นกัน นางรับรู้ได้เหมือนกันว่าสี่กระบี่ประหารเซียนสยดสยองปานใด นางรู้สึกว่า ต่อให้นางอยู่ในสภาวะสมบูรณ์ที่สุด ก็ยากจะต่อกรกับสี่กระบี่ประหารเซียนนี้ไหว
“เจ้าเป็นใคร?!”
“เจ้าต้องการอะไร!”
เหล่าจ้าวแห่งเซียนสูงสุดถามเสียงแข็ง เลิกสบประมาทหยวนอีกันทั้งหมด รากฐานหยวนอีมิได้ธรรมดา นี่คือผู้ที่กองกำลังในภพเซียนส่งลงมาหรือ
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ พวกเจ้าไม่มีความจำเป็นต้องรู้ รีบคลายผนึกท่านจักรพรรดินีเสีย มิฉะนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
หยวนอีตวาด สี่กระบี่ประหารเซียนสั่นไหว พลังที่สยดสยองยิ่งกว่านั้นซัดสาดออกไป
บรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุดลงมือทันที รีดเร้นอานุภาพอาวุธจักรพรรดิเซียนในมือถึงขีดสุด พวกเขาไม่มีทางยอมจำนนง่าย ๆ เช่นนี้
โฮก โฮก โฮก!
ธงจักรพรรดิเซียนพลิ้วไสว อสูรร้ายทั้งสิบสองตัวคำรามขณะบุกออกมา แต่ละตัวล้วนน่าประหวั่นพรั่นพรึง น่ากลัวกันเหลือแสน คลื่นพลังโถมทับดั่งเกลียวคลื่นมหาสมุทร อสูรร้ายทุกตัวล้วนสามารถฉีกกระชากอวกาศออกได้!
ทว่าหลังจากหนึ่งในสี่กระบี่ประหารเซียนฟาดฟันลงมา อสูรร้ายทั้งสิบสองตัววิ่งเร็วไม่แพ้กัน พุ่งพรวดกลับไปอยู่ในธงจักรพรรดิเซียนอย่างว่องไว
น่ากลัวเกินไปแล้ว พวกมันสัมผัสได้ว่ากระบี่นี้พลังดุดันปานใด หากว่าฟาดฟันลงตัวพวกมัน พวกมันต้องถูกสังหารลงในพริบตาอย่างแน่นอน!
“อะไร…กันนี่!”
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดผู้มีธงจักรพรรดิเซียนในมือด่ากราด เจ้าพวกปอดแหก ยังไม่ทันเริ่มก็หนีกลับมาด้วยความกลัวแล้วหรือ ทุเรศจริง ๆ!
ทว่าเมื่อกระบี่เล่มหนึ่งฟาดฟันมาทางเขา เขากลัวจนคุกเข่ากับพื้นในบัดดล ปากตะโกนลั่น “พี่สาว พี่สาวบังเกิดเกล้า ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!”
กระบี่เล่มนี้สยดสยองปานใด ยามตวัดลงมาหาเขา เขารับรู้สึกความต้อยต่ำของตนเองได้ในพริบตา นี่มิใช่พลังที่เขาต้านทานได้ กระบี่นี้ฆ่าเขาได้ง่ายเหมือนเชือดหมูเชือดไก่!
ตึง ตึง ตึง!
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดตนอื่นตามหลังไปติด ๆ ทยอยคุกเข่าลงกันถ้วนหน้า อาวุธเซียนที่พวกเขาเรียกออกมาถูกกำราบได้ในพริบตา ยามทั้งสี่กระบี่ฟาดฟันมาหาพวกเขา พวกเขารู้สึกอันตรายถึงชีวิตได้ในบัดดล กลัวจนวิญญาณแทบสลาย!
“คลายผนึกมิใช่หรือ พวกเราคลายให้!”
“ไว้ชีวิตพวกเราด้วย!”
พวกเขาโขกศีรษะไม่หยุด วอนขอให้หยวนอีปล่อยพวกเขาไป
นอกจากนี้ พวกเขาสะท้านใจเหลือคณา กระบี่สี่เล่มนี้เป็นกระบี่ใดกัน เกินหยั่งยิ่งนัก อาวุธจักรพรรดิเซียนยังไร้ความหมายเมื่ออยู่เบื้องหน้ากระบี่สี่เล่มนี้ ห่างชั้นกันไกลโข!
หยวนอีมาจากไหนกันแน่!
อีกด้าน จักรพรรดินีตาค้างอย่างสิ้นเชิง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ใบหน้านางแดงระเรื่อเล็กน้อย รู้สึกว่าตนเองเหมือนกบก้นบ่อ
ก่อนหน้านี้ที่หยวนอีสาธยายให้ฟัง นางยังคิดว่าหยวนอีคุยโวโอ้อวด บัดนี้ถึงเข้าใจได้อย่างแท้จริงว่า หยวนอีไม่เพียงแต่มิได้คุยโวโอ้อวด กลับกัน นางถ่อมตนยิ่งนัก!
ลำพังกระบี่สี่เล่มนี้ นางคิดว่าต่อให้จักรพรรดิเซียนมาเยือนก็ต้านไม่อยู่ รับมือมิไหว!
“คลายสิ”
หยวนอีควบคุมสี่กระบี่ประหารเซียน มิได้ปล่อยให้สี่กระบี่ประหารเซียนฟันลงบนตัวจ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านี้
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดเหล่านี้ไฉนเลยจะกล้าไม่ทำตาม พากันคลายผนึกของพวกเขาบนตัวจักรพรรดินี
“ทำร้ายผู้อื่นจนบาดเจ็บควรต้องรับผิดชอบใช่หรือไม่”
หยวนอีเอ่ย “ทิ้งของทุกชิ้นในตัวพวกเจ้าไว้ที่นี่ อย่าคิดตุกติก ขืนบังอาจหมกเม็ดไว้แม้แต่ชิ้นเดียว ข้าจะตวัดกระบี่สังหารพวกเจ้าเสีย”
“เข้า…เข้าใจแล้ว!”
“มิกล้า มิกล้า!”
จ้าวแห่งเซียนสูงสุดทั้งหลายมิมีผู้ใดกล้าหมกเม็ด ต่างมอบของทุกชิ้นในตัวไปให้
“ไปเถิด อย่าได้ทำตามอำเภอใจในอาณาจักรนี้ มิฉะนั้น ข้าไม่ไว้ชีวิตแน่!”
หยวนอีตวาด เก็บสี่กระบี่ประหารเซียนกลับไป บรรดาจ้าวแห่งเซียนสูงสุดหนีอุตลุดไปทันที แต่ละคนวิ่งไวไม่น้อยหน้ากัน พริบตาเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“โอสถเซียนที่นี่มีไม่น้อย ท่านจักรพรรดินีรีบรักษาอาการบาดเจ็บเถิด หลังหายดีแล้ว ข้าจะพาท่านไปพบคุณชาย”
หยวนอีบอกกับจักรพรรดินียิ้ม ๆ