ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 690 ปรารถนา (ต้น)

ตอนที่ 690 ปรารถนา (ต้น)

​บทเพลง​จบ​ลง​ผู้คน​ก็​จาก​ลา

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถาม​สือ​อี​เหนียง​ที่นั่ง​อยู่​หน้า​กระจก​ ​“​ยัง​โกรธ​ข้า​อยู่​อีก​หรือ​”

​สือ​อี​เหนียง​ไม่พูดไม่จา

​นาง​ม้วน​ผม​ด้วย​ท่วงท่า​งดงาม​ ​“​ท่าน​โหว​นอน​ก่อน​เถิด​ ​ข้า​จะ​ออก​ไปดู​จิ​่น​เกอ​”​ ​พูด​จบ​ก็​เดิน​ออก​ไป

​สวี​ลิ่ง​อี๋​มองดู​แผ่น​หลัง​ภรรยา​ตัวเอง​แล้ว​ยกมือ​ขึ้น​เกา​หัว

​จิ​่น​เกอ​ยัง​ไม่​นอน​ ​ใน​ห้อง​ยัง​จุด​โคมไฟ​ ​เขา​สวม​เสื้อ​สีขาว​กำลัง​เก็บ​ข้าวของ​กับ​สาวใช้​ของ​ตัวเอง​

​“​…​ก็​มี​แค่​พวก​เงิน​ๆ​ ​ทอง​ๆ​ ​พวก​หยก​เขียว​”​ ​เขา​พูด​กับ​หง​เหวิน​ ​“​พวก​เจ้า​เก็บ​ตาม​สมุดบัญชี​แล้ว​ประทับตรา​ก็​พอแล้ว​ ​ของ​พวก​นี้​คือ​ของ​ที่​ข้า​ซื้อ​กลับมา​ ​ถึง​ตอนนั้น​จะ​นำ​ไป​วาง​ไว้​บน​ชั้น​วาง​”

​“​แต่ว่า​นี่​คือ​รองเท้า​นะ​เจ้า​คะ​!​”​ ​อาจิน​พูด​ด้วย​ความลำบาก​ใจ​ ​ไม่มีใคร​นำ​รองเท้า​ไป​วาง​ไว้​บน​ชั้น​วาง​กัน​หรอก​เจ้าค่ะ​”​ ​นาง​มอง​ไป​ที่​รองเท้าหนัง​สีดำ​ที่​ยาว​ถึง​เข่า​แล้ว​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ฝีมือ​ใช้ไม่ได้​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​การ​ตกแต่ง​ ​แม้แต่​ลาย​ดอกไม้​ก็​ไม่​ปัก​…​รองเท้า​ของ​บ่าว​รับใช้​ลาน​นอก​ยัง​สวย​กว่า​รองเท้า​คู่​นี้​อีก​!​”

​“​เจ้า​จะ​รู้​อะไร​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​เดิน​ไป​แย่ง​รองเท้า​มาก​อด​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ ​“​นี้​คือ​รองเท้า​ของ​ชาว​หู​ที่อยู่​นอก​ด่าน​ ​เยี​่​ยน​จิง​ไม่มี​รองเท้า​แบบนี้​อยู่​แล้ว​”​ ​เขา​ชี้​ไป​ยัง​รองเท้าหนัง​สีดำ​ ​“​เจ้า​ดู​นี่​ ​มัน​ไม่ใช่​หนัง​แกะ​หรือ​หนัง​สุนัข​ ​แต่​คือ​หนัง​จามรี​ ​เจ้า​ดู​ขน​ ​มัน​คือ​ขน​แกะ​ ​ทั้ง​หนา​และ​ดก​”

​อาจิน​รับใช้​จิ​่น​เกอ​มาตั​้ง​แต่​เด็ก​ ​แล้ว​จิ​่น​เกอ​ก็​ไม่ใช่​เด็ก​เย่อหยิ่ง​ ​เมื่อ​ไม่มี​ผู้ใหญ่​อยู่​ด้วย​ ​พวกเขา​ก็​พูดคุย​อย่าง​เป็นกันเอง​

​“​มัน​ดีกว่า​ขน​เพียงพอ​นอี​กห​รือ​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​ถาม​ด้วย​ความ​ไม่ยอม​แพ้

​หู่​พั่ว​ที่​ยืน​ดู​เหตุการณ์​ด้านใน​อยู่​หน้า​ประตู​กับ​สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​จะ​เดิน​เข้าไป​ตำหนิ​อาจิน​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​ทำท่า​ทาง​บอกว่า​ห้าม​ส่งเสียง

​หู่​พั่ว​มอง​ไป​ยัง​สือ​อี​เหนียง

​แสงไฟ​สลัว​ใน​ห้องโถง​สาดส่อง​กระทบ​ลง​บน​กระโปรง​สีเขียว​ลาย​ดอก​ ​ใบหน้า​ของ​นาง​พร่ามัว​ท่ามกลาง​แสง​สลัว​ ​ดวงตา​ของ​นาง​เป็นประกาย

​หู่​พั่ว​ตะลึงงัน​ ​พูด​อะไร​ไม่​ออก​ ​ไม่กล้า​เดิน​เข้าไป

​จิ​่น​เกอ​หยิบ​เสื้อกั๊ก​ขน​เพียงพอน​สีดำ​ออกมา​จาก​ตู้

​“​เจ้า​วางมือ​ลง​บน​ขน​ ​รองเท้า​ของ​ข้า​อุ่น​หรือว่า​ขน​เพียงพอ​นนี​้​อุ่น​”

​อาจิน​ยื่นมือ​ออก​ไป​สัมผัส

​จิ​่น​เกอ​มอง​นาง​ด้วย​ท่าที​ภาคภูมิใจ​ ​“​เป็น​อย่างไรเล่า​”

​“​ขน​เพียงพอ​นอุ​่​นก​ว่า​เจ้าค่ะ​!​”​ ​อาจิน​พูด

​จิ​่น​เกอ​สีหน้า​เปลี่ยนไป​ ​“​ข้า​ไม่​คุย​กับ​เจ้า​แล้ว​!​”

​อาจิน​หัวเราะ​ออกมา

​หง​เหวิ​นที​่​ก้มหน้า​ช่วย​จิ​่น​เกอ​เก็บ​ข้าวของ​เล็ก​ๆ​ ​น้อย​ๆ​ ​พลัน​เงยหน้า​ขึ้น​มา

​“​คุณชาย​น้อย​หก​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​เอง​ก็​รู้สึก​ว่า​ไม่​ค่อย​เหมาะสม​สัก​เท่าไร​ ​“​รองเท้า​ใหญ่​ขนาด​นี้​ ​ท่าน​คง​ยัง​ไม่ได้​ใช้​ ​วาง​ไว้​บน​ชั้น​วาง​จะ​ทำให้​มัน​มี​ฝุ่น​เกาะ​ ​ไม่​สู้​เก็บ​เอาไว้​ดีกว่า​ ​ช่วง​เทศกาล​หรือ​ปีใหม่​ ​หาก​มี​ญาติสนิท​มิตรสหาย​มาค​่อ​ยนำ​ออกมา​วาง​โอ้อวด​ ​ท่าน​ยัง​สามารถ​เล่าเรื่อง​ที่​ท่าน​ไป​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​ให้​พวกเขา​ฟังได้​อีกด้วย​!​”

​“​ข้า​ไม่ได้​อยาก​โอ้อวด​เสียหน่อย​”​ ​จิ​่น​เกอ​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ยื่น​รองเท้า​ให้​หง​เหวิน​ ​“​แต่​เจ้า​พูด​ถูก​ ​เก็บ​ไว้​ให้​ข้า​เถิด​”​ ​เขา​พูด​อย่างจริงจัง​ ​“​เก็บ​ไว้​ให้​ดี​ ​อย่า​ให้​แมลง​มากิ​นข​นมัน​”

​หง​เหวิน​ยิ้ม​แล้ว​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​หา​ผ้าไหม​สีแดง​มา​ห่อ​รองเท้า​เอาไว้​ ​“​วาง​ไว้​ใน​ตู้​ไม้​การบูร​ ​ท่าน​คิด​ว่า​ดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

​“​ต้อง​เขียน​ไว้​ใน​สมุดบัญชี​ด้วย​”​ ​จิ​่น​เกอ​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​แล้ว​พูดว่า​ ​“​โต​ขึ้น​แล้ว​ข้า​ยัง​อยาก​จะ​สวม​มัน​ไปนอก​ด่าน​!​”

​“​เจ้า​ชอบ​ซี​เป่ย​มาก​หรือ​”​ ​เสียง​ที่​อ่อนโยน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ดัง​เข้ามา​ใน​ห้อง​ ​จิ​่น​เกอ​และ​สาวใช้​ถึง​ได้​เห็น​สือ​อี​เหนียง​และ​หู่​พั่ว​ที่​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู

​“​ท่าน​แม่​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​กระโดด​ลง​จาก​เตียง​เตา​ด้วย​ความดีใจ​ ​“​ดึก​มาก​แล้ว​ ​เหตุใด​ท่าน​ยัง​ไม่​นอน​อีก​ขอรับ​”

​“​ข้ามา​ดู​เจ้า​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​เข้ามา

​หง​เหวิน​และ​อาจิน​รีบ​ไป​จุด​ตะเกียง

​ใน​ห้อง​สว่าง​ขึ้น​มา

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​อย่าง​อ่อนโยน

​จิ​่น​เกอ​ดึง​มารดา​มานั​่​งบน​เตียง​เตา​ ​รับ​ถ้วย​ชา​จาก​มือ​สาวใช้​มา​ให้​สือ​อี​เหนียง

​สือ​อี​เหนียง​จับจ้อง​จิ​่น​เกอ​ ​จากนั้น​ก็​ถาม​อีกครั้ง​ ​“​เจ้า​ชอบ​ซี​เป่ย​มาก​หรือ​”

​“​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​พยักหน้า​ ​ยิ้ม​แล้วไป​นั่ง​ข้าง​มารดา​ ​“​ที่นั่น​ได้​ขี่ม้า​ ​ยิง​ธนู​ ​ล่าสัตว์​ ​ฝึก​นก​อินทรี​ ​ร้องเพลง​ ​แล้วยัง​มีท้อง​ฟ้า​สีคราม​ ​หญ้า​สีเขียว​ชอุ่ม​ ​แกะ​สีขาว​…​”

​“​ข้า​ไม่เห็น​ว่า​มี​อะไร​น่าสนุก​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ลูบ​หัว​บุตรชาย​ตัวเอง​แล้ว​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​เจ้า​อยู่​ที่​จวน​ก็ได้​ขี่ม้า​ ​ยิง​ธนู​ ​ร้องเพลง​ไม่ใช่​หรือ​ ​หรือว่า​ท้องฟ้า​ที่​จวน​เรา​เป็น​สีดำ​ ​หญ้า​เป็น​สีแดง​?​”​

​“​มัน​ไม่​เหมือนกัน​ขอรับ​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ซี​เป่ย​คือ​ดินแดน​ดิน​สีเหลือง​ที่​ไร้​จุดสิ้นสุด​ ​พอ​ขี่ม้า​แล้วก็​ทำให้​เรา​รู้สึก​ว่า​ผู้คน​ที่อยู่​รอบข้าง​ตัวเล็ก​อย่างมาก​ ​โลก​ดูก​ว้าง​ใหญ่​ยิ่งนัก​ ​อยาก​จะ​ขี่ม้า​ไป​ทิศทาง​ไหน​ก็ได้​ ​ไม่​เหมือน​ที่​เยี​่​ยน​จิง​ ​ขี่ม้า​วิ่ง​รอบ​คอกม้า​สอง​รอบ​ก็​น่าเบื่อ​แล้ว​ ​ซ้ำ​ยัง​ไม่ต้อง​คิด​ที่จะ​ขี่ม้า​ไป​บน​ถนน​ ​ยิง​ธนู​ที่​ซี​เป่ย​ ​ดึง​คันธนู​แล้ว​ยิง​ออก​ไป​ ​ไม่ว่า​จะ​ยิง​แม่น​หรือไม่​ล้วน​สนุกสนาน​ ​หาก​เป็น​ที่​จวน​ ​ต้อง​ยิง​ให้​ตรงเป้า​ธนู​ ​หาก​ยิง​ไม่​โดน​ ​ก็​ไม่สบายใจ​ ​กลัว​ว่า​จะ​ยิง​ถูก​สาวใช้​หรือ​ป้า​รับใช้​คน​ไหน​เข้า​ ​หรือไม่ก็​กลัว​ว่า​จะ​ยิง​โดน​แจกัน​กระเบื้อง​ลายคราม​ใน​จวน​”​ ​พูด​จบ​ ​เขา​ก็​สะบัด​มือ​ด้วย​ท่าที​เบื่อหน่าย​ ​“​ครั้งก่อน​ที่​ท่าน​พ่อ​พา​ข้า​ไปล่า​สัตว์​ ​กวาง​และ​เพียงพอ​นพ​วก​นั้น​ล้วนแต่​ถูก​เลี้ยง​มา​ ​องครักษ์​นำ​พวก​มัน​ไป​ปล่อย​บน​เขา​ ​พวก​มันต​่า​งก​็​ถูก​ยิง​อย่าง​โง่เขลา​…​”​ ​พูด​จบ​ก็​ราวกับ​นึก​อะไร​ขึ้น​มา​ได้​ ​เขา​ตะโกนเรียก​ ​“​ท่าน​แม่​”​ ​เสียงดัง​ด้วย​สีหน้า​แปลก​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​พูด​เบา​ลง​ ​“​ครั้งก่อน​ที่​เรา​ไป​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​ ​ผู้บัญชาการ​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​พา​ข้า​ไปล่า​สัตว์​ ​ไม่​เหมือน​ที่​จวน​ของ​เรา​เลย​ขอรับ​ ​ต้อง​ขี่ม้า​ไป​ถึงที่​ราบลุ่ม​ ​ต้องหา​แม่น้ำ​ให้​เจอ​ก่อน​ ​เหล่า​ทหาร​นอน​สำรวจ​ดูรอย​เท้า​ข้าง​แม่น้ำ​ ​จากนั้น​ก็​เดา​ว่า​เหยื่อ​คือ​อะไร​ ​มี​เยอะ​แค่ไหน​ ​มาดื​่​มน​้ำ​ที่นี่​ตั้งแต่​เมื่อไร​ ​จากนั้น​ถึง​ได้​ปรึกษา​กัน​ว่า​จะ​ล่า​ด้วย​วิธี​ไหน​ ​สนุก​มาก​เลย​ขอรับ​”​ ​เขา​ยิ้ม​สดใส​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ ​“​ท่าน​แม่​ขอรับ​ ​หญ้า​ที่นั่น​ไม่มี​เหมือน​หญ้า​ที่​สวน​หลัง​จวน​ของ​เรา​ ​ที่​ขึ้น​ตาม​ใต้​ต้นไม้​ดอกไม้​หรือ​ข้างทาง​แต่​มัน​เป็น​ทุ่งหญ้า​ ​เมื่อม​อง​ออก​ไป​จาก​บน​หลัง​ม้า​ ​กว้างใหญ่​สุดลูกหูลูกตา​ ​เมื่อ​ลม​พัดผ่าน​มา​ ​ราวกับ​คลื่น​ทะเล​เป็น​ระลอก​ก็​ไม่​ปาน​ ​แล้วยัง​มองเห็น​แกะ​ขาว​ที่​กำลังกิน​หญ้า​ ​สวย​ยิ่งนัก​!​”

​สือ​อี​เหนียง​มองดู​สายตา​ที่​เป็นประกาย​ของ​เขา​ ​นาง​ลูบ​หัว​จิ​่น​เกอ​เบา​ๆ​ ​“​นั่น​เป็นเพราะว่า​เจ้า​ไม่​ค่อย​ได้​ออก​ไป​ไหน​”

​จิ​่น​เกอ​มอง​มารดา​ของ​ตัวเอง​ด้วย​ความแปลกใจ

​“​เจ้า​ยัง​ไม่เคย​ไป​เจียง​หนาน​ใช่​หรือไม่​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ ​“​เจียง​หนา​นก​็​น่าสนใจ​เหมือนกัน​ ​ที่นั่น​มีสิ​่ง​ของ​มากมาย​ ​เหมือน​เสื้อ​ที่​เจ้า​กำลัง​สวม​อยู่​ ​ฤดูร้อน​เรา​จะ​ทาน​น้ำ​ปา​เซียน​ ​ฤดูหนาว​เรา​จะ​ทาน​ซาน​เจิน​ ​แล้วยัง​มีพู​่​กัน​หู​ปี่​ที่​เจ้า​ใช้​ ​กา​ป้าน​จื่อ​ซาที​่​ใช้​ดื่ม​ชา​ ​ไม้​ไผ่​เซียง​เฟย​ที่​ใช้​ทำ​ม่าน​ประตู​ ​กล่อง​ไม้​แกะสลัก​และ​ผมปลอม​ของ​บรรดา​ป้า​รับใช้​ ​ล้วนแต่​มาจาก​เจียง​หนาน​ ​ที่นั่น​ยัง​มีสุ​รา​จิน​หวา​ ​ตำหนัก​เถิง​หวาง​และ​สำนัก​ศึกษา​เหมา​ซาน​ ​…​”

​“​ข้า​รู้​ ​ข้า​รู้​ขอรับ​”​ ​จิ​่น​เกอ​เอ่ย​ขัดจังหวะ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​เจียง​หนาน​ยัง​มี​กระบี่​หลง​เฉวียน​อีกด้วย​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ

​“​ห้อง​หนังสือ​ของ​ท่าน​ลุง​ฟั่น​มี​กระบี่​หลง​เฉวียน​แขวน​อยู่​ ​ท่าน​ลุง​ฟั่น​บอกว่า​ ​ฮ่องเต้​ทรง​ประทาน​ให้​เขา​ ​แล้ว​เขา​ยัง​ให้​ข้า​ลอง​จับ​อีกด้วย​”​ ​พูด​จบ​ ​เขา​ก็​ดึง​แขน​เสื้อ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​บอก​ท่าน​พ่อ​ได้​หรือไม่​ว่า​หาก​ข้า​โต​แล้ว​ ​ข้า​ซื้อ​กระบี่​หลง​เฉวียน​ได้​หรือไม่​”​ ​เขา​พูด​ต่อ​อีก​ ​“​ถึง​ตอนนั้น​ข้า​จะ​นำ​ไป​ซี​เป่ย​ ​ต้อง​มี​คน​อิจฉา​แน่นอน​ขอรับ​”

นาง​พูด​ไป​เยอะแยะ​ขนาด​นั้น​ ​แต่​เขา​กลับ​คิด​แค่​ว่า​จะ​นำ​กระบี่​หลง​เฉวียน​ไป​ซี​เป่ย​

​“​แล้ว​เจ้า​ไม่​อยาก​ไป​นั่ง​เรือ​อู​เผิง​ ​ทาน​ปู​ไป​เดินเล่น​วัดผู​่​ถัว​ที่​เจียง​หนาน​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​เขา​อย่าง​อ่อนโยน​ ​“​ไม่​อยาก​ไปดู​สำนึก​ศึกษา​ที่​พี่​สอง​ของ​เจ้า​ไป​เรียน​ ​พี่สะใภ้​ใหญ่​ของ​เจ้า​เติบโต​มา​หรือ​”

​“​นั่ง​เรือ​อู​เผิง​ ​ทาน​ปูนั​้น​ไม่จำเป็น​”​ ​จิ​่น​เกอ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เรือ​อู​เผิง​เล็ก​นิดเดียว​ ​ขยับ​ไปมา​สอง​สาม​ที​ก็​ราวกับ​จะ​พลิกคว่ำ​แล้ว​ ​ไม่​แข็งแรง​เท่า​เรือ​ขุนนาง​สาม​ชั้น​ ​ปู​ก็​ทาน​ทุกปี​ ​ไม่มี​อะไร​น่า​ทาน​ขอรับ​ ​แต่​วัดผู​่​ถัว​ ​ข้า​อยาก​ไปดู​ ​ข้า​เคย​ได้ยิน​มา​ว่า​ ​วัดผู​่​ถัว​อยู่​นอก​ทะเล​ ​วัด​บน​ภูเขา​ทำ​มาจาก​ทองคำ​ ​เมื่อ​พระอาทิตย์​ขึ้น​ ​ทองคำ​ก็​จะ​ส่องแสง​แวววาว​ ​เมื่อม​อง​จาก​บน​ฝั่ง​นั้น​ราวกับ​ดินแดน​ของ​เหล่า​ทวยเทพ​ ​แต่​ข้า​ไม่เชื่อ​ ​บอกว่า​โลก​ใบ​นี้​ไม่ใช่​ดินแดน​ของ​เทพเจ้า​ไม่ใช่​หรือ​ ​เยี​่​ยน​จิง​คือ​เมืองหลวง​ ​กระนั้น​เมืองหลวง​ก็​ยัง​ไม่มี​วัด​ที่​ทำ​มาจาก​ทอง​ ​หรือว่า​วัดผู​่​ถัว​ดีกว่า​เมืองหลวง​เสียอีก​?​ ​หาก​เป็น​เช่นนั้น​ ​ก็​ต้อง​ไป​สำนัก​ศึกษา​จิ​่น​สี​ด้วย​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​ท่าที​ทะเล้น​ ​“​ท่าน​แม่​ขอรับ​ ​ท่าน​คิด​ว่า​หาก​พี่​สอง​เจอ​ข้า​ ​เขา​จะ​ดีใจ​หรือไม่​”

เขา​จะ​ไป​วัดผู​่​ถัว​เพราะ​อยาก​ไปดู​ว่า​ข่าวลือ​นั้น​จริง​หรือไม่​ ​เขา​จะ​ไป​สำนัก​ศึกษา​จิ​่น​สี​เพราะ​อยาก​ดู​สีหน้า​ที่​ตื่นตกใจ​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​

​สือ​อี​เหนียง​ถอนหายใจ​เบา​ๆ​ ​นาง​กอด​จิ​่น​เกอ​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ ​“​ดึก​มาก​แล้ว​ ​เจ้า​รีบ​นอน​เถิด​ ​ของ​พวก​นี้​ ​พรุ่งนี้​ค่อย​จัดการ​ก็ได้​ ​เจ้า​ย้ายออก​ไป​ตั้ง​เดือน​หก​!​”

​จิ​่น​เกอ​พยักหน้า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ข้า​ไม่ได้​เก็บ​ข้าวของ​พวก​นี้​เพื่อ​จะ​ย้าย​เรือน​ ​ข้า​แค่​อยาก​นำ​ของ​พวก​นี้​ออกมา​เล่น​เท่านั้น​”

เขา​ชอบ​มัน​จริงๆ​ ​ใช่​หรือไม่​!

​สือ​อี​เหนียง​ปล่อยตัว​เขา​ออก​อย่าง​อ่อนโยน​ ​“​ข้า​รู้​แล้ว​ ​เจ้า​รีบ​ไป​นอน​เถิด​!​”

​จิ​่น​เกอ​ยิ้ม​แล้ว​ขึ้นไป​บน​เตียง​ ​เขา​ดึง​แขน​เสื้อ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​แม่​ ​เล่านิทาน​ให้​ข้า​ฟัง​สักหน่อย​เถิด​ ​ท่าน​ไม่ได้​เล่านิทาน​ให้​ข้า​ฟัง​มาตั​้ง​นาน​แล้ว​นะ​ขอรับ​!​”​ ​ออดอ้อน​สือ​อี​เหนียง

​สือ​อี​เหนียง​พูด​ ​“​เจ้า​ไม่อยู่​ที่​จวน​ ​ข้า​ก็​จะ​ไม่ได้​เจอ​เจ้า​แล้ว​!​”

​จิ​่น​เกอ​หัวเราะ​คิกคัก​ ​“​ข้า​ออก​ไปเที่ยว​สอง​สาม​วัน​ประเดี๋ยว​ก็​กลับมา​ ​ท่าน​แม่​ก็​จะ​ได้​เจอ​ข้า​แล้ว​”

​สือ​อี​เหนียง​ลูบ​หน้า​เขา​อย่างเบามือ​ ​“​เจ้า​อยาก​ฟัง​นิทาน​เรื่อง​อะไร​”

​“​นิทาน​เรื่องก​้​วนจ​วิน​โหว​!​”​ ​จิ​่น​เกอ​ตอบ​อย่างรวดเร็ว

ก​้​วนจ​วิน​โหวก​็​คือ​ฮั่ว​ชี่​ปิ้ง​[1]

​“​ได้​เลย​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​และ​บุตรชาย​นอน​อยู่​บน​หมอน​ตรง​หัว​เตียง​ด้วยกัน​ ​นาง​เล่า​เสียง​แผ่วเบา​ ​“​กาล​ครั้งหนึ่ง​ ​มี​ชาย​ผู้​หนึ่ง​นาม​ว่า​ฮั่ว​ชี่​ปิ้ง​…​”

​*****

​สวี​ลิ่ง​อี๋​รอสื​ออี​เหนียง​อยู่​ใน​ห้อง​ตั้ง​นาน

หรือว่า​นาง​ไม่​อยาก​เห็น​หน้า​เขา​?

​คิด​เช่นนี้​ ​เขา​ก็​ถอนหายใจ​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​ออกมา

​ข้างนอก​ ​ดวงจันทร์​ทอแสง​สว่างไสว​ ​กลิ่น​ของ​ดอก​ซ่อนกลิ่น​ลอย​อบอวล​อยู่​ใน​อากาศ

​สือ​อี​เหนียง​ยก​ศอก​ขึ้น​เท้าคาง​อยู่​บน​เก้าอี้​เหม่ย​เห​ริน​ ​มองดู​โคมไฟ​สีแดง​ที่​แกว่ง​ไปมา​ใต้​ชายคา​เรือน​ปีก​ทิศตะวันตก​ด้วย​ความ​เหม่อลอย

​แสงไฟ​สีแดง​สาดส่อง​ลง​บน​ใบหน้า​ที่​เรียบ​เนียน​ราวกับ​หยก​ของ​นาง​ ​ขับ​ให้​นาง​งดงาม​ราวกับ​รูปปั้น

​“​ดึก​มาก​แล้ว​ ​เหตุใด​ถึง​ยัง​ไม่​กลับ​เรือน​อีก​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถอด​เสื้อคลุม​ออกมา​คลุม​ให้​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ยามดึก​ลมหนาว​ ​ระวัง​จะ​เป็นหวัด​เอา​ได้​”

​สือ​อี​เหนียง​หันหน้า​กลับมา​ ​ดวงตา​ของ​นาง​ราวกับ​ผิวน้ำ​ที่​นิ่ง​สงบ​ก็​ไม่​ปาน​ ​“​ให้​จิ​่น​เกอ​ไป​เจียง​หนา​นกับ​พี่ใหญ่​ของ​ข้า​สักครั้ง​ได้​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

[1]​ฮั่ว​ชี่​ปิ้ง​ เป็น​ขุนศึก​จีน​สมัย​ราชวงศ์​ฮั่น​ตะวันตก​ ​รับราชการ​ใน​สมัย​จักรพรรดิ​ฮั่น​อู่

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท