ความหวาดกลัวฉายขึ้นบนใบหน้าของหลิวอวี้
เขายืนอยู่ทางขวามือของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไปพอสมควร แต่เขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงเขี้ยวอันโดดเด่นของวิญญาณร้ายตนนั้นขณะที่มันกำลังพุ่งเข้ามาทางพวกเขา
“จบแล้ว!”
นี่คือความคิดเดียวที่อยู่ในใจของทุกคน!
เด็กหนุ่มทนมองภาพสยองที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ เขาจึงหลับตาแน่น!
แต่ผู้อาวุโสซวีอู๋และเสนาบดีคนอื่นๆ จากเมืองเซวียนหยวน โดยเฉพาะซงเจิ้งเหวินเหรินกลับมีความคิดที่ต่างออกไป ถ้าพวกเขาสามารถกำจัดไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้ด้วยการช่วยเหลือของวิญญาณร้ายตนนี้ เช่นนั้นทุกอย่างก็คงจะง่ายขึ้นสำหรับพวกเขา ทันทีที่พวกเขากำจัดไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้สำเร็จ พวกเขาก็จะได้รับสิทธิ์ในการเป็นผู้คุ้มกันผนึกขับไล่วิญญาณร้ายทันที!
ทุกวันนี้ นอกจากไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแล้ว จักรวรรดิจ้านหลงก็ไม่มีผู้สำเร็จราชการที่สามารถไว้ใจได้แม้แต่คนเดียว อีกทั้งผู้ที่ดูแลบ้านเมืองก็ยังมีแต่บรรดาเสนาบดีแก่ๆ ที่เคยรับใช้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเท่านั้น ดังนั้นการพิชิตจักรวรรดิจ้านหลงย่อมเป็นเรื่องง่ายแค่ปอกกล้วย!
วิญญาณร้ายที่พุ่งเข้าใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ย ผู้ชายคนนี้คงกลัวมันจนหัวหด เขาถึงได้เอาแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี! เพราะมันยิ่งทำให้ข้าสามารถกลืนกินวิญญาณได้ง่ายขึ้น!
วิญญาณร้ายแยกเขี้ยว ในอีกไม่ช้า มันจะได้กินวิญญาณดวงน้อยที่กำลังตื่นตระหนกและยึดร่างของเขา!
เวลานั้นทุกคนต่างพร้อมใจกันกลั้นหายใจ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงยืนก้มหน้าอยู่ที่เดิม ดวงตาของเขาซ่อนอยู่ใต้เส้นผมสีดำราวน้ำหมึก เขายืนอยู่ในความมืด ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงถูกเงามืดนั้นปิดบังเอาไว้ แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่ฝูงชนก็มองเห็นริมฝีปากที่กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายของเขาได้
ในที่สุดวิญญาณร้ายก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าไป๋หลี่เจียเจวี๋ย!
ไม่มีทาง!
เขาต้องไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่!
ความกังวลอันแปลกประหลาดที่ถาโถมเข้ามาใส่มันทำให้วิญญาณร้ายอยากหนีไปจากที่นี่ในทันที!
“เป็นอะไรไป เจ้าอยากได้ร่างมนุษย์ของข้ามิใช่หรือ” สายตาที่อัดแน่นไปด้วยพลังปีศาจของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยค่อยๆ เคลื่อนขึ้นมามองมัน วิญญาณร้ายรู้สึกเหมือนแขนขาทั้งสี่ข้างถูกอีกฝ่ายตรึงเอาไว้ มันรู้สึกทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสราวกับอวัยวะภายในถูกฉีกออกจากกัน ชายคนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนี้กลับรุนแรงเสียจนทำให้มันรู้สึกเหมือนร่วงลงสู่นรก
ขนนกสีดำที่มองไม่เห็นปลิวลงมาจากฟ้า แล้วร่วงหล่นลงรอบตัวของวิญญาณร้าย
ถ้าวิญญาณร้ายสามารถแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมาได้ มันคงร่ำร้องออกมาอย่างนึกเสียใจที่ตัวเองมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่
เป็นไปได้อย่างไร
ที่เมืองหลวงแห่งนี้มีวิญญาณร้ายที่แข็งแกร่งกว่าข้าอยู่ได้อย่างไร
ไม่ ไม่ใช่!
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่วิญญาณร้าย!
“เจ้า.. เจ้าเป็นใครกันแน่” ขณะที่เอ่ยถามเช่นนั้น วิญญาณร้ายก็สังเกตได้ว่ามือซ้ายของตัวเองกำลังสั่น
ต่อให้เขาจะไม่ใช่มนุษย์ แต่เขาที่น่าจะมาจากนรกเหมือนกันก็ไม่ควรที่จะสามารถสะกดวิญญาณร้ายได้ถึงขั้นนี้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองมันอย่างไม่แยแส ลำแสงสีทองประกายแดงที่เล็ดลอดออกมาจากดวงตาเรียวรีของเขาตรึงวิญญาณร้ายให้ชะงักอยู่กับที่
“เจ้า.. เจ้าคือ…” วิญญาณร้ายอ้าปากกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ ดวงตาของมันสั่นระริกราวกับใบไม้ มันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนูตัวเล็กๆ ที่กำลังร้องขอความเมตตาจากแมวผู้ล่า มันไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยชื่อนั้นออกมาด้วยซ้ำ!
เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร
ถ้าเขาเป็นคนคนนั้นจริง ข้าย่อมสามารถแยกแยะกลิ่นของเขาได้สิ!
หรือว่า…
ทันใดนั้นวิญญาณร้ายก็นึกอะไรออก มันตวัดสายตาไปมองทางเฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่ด้านข้าง!
เป็นนางนั่นเอง!
พลังอันแสนบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนนี้กลบพลังปีศาจอันรุนแรงของเขาได้อย่างสมบูรณ์
ผลสุดท้ายมันจึงเข้าใจผิด และคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!
ชายผู้นั้นกลับมาแล้วจริงๆ!
แต่ผู้ชมกลับไม่ได้เห็นภาพนี้
ตั้งแต่ตอนที่วิญญาณร้ายเริ่มกระโจนเข้าใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย จนกระทั่งถึงตอนที่มันถูกตรึงอยู่กลางอากาศ ทุกอย่างล้วนแต่เกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที นอกจากเฮ่อเหลียนเวยเวยกับเจ้าเจ็ดแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าทำไมวิญญาณร้ายถึงหยุดลงมือกะทันหัน
จากมุมมองของผู้ชม ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับทำเพียงหายตัวไปโผล่หน้ามัน แล้วใช้นิ้วจี้เข้าที่หน้าอกของวิญญาณร้ายเท่านั้น ภาพที่เกิดขึ้นดูค่อนข้างน่าเหลือเชื่อทีเดียว
เสียงดังปังก้องกังวานไปทั่วอากาศ
ขนนกสีดำปลิวลงมากลบร่างของมัน วิญญาณร้ายยืนนิ่งอยู่ในความมืด มันทำได้แค่มองรอยแตกบนหน้าอกที่ค่อยๆ กระจายไปทั่วร่างกายของตัวเองเท่านั้น สุดท้ายมันก็กลายเป็นเถ้าสีดำและปลิวหายไปกับสายลม!
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
ทุกคนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น!
กว่าทุกคนจะได้สติกลับมา ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เปลี่ยนท่ายืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาแลบลิ้นเลียมุมปากของตัวเอง แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นการกระทำนั้นของเขา จะมีก็แต่เพียงเฮ่อเหลียนเวยเวยคนเดียวเท่านั้นที่สังเกตเห็นมัน
ทุกคนมองดูชายหนุ่มจัดคอเสื้อและถุงมือของตัวเอง การเคลื่อนไหวของเขาสง่างามและดูเกียจคร้าน ชายหนุ่มทำเหมือนกับว่าการบดขยี้มดปลวกและการขับไล่วิญญาณร้ายนั้นเป็นสิ่งเดียวกัน
ซงเจิ้งเหวินเหรินถึงกับพูดไม่ออก ใบหน้าของเขาทั้งบูดบึ้งและซีดเผือดในเวลาเดียวกัน
จะเป็นไปได้อย่างไร
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะกำจัดวิญญาณร้ายที่กลายร่างเป็นระดับสูงสุดด้วยมือเปล่าได้อย่างไร
ผู้อาวุโสซวีอู๋นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าสถานการณ์จะกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ทันทีที่เขาสบตากับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เขาก็รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่แล่นพล่านไปทั่วเส้นเลือดได้เป็นครั้งแรก
องค์ชายสาม… ช่างเป็นชายที่อยู่เหนือการควบคุมจริงๆ!
และเฮ่อเหลียนเวยเวยก็เหมือนกันกับเขา!
แม้กระทั่งองค์ชายก็ยังไม่สามารถควบคุมยันต์ผ้าเหลืองได้ถึงสิบแปดแผ่นด้วยซ้ำ
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับสามารถร่ายคาถานั้นได้อย่างง่ายดาย!
ข้านึกไม่ออกเลยว่าถ้าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยและเฮ่อเหลียนเวยเวยร่วมมือกัน ทั้งสองคนจะแข็งแกร่งเพียงใด
แต่อย่างน้อยเวลานี้ข้าก็ได้ตระหนักถึงความสามารถของพวกเขาแล้ว และจะต้องระมัดระวังทั้งสองไว้ให้มาก
แต่เขาไม่แน่ใจนักว่าคุณชายรู้เรื่องพลังของพวกเขาหรือยัง
ผู้อาวุโสซวีอู๋หลุบตาลง เขามั่นใจว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะต้องเป็นคนที่ทำให้แผนการทำลายผนึกของพวกเขาล่าช้าอย่างแน่นอน
เพราะพวกเขาเก่งกาจเกินไป!
“เมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายตาโต พวกเขาพึมพำออกมาเสียงเบาพร้อมกับใช้ศอกถองเพื่อนของตน
หนึ่งในผู้ขับไล่วิญญาณร้ายยังรู้สึกมึนงงอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ด้วยตัวเอง และเขายังคงปรับตัวกับมันได้ไม่ทัน
หลิวอวี้กับอู่จิ้งมองหน้ากัน ความตกใจและประหลาดใจฉายชัดอยู่บนใบหน้าของพวกเขา!
พวกเขารู้มาตลอดว่าองค์ชายแข็งแกร่งเพียงใด! แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ พวกเขาก็ได้รู้ว่าความแข็งแกร่งขององค์ชายได้อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปเสียแล้ว!
เขาสามารถกำจัดวิญญาณร้ายได้!
พวกเขายังจำเป็นต้องใช้ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายอยู่จริงๆ หรือ
ท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบชนิดที่ถ้ามีเข็มตกลงกระทบพื้นก็คงได้ยินกันทั่ว ทุกคนแทบหยุดหายใจขณะมองชายหนุ่มหน้าตาราวกับเทพบุตรเดินออกมาจากความมืด
จากนั้นเขาก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าเฮ่อเหลียนเวยเวย
เฮ่อเหลียนเวยเวยยกมือซ้ายขึ้นรอ รอยยิ้มวาดขึ้นบนริมฝีปากของนาง ฝ่ามือของทั้งสองแตะกันพร้อมกับเสียงฝ่ามือกระทบกันที่ดังก้องไปทั่วท้องพระโรงเหมือนในครั้งแรกที่ทั้งสองสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันในสำนักไท่ไป๋!
พวกเขาเป็นคู่ที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ!
“พระชายาสามรู้อยู่แล้วว่าองค์ชายจะชนะ!”
“ข้าไม่แปลกใจเลย! ฮ่าๆๆ! องค์ชายช่างเก่งกาจยิ่งนัก! ใครบางคนอาจบอกว่าการขับไล่วิญญาณร้ายแตกต่างจากวรยุทธ์ แต่ในความเห็นของข้า ข้ากลับคิดว่ามันเหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรองค์ชายก็สามารถฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆ ได้อยู่ดี!”
ซงเจิ้งเหวินเหรินเป็นคนทะนงตัวมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อเขาได้ยินคำเยาะเย้ยถากถางที่แทบไม่ปิดบังนี้ เขาก็กัดฟันกรอดพร้อมกับพูดว่า ”เขาขับไล่วิญญาณร้ายไปได้ แต่ข้ายังไม่เห็นผู้พิพากษาวิญญาณเลยแม้แต่ตนเดียว เช่นนี้จะเรียกว่าชนะได้อย่างไร”