ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 696 ใฝ่หา (ต้น)

ตอนที่ 696 ใฝ่หา (ต้น)

“​เจ้า​กำลังจะ​บอกว่า​เจ้า​อยาก​จะ​ไป​ประจำการ​ที่​นอก​เขตเมือง​หลวง​อย่างนั้น​หรือ​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เหลือบ​ไป​มอง​สือ​อี​เหนียง​อยู่​ครู่หนึ่ง

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​พยักหน้า​ตอบ​เบา​ๆ

สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​ว่า​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ควรจะ​ทำความ​คุ้นเคย​กับ​ทาง​หก​กรม​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ออก​ไป​ประจำการ​นอก​เขตเมือง​หลวง​ ​หนึ่ง​คือ​มี​คนที​่​อยู่​ใน​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​คอย​ช่วย​พูดจา​ส่งเสริม​ ​สอง​คือ​มีโอกาส​ใน​การ​เลื่อนตำแหน่ง​มากกว่า​ ​แต่​เรื่อง​บาง​เรื่อง​ ​‘​แผน​อยู่​ที่​คน​ ​ผล​อยู่​ที่​ฟ้า​’​ ​ไม่มีใคร​สามารถ​ล่วงรู้​ได้​เลย​ว่า​โอกาส​จะ​เกิดขึ้น​เมื่อไร​และ​มา​ใน​รูปแบบ​ไหน​ ​เขา​จึง​ไม่​สามารถ​ที่จะ​พูด​อย่างชัดเจน​ได้

“​เจ้า​ใช้เวลา​ใคร่ครวญ​ไตร่ตรอง​ให้​ดี​ก่อน​เถิด​”​ ​เขา​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ครุ่นคิด

“​ข้า​เอง​ก็​คิด​เรื่อง​นี้​มาต​ลอด​ทาง​”​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ตอบกลับ​ ​“​ยาม​ต้อง​จาก​ ​ฝาก​ชื่อ​ให้​คน​เขา​อาลัยอาวรณ์​ ​เป็น​ขุนนาง​ข้าราชการ​ ​แต่​มิ​อาจ​สร้าง​ผลประโยชน์​ให้​แก่​ราษฎร​ได้​ ​แล้ว​จะ​มีประโยชน์​อัน​ใด​กัน​”

ใบหน้า​สวี​ลิ่ง​อี๋​พลัน​ปรากฏ​สีหน้า​ที่​ชื่นชม​ออกมา​ ​แต่กลับ​ไม่ได้​พูด​อะไร

เรื่อง​นี้​มี​ความเกี่ยวข้อง​กับ​อนาคต​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ ​แต่​ท่ามกลาง​ขุนนาง​ข้าราชการ​นั้น​เต็มไปด้วย​เรื่องเหลวไหล​และ​ซับซ้อน​ ​หลาย​ปี​มานี​้​ฮ่องเต้​ทรง​มีอำนาจ​อยู่​ใน​มือ​ ​ทาง​ตอนเหนือ​มี​ฟั่น​เหวย​กัง​ ​ทาง​ตอน​ใต้​มี​เหอ​เฉิง​ปี้​ ​ทหาร​ทั้ง​ห้า​เหล่าทัพ​แห่ง​กองทัพ​ภาค​มี​เจียง​อวิ​๋น​เฟย​ ​หน่วย​องครักษ์​รักษาการ​วัง​หลวง​มีโอว​หยาง​หมิง​ ​เขา​รอคอย​โอกาส​นี้​มายา​วนาน​ ​บัดนี้​ฮ่องเต้​ทรง​เริ่ม​มี​ความเมตตา​ตน​ ​หากว่า​จวน​เป่า​ติ้ง​กระทำ​ไป​โดยที่​ไม่ได้​มี​เจตนา​ ​เช่นนั้น​การ​ไป​ที่​เซ​วี​ยนถง​และ​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​ก็​ถือเป็น​การ​ยิง​ธนู​ดอก​เดียว​เพื่อให้​ได้​ซึ่ง​นก​สอง​ตัว​โดยเจตนา​ ​ในเมื่อ​ตน​มั่นใจ​ใน​พรสวรรค์​ของ​บุตรชาย​ ​อีกทั้ง​ยัง​รู้​ว่า​ตอนนี้​ฮ่องเต้​ทรง​คิดเห็น​ต่อ​ตน​อย่างไร​ ​แต่​หากว่า​ตน​ยื่นมือ​เข้าไป​ยุ่ง​กับ​การถู​กป​ลด​ของ​ข้าราชการพลเรือน​ ​เกรง​ว่า​ฮ่องเต้​คงจะ​ทรง​รู้สึก​หวาดระแวง​ตน​ขึ้น​มาทัน​ที

ตอนนี้​ตน​ยัง​ไม่​สามารถ​ที่จะ​รับประกัน​ปัญหา​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ได้​ ​จึง​เลือก​ที่จะ​ไม่​แสดงความคิดเห็น​ใดๆ​ ​ออกมา​ทั้งสิ้น

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยังคง​นิ่งเงียบ

บรรยากาศ​ใน​เรือน​ค่อยๆ​ ​เปลี่ยนไป​เป็น​อึมครึม​ไร้​ซึ่ง​ชีวิตชีวา

สือ​อี​เหนียง​หันไป​มองหน้า​พี่ชาย​สลับ​กับ​สามี​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​พี่ใหญ่​ ​พี่เขย​ห้า​อยู่​ที่โน่น​เป็น​อย่างไรบ้าง​เจ้า​คะ​ ​ครั้ง​ที่แล้ว​ตอน​เขา​กลับมา​รายงานตัว​ที่​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​ ​เห็น​บอกว่า​มีธุระ​จะ​คุย​กับ​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​ ​เลย​แวะ​มาทัก​ทาย​ท่าน​โหว​เพียง​ครู่เดียว​ก็​รีบ​ขอตัว​ลาก​ลับ​ไป​”

“​เขา​ดู​ผ่ายผอม​ลง​อย่างมาก​”​ ​เมื่อมี​น้องสาว​มา​เปลี่ยน​เรื่อง​คุย​ ​บรรยากาศ​จึง​ดีขึ้น​ไม่น้อย​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​แต่​ดู​มีชีวิตชีวา​ขึ้น​ ​ตอนที่​ข้า​ไปหา​ ​เขา​กำลัง​ยืน​คุย​เรื่อง​การ​เก็บเกี่ยว​ใน​ปีนี​้​กับ​ชาวนา​จำนวน​หนึ่ง​อยู่​บน​คันนา​ ​ตอน​เห็น​หน้า​จิ​่น​เกอ​ ​เขา​ก็ดี​ใจ​เป็นอย่างมาก​ ​ยัง​ให้​จิ​่น​เกอ​ขี่หลัง​ควาย​เดินเล่น​รอบ​นา​อีกด้วย​ ​จากนั้น​ก็​คอย​ถาม​จิ​่น​เกอ​ว่า​ได้​เจอ​ซิน​เกอ​บ่อย​หรือไม่​ ​ตอนนี้​ซิน​เกอ​ตัว​สูง​แค่ไหน​แล้ว​ ​การเรียน​เป็น​อย่างไรบ้าง​…​”​ ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​แล้วจึง​ค่อย​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​หาก​เจ้า​มี​เวลาว่าง​ ​ก็​ไป​ช่วย​เกลี้ยกล่อม​อู่​เหนียง​สักหน่อย​ ​หลาย​ปี​มานี​้​เฉียน​หมิง​ใช้ชีวิต​ยากลำบาก​ ​ให้​นาง​ลดละ​ความโกรธ​ที่​มีต​่อ​เฉียน​หมิง​ ​พาบุ​ตร​ชาย​และ​บุตรสาว​ไป​ใช้ชีวิต​ดี​ๆ​ ​กับ​เฉียน​หมิง​ที่​เหวิน​เติง​ ​ตัว​อยู่​ท่ามกลาง​ความสุข​แท้ๆ​ ​แต่กลับ​ไม่รู้คุณ​ค่า​ ​ไม่รู้​ว่า​มี​ผู้คน​มากมาย​แค่ไหน​ที่​อยาก​จะ​ติดตาม​สามี​ไป​ประจำการ​ด้วย​ ​แต่​ก็​ไม่​อาจ​ทำได้​ ​แต่​นาง​นี่​สิ​ ​กลับมา​พูดว่า​ที่​เหวิน​เติง​หา​สามี​ที่​ดี​ไม่ได้​ ​นาง​เลือก​ที่จะ​อยู่​ใน​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​เสีย​ยังดี​กว่า​ ​มี​ความ​เป็น​ภรรยา​เสียที​่​ไหน​กัน​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​น้ำเสียง​ของ​เขา​ก็​เปลี่ยนเป็น​เคร่งขรึม​ขึ้น​มา​ ​ฟัง​ดู​ไม่​ค่อย​พอใจ​เท่าไร​นัก

“​หาก​เป็น​เช่นนี้​ ​พี่ใหญ่​ควร​เป็น​คน​ไป​โน้มน้าว​พี่​หญิง​ห้า​ยังดี​เสีย​กว่า​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความลำบาก​ใจ​ ​“​เพราะ​ถึงอย่างไร​ข้า​ก็​เป็น​เพียง​น้อง​หญิง​เท่านั้น​…​”

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​พลัน​นึกถึง​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ขึ้น​มา

หาก​นาง​อยู่​ที่นี่​ด้วย​ ​เขา​ไม่จำเป็น​ต้อง​มากัง​วล​ใจ​กับ​เรื่อง​เช่นนี้​เลย​แม้แต่น้อย

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ถอนหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​เขา​ไม่ได้​พยายาม​ฝืน​สือ​อี​เหนียง​ต่อ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่า​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน​แล้ว​เลย​เชื้อเชิญ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ไป​ยัง​ห้องโถง​เล็ก​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​จัดงาน​เลี้ยง​เล็ก​ๆ​ ​ต้อนรับ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ ​สือ​อี​เหนียง​คารวะ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ด้วย​สุรา​หนึ่ง​จอก​ ​เพื่อ​เป็นการ​ขอบคุณ​ที่​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​คอย​ดูแล​จิ​่น​เกอ​ตลอดเวลา​ที่ผ่านมา​ ​จากนั้น​ก็​กลับ​ไป​ยัง​เรือน​หลัก

งานเลี้ยง​ทาง​ฝั่ง​โน้น​ได้​เลิกรา​ไป​แล้ว​ ​ไท่ฮู​หยิน​ ฮู​หยิน​ห้า​และ​เด็ก​ๆ​ ​ต่าง​ก็​พากัน​ไป​นั่งเล่น​ที่​ห้องพัก​ผ่อน​ของ​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​ ​จิ​่น​เกอ​เล่า​เหตุการณ์​ทั้งหมด​ที่​เขา​ประสบ​พบ​เจอ​ตลอดทาง​ให้​ทุกคน​ฟัง​ ​เด็ก​ๆ​ ​ที่นั่ง​ฟัง​เขา​อยู่​ก็​คอย​อุทาน​เป็นครั้งคราว​ด้วย​ความ​เหลือเชื่อ​ ​“​ไอ​๊​หยา​!​”​ ​“​จริง​หรือ​!​”​ ​“​พี่​หก​รีบ​เล่า​ต่อ​เร็ว​เข้า​!​”​ ​ถึงแม้ว่า​บรรยากาศ​ใน​เรือน​จะ​เงียบสงบ​ ​แต่​บรรยากาศ​ที่​ครึกครื้น​ก็​กำลัง​ค่อยๆ​ ​คืบคลาน​เข้ามา​อย่างเห็นได้ชัด

สือ​อี​เหนียง​ยืน​อยู่​ใต้​ชายคา​ ​ใบหน้า​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม​ที่​อบอุ่น​และ​อ่อนโยน

*****

หลังจากที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​ไป​ถึง​เรือน​ก็​เห็น​แค่​สือ​อี​เหนียง​คนเดียว​เท่านั้น​ ​เขา​จึง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ถาม​ขึ้น​ด้วย​ความแปลกใจ​ ​“​จิ​่น​เกอ​เล่า​”

“​ไป​นอน​เป็นเพื่อน​ท่าน​แม่​แล้ว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เข้าไป​ช่วย​เขา​ปลด​ชุด​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม

“​เหตุใด​ถึง​ไม่​รอ​ข้า​กลับมา​ก่อน​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อด​ไม่ได้​ที่จะ​บ่นพึมพำ​เสียง​เบา

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​สีหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เต็มไปด้วย​ความผิดหวัง​ ​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ลูก​รอท่า​นนาน​แล้ว​ ​แต่​ท่าน​ก็​ไม่​กลับมา​เสียที​…​ตอนที่​ลูก​ไป​ยัง​แอบ​รู้สึก​น้อยใจ​อยู่​เลย​!​”

“​ถ้าอย่างนั้น​ข้า​ไป​คารวะ​ท่าน​แม่​เสียหน่อย​ดีกว่า​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ลังเล

“​เวลานี้​ดึก​เกินไป​กระมัง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ ​“​ท่าน​แม่​กับ​จิ​่น​เกอ​คุย​กัน​ไป​ครึ่ง​ค่อนวัน​เห็นจะ​ได้​ ​แถม​ช่วง​บ่าย​ก็​ไม่ได้​นอน​พักผ่อน​ ​เวลานี้​เกรง​ว่า​คงจะ​นอนหลับ​ไป​ตั้ง​นาน​แล้ว​ ​ท่าน​โหว​ไป​พรุ่งนี้​เช้า​ดีกว่า​เจ้าค่ะ​!​”

“​ข้า​กับ​เจิ​้น​ซิ่ง​ปรึกษาหารือ​เรื่อง​ไป​ประจำการ​ที่​เขต​นอกเมือง​ต่างหาก​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​บ่นพึมพำ​ ​พลาง​เดิน​ไป​ยัง​ห้อง​ชำระ

สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​เดินตาม​หลัง​เขา​ไป​ด้วย​ ​“​สุดท้าย​พี่ใหญ่​ก็​ยัง​ตัดสินใจ​จะ​ไป​ประจำการ​ที่​เขต​นอกเมือง​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​ใช่​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ล้างหน้าล้างตา​ ​“​ปล่อย​ให้​เขา​ไป​เถิด​!​ ​อย่าง​อื่น​ข้า​ไม่กล้า​พูด​ ​แต่​หากว่า​เขา​ไป​ประจำการ​ที่​เขต​นอกเมือง​แล้ว​ไม่​ราบรื่น​ ​อยาก​จะ​กลับมา​รับหน้าที่​ที่​ศาล​พลเรือน​ใน​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​ ​อาศัย​คุณวุฒิ​และ​ศักยภาพ​ของ​เจิ​้น​ซิ่ง​แล้ว​ ​ข้า​สามารถ​ที่จะ​ให้​ความช่วยเหลือ​เขา​ได้​ ​กลัว​ก็​แต่ว่า​การ​ที่​เขา​ตัดสินใจ​ที่จะ​ไป​นั้น​เป็น​เพราะ​ต้องการ​จะ​ถอนตัว​ออกจาก​วงการ​นี้​…​ลูกหลาน​สกุล​หลัว​รุ่น​นี้​ ​มี​เพียง​เจิ​้น​ซิ่ง​คนเดียว​เท่านั้น​ที่​สอบ​ราชบัณฑิต​จิ้น​ซื่อ​ได้​”​ ​พูด​จบ​เขา​ก็​ค่อยๆ​ ​เดิน​กลับ​ไป​ยัง​ห้องนอน​ ​“​ข้า​บอก​กับ​เจิ​้น​ซิ่ง​ว่า​ ​ทาง​ฝั่ง​อวี​๋​หัง​ ​ต้องหา​อาจารย์​ดี​ๆ​ ​มาสอน​หนังสือ​ตำรา​สัก​สอง​สาม​คน​ถึง​จะ​ถูก​”

ก็​จริง​ ​หาก​ลูกหลาน​รุ่น​ถัดไป​ของ​สกุล​หลัว​ไม่มี​คนที​่​สอบ​ราชบัณฑิต​จิ้น​ซื่อ​ได้​อีก​ ​เกรง​ว่า​หลังจากที่​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ไม่อยู่​แล้ว​ ​สกุล​หลัว​ก็​คงจะ​ถึงคราว​ตกต่ำ​เป็นแน่แท้

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เห็นด้วย​เบา​ๆ

เวลา​นั้น​เอง​จู่ๆ​ ​ก็​มีเสียง​เคาะ​หน้าต่าง​ดัง​ขึ้น

สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​หันมา​สบตา​กัน​ด้วย​ความประหลาดใจ

ผู้ใด​กัน​ ​เหตุใด​ถึง​ได้​กล้า​ขนาด​นี้​…

เมื่อ​ความคิด​แล่น​ผ่าน​เข้ามา​ใน​หัว​ ​ดวงตา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เป็นประกาย​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​เป็น​จิ​่น​เกอ​…​”​ ​แต่​ก็​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​เวลานี้​เขา​ควรจะ​อยู่​ปรนนิบัติ​ไท่ฮู​หยิน​ที่​เรือน​มิใช่​หรือ​ ​เขา​รีบ​เปิด​บานหน้าต่าง​ออก​ทันที​ ​ก็​เจอ​เข้ากับ​ใบหน้า​ที่​กำลัง​ยิ้มแป้น​ของ​จิ​่น​เกอ

“​ท่าน​พ่อ​ ​ท่าน​คิดถึง​ข้า​หรือไม่​ ​ข้า​คิดถึง​ท่าน​จะ​แย่​แล้ว​ขอรับ​!​”​ ​มือ​ทั้งสอง​ของ​จิ​่น​เกอ​เกาะ​อยู่​บน​ขอบ​หน้าต่าง​ ​“​ท่าน​ยัง​ไป​แข่ง​ม้า​ที่​สนามม้า​เป็นประจำ​เหมือนเช่น​ที่ผ่านมา​หรือไม่​ ​หลาย​วัน​มานี​้​ ​ตอน​ข้า​อยู่​ที่​เจียง​หนาน​ ​ข้า​นั่ง​เรือ​แทบ​ทุกวัน​ ​ฝัน​ว่า​ได้​ไป​แข่ง​ม้า​ที่​ซี​เป่ย​กับ​ท่าน​อยู่​หลายครั้ง​…​”

จิ​่น​เกอ​ยัง​ไม่ทัน​จะ​พูด​จบ​ ​ดวงตา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​มีน​้ำ​ตา​ซึม​ออกมา​เล็กน้อย​ ​ดูเหมือนว่า​เขา​กำลัง​พยายาม​จะ​ปิดบัง​มัน​อย่างเห็นได้ชัด​ ​เขา​เดิน​เข้าไป​ตบ​ไหล่​ของ​บุตรชาย​เบา​ๆ​ ​“​เหตุใด​เจ้า​ถึง​ได้​กลับมา​เล่า​ ​ไม่​เข้า​ทาง​ประตู​หลัก​ ​แอบ​มา​เคาะ​หน้าต่าง​ทำไม​กัน​ ​ท่าน​ย่า​ของ​เจ้า​เข้านอน​แล้ว​หรือ​ ​แล้ว​รู้​หรือไม่​ว่า​เจ้า​มาที​่​นี่​”

“​เพราะ​ข้า​กลัว​ว่า​ท่าน​พ่อ​จะ​คิดถึง​ข้า​จน​นอนไม่หลับ​อย่างไรเล่า​”​ ​จิ​่น​เกอ​ยิ้ม​ทะเล้น​ ​แต่​สำหรับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​แล้ว​ ​การกระทำ​เหล่านี้​ถือเป็น​ความ​สนิทสนม​อย่างยิ่ง​ ​“​ข้า​อ้างว่า​จะ​ไป​เข้า​ห้อง​ชำระ​ ​แล้ว​แอบ​มาหา​ท่าน​พ่อ​ขอรับ​!​”​ ​พูด​จบ​ก็​ขอตัว​ลาก​ลับ​ ​“​ข้า​ต้อง​กลับ​ไป​แล้ว​ ​ประเดี๋ยว​ท่าน​ย่า​จะ​ผิดสังเกต​ ​เห็น​ว่า​ข้า​ออกมา​นาน​แล้วแต่​ไม่​กลับ​ไป​เสียที​จะ​คิด​ว่า​ข้า​ตก​ส้วม​เอา​ได้​ ​หาก​ท่าน​ย่า​ออกมา​ตามหา​ข้า​ที่​ห้อง​ชำระ​ด้วยตัวเอง​ล่ะ​ก็​ ​พี่​จื่อ​หง​ต้อง​แย่​แน่ๆ​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ชะงัก​ไป​ชั่วขณะ

เขา​พึ่ง​จะ​ดึง​สติก​ลับ​มา​ได้​ ​เงา​แผ่น​หลัง​ของ​จิ​่น​เกอ​ก็​หายวับ​ไป​กับ​ตา​แล้ว

“​เด็ก​คน​นี้​นี่​ ​วิ่ง​เร็ว​ยิ่งกว่า​กระต่าย​เสียด​้วย​ซ้ำ​!​”​ ​แต่​แววตา​กลับ​ท่วมท้น​ไป​ด้วย​ความรัก​และ​ความ​เอ็นดู​ ​“​ไม่รู้​คิดได้​อย่างไร​ ​อาศัย​ข้ออ้าง​มา​เข้า​ห้อง​ชำระ​แล้ว​แอบ​มาหา​ข้า​แทน​!​”

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยก​แขน​เสื้อ​ขึ้น​มาบัง​พร้อมกับ​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ

*****

หลาย​วันหลัง​จากนั้น​ ​สอง​สามีภรรยา​ก็​ไม่ได้​เอ่ยถึง​ที่​ที่​จิ​่น​เกอ​จะ​ต้อง​ไป​แต่อย่างใด​ ​เพียงแต่​ฟัง​จิ​่น​เกอ​พูดถึง​เรื่อง​การ​เดินทาง​ที่​เจียง​หนาน​เท่านั้น​ ​ทั้งคู่​ช่วย​จิ​่น​เกอ​เก็บ​ข้าวของ​ ​เลือก​หา​ฤกษ์งาม​ยาม​ดี​เพื่อ​ย้าย​เข้า​เรือน​ชิง​หยินจ​วี​ ​ไม่นาน​ก็​ถึง​วัน​ตรุษจีน​เล็ก

หลังจากที่​ได้​เซ่นไหว้​บรรพบุรุษ​ ​ทำความสะอาด​จวน​ครั้ง​ใหญ่​และ​ติด​แผ่น​กระดาน​ยันต์​ไม้​ท้อ​ที่​หน้า​ประตู​ใหญ่​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ก็​เข้าสู่​เทศกาล​วัน​ตรุษจีน​พอดี

ปีนี​้​ถือเป็น​ปี​ที่​ทุกคน​อยู่​กัน​พร้อมหน้าพร้อมตา​ที่สุด​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ ​ตอน​ทานอาหาร​ข้ามคืน​ต้อนรับ​ปีใหม่​ ​เขา​จึง​ดื่ม​สุรา​ไป​หลาย​จอก​ ​ส่วน​สือ​อี​เหนียง​ที่​ต้อง​เข้า​วัง​ใน​เช้า​วันรุ่งขึ้น​ก็​คอย​ยก​แขน​เสื้อ​ขึ้น​มาบัง​ตอน​ไอ​และ​จาม​อยู่​หลายครั้ง​หลาย​หน​ ​ด้วยเหตุนี้​จึง​ทำให้​ฮองเฮา​ทรง​เข้าไป​ถามไถ่​อาการ​ของ​นาง​ต่อหน้า​เหล่า​บรรดา​สตรีที​่​ยืน​กัน​เต็ม​หน้า​พระตำหนัก​ด้วย​ความเป็นห่วง​ว่านาง​ไม่สบาย​หรือไม่

หลังจาก​กลับ​ไป​ถึง​จวน​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​รีบ​เข้าไป​โอบกอด​สือ​อี​เหนียง​พร้อมกับ​หยอกล้อ​นาง​เล่น​ว่า​ ​“​สมัยก่อน​มี​คน​เคย​เขียน​กวี​ราชโองการ​ไว้​ ​เรา​เลียนแบบ​คน​สมัยโบราณ​ดี​หรือไม่​ ​ลอง​รับ​ราชโองการ​พักผ่อน​ฟื้นฟู​ร่างกาย​ดู​”

“​พักผ่อน​ฟื้นฟู​อะไร​กัน​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​หยิก​แขน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เบา​ๆ

สวี​ลิ่ง​อี๋​ใช้​มือ​กุม​แขน​ที่​ถูก​หยิก​พลาง​ทิ้งตัว​นอนลง​บน​เตียง​ ​“​เหตุใด​แขน​ของ​ข้า​ถึง​ขยับเขยื้อน​ไม่ได้​ ​รีบ​ไป​ตาม​หมอ​หลวง​มาดู​อาการ​เร็ว​เข้า​!​”

วัน​ขึ้นปีใหม่​แท้ๆ​ ​มาเรีย​กหา​หมอ​หลวง​อะไร​กัน​…

สือ​อี​เหนียง​จ้องมอง​ไป​ยัง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​กำลัง​เสแสร้ง​แกล้ง​เล่น​ราวกับ​เป็น​เด็กน้อย​ก็​ไม่​ปาน​ ​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​ร้องไห้​หรือ​หัวเราะ​ดี​ ​“​มิน่าเล่า​จิ​่น​เกอ​ถึง​ได้​ขี้เล่น​และ​ซุกซน​ขนาด​นี้​ ​ที่แท้​ก็ได้​นิสัย​บิดา​มานี​่​เอง​”

“​แน่นอน​อยู่​แล้ว​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​แสดง​สีหน้า​ภาคภูมิใจ​ราวกับ​คางคกขึ้นวอ​ก็​ไม่​ปาน​ ​เขา​รีบ​คุยโว​โอ้อวด​ทันควัน​ ​“​เจ้า​ก็​ไม่รู้​จัก​ดู​เสียหน่อย​ว่า​เขา​คือ​บุตรชาย​ของ​ผู้ใด​!​”

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​หัวเราะ​ตัว​งอด​้วย​ความตลกขบขัน

หาก​ไม่ใช่​เพราะ​เติงฮ​วามา​ถาม​ว่า​จะ​ออกเดินทาง​ไป​คารวะ​ท่าน​ซุน​โหว​ผู้เฒ่า​ที่​ตรอก​หง​เติง​เนื่องใน​วัน​ปีใหม่​เมื่อไร​ล่ะ​ก็​ ​เกรง​ว่า​ทั้งสอง​ก็​คงจะ​หัวเราะ​กัน​อีก​ยกใหญ่

ช่วงเวลา​ที่​ครื้นเครง​ค่อยๆ​ ​ผ่านพ้น​ไป​ ​เมื่อ​เข้าสู่​วัน​ขึ้น​ห้า​ค่ำ​เดือนอ้าย​ ​กลับ​ได้รับ​ข่าว​การ​เสียชีวิต​ของ​องค์​หญิง​ฉังฝู

บรรดา​ขุนนาง​ที่​มีหน้ามีตา​ของ​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​พากั​นมุ​่ง​หน้า​ไป​ยัง​จวน​องค์​หญิง

คนที​่​ค่อนข้าง​มีอายุ​เมื่อ​ได้ยิน​ข่าวคราว​นี้​ก็​รู้สึก​สะเทือนใจ​เป็นอย่างมาก​ ​ไท่ฮู​หยิน​เดินทาง​ไปร​่วม​พิธี​งานศพ​ที่​จวน​องค์​หญิง​ด้วย​ตนเอง​ ​เมื่อ​ได้​เจอ​กับ​เจิ​้ง​ไท่จ​วิน​ที่​อายุ​อาวุโส​กว่านาง​ ​ทั้งสอง​ก็​พากั​นพร​รณ​นาถึ​งค​วาม​โศกเศร้า​สะเทือนใจ​ไป​ครึ่ง​ค่อนวัน​เห็นจะ​ได้​ ​หลังจากที่​ไท่ฮู​หยิน​กลับ​ไป​ถึง​จวน​แล้วก็​รู้สึก​ไม่สบาย​ขึ้น​มา

สวี​ลิ่ง​อี๋​คอย​ปรนนิบัติ​อยู่​ข้าง​เตียง​ไม่​ห่าง

เวลา​ผ่าน​ไปราว​สอง​วัน​ ​อาการ​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ยัง​ไม่ดี​ขึ้น​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​จึง​รีบ​ลางาน​กลับมา​เยี่ยมไข้​ทันที​ ​ทาง​ฝั่ง​ครอบครัว​คุณชาย​สาม​เอง​ก็ตาม​มาติด​ๆ

ไท่ฮู​หยิน​ตื่น​มาด​้ว​ยอา​การ​สะลึมสะลือ​พร้อมกับ​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​จุน​เกอ​อยู่​ไหน​”​ ​“​จิ​่น​เกอ​อยู่​ไหน​”​ ​บางครั้ง​ก็​ถาม​ว่า​ ​“​แล้ว​เซิน​เกอ​เล่า​”​ ​เด็ก​ๆ​ ​ทั้ง​สาม​ต่าง​ก็​เฝ้า​อยู่​ใน​ห้อง​ไม่​ไป​ไหน​ ​บวก​กับ​สาม​พี่น้อง​สกุล​สวี​และ​สะใภ้​ทั้ง​สาม​ ​รวมไปถึง​เหล่า​บรรดา​สาวใช้​ที่​คอย​ปรนนิบัติ​รับใช้​ ​บรรยากาศ​ใน​ห้อง​จึง​ค่อนข้าง​วุ่นวาย​เป็นอย่างมาก​ ​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่า​ปล่อยทิ้ง​ไว้​แบบนี้​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก​ ​ก็​เลย​ปรึกษาหารือ​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ให้​ทุกคน​คอย​สลับ​สับเปลี่ยน​กัน​เข้ามา​เฝ้า​จะ​ดีกว่า

เมื่อ​พิจารณา​เห็น​ว่า​สวนดอกไม้​หลัง​จวน​อยู่​ห่าง​จาก​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​เกินไป​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​เลย​ให้​ครอบครัว​คุณชาย​สาม​ย้าย​มา​พัก​ที่​เรือน​เล็ก​ข้าง​โถง​เตี่ยน​ชุน​แทน

เพราะ​ครอบครัว​พวกเขา​มีทั​้ง​หมด​เก้า​คน​ ​บวก​กับ​เหล่า​บรรดา​สาวใช้​และ​บ่าว​รับ​ใข​้​ ​จึง​ค่อนข้าง​แออัด​ไป​เสียหน่อย

ช่วงเวลา​ที่ผ่านมา​นี้​เจียง​ซื่อ​รับหน้าที่​ช่วย​สือ​อี​เหนียง​ดูแล​จัดการ​งานบ้าน​งาน​เรือน​ใน​จวน​รวมไปถึง​เรื่อง​อาหารการกิน​ ​ตอนนี้​ไท่ฮู​หยิน​ล้ม​ป่วย​ ​จิตใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​จดจ่อ​อยู่​กับ​ไท่ฮู​หยิน​เท่านั้น​ ​เจียง​ซื่อ​จึง​ต้อง​ดูแล​งาน​ใน​จวน​แทน​ ​เมื่อ​เห็น​แล้ว​นาง​ก็​รีบ​เข้าไป​ปรึกษาหารือ​กับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​”​ให้ท่า​นลุง​ใหญ่​กับ​ท่าน​ลุง​สาม​ไป​พัก​ที่​เรือน​ข้า​ดี​หรือไม่​ ​ห้องโถง​แรก​ของ​เรือน​ข้ามี​ห้องพัก​ว่าง​อยู่​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​เห็นด้วย​กับ​นาง

ใคร​จะ​ไป​คิด​ว่าฮู​หยิน​สาม​จะ​ให้​ฟัง​ซื่อ​อยู่​ปรนนิบัติ​นาง​ที่​เรือน​ ​”​หลาย​วัน​มานี​้​ข้า​ไม่​ค่อย​สบาย​เท่าไร​นัก​!​”

บางที​อาจ​เป็น​เพราะ​ไท่ฮู​หยิน​ที่​ดูร​่า​งกาย​แข็งแรง​มาโดยตลอด​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มา​ล้ม​ป่วย​จน​ร่างกาย​ซูบผอม​ไร้​ซึ่ง​เรี่ยวแรง​ ​คุณชาย​สาม​ที่​เงียบ​มาโดยตลอด​ ​เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของฮู​หยิน​สาม​ ​เขา​ก็​เหลือบ​ไป​มองฮู​หยิน​สาม​ด้วย​แววตา​ที่​เย็นยะเยือก​ ​”​เจ้า​ไม่สบาย​อีกแล้ว​หรือ​ ​เช่นนั้น​ก็​กลับ​ไป​ดีกว่า​ ​หาก​ไม่ไหว​จริงๆ​ ​ข้า​จะ​ช่วย​ส่ง​เจ้า​กลับ​ไป​พัก​รักษาตัว​ที่​จวน​สกุล​เดิม​ของ​เจ้า​เอง​”

ต่อหน้า​ผู้คน​มากมาย​เช่นนี้​ ​อีกทั้ง​ยัง​มี​ผู้อาวุโส​อยู่​ด้วย​ ฮู​หยิน​สาม​รู้สึก​อาย​จน​แทบ​อยาก​จะ​มุด​แผ่นดิน​หนี​ ​นางน้ำ​ตา​พรั่งพรู​ท่วม​ใบหน้า​ ​แต่กลับ​ไม่กล้า​พูด​อะไร​ออกมา​แม้แต่​คำ​เดียว

ฟัง​ซื่อ​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​”​ท่าน​พ่อ​ ​หลาย​วัน​มานี​้​ท่าน​แม่​ไม่​ค่อย​สบาย​จริงๆ​ ​ให้​ข้า​อยู่​ปรนนิบัติ​ท่าน​แม่​ก็​พอ​เจ้าค่ะ​”

คุณชาย​สาม​ที่​นิสัยใจคอ​อ่อนโยน​มาโดยตลอด​ ​จู่ๆ​ ​ก็​แสดงออก​อย่าง​แน่วแน่​เหนือ​การคาด​หมาย​ของ​ทุกคน​ ​เขา​ออกคำสั่ง​กับ​สวี​ซื่อ​ฉิน​บุตรชายคนโต​ว่า​ ​”​ไป​เรียก​ลุง​ของ​เจ้า​ให้​มารับ​แม่​ของ​เจ้า​กลับ​ไป​พัก​รักษาตัว​”

สวี​ซื่อ​ฉิน​ ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​และ​ภรรยา​ต่าง​ก็​อึ้ง​ไป​ตาม​ๆ​ ​กัน

ฮู​หยิน​สาม​จึง​ร้องไห้​พร้อมกับ​หมุนตัว​กลับ​เข้าไป​ใน​ห้อง​ชั้นใน​ ​ตะโกนสั่ง​สาวใช้​ให้​เก็บ​ข้าวของสัมภาระ​ ​แต่​สาวใช้​เหล่านั้น​จะ​กล้า​เก็บ​ข้าวของ​ของ​นาง​ได้​อย่างไร​กัน​ ​ต่าง​ก็​พากั​นอ​้ำ​อึ้ง​ถ่วงเวลา​ ​บุตรชาย​ทั้งสอง​ของ​นาง​ก็​พากั​นคุก​เข่า​โน้มน้าว​และ​อ้อนวอน​นาง​ ​เรื่อง​นี้​จึง​ผ่านพ้น​ไป​ในที่สุด

แต่​ที่นี่​คือ​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​ ​จะ​ปิดบัง​สือ​อี​เหนียง​ได้​อย่างไร​กัน

เพียง​ไม่นาน​เรื่อง​นี้​ก็​มาถึง​หู​ของ​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ถอนหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ

นึกถึง​เหตุการณ์​ตอนที่​ได้​เจอ​กับฮู​หยิน​สาม​เป็นครั้งแรก​…​เหตุใด​คนที​่​ฉลาด​เช่น​นาง​ถึง​ทำ​เรื่อง​ที่​ไม่เหมาะสม​เช่นนี้​ออกมา​ได้​ ​แต่​ดู​จาก​การกระทำ​ของ​นาง​แล้วก็​คง​เป็นนิสัย​เก่า​ที่​ติดตัว​นาง​มา​แต่ไหนแต่ไร​!

สือ​อี​เหนียง​พยายาม​ข่มอารมณ์​ตัวเอง​อย่าง​เงียบๆ

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท